ชมด้วยตา สัมผัสด้วยใจ
1. ช่วงเวลาแห่งการบานสะพรั่งของดอกไม้
นอกจากนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมดอกซากุระมากขึ้น การถ่ายภาพกับซากุระกลายเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดไปเลยล่ะค่ะ สถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เช่น
- สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอน โตเกียว (Shinjuku Gyoen National Garden)
- สวนอุเอโนะ โตเกียว (Ueno Park)
- สวนจิโดริกะฟุจิ โตเกียว (Chidorigafuchi Park)
- สวนโยโยงิ โตเกียว (Yoyogi Park)
- แม่น้ำเมกุโระ โตเกียว (Meguro River)
- ป้อมโกเรียวกากุ ฮาโกดาเตะ (Fort Goryokaku)
- ปราสาทฮิโรซากิ อาโอโมริ (Hirosaki Castle)
- วัดไดโกจิ เกียวโต (Daigoji Temple)
- ภูเขาโยชิโนะ นาระ (Mount Yoshino)
- สวนกองเก็นโดโคเอ็น ไซตามะ (Gongendo Park)
- ปราสาทโอซาก้า โอซาก้า (Osaka Castle Park)
- ริมแม่น้ำอะสุวะ ฟุคุอิ (Asuwa River)
- สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi Park) เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลในเมืองโตเกียว มีการปลูกต้นซากุระไว้ริมสระน้ำ ซึ่งต้นซากุระมีขนาดใหญ่ กิ่งจะโน้มลงไปในสระน้ำ เวลาที่ดอกซากุระบานก็จะปกคลุมทั่วทั้งริมตลิ่ง มีกลีบดอกร่วงลงในสระกลายเป็นสระน้ำสีชมพูอ่อน มีกิจกรรมให้ล่องเรือชมได้ ยามค่ำคืนก็มีการเปิดไฟส่องสว่าง บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ
- สวนอุเอโนะ (Ueno Park) สวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ใจกลางเมืองโตเกียว ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ วัด ศาลเจ้า ทะเลสาบ สวนสัตว์ พร้อมทั้งสวนสวย ๆ และต้นไม้น้อยใหญ่ทั่วทั้งบริเวณ รวมทั้งมีต้นซากุระอยู่มากกว่า 1,000 ต้น ทำให้ที่นี่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญในการชมดอกซากุระของโตเกียว และแน่นอนว่ายามค่ำคืนก็มีการเปิดให้เข้าชมสวนด้วย มีการส่องไฟให้สว่างไสวไปทั่วทั้งสวน นั่งกินอาหารญี่ปุ่น พร้อมกับจิบกาแฟอุ่น ๆ ใต้ต้นซากุระ ท่ามกลางอากาศเย็น ๆ มันดีต่อใจไม่น้อยเลยนะ ^^
- แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณปากอ่าวโตเกียว มีระยะทางราว ๆ 8 กิโลเมตร ซึ่งมีต้นซากุระปลูกอยู่ทั้งสองฟากฝั่งของแม่น้ำ รวมกว่า 800 ต้น เวลาที่ดอกซากุระบาน ก็จะกลายเป็นอุโมงค์ซากุระสีชมพูสวยหวาน สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนคนจะน้อย บรรยากาศจะเงียบสงบและชิลมาก
- สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden) สวนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงโตเกียว ภายในสวนจัดตกแต่งในสไตล์สวนญี่ปุ่น เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ รวมทั้งชิดะเระซากุระ ต้นซากุระโบราณขนาดใหญ่ที่มีกิ่งห้อยระย้าราวกับดวงไฟสีชมพูน้อย ๆ ลงมาถึงพื้นดิน ยามค่ำคืนทางสวนก็จะเปิดไลท์อัพให้ชมจนถึงราว ๆ 21.00 น. เลยค่ะ
- สวนสาธารณะฮิโรซากิ (Hirosaki Park) ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับปราสาทฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ เป็นสวนสวยอีกแห่งของญี่ปุ่น ซึ่งมีต้นซากุระปลูกอยู่มากกว่า 2,500 ต้น ลองจินตนาการดูว่าในช่วงที่ดอกซากุระบานพร้อมกันนั้นมันจะสวยงามขนาดไหน ซึ่งในช่วงนี้ทางสวนจะมีการจัดตกแต่งไฟประดับไปทั่วทั้งสวน อากาศก็เย็น ๆ ดอกไม้ก็สวย ใครได้มาเห็นด้วยตาตัวเองต่างก็ตกหลุมรัก
- สวนซันเคเอ็น (Sankeien Garden) ตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮาม่า เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ พร้อมด้วยบ้านเก่าสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ แต่ที่ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงก็คือ การชมซากุระยามค่ำคืน ด้วยจะมีการตกแต่งไฟที่ใต้ต้นซากุระและทั่วทั้งสวน รวมทั้งเจดีย์เก่าของวัดโทโมจิ ทำให้บริเวณโดยรอบมีบรรยากาศงดงาม ราวกับย้อนเวลากลับไปยังยุคโบราณของญี่ปุ่นเลยล่ะ
- ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองโอซาก้า ซึ่งนอกจากปราสาทเก่าแก่สมัยเอโดะแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีสวนสวยให้ได้ชมด้วย ซึ่งก็เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมถึงต้นซากุระและต้นบ๊วย ช่วงที่ดอกซากุระบานพร้อม ๆ กัน สวนก็จะกลายเป็นสีชมพูสวยหวาน ทำให้ปราสาทที่ดูน่าเกรงขามมีบรรยากาศที่ละมุนมากยิ่งขึ้น และยังมีการจัดไลท์อัพ ตกแต่งประดับประดาไฟส่องไปยังดอกซากุระ ยามค่ำคืนจึงมีบรรยากาศที่สวยงามแปลกตา
- สวนซุรุมิ เรียวกูชิ (Tsurumi Ryokuchi Park) สวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโอซาก้า เต็มไปด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งดอกไม้หลากหลายสีสัน และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ ดอกซากุระ ซึ่งเป็นพันธุ์ Okame และพันธุ์ Kawazu ต้นไม่สูงมากนัก มีทั้งหมดมากกว่า 30 ต้น ดอกใหญ่ สีชมพูสด หาชมได้ยากในญี่ปุ่น
- สวนสาธารณะอนุสรณ์บัมบาคุ (Osaka Expo '70 Commemorative Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมโลก หรือ EXPO'70 ด้านในมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ในแต่ละฤดูกาลก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเป็นเวลาของดอกซากุระ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 5,000 ต้น ความพิเศษอยู่ตรงที่ทางสวนจะมีการจัดไฟประดับให้เข้าเที่ยวชมยามค่ำคืนด้วย บรรยากาศพาใจละลายมาก ๆ ถ่ายรูปกันเพลินเลยล่ะ
- สวนเคมะ ซากุระโนมิยะ (Kema Sakuranomiya Park) สวนสาธารณะริมแม่น้ำ ตั้งแต่บริเวณสะพานเทมมาบาชิ (Temmabashi) ถึงบริเวณโรงกษาปณ์ของโอซาก้า (Osaka Mint Bureau) มีต้นซากุระอยู่ริมสองฟากฝั่งแม่น้ำเกือบ 5,000 ต้น ยามที่ดอกซากุระบานบรรยากาศจะงดงาม สามารถนั่งล่องเรือชมได้ด้วย
- โรงกษาปณ์ของโอซาก้า (Osaka Mint Bureau) อีกหนึ่งสถานที่ชมดอกซากุระของโอซาก้า ที่นี่มีการปลูกต้นซากุระมากกว่า 130 สายพันธุ์ รวมมากกว่า 300 ต้น จึงมีสีสันที่สวยงามไล่สลับกันไปตั้งแต่สีขาวจนถึงสีชมพูเข้ม มีหลากหลายขนาด มาที่เดียวแต่ได้ชมหลากหลายสายพันธุ์ คุ้มค่าแก่การมาเยือน
- ชมดอกบ๊วย ณ สวนไครากุ (Kairaku-en) ตั้งอยู่ที่เมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น งดงามไปด้วยต้นไม้มากมายหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะต้นบ๊วย ที่มีอยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์ รวมกว่า 3,000 ต้น ซึ่งในปีนี้ก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกบ๊วยในช่วงระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ - 31 มีนาคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ mitokoumon.com
- เทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji Shiba-sakura festival) ตั้งอยู่ใน Fuji Motosuko Resort จังหวัดยะมะนะชิ ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ มีพื้นที่กว้างขวาง ปลูกดอกชิบะซากุระ หรือ Moss Phlox มากกว่า 800,000 ดอก ไล่ไปตั้งแต่สีขาว สีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม ไปจนถึงสีม่วงอ่อน กลายเป็นพรมดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ สามารถเดินเที่ยวชมและถ่ายรูปกันได้อย่างจุใจ และยังมีเทศกาลอาหารให้ได้ชิมลิ้มลองทั้งของคาวและของหวานหลากหลายเมนู สำหรับเทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ภูเขาไฟฟูจิ 2019 จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน - 26 พฤษภาคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ shibazakura.jp
- ทุ่งดอกนีโมฟีล่า ณ ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ก (Hitachi Seaside Park) สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติต่างตั้งตารอคอย ด้วยมีพื้นที่กว้างใหญ่มากถึง 3.5 เฮกตาร์ มีดอกนีโมฟีล่ามากกว่า 4.5 ล้านดอก บรรยากาศราวกับพรมสีฟ้าที่ปูเต็มพื้นที่บริเวณเชิงเขาริมทะเล นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด หรือจะขี่จักรยานชมสวนรอบ ๆ ก็ได้ ในปีนี้ดอกนีโมฟีล่าจะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงราว ๆ กลางเดือนเมษายน ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ en.hitachikaihin.jp
- เทศกาลชมดอกวิสทีเรีย (Wisteria) เป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่มีความสวยงามของญี่ปุ่น และยังมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ด้วยช่อดอกของดอกวิสทีเรียนั้นจะห้อยระย้าคล้ายกับดวงไฟสีชมพูอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้ม บางสถานที่ปลูกให้ต้นเลื้อยไปกับโครงสร้างโค้งคล้ายอุโมงค์ ก็ดูสวยแปลกตา ดั่งกับภาพวาดในเทพนิยาย ช่วงเวลาที่ดอกวิสทีเรียบานสะพรั่งจะอยู่ระหว่างกลางเดือนเมษายน - กลางเดือนพฤษภาคม
สถานที่ที่มีชื่อเสียง อาทิ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden), สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park), ศาลเจ้าคะเมอิโดะเท็นจิน (Kameido Tenjin Shrine), เท็นโนงะวะปาร์ก (Tennogawa Park) และวัดเบียคุโกจิ (Byakugou-ji Temple) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ jnto.or.th
2. สนุกสนานกับเทศกาลประจำฤดูกาล
สถานที่จัดงาน Yabusame Festival
- ศาลเจ้าทซึรุงะโอะกะ ฮะจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu) เมืองคามากูระ จังหวัดคานางาวะ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-21 เมษายน 2562 (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็กข้อมูลอีกครั้งก่อนเดินทาง)
- สวนสาธารณะซุมิดะ (Sumida Park) ริมแม่น้ำซุมิดะ (Sumida River) ย่านอาซากุสะ (Asakusa) โตเกียว จัดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2562 (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็กข้อมูลอีกครั้งก่อนเดินทาง)
เทศกาลอินุยามะ เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1635 โดย Hayatonosho Masatora เพื่อบูชาเทพศักดิ์สิทธิ์ในท้องถิ่นที่ศาลเจ้าฮาริสึนะ (Haritsuna Shrine) เมืองอินุยามะ จังหวัดไอจิ โดยไฮไลต์ของงานนี้อยู่ที่รถแห่ขนาดใหญ่ทั้ง 13 คัน ที่จัดตกแต่งคล้ายกับปราสาทแห่งยุคเอโดะ และยังตกแต่งด้วยโคมไฟคันละ 365 ดวง ยามค่ำคืนจึงดูงดงาม ราวกับงานเทศกาลที่หลุดออกมาจากอดีตเลยทีเดียว ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 เมษายน 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ inuyama.gr.jp และ aichi-now.jp
เป็น 1 ใน 3 เทศกาลที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นเทศกาลประจำปีของศาลเจ้าซากุระยามะฮะชิมังกุ จัดขึ้นที่เมืองทากายามะ (Takayama) จังหวัดกิฟุ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ในฤดูใบไม้ผลิ (ในเดือนเมษายน) จะถูกเรียกว่า Sanno Matsuri และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ในเดือนตุลาคม) เรียกว่า Hachiman Matsuri
3. ช่วงเวลาแห่งการเก็บสตรอว์เบอร์รีสด ๆ จากสวน
- Yoshimura Strawberry Park
สวนสตรอว์เบอร์รีขนาดใหญ่ในเมืองมะชิโกะ จังหวัดโทจิงิ ซึ่งมีการปลูกสตรอว์เบอร์รีมากถึง 6 สายพันธุ์ คือ Tochiotome, Skyberry, Kaorino, Benihoppe, Akihime และ Moikko ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเก็บสตรอว์เบอร์รีได้ถึงในแปลงปลูก ในราคาเพียงคนละ 1,000-1,600 เยน โดยจะกินเท่าไรก็ได้ ไม่จำกัดเวลา อยากเก็บกินแค่ไหน ก็จัดเต็ม ๆ พุงกันไปเลย
ที่ตั้ง : เมืองมะชิโกะ จังหวัดโทจิงิ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
ราคา : เดือนมีนาคม - เมษายน ผู้ใหญ่ท่านละ 1,300 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เข้าฟรี, เดือนเมษายน - พฤษภาคม ผู้ใหญ่ท่านละ 1,000 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เข้าฟรี
การเดินทาง : เดิน 5 นาที จาก Kitayama Station สาย Moka Railway Line
เว็บไซต์ : strawberrypicking.jp
ฟาร์มสตรอว์เบอร์รียอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะอยู่ใกล้กับโตเกียว ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ราว ๆ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ตัวฟาร์มตั้งอยู่ที่เมืองชิบะ จังหวัดชิบะ เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ เปิดให้เข้าเที่ยวชมในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม มีสตรอว์เบอร์รีให้เลือกเก็บมากมาย ลูกใหญ่ลูกโต สีแดง สด หวาน โดนใจคนรักสตรอว์เบอร์รีแน่นอน การเข้าเที่ยวชมที่นี่ในวันเสาร์จะต้องจองล่วงหน้า ส่วนวันอาทิตย์สามารถเข้าเที่ยวชมได้เลย มีเวลาให้รอบละ 30 นาที
ที่ตั้ง : เมืองชิบะ จังหวัดชิบะ
เวลาเปิด-ปิด : ปี 2019 เปิดให้บริการทุกวันเสาร์ รอบเวลา 10.30 น. และเวลา 14.00 น. วันอาทิตย์เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.30 น. ติดตามการเปิด-ปิดฟาร์มได้ที่ Dragon Farm - Blueberry & Strawberry picking
ราคา : ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็กอายุ 2-5 ขวบ 1,500 เยน
การเดินทาง : นั่งรถแท็กซี่ 10 นาที จาก JR East Tsuga Station
เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : dragon-farm.com, Dragon Farm - Blueberry & Strawberry picking
Ichigo no Sato Farm เป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รีขนาดใหญ่ มีโรงเรือนปลูกมากถึง 150 หลัง ซึ่งส่วนมากจะปลูกพันธุ์ Tochiotome และ Sky Berry เนื้อหวาน กรอบ สีแดงสด ลูกใหญ่ มีเวลาให้เลือกเดินกินประมาณ 30 นาที และจะต้องจองล่วงหน้าทางเว็บไซต์หรือโทรศัพท์
ที่ตั้ง : โอกาวะชิมะ เมืองโอยามะ จังหวัดโทจิกิ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันระหว่างเดือนธันวาคม - พฤษภาคม
ราคา : 1,000-2,000 เยน / 30 นาที
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 15 นาที จาก JR East Oyama Station
เว็บไซต์ : itigo.co.jp
ฟาร์มสตรอว์เบอร์รีขนาดกะทัดรัด ปลูกสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ Benihoppe มีรสชาติหวานมาก อมเปรี้ยวนิด ๆ ผลใหญ่ เนื้อกรอบอร่อย และฉ่ำสุด ๆ สามารถเก็บได้ด้วยมือของตัวเอง ทางฟาร์มจะมีนมข้นให้จิ้มกับสตรอว์เบอร์รี มีเวลาให้ 30 นาที สามารถเลือกกินลูกไหนก็ได้ ใหญ่แค่ไหนก็กินได้เลย คุ้มค่ากับราคาและการมาเยือนแน่นอน
ที่ตั้ง : 2 โคเมะ-11 ฟูเอดะ คามากุระ จังหวัดคานางาวะ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดให้จองเข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เวลา 09.30 น. เข้าชมได้เวลา 10.00 น. เช็กวันเวลาเปิด-ปิดได้ที่หน้าเว็บไซต์
ราคา : กลางเดือนกุมภาพันธ์ - กลางเดือนเมษายน ผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็ก 1,200 เยน กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไปจนปิดฟาร์ม ผู้ใหญ่ราคา 1,500 เยน เด็ก 1,000 เยน
การเดินทาง : เดิน 8 นาที จาก Shonan-Fukasawa Station
เว็บไซต์ : kamakura15.com
Marche of Strawberry เป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รีเก่าแก่ มีการทำมาหลากหลายรุ่น โดยเน้นปลูกพันธุ์ Akihime และ Benihoppe ปลูกในโรงเรือน ซึ่งจะจัดวางให้ต้นอยู่ไม่สูงมากนัก เพื่อความสะดวกในการเก็บ สตรอว์เบอร์รีที่นี่จะผลใหญ่มาก สีแดงสด รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อกรอบกำลังดี ปลูกแบบออร์แกนิก สามารถเด็ดกินจากต้นได้เลย
ที่ตั้ง : เขตชิโมโทมิ เมืองโทโคโรซาวะ จังหวัดไซตามะ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ ในเดือนมกราคม - พฤษภาคม (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. เช็กวันเปิด-ปิดได้ที่ ichigo_marche
ราคา : เดือนมกราคม - วันที่ 8 เมษายน ผู้ใหญ่ราคา 2,000 เยน เด็ก 1,500 เยน, วันที่ 10 เมษายน - 6 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ราคา 1,600 เยน เด็ก 1,000 เยน, วันที่ 7 พฤษภาคม จนปิดฤดูกาล ผู้ใหญ่ราคา 1,200 เยน เด็ก 800 เยน
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 7 นาที จาก Shin-Tokorozawa Station (Seibu Shinjuku Line)
เว็บไซต์ : ichigo-marche.com
4. อิ่มอร่อยฟินไปกับเมนูซากุระ
5. เสื้อผ้าเตรียมให้พร้อม สำหรับฤดูใบไม้ผลิ
หากใครกำลังเตรียมตัวที่จะไปชมดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่กำลังสับสนอยู่ว่าควรแต่งกายแบบไหนดี เราขอแนะนำว่าให้ใส่เสื้อผ้าแขนยาวค่ะ ลองจินตนาการถึงอากาศหน้าหนาวของจังหวัดเชียงใหม่ จะประมาณนั้นเลยค่ะ ถ้าเป็นในโตเกียว เดือนมีนาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ราว ๆ 10-15 องศาเซลเซียส ผ้าพันคอ ถุงมือ เสื้อกันหนาวแบบกันลมก็ยังจำเป็นค่ะ เพราะกลางคืนอากาศจะเย็นลง พอเข้าสู่เดือนเมษายน อุณหภูมิจะอยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียส กำลังเย็นสบายค่ะ เสื้อคาร์ดิแกนหรือโค้ทยาวบาง ๆ สักตัวก็ได้ค่ะ ส่วนในเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ราว ๆ 18-23 องศาเซลเซียสแล้ว เสื้อแขนยาวก็พอค่ะ
เที่ยวญี่ปุ่นกับสกู๊ตและนกสกู๊ต สะดวกสบาย ราคาดีต่อใจ
นอกจากนี้ผู้โดยสาร ScootBiz ยังสามารถใช้ช่องเสียบไฟได้ฟรี พร้อมทั้งบริการ Wi-Fi บนเครื่องบิน ความพิเศษทั้งหมดที่กล่าวมานี้ในเส้นทางกรุงเทพฯ-โตเกียว เริ่มต้นเพียงแค่ 4,440 บาท ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-โอซาก้า เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 4,190 บาทเท่านั้น
โดยเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-โตเกียว มีให้บริการมากถึง 2 เที่ยวบิน/วัน ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-โอซาก้า ก็มีให้บริการ 9 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เลยทีเดียว อยากไปญี่ปุ่นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็จองตั๋วได้เลย ไม่ต้องรอโปรโมชั่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ flyscoot.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
gotokyo.org, sakura.weathermap.jp, yokohamajapan.com, osaka-info.jp, japan-attractions.jp, mitokoumon.com, en.hitachikaihin.jp, jnto.or.th, yamanashi-kankou.jp, tsurugaoka-hachimangu.jp, gotokyo.org, japanvisitor.com, japan-guide.com, aichi-now.jp, inuyama.gr.jp, jnto.or.th, strawberrypicking.jp, itigo.co.jp และ ichigo-marche.com