ญี่ปุ่นฤดูใบไม้ผลิมีอะไรดี พาไปเปิดวาร์ปความสนุกช่วงดอกไม้เบ่งบานกัน

          ฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่นมีดีอะไร ทำไมใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัสช่วงเวลานี้กันสักครั้ง เราจะมาเปิดวาร์ปความพิเศษของฤดูกาลนี้ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด แนะนำกิจกรรมเด็ด เทศกาลสำคัญ เมนูอร่อยประจำฤดูกาล พร้อมชี้พิกัดตั๋วเครื่องบินสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ต ราคาสบายกระเป๋า บินตรงต่อเดียวถึงเลย โดยเส้นทางกรุงเทพฯ-โตเกียว เริ่มต้นเพียงแค่ 4,440 บาท ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-โอซาก้า เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 4,190 บาทเท่านั้น

          ชวนเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ชมดอกไม้แย้มกลีบผลิบาน สวยหวานสะพรั่งทั่วทั้งเกาะญี่ปุ่น ท่ามกลางอากาศเย็นสบายสดชื่น ร่วมสนุกสนานไปกับเทศกาลสำคัญประจำฤดูกาลที่หนึ่งปีมีครั้งเดียว พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูอาหารและขนมหวานสุดพิเศษ บินง่าย จ่ายคล่อง ราคาเบาใจไปกับสกู๊ตและนกสกู๊ต
          ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เป็นอีกช่วงเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีบรรยากาศคึกคักมาก เพราะเริ่มจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศแจ่มใส กำลังเย็นสบายดีทีเดียวค่ะ และที่สำคัญดอกไม้นานาพรรณจะผลิบาน สวยสะพรั่งไปทั่วเกาะญี่ปุ่น ราวกับดินแดนในฝันเลยล่ะ เห็นแค่ภาพก็รู้แล้วว่าบรรยากาศนั้นโรแมนติกสุด ๆ ยิ่งถ้าได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง รับรองเลยว่าจะตกหลุมรักฤดูกาลนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นจริง ๆ แต่ความพิเศษของฤดูกาลนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะยังมีสิ่งที่น่าสนใจรออยู่อีกมากมาย วันนี้เราจะมาเปิดเผยความงดงามของฤดูใบไม้ผลิกันค่ะ

ชมด้วยตา สัมผัสด้วยใจ

1. ช่วงเวลาแห่งการบานสะพรั่งของดอกไม้

          เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ในประเทศญี่ปุ่นนั้นอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น และช่วงเวลานี้เองที่ดอกไม้จะเริ่มแย้มกลีบบาน สวยสะพรั่ง บรรยากาศสวยงามโรแมนติกสุด ๆ โดยเฉพาะดอกซากุระ ที่จะเบ่งบานสีชมพูสวยหวานละมุน คนญี่ปุ่นจะออกมานั่งปิกนิก กินข้าว พร้อมชมดอกไม้ในสวน ทำสืบทอดกันมานับพันปีแล้วค่ะ เรียกเทศกาลนี้ว่า "ฮานามิ" (Hanami) หรือเทศกาลชมดอกซากุระบาน

          นอกจากนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมดอกซากุระมากขึ้น การถ่ายภาพกับซากุระกลายเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดไปเลยล่ะค่ะ สถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เช่น

  • สวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเกียวเอน โตเกียว (Shinjuku Gyoen National Garden)
  • สวนอุเอโนะ โตเกียว (Ueno Park)
  • สวนจิโดริกะฟุจิ โตเกียว (Chidorigafuchi Park)
  • สวนโยโยงิ โตเกียว (Yoyogi Park)
  • แม่น้ำเมกุโระ โตเกียว (Meguro River)
  • ป้อมโกเรียวกากุ ฮาโกดาเตะ (Fort Goryokaku)
  • ปราสาทฮิโรซากิ อาโอโมริ (Hirosaki Castle)
  • วัดไดโกจิ เกียวโต (Daigoji Temple)
  • ภูเขาโยชิโนะ นาระ (Mount Yoshino)
  • สวนกองเก็นโดโคเอ็น ไซตามะ (Gongendo Park)
  • ปราสาทโอซาก้า โอซาก้า (Osaka Castle Park)
  • ริมแม่น้ำอะสุวะ ฟุคุอิ (Asuwa River)
- ซากุระ 2019 บานเมื่อไร
          เมื่อเร็ว ๆ นี้ Japan Meteorological Agency ได้ประกาศตารางพยากรณ์ซากุระ ญี่ปุ่น 2019 รอบแรกออกมาแล้วค่ะ ซึ่งภาพรวมก็บ่งบอกว่าซากุระในปีนี้จะมาเร็วขึ้น ค่อย ๆ ไล่มาจากทางใต้ขึ้นไปยังทางด้านเหนือของประเทศ
           เมืองใหญ่อย่างฟุกุโอกะ เริ่มบานวันที่ 22 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 1 เมษายน, เมืองนาโกย่า เริ่มบานวันที่ 25 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 2 เมษายน, เมืองโอซาก้า เริ่มบานวันที่ 26 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 3 เมษายน, เมืองโตเกียว เริ่มบานวันที่ 23 มีนาคม บานเต็มที่วันที่ 30 มีนาคม, เมืองเซนได เริ่มบานวันที่ 11 เมษายน บานเต็มที่วันที่ 16 เมษายน และเมืองซัปโปโร เริ่มบานวันที่ 29 เมษายน บานเต็มที่วันที่ 3 พฤษภาคม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ sakura.weathermap.jp
- ชมซากุระในย่านชินจูกุ โตเกียว

          ย่านชินจูกุ ไม่ได้เป็นเพียงย่านที่คึกคักไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารชื่อดังเท่านั้นนะคะ แต่ในย่านนี้ก็ยังมีชื่อเสียงด้วยการเป็นแหล่งชมดอกซากุระด้วย โดยสถานที่ที่สามารถชมดอกซากุระได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งของย่านนี้และเมืองโตเกียว ก็คือ Shinjuku Gyoen National Garden สวนสวยที่ตกแต่งหลากหลายสไตล์ แต่ที่โดดเด่นก็คือ สวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบยุคเอโดะ สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน บางต้นอยู่ริมสระน้ำ กลีบดอกก็ลอยละล่องไปอยู่ในสระกลายเป็นผืนน้ำสีชมพู สวยงามจนแทบอยากหยุดเวลาไว้เลยจริง ๆ
- ชมซากุระยามค่ำคืน
          การออกมาเที่ยวชมสวนซากุระ ใช่ว่าจะชมกันได้เฉพาะกลางวันเท่านั้น เพราะบางสถานที่ได้มีการจัดงานให้ชมสวนยามค่ำคืนด้วย โดยจะประดับประดาดวงไฟไปทั่วทั้งสวน ส่องสว่างไปยังใต้ต้นซากุระ เป็นความงดงามในอีกรูปแบบที่ไม่ควรพลาดเลย แล้วถ้าอยากชมซากุระยามค่ำคืนจะไปชมที่ไหนดี ? มาค่ะ...เราจะมาชี้เป้าให้ :)
  • สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi Park) เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลในเมืองโตเกียว มีการปลูกต้นซากุระไว้ริมสระน้ำ ซึ่งต้นซากุระมีขนาดใหญ่ กิ่งจะโน้มลงไปในสระน้ำ เวลาที่ดอกซากุระบานก็จะปกคลุมทั่วทั้งริมตลิ่ง มีกลีบดอกร่วงลงในสระกลายเป็นสระน้ำสีชมพูอ่อน มีกิจกรรมให้ล่องเรือชมได้ ยามค่ำคืนก็มีการเปิดไฟส่องสว่าง บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ

  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park) สวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ใจกลางเมืองโตเกียว ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ วัด ศาลเจ้า ทะเลสาบ สวนสัตว์ พร้อมทั้งสวนสวย ๆ และต้นไม้น้อยใหญ่ทั่วทั้งบริเวณ รวมทั้งมีต้นซากุระอยู่มากกว่า 1,000 ต้น ทำให้ที่นี่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญในการชมดอกซากุระของโตเกียว และแน่นอนว่ายามค่ำคืนก็มีการเปิดให้เข้าชมสวนด้วย มีการส่องไฟให้สว่างไสวไปทั่วทั้งสวน นั่งกินอาหารญี่ปุ่น พร้อมกับจิบกาแฟอุ่น ๆ ใต้ต้นซากุระ ท่ามกลางอากาศเย็น ๆ มันดีต่อใจไม่น้อยเลยนะ ^^

  • แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) เป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณปากอ่าวโตเกียว มีระยะทางราว ๆ 8 กิโลเมตร ซึ่งมีต้นซากุระปลูกอยู่ทั้งสองฟากฝั่งของแม่น้ำ รวมกว่า 800 ต้น เวลาที่ดอกซากุระบาน ก็จะกลายเป็นอุโมงค์ซากุระสีชมพูสวยหวาน สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนคนจะน้อย บรรยากาศจะเงียบสงบและชิลมาก

  • สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden) สวนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงโตเกียว ภายในสวนจัดตกแต่งในสไตล์สวนญี่ปุ่น เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ รวมทั้งชิดะเระซากุระ ต้นซากุระโบราณขนาดใหญ่ที่มีกิ่งห้อยระย้าราวกับดวงไฟสีชมพูน้อย ๆ ลงมาถึงพื้นดิน ยามค่ำคืนทางสวนก็จะเปิดไลท์อัพให้ชมจนถึงราว ๆ 21.00 น. เลยค่ะ

  • สวนสาธารณะฮิโรซากิ (Hirosaki Park) ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับปราสาทฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ เป็นสวนสวยอีกแห่งของญี่ปุ่น ซึ่งมีต้นซากุระปลูกอยู่มากกว่า 2,500 ต้น ลองจินตนาการดูว่าในช่วงที่ดอกซากุระบานพร้อมกันนั้นมันจะสวยงามขนาดไหน ซึ่งในช่วงนี้ทางสวนจะมีการจัดตกแต่งไฟประดับไปทั่วทั้งสวน อากาศก็เย็น ๆ ดอกไม้ก็สวย ใครได้มาเห็นด้วยตาตัวเองต่างก็ตกหลุมรัก

  • สวนซันเคเอ็น (Sankeien Garden) ตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮาม่า เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ พร้อมด้วยบ้านเก่าสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ แต่ที่ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงก็คือ การชมซากุระยามค่ำคืน ด้วยจะมีการตกแต่งไฟที่ใต้ต้นซากุระและทั่วทั้งสวน รวมทั้งเจดีย์เก่าของวัดโทโมจิ ทำให้บริเวณโดยรอบมีบรรยากาศงดงาม ราวกับย้อนเวลากลับไปยังยุคโบราณของญี่ปุ่นเลยล่ะ

- ชมซากุระที่โอซาก้า
          เมืองโอซาก้า เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อย่างในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็มีจุดชมดอกซากุระหลากหลายจุด โดยในปี 2019 ดอกซากุระที่เมืองโอซาก้าจะเริ่มบานในวันที่ 26 มีนาคม และบานเต็มที่วันที่ 3 เมษายน จุดที่สามารถชมดอกซากุระได้ ดังนี้
  • ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองโอซาก้า ซึ่งนอกจากปราสาทเก่าแก่สมัยเอโดะแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีสวนสวยให้ได้ชมด้วย ซึ่งก็เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมถึงต้นซากุระและต้นบ๊วย ช่วงที่ดอกซากุระบานพร้อม ๆ กัน สวนก็จะกลายเป็นสีชมพูสวยหวาน ทำให้ปราสาทที่ดูน่าเกรงขามมีบรรยากาศที่ละมุนมากยิ่งขึ้น และยังมีการจัดไลท์อัพ ตกแต่งประดับประดาไฟส่องไปยังดอกซากุระ ยามค่ำคืนจึงมีบรรยากาศที่สวยงามแปลกตา

  • สวนซุรุมิ เรียวกูชิ (Tsurumi Ryokuchi Park) สวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโอซาก้า เต็มไปด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งดอกไม้หลากหลายสีสัน และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ ดอกซากุระ ซึ่งเป็นพันธุ์ Okame และพันธุ์ Kawazu ต้นไม่สูงมากนัก มีทั้งหมดมากกว่า 30 ต้น ดอกใหญ่ สีชมพูสด หาชมได้ยากในญี่ปุ่น
  • สวนสาธารณะอนุสรณ์บัมบาคุ (Osaka Expo '70 Commemorative Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมโลก หรือ EXPO'70 ด้านในมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ในแต่ละฤดูกาลก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเป็นเวลาของดอกซากุระ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 5,000 ต้น ความพิเศษอยู่ตรงที่ทางสวนจะมีการจัดไฟประดับให้เข้าเที่ยวชมยามค่ำคืนด้วย บรรยากาศพาใจละลายมาก  ๆ ถ่ายรูปกันเพลินเลยล่ะ

  • สวนเคมะ ซากุระโนมิยะ (Kema Sakuranomiya Park) สวนสาธารณะริมแม่น้ำ ตั้งแต่บริเวณสะพานเทมมาบาชิ (Temmabashi) ถึงบริเวณโรงกษาปณ์ของโอซาก้า (Osaka Mint Bureau) มีต้นซากุระอยู่ริมสองฟากฝั่งแม่น้ำเกือบ 5,000 ต้น ยามที่ดอกซากุระบานบรรยากาศจะงดงาม สามารถนั่งล่องเรือชมได้ด้วย

  • โรงกษาปณ์ของโอซาก้า (Osaka Mint Bureau) อีกหนึ่งสถานที่ชมดอกซากุระของโอซาก้า ที่นี่มีการปลูกต้นซากุระมากกว่า 130 สายพันธุ์ รวมมากกว่า 300 ต้น จึงมีสีสันที่สวยงามไล่สลับกันไปตั้งแต่สีขาวจนถึงสีชมพูเข้ม มีหลากหลายขนาด มาที่เดียวแต่ได้ชมหลากหลายสายพันธุ์ คุ้มค่าแก่การมาเยือน

- ตะลุยเช็กอินทุ่งดอกไม้อื่น ๆ ของฤดูใบไม้ผลิ
          นอกจากดอกซากุระแล้ว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ยังมีดอกไม้อื่น ๆ ให้ได้ชมกันด้วยนะคะ ใครมาไม่ทันชมดอกซากุระก็อย่าเพิ่งเสียใจไป เพราะทุ่งดอกไม้อื่น ๆ ในญี่ปุ่นก็สวยงามไม่แพ้กันเลยล่ะ แถมบรรยากาศยังดีต่อใจ มีให้ชมหลากหลายสถานที่ พร้อมด้วยกิจกรรมสนุกสนานอีกมากมาย สถานที่ที่น่าสนใจ เช่น
  • ชมดอกบ๊วย ณ สวนไครากุ (Kairaku-en) ตั้งอยู่ที่เมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น งดงามไปด้วยต้นไม้มากมายหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะต้นบ๊วย ที่มีอยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์ รวมกว่า 3,000 ต้น ซึ่งในปีนี้ก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกบ๊วยในช่วงระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ - 31 มีนาคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ mitokoumon.com
  • เทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji Shiba-sakura festival) ตั้งอยู่ใน Fuji Motosuko Resort จังหวัดยะมะนะชิ ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ มีพื้นที่กว้างขวาง ปลูกดอกชิบะซากุระ หรือ Moss Phlox มากกว่า 800,000 ดอก ไล่ไปตั้งแต่สีขาว สีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม ไปจนถึงสีม่วงอ่อน กลายเป็นพรมดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ สามารถเดินเที่ยวชมและถ่ายรูปกันได้อย่างจุใจ และยังมีเทศกาลอาหารให้ได้ชิมลิ้มลองทั้งของคาวและของหวานหลากหลายเมนู สำหรับเทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ภูเขาไฟฟูจิ 2019 จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน - 26 พฤษภาคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ shibazakura.jp

  • ทุ่งดอกนีโมฟีล่า ณ ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ก (Hitachi Seaside Park) สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติต่างตั้งตารอคอย ด้วยมีพื้นที่กว้างใหญ่มากถึง 3.5 เฮกตาร์ มีดอกนีโมฟีล่ามากกว่า 4.5 ล้านดอก บรรยากาศราวกับพรมสีฟ้าที่ปูเต็มพื้นที่บริเวณเชิงเขาริมทะเล นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด หรือจะขี่จักรยานชมสวนรอบ ๆ ก็ได้ ในปีนี้ดอกนีโมฟีล่าจะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงราว ๆ กลางเดือนเมษายน ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ en.hitachikaihin.jp
  • เทศกาลชมดอกวิสทีเรีย (Wisteria) เป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่มีความสวยงามของญี่ปุ่น และยังมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ด้วยช่อดอกของดอกวิสทีเรียนั้นจะห้อยระย้าคล้ายกับดวงไฟสีชมพูอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้ม บางสถานที่ปลูกให้ต้นเลื้อยไปกับโครงสร้างโค้งคล้ายอุโมงค์ ก็ดูสวยแปลกตา ดั่งกับภาพวาดในเทพนิยาย ช่วงเวลาที่ดอกวิสทีเรียบานสะพรั่งจะอยู่ระหว่างกลางเดือนเมษายน - กลางเดือนพฤษภาคม

           สถานที่ที่มีชื่อเสียง อาทิ คาวาจิ ฟูจิ การ์เด้น (Kawachi Fuji Garden), สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park), ศาลเจ้าคะเมอิโดะเท็นจิน (Kameido Tenjin  Shrine), เท็นโนงะวะปาร์ก (Tennogawa Park) และวัดเบียคุโกจิ (Byakugou-ji Temple) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ jnto.or.th

2. สนุกสนานกับเทศกาลประจำฤดูกาล

          ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นเสมือนช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นจะกลับมาสดใสอีกครั้ง รับแสงแดดแสงตะวันกันได้เต็มที่ การต้อนรับสู่ช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ ก็ต้องมีงานเทศกาลรื่นเริงให้ได้ร่วมสนุกมากมาย อาทิ เทศกาลโชว์ศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ งานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของศาลเจ้าต่าง ๆ และงานวันเด็กญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละเทศกาลก็จะมีสิ่งที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป ที่สำคัญในหนึ่งปีจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นด้วยนะคะ จะมีเทศกาลอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันค่ะ
- Yabusame Festival
          เป็นเทศกาลยิงธนูบนหลังม้าที่ปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานนับพันปี เริ่มมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยซามูไรชั้นสูงจะขี่ม้าแล้วยิงธนูไปยังเป้า โดยแต่ละคนจะมีโอกาสเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น ใครยิงเข้าเป้าได้ครบทั้ง 3 ครั้ง ก็จะได้รับรางวัล ความน่าสนใจของเทศกาลนี้ไม่ใช่เพียงแค่การลุ้นกับการยิงเป้าของผู้ที่ขี่ม้าเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมความสวยงามของเครื่องแต่งกายแบบยุคเอโดะของผู้ขี่ม้าและผู้เข้าร่วมงานด้วย อีกทั้งบางสถานที่จัดงานยังจัดท่ามกลางสวนซากุระที่กำลังบานสะพรั่ง บรรยากาศเหมือนย้อนกลับไปสมัยโบราณเลยทีเดียว

          สถานที่จัดงาน Yabusame Festival

  • ศาลเจ้าทซึรุงะโอะกะ ฮะจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu) เมืองคามากูระ จังหวัดคานางาวะ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-21 เมษายน 2562 (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็กข้อมูลอีกครั้งก่อนเดินทาง)
     
  • สวนสาธารณะซุมิดะ (Sumida Park) ริมแม่น้ำซุมิดะ (Sumida River) ย่านอาซากุสะ (Asakusa) โตเกียว จัดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2562 (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็กข้อมูลอีกครั้งก่อนเดินทาง)
- Tango no sekku

          งานวันเด็กแห่งชาติญี่ปุ่น จะจัดขึ้นวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี สัญลักษณ์ที่สำคัญของเทศกาลนี้ก็คือ ธงปลาคาร์พ จะสังเกตได้ว่าบ้านหลาย ๆ หลังจะตกแต่งหน้าบ้านด้วยธงปลาคาร์พหลากหลายสีสัน ซึ่งเชื่อกันว่าปลาคาร์พเปรียบเสมือนมังกร เพื่อเสริมความเจริญก้าวหน้าและความเป็นสิริมงคลให้กับเด็ก ๆ และยังมีการประดับประดาบ้านและสถานที่ต่าง ๆ ด้วยดอกไอริสญี่ปุ่น เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้ ไม่เพียงเท่านั้นในหลาย ๆ บ้านก็จะมีตุ๊กตาชุดนักรบ (Gogatsu Ningyo) หรือหมวกนักรบ (Tetsu-Kabuto) อยู่ในบ้านด้วย นอกจากนี้ในหลาย ๆ สถานที่ทั่วทั้งญี่ปุ่น ก็มีการจัดงานรื่นเริงเพื่อให้เด็ก ๆ เข้าร่วมมากมาย สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยทีเดียว
- Kanda Matsuri Festival
          เทศกาลใหญ่ของสมัยเอโดะ และเป็น 1 ใน 3 เทศกาลยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น เป็นงานเทศกาลแบบชินโต จัดขึ้น ณ ศาลเจ้าคันดะ เมียวจิน (Kanda Myojin Shrine) เมืองโตเกียว มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ตลอด 6 วัน โดยไฮไลต์จะอยู่ในวันที่มีการแห่ชิงโกไซ (Shinko-sai) และมิโกชิมิยะอิริ (Mikoshi Miya-iri) ซึ่งจะมีผู้ร่วมขบวนแห่มากกว่า 500 คน แต่งกายด้วยชุดสมัยโบราณ ร้องรำทำเพลงประกอบดนตรีอย่างสนุกสนาน เดินแห่กันไปรอบ ๆ เมือง สำหรับปีนี้ Kanda Matsuri Festival จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม - 15 พฤษภาคม 2562
- Inuyama Festival

          เทศกาลอินุยามะ เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1635 โดย Hayatonosho Masatora เพื่อบูชาเทพศักดิ์สิทธิ์ในท้องถิ่นที่ศาลเจ้าฮาริสึนะ (Haritsuna Shrine) เมืองอินุยามะ จังหวัดไอจิ โดยไฮไลต์ของงานนี้อยู่ที่รถแห่ขนาดใหญ่ทั้ง 13 คัน ที่จัดตกแต่งคล้ายกับปราสาทแห่งยุคเอโดะ และยังตกแต่งด้วยโคมไฟคันละ 365 ดวง ยามค่ำคืนจึงดูงดงาม ราวกับงานเทศกาลที่หลุดออกมาจากอดีตเลยทีเดียว ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 เมษายน 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ inuyama.gr.jp และ aichi-now.jp

- Takayama Festival

          เป็น 1 ใน 3 เทศกาลที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นเทศกาลประจำปีของศาลเจ้าซากุระยามะฮะชิมังกุ จัดขึ้นที่เมืองทากายามะ (Takayama) จังหวัดกิฟุ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ในฤดูใบไม้ผลิ (ในเดือนเมษายน) จะถูกเรียกว่า Sanno Matsuri และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ในเดือนตุลาคม) เรียกว่า Hachiman Matsuri

          สำหรับงานในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 เมษายน 2562 ไฮไลต์อยู่ที่การแห่รถโบราณ หรือ Yatai ไปรอบ ๆ เมือง ซึ่งรถแห่นี้จะมีการตกแต่งอย่างสวยงาม ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและของตกแต่งโบราณมากมาย ผู้ร่วมขบวนพาเหรดจะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองโบราณ และมีการแสดงศิลปะพื้นเมืองประกอบการแห่ด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hida.jp

3. ช่วงเวลาแห่งการเก็บสตรอว์เบอร์รีสด ๆ จากสวน

          ใครที่เป็นสตรอว์เบอร์รีเลิฟเว่อร์จะต้องหลงรักช่วงเวลานี้แน่นอน เพราะสตรอว์เบอร์รีจากสวนต่าง ๆ ทั่วทั้งญี่ปุ่นกำลังสุกงอมพอดีแก่การเก็บเกี่ยว หลาย ๆ ฟาร์มเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเก็บผลสดกันด้วยมือของตัวเองถึงในฟาร์ม อยากกินแค่ไหน ก็เก็บกินกันให้หนำใจไปเลย เที่ยวได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในฤดูใบไม้ผลิจริง ๆ ค่ะ

ฟาร์มที่อยู่ใกล้กับโตเกียว

          - Yoshimura Strawberry Park

          สวนสตรอว์เบอร์รีขนาดใหญ่ในเมืองมะชิโกะ จังหวัดโทจิงิ ซึ่งมีการปลูกสตรอว์เบอร์รีมากถึง 6 สายพันธุ์ คือ Tochiotome, Skyberry, Kaorino, Benihoppe, Akihime และ Moikko ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเก็บสตรอว์เบอร์รีได้ถึงในแปลงปลูก ในราคาเพียงคนละ 1,000-1,600 เยน โดยจะกินเท่าไรก็ได้ ไม่จำกัดเวลา อยากเก็บกินแค่ไหน ก็จัดเต็ม ๆ พุงกันไปเลย
 

          ที่ตั้ง : เมืองมะชิโกะ จังหวัดโทจิงิ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
          ราคา : เดือนมีนาคม - เมษายน ผู้ใหญ่ท่านละ 1,300 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เข้าฟรี, เดือนเมษายน - พฤษภาคม ผู้ใหญ่ท่านละ 1,000 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เข้าฟรี
          การเดินทาง : เดิน 5 นาที จาก Kitayama Station สาย Moka Railway Line
          เว็บไซต์ : strawberrypicking.jp

          - Dragon Farm

          ฟาร์มสตรอว์เบอร์รียอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะอยู่ใกล้กับโตเกียว ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ราว ๆ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ตัวฟาร์มตั้งอยู่ที่เมืองชิบะ จังหวัดชิบะ เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ เปิดให้เข้าเที่ยวชมในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม มีสตรอว์เบอร์รีให้เลือกเก็บมากมาย ลูกใหญ่ลูกโต สีแดง สด หวาน โดนใจคนรักสตรอว์เบอร์รีแน่นอน การเข้าเที่ยวชมที่นี่ในวันเสาร์จะต้องจองล่วงหน้า ส่วนวันอาทิตย์สามารถเข้าเที่ยวชมได้เลย มีเวลาให้รอบละ 30 นาที
 

          ที่ตั้ง : เมืองชิบะ จังหวัดชิบะ
          เวลาเปิด-ปิด : ปี 2019 เปิดให้บริการทุกวันเสาร์ รอบเวลา 10.30 น. และเวลา 14.00 น. วันอาทิตย์เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.30 น. ติดตามการเปิด-ปิดฟาร์มได้ที่ Dragon Farm - Blueberry & Strawberry picking
          ราคา : ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็กอายุ 2-5 ขวบ 1,500 เยน
          การเดินทาง : นั่งรถแท็กซี่ 10 นาที จาก JR East Tsuga Station
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : dragon-farm.com, Dragon Farm - Blueberry & Strawberry picking

          - Ichigo no Sato Farm

          Ichigo no Sato Farm เป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รีขนาดใหญ่ มีโรงเรือนปลูกมากถึง 150 หลัง ซึ่งส่วนมากจะปลูกพันธุ์ Tochiotome และ Sky Berry เนื้อหวาน กรอบ สีแดงสด ลูกใหญ่ มีเวลาให้เลือกเดินกินประมาณ 30 นาที และจะต้องจองล่วงหน้าทางเว็บไซต์หรือโทรศัพท์
 

          ที่ตั้ง : โอกาวะชิมะ เมืองโอยามะ จังหวัดโทจิกิ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันระหว่างเดือนธันวาคม - พฤษภาคม   
          ราคา : 1,000-2,000 เยน / 30 นาที
          การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 15 นาที จาก JR East Oyama Station  
          เว็บไซต์ : itigo.co.jp

          - Kamakura Kanko Ichigo Farm

          ฟาร์มสตรอว์เบอร์รีขนาดกะทัดรัด ปลูกสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ Benihoppe มีรสชาติหวานมาก อมเปรี้ยวนิด ๆ ผลใหญ่ เนื้อกรอบอร่อย และฉ่ำสุด ๆ สามารถเก็บได้ด้วยมือของตัวเอง ทางฟาร์มจะมีนมข้นให้จิ้มกับสตรอว์เบอร์รี มีเวลาให้ 30 นาที สามารถเลือกกินลูกไหนก็ได้ ใหญ่แค่ไหนก็กินได้เลย คุ้มค่ากับราคาและการมาเยือนแน่นอน
 

          ที่ตั้ง : 2 โคเมะ-11 ฟูเอดะ คามากุระ จังหวัดคานางาวะ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดให้จองเข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เวลา 09.30 น. เข้าชมได้เวลา 10.00 น. เช็กวันเวลาเปิด-ปิดได้ที่หน้าเว็บไซต์
          ราคา : กลางเดือนกุมภาพันธ์ - กลางเดือนเมษายน ผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็ก 1,200 เยน กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไปจนปิดฟาร์ม ผู้ใหญ่ราคา 1,500 เยน เด็ก 1,000 เยน
          การเดินทาง : เดิน 8 นาที จาก Shonan-Fukasawa Station
          เว็บไซต์ : kamakura15.com

          - Marche of Strawberry

          Marche of Strawberry เป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รีเก่าแก่ มีการทำมาหลากหลายรุ่น โดยเน้นปลูกพันธุ์ Akihime และ Benihoppe ปลูกในโรงเรือน ซึ่งจะจัดวางให้ต้นอยู่ไม่สูงมากนัก เพื่อความสะดวกในการเก็บ สตรอว์เบอร์รีที่นี่จะผลใหญ่มาก สีแดงสด รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อกรอบกำลังดี ปลูกแบบออร์แกนิก สามารถเด็ดกินจากต้นได้เลย
 

          ที่ตั้ง : เขตชิโมโทมิ เมืองโทโคโรซาวะ จังหวัดไซตามะ
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ ในเดือนมกราคม - พฤษภาคม (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. เช็กวันเปิด-ปิดได้ที่ ichigo_marche
          ราคา : เดือนมกราคม - วันที่ 8 เมษายน ผู้ใหญ่ราคา 2,000 เยน เด็ก 1,500 เยน, วันที่ 10 เมษายน - 6 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ราคา 1,600 เยน เด็ก 1,000 เยน, วันที่ 7 พฤษภาคม จนปิดฤดูกาล ผู้ใหญ่ราคา 1,200 เยน เด็ก 800 เยน
          การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 7 นาที จาก Shin-Tokorozawa Station (Seibu Shinjuku Line)
          เว็บไซต์ : ichigo-marche.com

          การเดินทางจากไทยไปยังโตเกียว ก็สามารถเดินทางง่ายดายด้วยเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-โตเกียว จากสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ต มีให้บริการวันละ 2 เที่ยวบิน ราคาเริ่มต้นเบา ๆ ที่ 4,440 บาทเท่านั้น

4. อิ่มอร่อยฟินไปกับเมนูซากุระ

          ซากุระ ไม่ได้เพียงแค่ออกดอกมาให้เราชื่นชมเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีประโยชน์สามารถนำไปทำอะไรได้อีกหลาย ๆ อย่าง ทั้งครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง รวมทั้งอาหาร และอาหารนี่แหละที่จะทำให้คุณฟินไปกับฤดูใบไม้ร่วงแบบสุด ๆ เพราะมีหลากหลายเมนูซากุระให้ได้ลิ้มลอง ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เรียกได้ว่าจัดเต็มกันมาทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ

          เมนูที่น่าสนใจ เช่น ชาซากุระ, ชาซากุระดอง, ไอศกรีมซากุระ, บะหมี่ซากุระ, ซูชิซากุระ, โมจิซากุระ, เหล้าซากุระ, เบียร์ซากุะ, ข้าวหุงดอกซากุระ, เยลลี่กลีบดอกซากุระ, กาแฟซากุระ, ช็อกโกแลตซากุระ, ป๊อปคอร์นซากุระ, ไดฟุกุซากุระ, วากาชิซากุระ, ฮานามิ ดังโงะ, ซากุระมาการอง, ชีสเค้กซากุระ, พุดดิ้งนมซากุระ, น้ำอัดลมซากุระ, แฮมเบอร์เกอร์ซากุระ หรือโดนัทซากุระ เป็นต้น

5. เสื้อผ้าเตรียมให้พร้อม สำหรับฤดูใบไม้ผลิ

           หากใครกำลังเตรียมตัวที่จะไปชมดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่กำลังสับสนอยู่ว่าควรแต่งกายแบบไหนดี เราขอแนะนำว่าให้ใส่เสื้อผ้าแขนยาวค่ะ ลองจินตนาการถึงอากาศหน้าหนาวของจังหวัดเชียงใหม่ จะประมาณนั้นเลยค่ะ ถ้าเป็นในโตเกียว เดือนมีนาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ราว ๆ 10-15 องศาเซลเซียส ผ้าพันคอ ถุงมือ เสื้อกันหนาวแบบกันลมก็ยังจำเป็นค่ะ เพราะกลางคืนอากาศจะเย็นลง พอเข้าสู่เดือนเมษายน อุณหภูมิจะอยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียส กำลังเย็นสบายค่ะ เสื้อคาร์ดิแกนหรือโค้ทยาวบาง ๆ สักตัวก็ได้ค่ะ ส่วนในเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ราว ๆ 18-23 องศาเซลเซียสแล้ว เสื้อแขนยาวก็พอค่ะ

เที่ยวญี่ปุ่นกับสกู๊ตและนกสกู๊ต สะดวกสบาย ราคาดีต่อใจ

          การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ใช่เรื่องยากแล้วนะคะ ปัจจุบันสายการบินสกู๊ตและนกสกู๊ตให้บริการเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปเยือนเมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่นหลายเมืองเลยทีเดียว เส้นทางที่ไม่ควรพลาด ก็คือ กรุงเทพฯ-โตเกียว และกรุงเทพฯ-โอซาก้า จัดหนักจัดเต็มกับเครื่องใหม่สุดไฉไล โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องที่กว้างขวาง เก้าอี้กว้างมากถึง 18 นิ้ว มีระยะห่างระหว่างเก้าอี้ถึง 31 นิ้ว เหยียดขากันได้ยาว ๆ ไปตลอดไฟลต์ เบาะที่นั่งก็นุ่ม ใช้ผ้าเนื้อดี สะอาดสะอ้าน บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย ช่องเก็บสัมภาระก็ใหญ่ ใส่ของได้เยอะ

          นอกจากนี้ผู้โดยสาร ScootBiz ยังสามารถใช้ช่องเสียบไฟได้ฟรี พร้อมทั้งบริการ Wi-Fi บนเครื่องบิน ความพิเศษทั้งหมดที่กล่าวมานี้ในเส้นทางกรุงเทพฯ-โตเกียว เริ่มต้นเพียงแค่ 4,440 บาท ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-โอซาก้า เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 4,190 บาทเท่านั้น

            โดยเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-โตเกียว มีให้บริการมากถึง 2 เที่ยวบิน/วัน ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-โอซาก้า ก็มีให้บริการ 9 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เลยทีเดียว อยากไปญี่ปุ่นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็จองตั๋วได้เลย ไม่ต้องรอโปรโมชั่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ flyscoot.com

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ญี่ปุ่นฤดูใบไม้ผลิมีอะไรดี พาไปเปิดวาร์ปความสนุกช่วงดอกไม้เบ่งบานกัน อัปเดตล่าสุด 28 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 15:39:53 40,014 อ่าน
TOP