พาตะลุยภูสิงห์ ที่เที่ยวสุดฮิตของจังหวัดบึงกาฬ รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวภายในภูสิงห์ รวมทั้งไฮไลต์เด็ดอย่างหินสามวาฬ หินขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายซ่อนอยู่ในป่า อันเป็นชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของบึงกาฬ
จังหวัดบึงกาฬ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งนอกจากบรรยากาศสวย ๆ ของสายน้ำโขงแล้ว ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนในอื่น ๆ อีกมากมาย หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวบึงกาฬที่เป็นที่พูดถึงของนักท่องเที่ยวมากที่สุด ก็คือ หินสามวาฬ ซึ่งเป็นหินขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในพื้นที่ของภูสิงห์ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู เรามีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวชมภูสิงห์ จึงอยากจะมาแนะนำจุดท่องเที่ยวภายในภูสิงห์กันค่ะ บอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การบุกป่าฝ่าดงไปเที่ยวจริง ๆ ^^
จุดท่องเที่ยวภายในภูสิงห์
1. หินสามวาฬ
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
หินสามวาฬ มีลักษณะเป็นหินทรายขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายกัน 3 ก้อน ซึ่งมีขนาดเล็กใหญ่ลดหลั่นกันลงมา ตรงปลายสุดของหินมีลักษณะหัวมน ตัวหินมีสีน้ำตาลแดงเข้ม พร้อมกับมีจุดสีขาว ๆ อยู่โดยรอบ หากมองไกล ๆ จะคล้ายกับปลาวาฬตัวอ้วน ๆ สุดน่ารัก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินไปชมวิวที่ปลายสุดของหน้าผาได้ ซึ่งจะมองเห็นป่าและภูเขาโดยรอบ รวมทั้งแม่น้ำโขงบริเวณอำเภอบุ่งคล้า และทิวยอดเขาบริเวณเมืองปากกระดิง ประเทศลาวได้เลยทีเดียว และบริเวณนี้ก็สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงามสุด ๆ ในหน้าหนาวจะมีหมอกบางเบาสวย ๆ ให้ได้ชมกันด้วย
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
สำหรับการเที่ยวชมหินสามวาฬ นักท่องเที่ยวควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นหน้าผาสูงชัน ไม่ควรวิ่งไปมา หรือกระโดดเพื่อถ่ายภาพ และควรระมัดระวังในการท่องเที่ยวช่วงหน้าฝน เพราะพื้นลื่น จนอาจจะเกิดอันตรายได้
2. ลานธรรม
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
ลานธรรม เป็นพื้นที่โล่งกว้าง อยู่ด้านทิศเหนือของภูสิงห์ สิ่งที่โดดเด่นของลานธรรมก็คือ หินทรายสีแดงขนาดใหญ่ รูปร่างลักษณะคล้ายกับสิงโตหมอบ อันเป็นที่มาของชื่อภูสิงห์นั่นเอง บริเวณนี้มีพระพุทธรูป "หลวงพ่อพระสิงห์" ตั้งอยู่อย่างสง่างาม สามารถมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
จุดชมวิวถ้ำฤาษี ตั้งอยู่ใกล้กับลานจอดรถบริเวณหินสามวาฬ เป็นจุดชมวิวที่อยู่เหนือถ้ำฤาษี มีลักษณะเป็นลานหน้าผาหินกว้าง ซึ่งสามารถชมวิวได้ไกลสุดลูกหูลูกตา สวยงามไม่แพ้กับบริเวณหินสามวาฬ โดยจะมองเห็นป่าภูวัว ภูทอกใหญ่ แม่น้ำโขง และภูเขาน้อยใหญ่ทางฝั่งประเทศลาว พร้อมทั้งยังเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและทะเลหมอกสีขาวที่ลอยละล่องอยู่โดยรอบด้วย
4. หินหัวช้าง
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
หินหัวช้าง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภูสิงห์ มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ที่ยื่นตัวออกมาจากภูเขา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหัวช้างตัวใหญ่บิ๊กเบิ้ม ที่ปลายสุดของหน้าผา ก็สามารถชมวิวป่าและภูเขาโดยรอบได้อย่างสวยงาม จุดนี้จะต้องเดินเข้าไปประมาณ 200 เมตร ควรใส่รองเท้าผ้าใบ หรือหุ้มส้นที่สามารถเดินได้สะดวก
5. หินช้าง
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
จุดนี้เป็นจุดที่สามารถมองเห็นหินทรายสีชมพูแดงขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากตัวภูเขา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับลูกช้างตัวใหญ่ เป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิตอีกหนึ่งแห่งของภูสิงห์ เพราะนักท่องเที่ยวสามารถโพสต์ภาพเก๋ ๆ ถ่ายกับหินช้างได้อย่างสนุกสนาน และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกหนึ่งจุดของภูสิงห์ด้วย
6. กำแพงภูสิงห์
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
กำแพงภูสิงห์ มีลักษณะเป็นกำแพงหินขนาดสูงใหญ่ ซึ่งมีลวดลายที่สวยงาม หาชมได้ยาก อันเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำฝน เป็นสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นอย่างแท้จริง
7. ส้างร้อยบ่อ
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
ส้างร้อยบ่อ มีความหมายว่า "บ่อน้ำร้อยบ่อ" ซึ่งตั้งตามลักษณะของบริเวณนี้ที่มีหลุมบ่อมากมายนับไม่ถ้วน แต่ละบ่อก็มีความลึกแตกต่างกันออกไป มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา เพราะตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชัน และบริเวณนี้ยังเป็นจุดที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสวยงาม ทั้งนี้ในบริเวณเดียวกันยังมีหินรูปใจ ซึ่งเป็นหินที่ตกลงมาอยู่ระหว่างหินใหญ่ 2 ก้อน มีรูปร่างคล้ายกับหัวใจให้ชมด้วย
8. ประตูภูสิงห์
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
![เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ เที่ยวภูสิงห์ บึงกาฬ]()
ประตูภูสิงห์ เป็นจุดที่มีหินใหญ่สองก้อนตั้งอยู่ริมหน้าผา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับช่องเขา เมื่อเดินเข้าไปชมใกล้ ๆ บริเวณริมหน้าผาจะเห็นวิวของผืนป่าเขียวขจี อุดมสมบูรณ์ ราวกับเปิดบานประตูใหญ่ออกไปชมวิวสุดอลังการ สามารถถ่ายภาพคู่กับหินได้อย่างสนุกสนาน เป็นจุดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งของภูสิงห์
ช่วงท่องเที่ยวภูสิงห์ : เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-18.30 น. (อนุญาตให้ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 17.00 น. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและธรรมชาติ ควรรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่)
การท่องเที่ยวภูสิงห์ : อนุญาตให้ขับรถกระบะขึ้นไปเที่ยวชมได้ ถ้าเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก แนะนำให้ใช้บริการรถกระบะของเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้าน เพราะถนนขรุขระ บางช่วงต้องขับขึ้นเนินหินสูง ค่าบริการเพียงเที่ยวละ 500 บาท สามารถนั่งได้ 10-12 ท่าน และสามารถแชร์ร่วมกับคณะอื่นได้
การเดินทางไปยังภูสิงห์ : จากกรุงเทพฯ แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลงที่จังหวัดอุดรธานี แล้วเช่ารถยนต์ขับไปยังจังหวัดบึงกาฬ มุ่งหน้าไปทางอำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล วิ่งไปตามถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 222 จนถึงตำบลศรีวิไล จะมีทางแยกเข้าสู่ถนน บก. 3007 วิ่งไปตามถนนเส้นนี้เรื่อย ๆ จนถึงตำบลโค่งก่อง จะมีทางแยกอยู่ด้านขวามือ เขียนว่าภูสิงห์ ขับผ่านสวนยางพาราไปสัก 10 นาทีก็จะถึงที่ทำการภูสิงห์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ฝ่ายบริหารทั่วไป ภูสิงห์ โทรศัพท์ 08 8536 2717
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ, ททท.
จุดท่องเที่ยวภายในภูสิงห์
1. หินสามวาฬ
2. ลานธรรม
3. จุดชมวิวถ้ำฤาษี
4. หินหัวช้าง
5. หินช้าง
6. กำแพงภูสิงห์
8. ประตูภูสิงห์
ช่วงท่องเที่ยวภูสิงห์ : เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-18.30 น. (อนุญาตให้ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 17.00 น. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและธรรมชาติ ควรรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่)
การท่องเที่ยวภูสิงห์ : อนุญาตให้ขับรถกระบะขึ้นไปเที่ยวชมได้ ถ้าเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก แนะนำให้ใช้บริการรถกระบะของเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้าน เพราะถนนขรุขระ บางช่วงต้องขับขึ้นเนินหินสูง ค่าบริการเพียงเที่ยวละ 500 บาท สามารถนั่งได้ 10-12 ท่าน และสามารถแชร์ร่วมกับคณะอื่นได้
การเดินทางไปยังภูสิงห์ : จากกรุงเทพฯ แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลงที่จังหวัดอุดรธานี แล้วเช่ารถยนต์ขับไปยังจังหวัดบึงกาฬ มุ่งหน้าไปทางอำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล วิ่งไปตามถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 222 จนถึงตำบลศรีวิไล จะมีทางแยกเข้าสู่ถนน บก. 3007 วิ่งไปตามถนนเส้นนี้เรื่อย ๆ จนถึงตำบลโค่งก่อง จะมีทางแยกอยู่ด้านขวามือ เขียนว่าภูสิงห์ ขับผ่านสวนยางพาราไปสัก 10 นาทีก็จะถึงที่ทำการภูสิงห์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ฝ่ายบริหารทั่วไป ภูสิงห์ โทรศัพท์ 08 8536 2717
ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาว หรือที่เที่ยวปีใหม่ ก็ลองพิจารณาภูสิงห์กันสักนิดนะคะ อากาศเย็น ๆ วิวสวย ๆ ของที่นี่จะทำให้คุณตกหลุมรักอย่างง่ายดายเลยล่ะ เราคอนเฟิร์ม :)
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ, ททท.