หากพูดถึงจังหวัดร้อยเอ็ด เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายท่านคงรู้จักกันดี แต่อาจจะรู้จักในฐานะเป็นจังหวัดที่ทุกคนข้ามผ่านเพื่อไปจังหวัดอื่น ยังไม่รู้ว่าจังหวัดนี้ยังมีของดีอีกมากมาย อย่างหมู่บ้าน "กู่กาสิงห์" ที่มีโบราณสถานสำคัญในสมัยวัฒนธรรมเขมร และห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยสดงดงาม
เวลาผ่านพ้นกันมาครึ่งปีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องพักกายพักใจหาแรงบันดาลใจในการทำงานต่อ วันนี้เราจะเดินทางไปฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดร้อยเอ็ด พาตัวเองไปพบเจอกับสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้อยู่กับธรรมชาติ อาจจะเดินทางไกลไปสักนิดแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเลยนะ ซึ่งครั้งนี้เราเลือกที่จะนั่งเครื่องบินแล้วเช่ารถยนต์ต่อค่ะ เพื่อที่จะได้แวะตามจุดต่าง ๆ ที่น่าสนใจได้สะดวกขึ้น มาดูกันเลยดีกว่าว่าที่กู่กาสิงห์จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ชุมชนกู่กาสิงห์ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลกู่กาสิงห์ จังหวัดร้อยเอ็ด ห่างจากตัวเมืองประมาณ 65 กิโลเมตร ภายในชุมชนค่อนข้างเงียบสงบ อาชีพหลักของคนที่นี่คือการทำนา และทอผ้าไหม ชุมชนนี้จะอยู่กันแบบเครือญาติ เน้นแต่งงานกันเองในชุมชน ทำให้ทุกคนรู้จักกันเกือบหมด เรียกว่าเดินไปไหนก็เจอแต่คนรู้จักทั้งนั้น และความน่ารักอยู่ตรงที่เราสามารถจ้างเด็กน้อยเป็นมัคคุเทศน์ เพื่อพาเราไปเที่ยวชมจุดต่าง ๆ รอบชุมชนได้เลยค่ะ
จุดเที่ยวที่ 1 โบราณสถานชุมชนกู่กาสิงห์
สถานที่นี้ตั้งอยู่ในบริเวณวัดบูรพากู่กาสิงห์ เป็นโบราณสถานที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมรแบบ "บาปวน" อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 1560-1630 ประกอบไปด้วยปรางค์ 3 หลัง ตั้งอยู่บนศิลาแดงเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีโบราณวัตถุที่สำคัญคือทับหลังสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ เพื่อเป็นเทวสถานอุทิศถวายแด่พระอิศวร เทพเจ้าสูงสุดองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์
หลังจากมีการขุดแต่งแล้ว ได้ค้นพบเจอเครื่องประดับทองคำรูปนาค 5 เศียร และแผ่นทองคำที่ใช้ในการวางศิลาฤกษ์ รวมถึงภายในห้องบรรณารักษ์ได้เจอรอยเท้ามนุษย์ของคนในสมัยนั้นด้วย
จุดเที่ยวที่ 2 แวะทานอาหารร้านเด็ดในชุมชนกู่กาสิงห์
ขับรถเที่ยวชมกันมาครึ่งวันแล้ว ถึงเวลาอาหารกลางวันค่ะ แวะหาของกินอร่อย ๆ เข้าท้องกันดีกว่า ร้านนี้น้อง ๆ ในชุมชนแนะนำมาค่ะ เป็นร้านเด็ดที่ขายอาหารอีสาน ทั้งส้มตำ ปลาเผา ไก่ย่าง แต่ทีเด็ดของร้านนี้เลยคือ ส้มตำลาว ส้มตำทะเล เป็นอาหารพื้นบ้าน ที่ราคาธรรมดาแต่รสชาติแสนแพง
จุดเที่ยวที่ 3 นั่งรถอีแต๊กชมวิถีชีวิตชาวบ้าน
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว เราก็ไปเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวบ้านกันค่ะ อาชีพหลักของคนที่นี่คือการทำนา และทอผ้าไหม ช่วงนี้ยังเป็นช่วงดำนา อาจจะไม่เห็นทุ่งข้าวเขียวขจีมากนัก เริ่มจากขับรถไปลงที่บ้านคุณป้าเปลี่ยนเป็นชุดผ้าถุง นั่งกินน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ชื่นใจ มะม่วงเปรี้ยว กะปิเคย น้ำปลาหวาน กล้วยส้ม (กล้วยท้องถิ่น) แล้วนั่งรถอีแต๊กออกไปลุยทุ่งนา ชมแลนด์มาร์กของที่นี่กัน
จุดเที่ยวที่ 4 ช้อปปิ้งผ้าไหม
มาที่จุดล้มละลายกัน ใครที่ชื่นชอบผ้าไหมไม่ควรพลาดเลย จุดเด่นของที่นี่คือเส้นไหมจะนุ่มและหนากว่าที่อื่น ทอเองกับมือทุกผืน รวมถึงสีที่นำมาย้อมผ้าล้วนแต่เป็นสีธรรมชาติทั้งนั้น อาทิเช่น สีเหลืองจากเปลือกขนุน สีน้ำตาลจากเมล็ดกาแฟ เป็นต้น แต่ละครั้งการทำสีก็จะให้ความเข้มอ่อนไม่เหมือนกัน ถือเป็นสีสันสวยงามที่ทำให้ผ้าแต่ละผืนมีความโดดเด่นต่างกันออกไป เรียกว่าสมราคาค่าฝีมือจริง ๆ
จุดเที่ยวที่ 5 ตลาดนัดชุมชน
ตลาดนี้จะมีทุก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ ไหน ๆ เราก็ไปถึงชุมชนกันแล้วก็ขอใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านกู่กาสิงห์ เลยขอคุณป้าเจ้าของบ้านไปเดินเลือกซื้ออาหารเองที่ตลาด ที่นี่ขายอาหารเหมือนกับตลาดนัดทั่วไป แต่จะต่างตรงที่ราคา ของแต่ละอย่างในชุมชนนี้ส่วนใหญ่มาจากการทำสวนทำไร่ของชาวบ้านเองทั้งนั้น ทำให้ราคาไม่แพง แถมมีผัก และปลาสด ๆ ให้เลือกสรรนำไปทำอาหารในมื้อค่ำได้อีกด้วย ส่วนมื้อเย็นของพวกเราวันนี้ทางโฮมสเตย์จัดเตรียมไว้ให้พร้อม อิ่มหนำสำราญกันอย่างแน่นอน
ข้าวที่นี่มีทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าข้าวที่นี่ขึ้นชื่อเลื่องลือเป็นอย่างมาก เพราะเป็นข้าวที่หอม นุ่ม ละมุนลิ้น เป็นผลผลิตจากทุ่งกุลาร้องไห้ อยากให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันจริง ๆ แล้วคุณจะลืมข้าวที่เคยกินมาทั้งหมด
หลังจากที่แวะเที่ยวกันมาทั้งวันก็ถึงเวลาล้มตัวลงนอน ตกกลางคืนทั้งชุมชนจะเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงลมพัดปลิวไสว เสียงนกร้อง เสียงธรรมชาติ ให้เราได้พักกายพักใจให้หายเหนื่อย ที่นี่เน้นเป็นโฮมสเตย์ทั้งหมด เราจะได้นอนห้องที่อยู่ในตัวบ้านหลังเดียวกับเจ้าของเลย ครั้งนี้ที่ไปเราได้นอนบ้านหลังที่มีแอร์ ค่อนข้างสะดวกสบาย นอนเต็มอิ่ม และตื่นมาพร้อมอาหารเช้าที่น่ารับประทานมาก ๆ
สำหรับทริปนี้บอกเลยว่าประทับใจมากจริง ๆ หากใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ อยากเรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และอบอุ่นแบบนี้ อยากให้ได้มาลองสัมผัสกับความเป็นอยู่ของชาวบ้านกู่กาสิงห์ แล้วคุณจะหลงรักจนแทบไม่อยากกลับเลยก็ได้ ^^
การเดินทาง
ใช้เส้นทางร้อยเอ็ด-เกษตรวิสัย ทางหลวงหมายเลข 214 ระยะทาง 47 กิโลเมตร เดินทางต่อไปตามทางหลวงสายเกษตรวิสัย-สุวรรณภูมิ ประมาณ 10 กิโลเมตร มีทางแยกขวากู่กาสิงห์เป็นระยะทางอีก 10 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางสายร้อยเอ็ด-สุวรรณภูมิ-สุรินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 215 ต่อด้วย 214) ระยะทาง 60 กิโลเมตร
ที่อยู่ : ตำบลกู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด 45150
เบอร์โทรศัพท์ : 0925250191
เวลาผ่านพ้นกันมาครึ่งปีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องพักกายพักใจหาแรงบันดาลใจในการทำงานต่อ วันนี้เราจะเดินทางไปฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดร้อยเอ็ด พาตัวเองไปพบเจอกับสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้อยู่กับธรรมชาติ อาจจะเดินทางไกลไปสักนิดแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเลยนะ ซึ่งครั้งนี้เราเลือกที่จะนั่งเครื่องบินแล้วเช่ารถยนต์ต่อค่ะ เพื่อที่จะได้แวะตามจุดต่าง ๆ ที่น่าสนใจได้สะดวกขึ้น มาดูกันเลยดีกว่าว่าที่กู่กาสิงห์จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ชุมชนกู่กาสิงห์ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลกู่กาสิงห์ จังหวัดร้อยเอ็ด ห่างจากตัวเมืองประมาณ 65 กิโลเมตร ภายในชุมชนค่อนข้างเงียบสงบ อาชีพหลักของคนที่นี่คือการทำนา และทอผ้าไหม ชุมชนนี้จะอยู่กันแบบเครือญาติ เน้นแต่งงานกันเองในชุมชน ทำให้ทุกคนรู้จักกันเกือบหมด เรียกว่าเดินไปไหนก็เจอแต่คนรู้จักทั้งนั้น และความน่ารักอยู่ตรงที่เราสามารถจ้างเด็กน้อยเป็นมัคคุเทศน์ เพื่อพาเราไปเที่ยวชมจุดต่าง ๆ รอบชุมชนได้เลยค่ะ
จุดเที่ยวที่ 1 โบราณสถานชุมชนกู่กาสิงห์
สถานที่นี้ตั้งอยู่ในบริเวณวัดบูรพากู่กาสิงห์ เป็นโบราณสถานที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมรแบบ "บาปวน" อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 1560-1630 ประกอบไปด้วยปรางค์ 3 หลัง ตั้งอยู่บนศิลาแดงเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีโบราณวัตถุที่สำคัญคือทับหลังสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ เพื่อเป็นเทวสถานอุทิศถวายแด่พระอิศวร เทพเจ้าสูงสุดองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์
หลังจากมีการขุดแต่งแล้ว ได้ค้นพบเจอเครื่องประดับทองคำรูปนาค 5 เศียร และแผ่นทองคำที่ใช้ในการวางศิลาฤกษ์ รวมถึงภายในห้องบรรณารักษ์ได้เจอรอยเท้ามนุษย์ของคนในสมัยนั้นด้วย
จุดเที่ยวที่ 2 แวะทานอาหารร้านเด็ดในชุมชนกู่กาสิงห์
ขับรถเที่ยวชมกันมาครึ่งวันแล้ว ถึงเวลาอาหารกลางวันค่ะ แวะหาของกินอร่อย ๆ เข้าท้องกันดีกว่า ร้านนี้น้อง ๆ ในชุมชนแนะนำมาค่ะ เป็นร้านเด็ดที่ขายอาหารอีสาน ทั้งส้มตำ ปลาเผา ไก่ย่าง แต่ทีเด็ดของร้านนี้เลยคือ ส้มตำลาว ส้มตำทะเล เป็นอาหารพื้นบ้าน ที่ราคาธรรมดาแต่รสชาติแสนแพง
จุดเที่ยวที่ 3 นั่งรถอีแต๊กชมวิถีชีวิตชาวบ้าน
จุดเที่ยวที่ 4 ช้อปปิ้งผ้าไหม
มาที่จุดล้มละลายกัน ใครที่ชื่นชอบผ้าไหมไม่ควรพลาดเลย จุดเด่นของที่นี่คือเส้นไหมจะนุ่มและหนากว่าที่อื่น ทอเองกับมือทุกผืน รวมถึงสีที่นำมาย้อมผ้าล้วนแต่เป็นสีธรรมชาติทั้งนั้น อาทิเช่น สีเหลืองจากเปลือกขนุน สีน้ำตาลจากเมล็ดกาแฟ เป็นต้น แต่ละครั้งการทำสีก็จะให้ความเข้มอ่อนไม่เหมือนกัน ถือเป็นสีสันสวยงามที่ทำให้ผ้าแต่ละผืนมีความโดดเด่นต่างกันออกไป เรียกว่าสมราคาค่าฝีมือจริง ๆ
จุดเที่ยวที่ 5 ตลาดนัดชุมชน
ตลาดนี้จะมีทุก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ ไหน ๆ เราก็ไปถึงชุมชนกันแล้วก็ขอใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านกู่กาสิงห์ เลยขอคุณป้าเจ้าของบ้านไปเดินเลือกซื้ออาหารเองที่ตลาด ที่นี่ขายอาหารเหมือนกับตลาดนัดทั่วไป แต่จะต่างตรงที่ราคา ของแต่ละอย่างในชุมชนนี้ส่วนใหญ่มาจากการทำสวนทำไร่ของชาวบ้านเองทั้งนั้น ทำให้ราคาไม่แพง แถมมีผัก และปลาสด ๆ ให้เลือกสรรนำไปทำอาหารในมื้อค่ำได้อีกด้วย ส่วนมื้อเย็นของพวกเราวันนี้ทางโฮมสเตย์จัดเตรียมไว้ให้พร้อม อิ่มหนำสำราญกันอย่างแน่นอน
ข้าวที่นี่มีทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าข้าวที่นี่ขึ้นชื่อเลื่องลือเป็นอย่างมาก เพราะเป็นข้าวที่หอม นุ่ม ละมุนลิ้น เป็นผลผลิตจากทุ่งกุลาร้องไห้ อยากให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันจริง ๆ แล้วคุณจะลืมข้าวที่เคยกินมาทั้งหมด
หลังจากที่แวะเที่ยวกันมาทั้งวันก็ถึงเวลาล้มตัวลงนอน ตกกลางคืนทั้งชุมชนจะเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงลมพัดปลิวไสว เสียงนกร้อง เสียงธรรมชาติ ให้เราได้พักกายพักใจให้หายเหนื่อย ที่นี่เน้นเป็นโฮมสเตย์ทั้งหมด เราจะได้นอนห้องที่อยู่ในตัวบ้านหลังเดียวกับเจ้าของเลย ครั้งนี้ที่ไปเราได้นอนบ้านหลังที่มีแอร์ ค่อนข้างสะดวกสบาย นอนเต็มอิ่ม และตื่นมาพร้อมอาหารเช้าที่น่ารับประทานมาก ๆ
สำหรับทริปนี้บอกเลยว่าประทับใจมากจริง ๆ หากใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ อยากเรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และอบอุ่นแบบนี้ อยากให้ได้มาลองสัมผัสกับความเป็นอยู่ของชาวบ้านกู่กาสิงห์ แล้วคุณจะหลงรักจนแทบไม่อยากกลับเลยก็ได้ ^^
การเดินทาง
ใช้เส้นทางร้อยเอ็ด-เกษตรวิสัย ทางหลวงหมายเลข 214 ระยะทาง 47 กิโลเมตร เดินทางต่อไปตามทางหลวงสายเกษตรวิสัย-สุวรรณภูมิ ประมาณ 10 กิโลเมตร มีทางแยกขวากู่กาสิงห์เป็นระยะทางอีก 10 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางสายร้อยเอ็ด-สุวรรณภูมิ-สุรินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 215 ต่อด้วย 214) ระยะทาง 60 กิโลเมตร
ที่อยู่ : ตำบลกู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด 45150
เบอร์โทรศัพท์ : 0925250191