แนะนำเรื่องควรรู้เกาหลีใต้ ก่อนเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ มีเกร็ดท่องเที่ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรบ้าง มีที่เที่ยวที่ไหนที่น่าสนใจ ของกินอะไรที่ไม่ควรพลาด ควรซื้อของฝากอะไรดี เรามีคำตอบ
1. อยากไปเที่ยวเกาหลีใต้ เริ่มอย่างไรดี
สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้สักครั้ง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ต้องจองตั๋วเครื่องบินไปลงที่เมืองไหนดี เรามาทำความเข้าใจกันตั้งแต่ตรงนี้เลยละกันนะคะ ปัจจุบันสายการบินที่ให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ ไปยังประเทศเกาหลีใต้ ส่วนใหญ่จะบินไปลง 3 สนามบิน คือ ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน (Incheon) ซึ่งอยู่ติดกับกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้, ท่าอากาศยานนานาชาติคิมแฮ เมืองปูซาน และท่าอากาศยานนานาชาติเชจู เกาะเชจู
แต่สำหรับเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักท่องเที่ยวชาวไทย ก็คือ กรุงโซล อันเป็นเมืองหลวงที่มีแหล่งท่องเที่ยวโด่งดังต่าง ๆ พร้อมทั้งมีแหล่งช้อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ถ้าหากจะจองตั๋วเครื่องบิน ก็ดูก่อนเลยว่าเราอยากจะไปเที่ยวเมืองไหน
2. วีซ่า
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยนั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA) หนังสือเดินทาง หมายความว่าใครก็ตามที่ถือพาสปอร์ตไทย ก็จะไม่ต้องทำเรื่องขอวีซ่าเข้าประเทศเกาหลีใต้ มีพาสปอร์ตใบเดียวก็สามารถไปเที่ยวได้แล้ว สามารถพำนักอยู่ในเกาหลีใต้ได้ไม่เกิน 90 วัน โดยจะต้องมีเจตนาเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น
3. ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้
จะสังเกตได้ว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้ ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเกาหลีใต้จะเข้มงวดกับการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างมาก เพราะมีคนไทยบางกลุ่มได้แอบลักลอบเขาไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย ซ้ำร้ายยังก่อเหตุอาชญากรรม แอบลักลอบค้าขายสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ต้องเข้มงวดต่อการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก บางท่านต้องถูกส่งตัวกลับ
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเจตนาเพื่อเข้าไปท่องเที่ยวจริง ๆ ไม่ได้จะแอบหนีไปทำงานผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ขอแค่ให้เราเตรียมวางแผนให้ดี และมีเอกสารยืนยันตัวตนให้ชัดเจนติดไปด้วย เช่น จดหมายการรับรองการทำงาน, ตั๋วเครื่องบินขากลับ, แผนการเดินทางท่องเที่ยว และเอกสารการจองที่พัก เวลาที่เจ้าหน้าที่ถามคำถาม ก็ให้ตอบตามข้อเท็จจริง พยายามตอบให้ได้ว่าในแต่ละวันเราวางแผนจะไปเที่ยวที่ไหน อย่างไร กลับเมื่อไร เท่านี้ก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ได้ไม่ยากแล้วค่ะ
4. ไปเที่ยวเกาหลีใต้ช่วงเวลาไหนดี
เกาหลีใต้ มีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง, ฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ
ภาพจาก kampon warit / Shutterstock.com
อากาศของแต่ละฤดูฤดูร้อน : จะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม-กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส มีฝนตกบ้างช่วงปลายเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และร้อนที่สุดในเดือนสิงหาคม ช่วงนี้ถ้าวันไหนไม่มีฝน อากาศก็จะสดใส ท้องฟ้าสวย ใบไม้เป็นสีเขียวดูสดชื่น บางวันก็ร้อนหน่อย แต่ไม่ได้ร้อนแบบแสบผิวไหม้เหมือนชายทะเลในเมืองไทย ใส่เสื้อแขนยาวบาง ๆ หมวก แว่นกันแดด ก็เอาอยู่
ฤดูใบไม้ร่วง : หรือที่เราเรียกกันว่าฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะเริ่มตั้งแต่ช่วงประมาณปลายเดือนกันยายน-พฤศจิกายน โดยช่วงนี้อากาศจะลดลงมาเหลือประมาณ 6-15 องศาเซลเซียส ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีราว ๆ เดือนตุลาคม ในหลาย ๆ อุทยานแห่งชาติจะกลายเป็นป่าสีเหลืองทอง สีแดง สวยงามมาก อากาศจะเย็นจนถึงหนาว ถ้ามาช่วงต้นฤดูกาลก็ใส่เป็นเสื้อไหมพรมแขนยาว กางเกงขายาว หรือจะใส่โค้ตยาว เสื้อคลุมยาวอีกชั้นก็ได้ ส่วนถ้ามาช่วงปลายฤดูก็อาจจะต้องเตรียมเสื้อผ้าให้หนาขึ้น
ฤดูหนาว : จะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะลดลงจนติดลบ บางปีติดลบลงไปถึง -20 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ช่วงที่หนาวที่สุดจะอยู่ราว ๆ ปลายเดือนมกราคม-ต้นกุมภาพันธ์ มีหิมะตก บรรยากาศเป็นสีขาวโพลน สวยงามไปอีกแบบ ควรเตรียมเสื้อผ้าที่หนา และทนต่ออากาศติดลบได้ รองเท้าแนะนำให้เป็นรองเท้าบูตกันน้ำได้ พื้นไม่ลื่น เพราะบางทีต้องเดินบนหิมะ เท้าจะได้ไม่เย็นแข็ง
ฤดูใบไม้ผลิ : จะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 8-20 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่บรรยากาศจะสวยงามโรแมนติก ดอกไม้นานาพรรณจะพากันบานสะพรั่งสวยงาม เสื้อผ้าก็ไม่ต้องหนามากนัก เสื้อสเวตเตอร์ หรือเสื้อคาร์ดิแกน ก็กำลังพอดี
ภาพจาก TRAVAL TAKE PHOTOS / Shutterstock.com
ทีนี้ก็ลองดูกันนะคะว่าอยากไปเจอกับเกาหลีใต้ในช่วงฤดูกาลไหน เพราะเชื่อว่าเกาหลีใต้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ละฤดูกาลมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ได้เห็นเกาหลีใต้ในมุมมองที่ไม่เหมือนกันแน่นอน
5. ของต้องห้ามนำเข้าเกาหลีใต้
หลาย ๆ คนอาจจะกังวลเรื่องอาหารการกินในประเทศเกาหลีใต้ จึงอยากจะพกอาหารไทยติดใส่กระเป๋าไปด้วย แต่ ! ต้องรู้ก่อนนะคะว่าเขาไม่ได้ให้เราเอาสิ่งของเข้าประเทศเขาได้ทุกอย่าง อะไรบ้างล่ะที่เป็นของต้องห้ามเข้าเกาหลีใต้ ?
สิ่งของที่ห้ามนำเข้าเกาหลีใต้ก็มีอยู่หลายอย่างด้วยกัน เช่น พืชผัก-ผลไม้, สัตว์น้ำ, ยาลดน้ำหนัก, ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์และอาหารทะเล (หมูแผ่น, ไส้กรอก, แฮม, หมูหยอง, หมูยอ, กุนเชียง, แคบหมู ฯลฯ), ยาเสพติด, ยารักษาโรคบางชนิด, วัตถุลามก, สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์, อาวุธ และเงินเกินกว่า 10,000 ดอลลาร์ เป็นต้น
6. วัฒนธรรมของคนเกาหลีที่ควรรู้
แต่ละประเทศก็จะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป อย่างคนเกาหลีเองก็มีวัฒนธรรมบางอย่างที่ชาวต่างชาติจะต้องเรียนรู้ไว้ด้วย เช่น การถ่ายภาพบุคคลหรือเด็ก ๆ ในที่สาธารณะ หากไปสุ่มสี่สุ่มห้าถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัวหรือผู้ปกครอง ก็อาจจะโดนฟ้องร้องได้ เพราะคนเกาหลีจะให้ความสำคัญกับสิทธิส่วนบุคคลค่อนข้างมาก
เวลาอยู่ในที่สาธารณะก็ไม่ควรส่งเสียงดัง หรือตอนกินข้าวในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดก็ต้องเก็บภาชนะในที่เก็บให้เรียบร้อย ตอนขึ้น-ลงรถโดยสารสาธารณะหรือยืนรอจ่ายเงิน ซื้อของ ก็จะต่อคิวกันเป็นระเบียบ ไม่มีการแย่งกันขึ้น-ลง และต้องซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะขึ้นรถโดยสารสาธารณะต่าง ๆ หรือใช้บริการอะไรก็ตามแต่ ต้องจ่ายเงินให้เรียบร้อย
อีกสิ่งที่คนเกาหลีค่อนข้างให้ความสำคัญ ก็คือ ลำดับขั้นความอาวุโส ถ้าอายุน้อยกว่าก็ต้องเคารพผู้ใหญ่ หรือบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่า แม้แต่ตอนไปกินข้าวด้วยกันต้องให้ผู้ใหญ่กินและดื่มก่อน
7. ของจำเป็นที่ควรมีติดกระเป๋าตอนไปเที่ยวเกาหลีใต้
สินค้าบางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถหาซื้อได้จากซูเปอร์มาร์เกตในประเทศเกาหลีใต้ หรือถ้ามีก็ราคาสูง เพราะฉะนั้นก็ควรเตรียมใส่กระเป๋าให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กยูนิเวอร์แซล, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่ยารักษาโรคประจำตัว ถ้าใครไม่มั่นใจว่ายารักษาโรคที่เราพกไปด้วยนั้นสามารถเอาเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้หรือไม่ พอลงเครื่องแล้ว ก่อนออกจากเกตก็เดินเข้าช่อง Goods to declare เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็ได้ ทั้งนี้ถ้าเป็นยารักษาโรค ก็ควรมีใบรับรองแพทย์ติดตัวไปด้วย รวมทั้งควรมีเอกสารจำเป็นอื่น ๆ พร้อมทั้งบัตรเอทีเอ็ม/บัตรเครดิต ติดตัวไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินด้วยเช่นกัน
8. การเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลีใต้
ภาพจาก 2p2play / Shutterstock.com
การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้นั้นไม่ได้ลำบากมากนัก เพราะแทบจะทุกพื้นที่มีรถโดยสารสาธารณะเข้าถึง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างโซล ที่มีรถไฟฟ้าใต้ดินให้บริการมากกว่า 20 สาย เชื่อมต่อไปยังเมืองข้างเคียง และสนามบินท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน (Incheon) เลยทีเดียว และยังมีรถโดยสารสาธารณะให้บริการครอบคลุมในหลาย ๆ พื้นที่ สะอาด ปลอดภัย ใช้งานง่าย ก่อนขึ้นก็แค่แตะบัตร หรือหยอดเงิน จะลงป้ายไหนก็ไม่ต้องกังวล เพราะบนรถจะมีป้ายไฟวิ่งบอกป้ายสถานีตลอด ถ้าพื้นที่ไหนไม่มีรถโดยสารสาธารณะไปถึงได้ ก็จะมีแท็กซี่ให้เรียกใช้บริการ และถ้าจะไปเมืองอื่น ๆ ก็มีรถไฟความเร็วสูง (KTX) เชื่อมต่อไปยังเมืองใหญ่ ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศเกาหลีใต้ด้วย
9. บัตรโดยสารของเกาหลีใต้
ภาพจาก Bankrx / Shutterstock.com
สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรโดยสารได้หลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้งานในแบบไหน แต่บัตรที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้กันจะเรียกว่า T-Money จะใช้จ่ายค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน รถโดยสารประจำทางสาธารณะ รถแท็กซี่ และสามารถซื้อของในบางร้านสะดวกซื้อได้ นอกจากนี้ก็ยังมีบัตรอื่น ๆ ด้วย อาทิ
- CITYPASS+ บัตรนี้จะมีความพิเศษตรงที่สามารถใช้ร่วมกับรถไฟฟ้าความเร็วสูง KTX ได้ และยังได้ส่วนลดหากซื้อบริการ Seoul City Tour Bus หรือเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในโซล เช่น N Seoul Tower
- Korea Tour Card บัตรนี้จะใช้ได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น การใช้งานจะเหมือนกับ T-Money แต่จะมีสิทธิพิเศษมากกว่า มีส่วนลดตามห้างร้าน พิพิธภัณฑ์ และคอนเสิร์ตต่าง ๆ
- MPASS Card เป็นบัตรที่จะจำหน่ายให้เฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น การใช้งานก็เหมือนกับ T-Money อีกเช่นกัน แต่จะแตกต่างตรงที่จะเป็นการเหมาจ่าย มีให้เลือก 5 แบบ ได้แก่ 1 วัน, 2 วัน, 3 วัน, 5 วัน และ 7 วัน โดยในแต่ละวันนั้นจะสามารถขึ้นรถโดยสารสาธารณะได้ 20 ครั้ง ใครที่ต้องใช้บริการรถโดยสารสาธารณะบ่อย ๆ บัตรนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า
- Cash Bee มีลักษณะการใช้งานที่คล้ายกับ T-Money แต่จะใช้ได้ในเมืองอื่น ๆ นอกเหนือจากโซลได้ด้วย เช่น ปูซาน, เกาะเชจู, ชอนลา
ทั้งนี้บัตรแต่ละใบก็มีข้อกำหนดอื่น ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดอีกครั้ง และก่อนที่ชำระเงิน เช็กให้แน่ใจว่าบัตรนั้นเป็นบัตรสำหรับผู้ใหญ่ หรือเยาวชน เพราะถ้าเผลอไปซื้อแบบเยาวชนมาใช้ ก็จะต้องเสียค่าปรับราว ๆ 30 เท่าเลยทีเดียว
10. สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในเกาหลีใต้
เกาหลีใต้จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ 3 เมืองใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ โซล, ปูซาน และเชจู สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของแต่ละเมืองมีดังนี้
โซล
- มหาวิทยาลัยคยองฮี (Kyung Hee University)
- สวนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทงแดมุน (Dongdaemun History & Culture Park)
- พระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
- มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha Womans University)
- พระราชวังคย็องบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
- ย่านอินซาดง (Insa-dong)
- หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)
- ย่านมย็องดง (Myeong-dong)
- หอคอยเอ็นโซล (N Seoul Tower)
- หมู่บ้านจิตรกรรมฝาผนังอีฮวา (Ihwa Mural Village)
- คลองชองกเยชอน (Cheonggyecheon Stream)
- สวนสาธารณะยออีโด (Yeouido Park)
- ย่านฮงแด (Hongdae)
- สวนฮานึล (Haneul Park)
- สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland)
- ลอตเต้เวิลด์ (Lotte World)
ปูซาน
- หมู่บ้านวัฒนธรรมคามชอน (Gamcheon Culture Village)
- ชายหาดควังกาลี (Gwangalli Beach)
- สะพานกวางอัน (Gwangan Bridge)
- ย่านนัมโพดง (Nampodong Street)
- อุทยานยงดูซาน และหอคอยปูซาน (Yongdusan Park)
- ตลาดปลาจากัลชี (Jagalchi Market)
- BIFF Square
- วัดแฮดอง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple)
- ย่านซัมยอน (Seomyeon)
- ห้างสรรพสินค้าชินเซแก สาขาเซ็นทัม ซิตี้
- ชายหาดแฮอึนแด (Haeundae Beach)
- ศูนย์ภาพยนตร์ปูซาน (Busan Cinema Center)
- อาคารนูริมารู เอเปก (Nurimaru APEC House)
- วัดซัมกวางซา (Samgwangsa Temple)
เกาะเชจู
- อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park)
- สระน้ำยองยอน (Yongyeon Pond)
- ถ้ำมานจังกุล (Manjanggul Cave)
- สวนเขาวงกตกิมนยอง (Gimnyeong Maze Park)
- หมู่บ้านพื้นเมืองซงอับ (Seongeup Folk Village)
- น้ำตกชอนจิยอน Cheonjiyeon Falls
- พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเชจูวิลเลจ (Jeju Folk Village Museum)
- ประภาคารซอพจิโกจิ (Seopjikoji)
- ยอดเขาซองซาน อิลชุบง (Seongsan Ilchulbong Peak)
- วัดยักชอนซา (Yakcheonsa Temple)
สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลี อื่น ๆ เช่น เกาะนามิ (Namiseom Island), อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan National Park), คลองยอชวาชอน (Yeojwacheon Stream), ไร่ชาเขียวโบซอง (Boseong Green Tea Plantation) และอุทยานแห่งชาติด็อกยูซัน (Deogyusan Mountain National Park) เป็นต้น
11. อาหารเกาหลี
ภาพจาก CHEN WS / Shutterstock.com
อาหารเกาหลี เป็นที่เลื่องลือว่าอร่อยไม่แพ้อาหารชาติใดในโลก แม้แต่สตรีตฟู้ดยังอร่อยโดนใจ มีให้เลือกกินหลากหลายแบบ กินได้ทุกเพศทุกวัย ที่ฮอตฮิตและไม่ควรพลาด เช่น หมูย่างเกาหลี, ไก่ทอดซอสเผ็ดเกาหลี, บิบิมบับ, บุลโกกิ, ไก่ตุ๋นโสม, แกงเผ็ดกิมจิ, ทัคคัลบี้, ยุกแกจัง, จาจังมยอน, พุลโกกิ, ต็อกบ็อกกี, มันดู, จับแช, แฮมุลพาจอน, ข้าวผัดกิมจิ, ข้าวห่อสาหร่าย, ออมุก, นมกล้วย, ไอศกรีมกุหลาบ, สตรอว์เบอร์รี และโซจู เป็นต้น
12. ของฝากจากเกาหลี
ภาพจาก Nuk2013 / Shutterstock.com
ภาพจาก Ng KW / Shutterstock.com
Rybalka / Shutterstock.com
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวเกาหลี เห็นไหมคะว่ามันไม่ได้ยากเลย ไปเที่ยวเองก็ได้ เพียงแค่ต้องวางแผนให้รัดกุม และเที่ยวโดยไม่ประมาทเท่านั้นเอง และถึงแม้ใครจะมองว่าเที่ยวด้วยตัวเองจะลำบาก แต่ประสบการณ์ที่ได้รับจะแตกต่างกันแน่นอน เผลอ ๆ สนุกกว่าไปกับทัวร์ด้วยนะคะ ใครยังไม่กล้าเที่ยวเอง บอกเลยว่าต้องลอง :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
vkc.or.kr และ visitkorea.or.kr