เที่ยวยอดเขาเทวดา จังหวัดสุพรรณบุรี กับเส้นทางเดินป่าสนุก ๆ แถมยังได้สัมผัสธรรมชาติใกล้กรุงแบบเต็ม ๆ ใครเป็นนักท่องเที่ยวสายผจญภัยเห็นทีว่าไม่ควรพลาด
ใกล้ช่วงสิ้นปีที่ลมหนาวเริ่มกำลังโชยมาแบบนี้ จะมีอะไรดีกว่าการออกเดินทางพิชิตยอดเขาสักที่ สัมผัสสายหมอกพัดผ่านหรือนอนนับหมู่ดาวบนท้องฟ้า เรียกได้ว่าเป็นความสุขที่ใกล้เพียงเอื้อมมือ และที่ที่ว่าก็อยู่แค่สุพรรณบุรีนี่เอง คราวนี้เราจะขอตามรอย คุณคนช่างเที่ยว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสธรรมชาติ พร้อมกับชมความงดงามหลากหลายรูปแบบที่ "ยอดเขาเทวดา" ยอดเขาที่สูงที่สุดแห่งจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ทำเอาคุณต้องหลงรักความงดงามของดวงอาทิตย์ยามเช้า ไอหมอก และความหนาวเย็นจนยากจะถอนตัว
ผู้หญิงธรรมดา @ ยอดเขาเทวดา (ด่านช้าง - สุพรรณบุรี)
ผู้หญิงธรรมดา ... ที่แพ้ทางชัน การเข้าป่าและเดินขึ้นเขาไม่มีที่ไหนไม่เหนื่อยหรอก เพียงแต่จะเหนื่อยน้อยหรือเหนื่อยมากก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเส้นทางการเดิน
ยอดเขาเทวดา ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี มีระดับความสูง 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี จากจุดเริ่มเดินที่เชิงเขาจนถึงบนยอดเขามีระยะทางเดินประมาณ 800 เมตร แต่ !!! เป็นอะไรที่ชันและเหนื่อยมาก หาทางราบไม่เจอเลย เจอทางราบอีกทีบนยอดเขา 55+ แต่ก็นะ ... ลองมาเที่ยวกันสักครั้ง เติมรสชาติให้ชีวิต ... ไม่ลองไม่รู้
การเดินทาง (กรุงเทพฯ-ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย) : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) จนถึงทางแยกเข้าอำเภอเดิมบางนางบวช ให้เลี้ยวซ้ายผ่านอำเภอเดิมบางนางบวช ตรงไปประมาณ 33 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 333 มุ่งหน้าสู่อำเภอด่านช้าง หลังจากผ่านตัวอำเภอด่านช้าง และผ่าน อบต.วังคัน ประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท สพ.3008 ตรงไปประมาณ 18 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย
พวกเราขับรถออกจากกรุงเทพฯ ช่วงเช้า ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตยช่วงบ่าย เพราะแวะกินข้าวและซื้อเสบียงสำหรับแคมปิ้งกันคืนนี้ด้วย
ที่ทำการอุทยานมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จุดกางเต็นท์ ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำให้บริการ จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนรถสำหรับคนที่ได้ติดต่อรถโฟร์วีลของทางอุทยาน ให้รับ-ส่งไปยังจุดกางเต็นท์เชิงยอดเขาเทวดา ซึ่งตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 (ตะเพินคี่)
เหตุที่ควรใช้โฟร์วีลเพราะเส้นทางขึ้นไปยังหน่วยตะเพินคี่บางช่วงเป็นทางวิบาก แต่หากใครมีรถกระบะหรือรถที่กำลังแรงก็สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปถึงหน่วยตะเพินคี่ได้เช่นกัน
สำหรับการจองรถโฟร์วีลของทางอุทยาน ติดต่อจองล่วงหน้า 2-3 วัน โทร. 035-960240, 081-9342240 คันหนึ่งนั่งได้ไม่เกิน 10 คน ค่าบริการไปส่ง-รับกลับ คันละ 2,000 บาท
จัดการขนข้าวของเพื่อเปลี่ยนมาขึ้นรถโฟร์วีลเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทางขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์ ใช้เวลาในการนั่งรถอีกประมาณ 45 นาที
การเดินทาง (ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย-หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 ตะเพินคี่) : จากที่ทำการอุทยานตรงไปทางบ้านห้วยหินดำ ระยะทาง 6 กิโลเมตร และตรงไปอีก 6 กิโลเมตร จนถึงบ้านกล้วย ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 (ตะเพินคี่) ตรงไปอีก 13 กิโลเมตร ถึงจุดกางเต็นท์ใกล้กับจุดเดินขึ้นยอดเขาเทวดา โดยเส้นทาง 13 กิโลเมตรสุดท้ายเป็นถนนคอนกรีตสลับกับลูกรังในบางช่วง และเป็นทางขึ้นเขา ควรใช้รถโฟร์วีล
แล้วก็มาถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์สำหรับผู้ที่จะเดินขึ้นยอดเขาเทวดา
ที่จุดนี้ไม่มีบ้านพักให้บริการ มีเพียงพื้นที่กางเต็นท์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยาน ไม่มีร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ ฉะนั้นควรเตรียมเสบียงและน้ำดื่มมาให้เพียงพอ
มีจุดบริการนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณลานจอดรถ มีเครื่องนอน เช่น ที่รองนอนในเต็นท์ หมอน ผ้าห่ม ให้เช่า แต่เต็นท์เหมือนจะมีให้เช่าเพียง 1-2 หลังเท่านั้น แนะนำว่าควรเตรียมมาเองจะชัวร์กว่า
ณ จุดนี้ มีค่าอะไรบ้างที่ต้องจ่าย :
- ค่าธรรมเนียมอุทยาน ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
- ค่ารถยนต์เข้าพื้นที่ คันละ 30 บาท
- ค่าเช่าพื้นที่กางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน
จัดการชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เรียบร้อย ก็ขนของลงจากรถ ไปจับจองพื้นที่กางเต็นท์กันได้เลย
จากจุดกางเต็นท์เดินไปยังน้ำตกตะเพินคี่น้อย ระยะทางประมาณ 500 เมตร เส้นทางช่วงแรกจะผ่านไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน และเดินเข้าไปในชายป่าอีกเล็กน้อยในช่วงครึ่งทางหลัง
เป็นน้ำตกขนาดเล็กเพียงชั้นเดียว และอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติพุเตย สามารถลงเล่นน้ำได้
ช่วงเย็นพอเดินกลับมาถึงแคมป์ จัดแจงทำอาหารเย็นง่าย ๆ กินกัน จากนั้นก็ไปอาบน้ำ ซึ่งควรทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนค่ำ เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า แม้จะมีเครื่องปั่นไฟและไฟส่องสว่างแค่บริเวณห้องน้ำก็ตาม แต่บริเวณอื่น ๆ มืดสนิท จึงควรเตรียมไฟฉายหรือตะเกียงไปด้วย
เช้าวันถัดมานัดกันตื่น 04.30 น. เพื่อขึ้นรถโฟร์วีลของอุทยานที่พวกเรานั่งมาเมื่อวาน ให้รถไปส่งยังจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นยอดเขาเทวดา ซึ่งจุดเริมเดินเท้าอยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไปประมาณ 1 กิโลเมตร หรือใครฟิต ๆ อยากจะเดินจากจุดกางเต็นท์ไปเองก็ได้นะ แต่พวกเราไม่ 55+
ภาพช่วงขึ้นรถจนถึงทางเดินขึ้นยอดเขาเทวดา เราเพิ่งมาถ่ายได้ช่วงขาเดินลงจากเขา เพราะขาไปมันยังมืดอยู่
จากในภาพจุดนี้คือจุดที่รถมาส่งพวกเราเพื่อเดินขึ้นเขา
เส้นทางเดินช่วงแรกจะผ่านไร่สับปะรดและมันสำปะหลังของชาวบ้าน ลืมบอกไปว่าบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านตะเพินคี่ ซึ่งเป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงและมีอาชีพหลักคือเกษตรกรรม
เอาล่ะ ... เห็นป้ายนี้ก็สบายใจได้ว่าท่านได้เดินมาถึงทางขึ้นยอดเขาเทวดาแล้ว และเส้นทางจากนี้ไปท่านก็จะไม่พบทางราบอีกเลย จนกว่าท่านจะไต่ไปถึงยอดเขา 55+
ทางเดินช่วง 3 ใน 4 จะเป็นบันไดดินเป็นขั้น ๆ ตามภาพ สำหรับเรานั้น ... แพ้ทางชันยังไม่พอ ยังแพ้การเดินขึ้นแบบขั้นบันไดด้วย ฮืออออออ
และทางเดินช่วงสุดท้ายจะชันกว่าที่ผ่านมา อาจมีปีนก้อนหินในบางจุด และมีเชือกที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้จับเพื่อพยุงตัวและนำเส้นทาง
แล้วเราก็เดินขึ้นมาจนถึงยอดเขา ซึ่งจะมีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่
บนยอดเขาเทวดามีพื้นที่โล่งไม่มาก
ส่วนมุมถ่ายภาพก็มีประมาณหนึ่ง เสียดายเช้าวันที่เราขึ้นไป
ไม่มีทะเลหมอกให้เห็น มีเพียงสายหมอกน้อย ๆ ลอยพาดผ่าน
เดินป่าหน้าฝนแม้หนทางจะลำบากและลื่น แต่ได้เห็นวิวภูเขากับอากาศสดชื่น ๆ ก็นับว่าคุ้ม แต่ใจเราอยากให้ผืนป่าบริเวณนี้เขียวทึบและสมบูรณ์มากกว่านี้จัง
เราใช้เวลาบนยอดเขาสูดอากาศดี ๆ สะสมไว้ให้เต็มปอด ถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ๆ เพลินกับสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาปะทะกาย จนถึงช่วงสายจึงเริ่มเดินลงจากยอดเขา
ขาลงนี่ชิล
ทำเวลาได้ดี ประมาณ 40 นาที ก็ถึงจุดจอดรถ แต่ขาขึ้นเราใช้เวลามากถึง 2
ชั่วโมง กับเส้นทางเพียง 800 กว่าเมตร เรียกได้ว่าชันจนต้องพักทุกสิบก้าว
คนไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำก็เหนื่อยง่ายแบบนี้แหละ
กลับลงมาข้างล่าง มีโมเมนต์หันหลังกลับไปมองยอดเขาเทวดา 55+
เดินมาทางไหนก็กลับออกไปทางนั้น ผ่านไร่สับปะรดที่กำลังให้ผลผลิตมากมาย นึกเปรี้ยวปากอยากชิม
บริเวณจุดจอดรถเชิงเขามีตาและยายซึ่งบ้านอยู่ตรงนั้น นำสับปะรดจากไร่ของแกมาวางขายให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเขาเทวดาด้วย พร้อมบริการปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นให้แบบพร้อมกิน จึงอุดหนุนกันไปหลายลูก
รถมาส่งยังจุดกางเต็นท์ ทำอาหารเช้ากินกัน อาบน้ำ และเก็บสัมภาระ จากนั้นนั่งรถโฟร์วีลกลับลงไปยังที่ทำการอุทยาน เพื่อไปเอารถและเดินทางถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวนะคะ ไว้พบกันใหม่ในรีวิวต่อ ๆ ไปค่ะ
#เราไปได้คุณก็ไปได้ #คนช่างเที่ยว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณคนช่างเที่ยว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก คนช่างเที่ยว
+++++++++++++++++
ผู้หญิงธรรมดา @ ยอดเขาเทวดา (ด่านช้าง - สุพรรณบุรี)
ผู้หญิงธรรมดา ... ที่แพ้ทางชัน การเข้าป่าและเดินขึ้นเขาไม่มีที่ไหนไม่เหนื่อยหรอก เพียงแต่จะเหนื่อยน้อยหรือเหนื่อยมากก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเส้นทางการเดิน
ยอดเขาเทวดา ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี มีระดับความสูง 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี จากจุดเริ่มเดินที่เชิงเขาจนถึงบนยอดเขามีระยะทางเดินประมาณ 800 เมตร แต่ !!! เป็นอะไรที่ชันและเหนื่อยมาก หาทางราบไม่เจอเลย เจอทางราบอีกทีบนยอดเขา 55+ แต่ก็นะ ... ลองมาเที่ยวกันสักครั้ง เติมรสชาติให้ชีวิต ... ไม่ลองไม่รู้
การเดินทาง (กรุงเทพฯ-ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย) : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) จนถึงทางแยกเข้าอำเภอเดิมบางนางบวช ให้เลี้ยวซ้ายผ่านอำเภอเดิมบางนางบวช ตรงไปประมาณ 33 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 333 มุ่งหน้าสู่อำเภอด่านช้าง หลังจากผ่านตัวอำเภอด่านช้าง และผ่าน อบต.วังคัน ประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท สพ.3008 ตรงไปประมาณ 18 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย
พวกเราขับรถออกจากกรุงเทพฯ ช่วงเช้า ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตยช่วงบ่าย เพราะแวะกินข้าวและซื้อเสบียงสำหรับแคมปิ้งกันคืนนี้ด้วย
ที่ทำการอุทยานมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จุดกางเต็นท์ ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำให้บริการ จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนรถสำหรับคนที่ได้ติดต่อรถโฟร์วีลของทางอุทยาน ให้รับ-ส่งไปยังจุดกางเต็นท์เชิงยอดเขาเทวดา ซึ่งตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 (ตะเพินคี่)
เหตุที่ควรใช้โฟร์วีลเพราะเส้นทางขึ้นไปยังหน่วยตะเพินคี่บางช่วงเป็นทางวิบาก แต่หากใครมีรถกระบะหรือรถที่กำลังแรงก็สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปถึงหน่วยตะเพินคี่ได้เช่นกัน
สำหรับการจองรถโฟร์วีลของทางอุทยาน ติดต่อจองล่วงหน้า 2-3 วัน โทร. 035-960240, 081-9342240 คันหนึ่งนั่งได้ไม่เกิน 10 คน ค่าบริการไปส่ง-รับกลับ คันละ 2,000 บาท
จัดการขนข้าวของเพื่อเปลี่ยนมาขึ้นรถโฟร์วีลเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทางขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์ ใช้เวลาในการนั่งรถอีกประมาณ 45 นาที
การเดินทาง (ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย-หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 ตะเพินคี่) : จากที่ทำการอุทยานตรงไปทางบ้านห้วยหินดำ ระยะทาง 6 กิโลเมตร และตรงไปอีก 6 กิโลเมตร จนถึงบ้านกล้วย ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 (ตะเพินคี่) ตรงไปอีก 13 กิโลเมตร ถึงจุดกางเต็นท์ใกล้กับจุดเดินขึ้นยอดเขาเทวดา โดยเส้นทาง 13 กิโลเมตรสุดท้ายเป็นถนนคอนกรีตสลับกับลูกรังในบางช่วง และเป็นทางขึ้นเขา ควรใช้รถโฟร์วีล
ระหว่างทางที่นั่งกระบะท้ายรถ ก็ได้ชมวิวไปเรื่อย ๆ
แล้วก็มาถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3 ตะเพินคี่ ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์สำหรับผู้ที่จะเดินขึ้นยอดเขาเทวดา
ที่จุดนี้ไม่มีบ้านพักให้บริการ มีเพียงพื้นที่กางเต็นท์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยาน ไม่มีร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ ฉะนั้นควรเตรียมเสบียงและน้ำดื่มมาให้เพียงพอ
มีจุดบริการนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณลานจอดรถ มีเครื่องนอน เช่น ที่รองนอนในเต็นท์ หมอน ผ้าห่ม ให้เช่า แต่เต็นท์เหมือนจะมีให้เช่าเพียง 1-2 หลังเท่านั้น แนะนำว่าควรเตรียมมาเองจะชัวร์กว่า
ณ จุดนี้ มีค่าอะไรบ้างที่ต้องจ่าย :
- ค่าธรรมเนียมอุทยาน ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
- ค่ารถยนต์เข้าพื้นที่ คันละ 30 บาท
- ค่าเช่าพื้นที่กางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน
จัดการชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เรียบร้อย ก็ขนของลงจากรถ ไปจับจองพื้นที่กางเต็นท์กันได้เลย
เต็นท์มากมายหลากสีสัน โดยมียอดเขาเทวดาเป็นฉากหลัง
ที่นี่มีห้องอาบน้ำและห้องน้ำให้บริการอยู่หลายห้อง แบ่งแยกชาย-หญิง
หลังจากกางเต็นท์เรียบร้อย ตกลงกันว่าจะเดินไปเที่ยวน้ำตกตะเพินคี่น้อยกัน
ส่วนยอดเขาเทวดาวางแผนไว้จะเดินขึ้นกันพรุ่งนี้เช้า
ที่นี่มีห้องอาบน้ำและห้องน้ำให้บริการอยู่หลายห้อง แบ่งแยกชาย-หญิง
หลังจากกางเต็นท์เรียบร้อย ตกลงกันว่าจะเดินไปเที่ยวน้ำตกตะเพินคี่น้อยกัน
ส่วนยอดเขาเทวดาวางแผนไว้จะเดินขึ้นกันพรุ่งนี้เช้า
จากจุดกางเต็นท์เดินไปยังน้ำตกตะเพินคี่น้อย ระยะทางประมาณ 500 เมตร เส้นทางช่วงแรกจะผ่านไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน และเดินเข้าไปในชายป่าอีกเล็กน้อยในช่วงครึ่งทางหลัง
มีป้ายบอกทางเข้าน้ำตกชัดเจน
ระหว่างทางมีสะพานไม้ข้ามลำธารเล็ก ๆ
ถึงแล้ว "น้ำตกตะเพินคี่น้อย"
ระหว่างทางมีสะพานไม้ข้ามลำธารเล็ก ๆ
ถึงแล้ว "น้ำตกตะเพินคี่น้อย"
เป็นน้ำตกขนาดเล็กเพียงชั้นเดียว และอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติพุเตย สามารถลงเล่นน้ำได้
ช่วงเย็นพอเดินกลับมาถึงแคมป์ จัดแจงทำอาหารเย็นง่าย ๆ กินกัน จากนั้นก็ไปอาบน้ำ ซึ่งควรทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนค่ำ เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า แม้จะมีเครื่องปั่นไฟและไฟส่องสว่างแค่บริเวณห้องน้ำก็ตาม แต่บริเวณอื่น ๆ มืดสนิท จึงควรเตรียมไฟฉายหรือตะเกียงไปด้วย
เช้าวันถัดมานัดกันตื่น 04.30 น. เพื่อขึ้นรถโฟร์วีลของอุทยานที่พวกเรานั่งมาเมื่อวาน ให้รถไปส่งยังจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นยอดเขาเทวดา ซึ่งจุดเริมเดินเท้าอยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไปประมาณ 1 กิโลเมตร หรือใครฟิต ๆ อยากจะเดินจากจุดกางเต็นท์ไปเองก็ได้นะ แต่พวกเราไม่ 55+
ภาพช่วงขึ้นรถจนถึงทางเดินขึ้นยอดเขาเทวดา เราเพิ่งมาถ่ายได้ช่วงขาเดินลงจากเขา เพราะขาไปมันยังมืดอยู่
จากในภาพจุดนี้คือจุดที่รถมาส่งพวกเราเพื่อเดินขึ้นเขา
เส้นทางเดินช่วงแรกจะผ่านไร่สับปะรดและมันสำปะหลังของชาวบ้าน ลืมบอกไปว่าบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านตะเพินคี่ ซึ่งเป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงและมีอาชีพหลักคือเกษตรกรรม
เอาล่ะ ... เห็นป้ายนี้ก็สบายใจได้ว่าท่านได้เดินมาถึงทางขึ้นยอดเขาเทวดาแล้ว และเส้นทางจากนี้ไปท่านก็จะไม่พบทางราบอีกเลย จนกว่าท่านจะไต่ไปถึงยอดเขา 55+
ทางเดินช่วง 3 ใน 4 จะเป็นบันไดดินเป็นขั้น ๆ ตามภาพ สำหรับเรานั้น ... แพ้ทางชันยังไม่พอ ยังแพ้การเดินขึ้นแบบขั้นบันไดด้วย ฮืออออออ
และทางเดินช่วงสุดท้ายจะชันกว่าที่ผ่านมา อาจมีปีนก้อนหินในบางจุด และมีเชือกที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้จับเพื่อพยุงตัวและนำเส้นทาง
แล้วเราก็เดินขึ้นมาจนถึงยอดเขา ซึ่งจะมีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่
ผู้คนและเพื่อนร่วมทางในเช้าวันนั้น
จากบนยอดเขามองเห็นจุดกางเต็นท์ด้วย
เดินป่าหน้าฝนแม้หนทางจะลำบากและลื่น แต่ได้เห็นวิวภูเขากับอากาศสดชื่น ๆ ก็นับว่าคุ้ม แต่ใจเราอยากให้ผืนป่าบริเวณนี้เขียวทึบและสมบูรณ์มากกว่านี้จัง
เราใช้เวลาบนยอดเขาสูดอากาศดี ๆ สะสมไว้ให้เต็มปอด ถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ๆ เพลินกับสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาปะทะกาย จนถึงช่วงสายจึงเริ่มเดินลงจากยอดเขา
กลับลงมาข้างล่าง มีโมเมนต์หันหลังกลับไปมองยอดเขาเทวดา 55+
เดินมาทางไหนก็กลับออกไปทางนั้น ผ่านไร่สับปะรดที่กำลังให้ผลผลิตมากมาย นึกเปรี้ยวปากอยากชิม
บริเวณจุดจอดรถเชิงเขามีตาและยายซึ่งบ้านอยู่ตรงนั้น นำสับปะรดจากไร่ของแกมาวางขายให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเขาเทวดาด้วย พร้อมบริการปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นให้แบบพร้อมกิน จึงอุดหนุนกันไปหลายลูก
รถมาส่งยังจุดกางเต็นท์ ทำอาหารเช้ากินกัน อาบน้ำ และเก็บสัมภาระ จากนั้นนั่งรถโฟร์วีลกลับลงไปยังที่ทำการอุทยาน เพื่อไปเอารถและเดินทางถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวนะคะ ไว้พบกันใหม่ในรีวิวต่อ ๆ ไปค่ะ
#เราไปได้คุณก็ไปได้ #คนช่างเที่ยว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณคนช่างเที่ยว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก คนช่างเที่ยว