อากาศร้อน ๆ แบบนี้ต้องพากายและใจไปลั้ลลาเที่ยวทะเลให้ชุ่มใจซะหน่อย เอ...แล้วจะไปเที่ยวทะเลที่ไหนดีล่ะ ? อ๊ะ ๆ ใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวหน้าร้อนที่ไหนดี วันนี้เราจะพาไปนั่งชิล ๆ ริมทะเลสวย ๆ ในบรรยากาศที่เงียบสงบ ณ เกาะกูด จังหวัดตราด เกาะสุดท้ายแห่งน่านน้ำตะวันออกไทย อีกหนึ่งที่เที่ยวทะเลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ที่นี่นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องท้องทะเลที่สวยงามจนได้รับการขนานนามให้เป็น "อันดามันแห่งทะเลตะวันออก" แล้ว ยังมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านให้ได้สัมผัสกันด้วย แต่ถ้ายังนึกภาพไม่ออกก็ตามบันทึกการเดินทางของ คุณ biichiiz * สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวลั้ลลาเกาะกูดกันดีกว่า บอกเลยว่าดูจบทริปหน้าเกาะกูดต้องอยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ ของหลาย ๆ คนแน่นอน ^^
[CR] เกาะกูด i Feel Good ! เทชีวิต Bad Bad แล้วไปนอนอาบแดด กระโดดน้ำทะเลใส ๆ กัน !
สวัสดีพร้อมลมร้อนค่ะ :) ปลายปีที่แล้วเจออากาศหนาวจัดไป พอพ้นต้นปีมาอากาศร้อนจัดก็มาทักทาย อากาศแบบนี้มันจะไปเที่ยวไหนได้นอกจาก "ทะเล" จริงไหมคะ ?
เพิ่งกลับมาจากทริปพักใจ (แต่ร่างและกล้องพังแทน) ที่เกาะกูดมาค่ะ ซึ่งนี่เป็นการไปเกาะกูดครั้งที่สองของเราแล้ว ปกติเราไม่ค่อยชอบไปที่ไหนซ้ำ ๆ (ด้วยเหตุผลทางด้านงบประมาณ ;p) ยกเว้นที่ที่ชอบมากจริง ๆ คือยังไงก็คิดถึง ต้องไป และเกาะกูดก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เพราะที่นี่เงียบสงบ แล้วก็รู้สึกว่าได้ไปพักผ่อนจริง ๆ
เราเป็นคนชอบชอบทะเล เพราะเวลาใจมันเซไปทะเลทีไรมันสบายใจขึ้นทุกที ได้ไปนั่งโง่ ๆ ดูพระอาทิตย์ลับเส้นขอบฟ้า วิ่งลงน้ำทะเล ดำผุดดำว่ายจนสาแก่ใจ เหมือนชีวิตมีแต่น้ำทะเลกับท้องฟ้า ไม่ต้องคิดอะไรให้มันวุ่นวาย และก็เชื่อว่าคงมีคนที่อยากปล่อยปัญหาให้ลอยไปกับฟ้ากับทะเลเหมือนกัน เลยอยากเอาข้อมูลการเที่ยวเกาะกูดมาแบ่งปันกัน เผื่อใครอยากเทชีวิต Bad Bad แล้วไปนอนอาบแดด กระน้ำทะเลใส ๆ ในวันที่ชีวิตหรือใจมันพัง ๆ นะคะ : )
จากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดตราด
ทริปนี้เราขับรถจากกรุงเทพฯ ไปนอนที่ตัวเมืองตราดก่อนหนึ่งคืน เพราะไม่อยากตื่นแต่เช้าไปขึ้นเรือ จำได้ว่าครั้งแรกที่ไปก็ประมาณ 3-4 ปีได้แล้ว ตอนนั้นก็เลือกเดินทางเหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วไป คือตื่นแต่เช้าเพื่อขับรถออกจากกรุงเทพฯ ไปที่ท่าเรือแหลมศอกเพื่อรอขึ้นเรือเลย แต่เราว่ามันเหนื่อยไปเพราะถึงเกาะก็ต้องนั่งรถไปรีสอร์ทอีกประมาณ 30-40 นาที คราวนี้ก็เลยลองมองหาที่พักราคาไม่แพงมากในตัวเมืองตราดเพื่อนอนพักชิล ๆ สักคืนก่อน ซึ่งเราค้นพบว่ามันโอเคมากเลยนะ เพราะขับรถออกจากกรุงเทพฯ ช่วงบ่าย ๆ มาถึงเย็น ๆ ค่ำ ๆ เหยียบมาแบบเบา ๆ ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องรีบอะไร แล้วตอนเช้าตื่นสัก 7-8 โมง ไปขึ้นเรือก็ยังทัน
ส่วนโรงแรมในตัวเมืองตราด เราก็จิ้ม ๆ เอาจากใน Booking.com นั่นแหละ โดยตั้งงบไว้ว่าต้องไม่เกิน 1,000 บาทต่อคืน เพราะจะประหยัดงบเอาไว้พักบนเกาะกูด ก็เลยไปเจอะกับโรงแรม Avada Hotel ซึ่งราคาที่จองได้ตอนนั้นคือ 899 บาทต่อคืน ไม่ต้องประกันบัตรเครดิต ไปจ่ายที่โรงแรมได้เลย ก็จองไปแบบไม่คิดอะไร เพราะนอนพักแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ปรากฎว่าพอไปถึงแล้ว โรงแรมดีงามเกินคาด ลักษณะเหมือนเพิ่งเปิดได้ไม่นานเพราะยังมีกลิ่นใหม่อยู่ แถมห้องนอนก็กว้างขวาง เตียงใหญ่มากเว่อร์ ที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรมมีห้องอาหารราคาไม่แพงด้วย
เนื่องจากแถวนั้นเงียบสงัด ไม่ค่อยมีร้านอาหารให้ขับรถออกไปฝากท้อง อ้อ..ราคานี้รวมอาหารเช้าด้วยนะ คือมันโอเคมาก แถมยังสามารถขับรถจากโรงแรมไปถึงท่าเรือแหลมศอกแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เริด ! ใครอยากไปเกาะกูดแบบชิล ๆ ไม่ต้องรีบตื่นเพื่อขับรถไปขึ้นเรือแต่เช้า ยังไงลองมองหาโรงแรมในตัวเมืองตราดพักสักคืนนะ เราว่าด้วยราคาไม่ถึงพัน แล้วแลกกับเวลาที่ได้เพิ่มมาแถมทำให้เหนื่อยน้อยลง มันโอเคมาก ๆ เลยล่ะ : )
ป.ล. สำหรับใครที่ไม่ได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถขึ้นรถทัวร์มาได้เด้อ โดยทั้งรถทัวร์และรถยนต์จะใช้เวลาเดินทางถึงจังหวัดตราดประมาณ 5 ชั่วโมงเศษ ๆ หรืออาจจะถึง 6 ชั่วโมง ในกรณีรถติดหรือหลงทาง ; p หรือจะซื้อแพ็กเกจรถตู้+เรือข้ามไปเกาะกูดเลย แบบนี้ก็สะดวกดีเหมือนกันนะ
จากท่าเรือแหลมศอกสู่เกาะกูด
สำหรับการเดินทางข้ามไปสู่เกาะกูด เราสามารถเลือกเดินทางได้เองอย่างอิสระ โดยอิงจากเวลาออกเรือแต่ละเที่ยวว่าอยากไปถึงเกาะกูดเวลาไหน ซึ่งเรือที่ให้บริการข้ามไปยังเกาะกูด รวมถึงเกาะหมากก็จะมีให้บริการหลัก ๆ อยู่ประมาณ 3 เจ้า จะต่างกันก็เพียงเวลาการออกเรือและราคาค่ะ
1. Kohkood Princess ราคาเที่ยวละ 350 บาทต่อคน / ไป-กลับ 700 บาท
2. Ko Kut Express ราคาเที่ยวละ 350 บาทต่อคน / ไป-กลับ 700 บาท
3. บุญศิริ (Boonsiri) ราคาเที่ยวละ 500 บาทต่อคน / ไป-กลับ 1,000 บาท
4. Speed Boat Express (เจ้าเดียวกับ Kohkood Express) ราคาเที่ยวละ 600 บาทต่อคน / ไป-กลับ 1,200 บาท
ตารางเวลาการออกเรือของแต่ละเจ้า
ขาไป : ท่าเรือแหลมศอก – เกาะกูด
10.00 น. Speed Boat Express
10.45 น. บุญศิริ
12.30 น. Kohkood Princess
13.00 น. Ko Kut Express
14.20 น. บุญศิริ
ขากลับ : เกาะกูด (ท่าเรืออ่าวสลัด) – ท่าเรือแหลมศอก
09.00 น. บุญศิริ (รถรับที่รีสอร์ท 08.00 น.)
10.00 น. Kohkood Express, Ko Kut Princess (รถรับที่รีสอร์ท 09.00 น.)
12.00 น. บุญศิริ (รถรับที่รีสอร์ท 11.00 น.)
13.00 น. Speed Boat Express
จะเห็นได้ว่าบุญศิริจะมีเที่ยวเรือให้เลือกเยอะสุด แล้วก็เวลาไป-กลับที่ไม่โหดร้ายเกินไปนัก แต่ก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มอีก 150 บาท/เที่ยว ซึ่งสำหรับเราว่าคุ้ม เพราะไปแค่ 3 วัน 2 คืน ก็อยากมีเวลาอยู่บนเกาะนาน ๆ หน่อย จำได้ว่าครั้งแรกเคยไปกับ Kohkood Princess เรือจากตราดออก 12.30 น. ไปถึงก็บ่ายสองกว่าเพราะต้องนั่งรถสองแถวเข้าไปที่พักอีก ส่วนขากลับก็ต้องรีบตื่นแต่เช้าตรู่มารอรถสองแถวไปส่งท่าเรือตั้งแต่ 9 โมงเช้า ทำให้รู้สึกขาดทุนเพราะเวลาอยู่บนเกาะน้อยเหลือเกิน
คราวนี้เลยเลือกไปกับบุญศิริ เลือกเรือรอบเช้า 10.45 น. ไปถึงก็ประมาณบ่ายโมง สามารถเช็กอินเข้าห้องพักได้เลย ส่วนขากลับเลือกรอบ 12.00 น. รถจะมารับที่รีสอร์ทตอน 11 โมง ก็จะมีเวลาอยู่ที่เกาะเพิ่มมาอีกตั้ง 3 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณด้วยนะ สำหรับใครที่อยากประหยัดจะเลือกไปกับ Princess หรือ Express ก็ได้ แต่ยังไงก็ควรพักอยู่บนเกาะขั้นต่ำ 3 วัน 2 คืนนะ เพราะนอนพักแค่ 1 คืนมันน้อยไปจริง ๆ สำหรับเกาะสวรรค์แบบนี้ !
ที่หลับที่นอนบนเกาะกูด
มีที่พักมากมายก่ายกองให้เลือกสำหรับการนอนหลับพักผ่อนบนเกาะกูด มีตั้งแต่ราคาย่อมเยาหลักร้อยไปจนถึงราคาแพงคืนละเหยียบแสนกันเลยทีเดียว ฉะนั้นสำหรับที่พักก็ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณของแต่ละคนด้วยนะ แต่แนะนำว่าถ้าไม่เป็นการกัดกินเนื้อตัวเองจนเกินไปก็เลือกพักรีสอร์ทที่มันติดทะเลเถิด เพราะมันฟีลกว่าเยอะ !
สำหรับเราตอนมาเกาะกูดครั้งแรกเลือกพักที่ Away Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทเจ้าเก่าเจ้าดังของเกาะกูดเขาล่ะ ซึ่งสำหรับเราตอนนั้นค่อนข้างชอบทีเดียว เพราะเลือกพักห้องติดทะเล ห้องใหญ่ แอร์เย็น แล้วก็ได้ฟีลติดเกาะดี เสียตรงที่ไม่มีชายหาดเลย ฉะนั้นถ้าอยากเดินเล่นบนหาดทรายจะต้องพายคายักหรือเดินไปที่หาดคลองเจ้าที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นชายหาดที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของอีกหนึ่งรีสอร์ทเจ้าดังอย่าง Tinkerbell Resort เขาล่ะ 5555 แต่เอาจริง ๆ แล้วชายหาดที่นี่ก็ไม่ถึงกับเป็นหาดส่วนตัวซะทีเดียวนะ เพราะหาดคลองเจ้าก็เป็นหาดสาธารณะที่มีฝรั่งและคนอื่น ๆ มาจอดมอเตอร์ไซค์แล้วนอนอาบแดด กระโดดน้ำเล่นกันหนาตา แต่คนไม่พลุกพล่านเหมือนภูเก็ตหรือเกาะล้านแน่นอน รับรองงงงง ; p
ส่วนทริปล่าสุดนี้เราเลือกพักที่ To The Sea Resort ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดบางเบ้า ติดกับ Koh Kood Resort และ Siam Beach Resort ซึ่งแน่นอนว่าใช้ชายหาดร่วมกันอีกนั่นแล เพียงแต่ว่าช่วงกลางวันชายหาดของ To The Sea อาจจะคนบางตากว่าสองรีสอร์ทข้าง ๆ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ (อย่างเรา) จะนอนหลบแดดแชร์แอร์อยู่ในห้องพัก ส่วนฝรั่งเขาก็จะใส่บิกินี่มานอนอาบแดดกัน 5555 คนเมืองร้อนอย่างเฮาบ่อสู้เน้อ หมู่เฮาเป็นแดรกคูลากลัวแสงแดด จะเริงร่ามากกว่าถ้าอยู่ท่ามกลางแสงสีเสียงตอนกลางคืน ; p
ที่บอกว่าช่วงกลางวันชายหาดของ To The Sea คนจะบางตากว่า เพราะเท่าที่สังเกตเราว่าคนที่เข้าพักที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยนะ อาจเพราะเป็นรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ส่วนอีกสองรีสอร์ทข้าง ๆ เท่าที่เห็นก็จะมีฝรั่งพักเยอะกว่า เอาจริง ๆ เกาะกูดทริปนี้เท่าที่สังเกตได้อย่างเด่นชัด คือนอกจากถนนหนทางที่ดีขึ้นมากแล้ว ก็มีฝรั่งนี่แหละที่มาเที่ยวเยอะกว่าเดิมมากกกกกกก จนทีบางทีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้มาเยือนมากกว่าเจ้าบ้านด้วยซ้ำ เพราะ 80% นี่คือฝรั่งทั้งนั้นเลย (มองผู้เพลินไปเลยจ้า 555)
สำหรับไฮไลท์ของ To The Sea ที่เด่นก็เห็นจะเป็นชิงช้าในทะเลนี่แหละ ซึ่งสารภาพว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกพักที่นี่เลยนะ เพราะไม่ต้องบินไปไกลถึงบาหลีก็สามารถมีมุมถ่ายรูปชิค ๆ แบบนี้อวดชาวบ้านเขาได้ 555
ส่วนห้องพักเราเลือกพัก Deluxe Garden View ราคาช่วงไฮซีซั่นแบบตอนนี้คือคืนละ 4,200 บาท แต่ได้บ้านทั้งหลังเลย ซึ่งแต่ละหลังทิ้งสเปซค่อนข้างห่างกันพอสมควร ก็เลยค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่ไม่ติดทะเล ต้องเดินไปอีกเล็กน้อย มีเทอร์เรสเล็ก ๆ ให้นั่งพักหน้าบ้าน เตียงใหญ่กว้างขวางดีค่ะ
แต่ห้องน้ำเป็นแบบ Open Air นะ ใครกลัวจิ้งจกเข้าเส้นแบบเราอาจจะต้องพ่วงทริปการฝึกอยู่ร่วมกันกับจิ้งจกไปอีกทริปหนึ่ง เพราะจิ้งจกเยอะมากกกกกก แถมตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น แต่จิ้งจกที่นี่ก็ค่อนข้างเรียบร้อย คือต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เพราะเคยไปพักที่เขาใหญ่ จิ้งจกที่นั่นหวงที่มาก ชูคอ จ้องเขม้งตลอดเวลา นอนไปก็หวาดระแวงไปว่ามันจะกระโดดมากัดคอเมื่อไร T^T แต่ที่นี่มันก็อยู่เป็นที่ของมัน พอเดินไปใกล้ ๆ มันก็วิ่งเข้าซอกไปหลบ ฉะนั้นถือว่าอยู่กันได้แบบปรองดอง ; p
อ้อ...แต่โต๊ะเครื่องแป้งของที่นี่จะอยู่ในห้องน้ำซึ่งแยกออกจากห้องนอน แล้วไดร์เป่าผมก็เป็นแบบเคลื่อนที่ไม่ได้ คือติดตั้งอยู่ติดกับพนังเลย (เหมือนที่ญี่ปุ่น) ฉะนั้นถ้าสาวไหนแต่งหน้า ทำผมนาน ก็อาจจะต้องทนร้อนนิดหนึ่ง ส่วนตัวคิดว่าอย่างน้อยถ้าเป็นไดร์ใส่ถุงไว้ให้น่าจะดีกว่า เพราะเอามาเป่าผมในห้องแอร์ได้ คนผมยาว ๆ คงเข้าใจ เวลาเป่านาน ๆ แล้วมันไม่แห้งสักที มันร้อนเน้อ
แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นรีสอร์ทที่โอเคมากนะคะ เพราะบรรยากาศดี มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ แล้วก็มีกิจกรรมให้เลือกทำฟรีหลายอย่าง เช่น พายคายักและแพดเดิ้ลบอร์ด ซึ่งขอบอกว่าเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวเกาะกูดเลยแหละ !
อาหารการกิน
ถ้าเน้นง่ายและสะดวกก็ฝากท้องไว้กับรีสอร์ททุกมื้อก็ได้ แต่ก็ต้องทำใจกับราคาอาหารที่ค่อนข้างสูงนิดหนึ่ง แต่อาหารของ To The Sea อร่อยนะ เพียงแต่ว่าให้น้อยไปนิด เลยแอบรู้สึกว่าถ้าให้เยอะกว่านี้นิดหนึ่งอาจจะทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับราคามากกว่านี้ก็ได้ แต่ราคาอาหารบนเกาะค่อนข้างมาตรฐานอยู่แล้ว คือเริ่มต้นที่ประมาณจานละ 120-150 บาทขึ้นไป ตอนพักที่ Away ก็ประมาณนี้เลย หรือใครที่ซื้อเป็นแพ็กเกจของรีสอร์ท เขาก็จะรวมอาหาร 6 มื้อ ไว้ให้แล้วเรียบร้อย
ส่วนอีกวิธีที่จะช่วยให้ประหยัดขึ้นมาได้อีกนิดหนึ่งก็คือขับมอเตอร์ไซค์ออกไปกินที่ร้านอาหารนอกรีสอร์ท ซึ่งบนเกาะมีอยู่หลายร้านให้เลือกพอสมควร ราคาก็จะถูกกว่ากินในรีสอร์ทประมาณ 20-30% ซึ่งทริปนี้เรามีโอกาสได้ไปฝากท้องที่ ร้านอาหารเชียงใหม่ เดี๋ยว ๆ นี่เราอยู่เกาะกูดหรือเชียงใหม่หว่า 5555
ที่เลือกร้านนี้ก็เพราะว่าเป็นร้านแรกที่เจอหลังจากขับมอเตอร์ไซค์ออกมาจากรีสอร์ท แต่แอบอยากแนะนำเพราะให้เยอะมาก จานใหญ่มาก ราคาก็เริ่มต้นที่ประมาณ 80 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งที่นั่งกินอยู่ในร้าน ส่วนเจ้าของร้านเป็นคนเชียงใหม่เจ้า เป็นคุณป้าสองคนที่ยะเนิบ ๆ ตามวิถีชีวิตชาวเชียงใหม่มาก แต่อาหารรสชาติอร่อยใช้ได้เลย มีเมนูอาหารเหนือด้วยนะ แต่ตอนที่เราไปป้าบอกว่าจะปิดร้านแล้ว เลยไม่ได้เตรียมวัตถุดิบไว้มาก เหลือให้เลือกแค่ไม่กี่เมนู น้องคนไทยอีกคนในร้านเลยถามว่าแล้วป้าจะกลับมาไหม จะปิดไปเลยเหรอ ป้าบอกว่า .. "เปล่า ป้าจะกลับไปพักที่เชียงใหม่ ปกติป้าทำงาน 6 เดือน พัก 6 เดือน" โอ้ววววว ไอดอลเลยค่ะป้า ! อยากมีชีวิตแบบป้าบ้างจริง ๆ ฉะนั้นถ้าใครไปเกาะกูดภายในเร็ววันนี้ก็อาจจะไม่เจอป้านะ แต่ถ้าพ้นจาก 6 เดือนไป อย่าลืมแวะไปโดน ย้ำอีกครั้งว่าป้าให้จานใหญ่มากกกกก อิ่มแน่นอน
คาเฟ่เก๋ ๆ บนเกาะกูด
นอกจากจะเป็นคนชอบติดเกาะแล้ว เรายังเป็นเด็กติดคาเฟ่มากอีกด้วย ถึงแม้ตอนนี้จะเลิกกาแฟได้แล้ว แต่ก็ยังชอบเสพบรรยากาศของการนั่งชิล ๆ อยู่ในร้านกาแฟอยู่ดี ซึ่งที่เกาะกูดเขาก็มีคาเฟ่เก๋ไก๋ให้ไปนั่งจิบเครื่องดื่มชมวิวกันด้วยนะ โดยคาเฟ่ที่เราเคยแวะมีอยู่ 2 ร้าน ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันเลยตรงหาดคลองเจ้า คราวที่แล้วพัก Away ก็เลยเดินมาได้ เพราะไม่ไกล แต่คราวนี้ต้องแว้นมอเตอร์ไซค์มา สามารถจอดตรงหาดคลองเจ้าแล้วก็เดินมาได้เลย
View Point Cafe
ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ Away Resort คือสามารถเดินจากรีสอร์ทมาได้เลย คราวที่แล้วตั้งใจจะเดินไปร้านขายของชำที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วดันผ่านร้านนี้ ก็เอ๊ะใจว่าเฮ้ย ! เกาะกูดมีคาเฟ่ด้วย ซึ่งบรรยากาศร้านก็ค่อนข้างชิล แต่ร้อน 555 ดีตรงที่สามารถจิบกาแฟแล้วนั่งมองทั้งชายทะเลและคลองไปได้ในคราวเดียวกัน เพราะตั้งอยู่ในเส้นทางเชื่อมระหว่างทะเลกับคลอง แนะนำว่าถ้ามาตอนเย็นจะชิลกว่า เพราะกลางวันร้อนมาก
Goodview Coffee
ร้านนี้จะให้อารมณ์อีกฟีลเลยเพราะตั้งอยู่บนผา จึงสามารถมองวิวทะเลได้แบบสุดลูกหูลูกตา ถ้าจอดมอเตอร์ไซค์ที่หาดคลองเจ้าจะต้องเดินขึ้นเขามาเล็กน้อย ไม่ทันเหนื่อยก็ถึง แต่ร้อนเช่นกัน 5555 ด้านบนมีที่พักราคาย่อมเยาด้วย เห็นฝรั่งพักกันเยอะเหมือนกัน ส่วนเมนูก็มีเยอะพอสมควร ทั้งกาแฟ และเครื่องดื่มอื่น ๆ รวมถึงเบเกอรี่ และอาหาร เช่น สปาเกตตี หรืออาหารฝรั่งแบบง่าย ๆ ถ้ามาเที่ยวที่หาดคลองเจ้าแล้วก็แวะขึ้นมานั่งพักชิล ๆ ได้ จริง ๆ มาตอนเย็นอาจจะชิลกว่า แต่เพราะอยู่ข้างบน เลยมีลมทะเลพัดมาให้รู้สึกว่าร้อนน้อยกว่าด้านล่างนิดหนึ่ง
กิจกรรมบนเกาะกูด
ใครที่ไม่ชอบติดเกาะ เขาคงบ่นว่าวัน ๆ มันจะมีอะไรให้ทำไหม นอกจากนอนอืดแช่แอร์อยู่ในห้อง รอเย็น ๆ แล้วถึงออกไปถ่ายรูป เดินเอาเท้าแตะน้ำทะเล .. แต่สำหรับคนชอบติดเกาะอย่างเรา กลับรู้สึกว่าเวลาทุกวินาทีบนเกาะมันผ่านไปแบบคุ้มค่าโคตร เหมือนเวลาที่นี่มันเดินช้ากว่าในเมือง มีอะไรให้ทำทั้งวัน ไม่เบื่อเลย ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้ามีตังค์เยอะ ๆ เราคงอยากติดอยู่ที่นี่สักอาทิตย์เลยนะ แต่เบี้ยน้อยหอยน้อยขนาดนี้ เอาแค่พักผ่อนให้ใจสบายสัก 3 วัน 2 คืน ก็พอ ; p .. ส่วนกิจกรรมบนเกาะกูดที่จะทำให้ 3 วัน 2 คืนนั้นไม่น่าเบื่อ ก็ตามนี้เลย
ดำน้ำหน้าหาด
ที่ To The Sea มีอุปกรณ์สน็อกเกิลให้ยืมเพื่อดำน้ำแบบสน็อกเกิลลิ่ง ซึ่งสามารถออกไปดำผุดดำว่ายที่หาดหน้ารีสอร์ทได้เลย น้ำใสเว่อร์
แนะนำสำหรับคนที่ว่ายน้ำแข็งหน่อย ให้เดินไปที่ท่าเรือของรีสอร์ทนะ ที่เป็นสะพานไม้ยื่นออกไปแล้วมีตู้โทรศัพท์ TOT นั่นแล ตรงนั้นจะมีบันไดอยู่ ตรงบันไดมีปลาค่อนข้างเยอะ ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ สามารถไปสน็อกเกิลลิ่งหรือกระโดดน้ำตรงนั้นได้เลย หรือถ้าว่ายน้ำไม่แข็งก็ว่ายน้ำเล่นเบา ๆ อยู่ตรงหาดด้านหน้ารีสอร์ทก็ได้ เพราะน้ำจะไม่ค่อยลึกเท่าตรงบันได โดยตอนเย็นจะเป็นช่วงน้ำลง ส่วนตอนเช้าจะเป็นช่วงน้ำขึ้น น้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นมาจนท่วมชิงช้าของรีสอร์ทเลยทีเดียว อ้อ...รีสอร์ทมีเสื้อชูชีพให้ยืมสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น และอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างนี้สามารถขอยืมที่ล็อบบี้ได้ฟรีเลยเด้อ
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลานะ ^^
เช่ารถมอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวรอบเกาะ
อย่างที่บอกว่าเกาะกูดเป็นเกาะที่ค่อนข้างมีความหลากหลายทางธรรมชาติ แม้จะเป็นเกาะขนาดกลาง ไม่เล็ก ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีทั้งน้ำตกและคลองไว้ให้เปลี่ยนบรรยากาศ คราวที่แล้วเราพัก Away ไม่ได้เช่ามอเตอร์ไซค์ไปไหนเลย แต่คราวนี้ขอลองเช่ามอเตอร์ไซค์จาก To The Sea ขับออกไปเที่ยวรอบเกาะดูบ้าง ทางรีสอร์ทจะคิดค่าเช่าวันละ 400 บาท สามารถขับได้ 12 ชั่วโมง แต่เราเช่าขับออกไปแค่ 3 ชั่วโมง เพราะช่วงนี้น้ำตกคลองเจ้าน้ำน้อย ไปก็อาจจะผิดหวังก็เลยขับไปแค่หาดคลองเจ้า ที่รีสอร์ทก็เลยคิดแค่ 200 บาท หรือถ้าหาเช่าข้างนอกอาจจะได้วันละ 300 บาทนะ แต่จากรีสอร์ทจะเดินไปก็ไกลพอตัว ฉะนั้นเช่ากับรีสอร์ทเลยก็สะดวกดีเหมือนกัน
สำหรับใครที่เช่ามอเตอร์ไซค์แล้วไม่ได้พักอยู่แถวเวิ้งหาดคลองเจ้า เราแนะนำว่าควรขับไปหาดคลองเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะทะเลตรงนั้นสวยเว่อร์ รู้สึกว่าน่าจะเป็นเวิ้งที่มีหาดทรายยาวที่สุดแล้วมั้ง แล้วก็มีฝรั่งมานอนอาบแดดกันมากมาย แอบแนะนำว่าถ้าชอบเล่นน้ำทะเล ใส่บิกินี่หรือเตรียมชุดเล่นน้ำมาด้วยก็ดี เพราะมันจะเป็นหาดที่ให้อารมณ์คนละแบบกับหน้ารีสอร์ทเลย มีฝรั่งวิ่งลงไปเล่นน้ำและดำน้ำกันมากมายหนาตา แต่ถ้าไปกลางวันจะร้อนมาก ๆ หน่อยนะ แดดเมืองไทยทุกวันนี้โหดร้ายกับผิวหนังหมู่เฮาเหลือเกิน เรียกว่าแผดเผากันเลยทีเดียว ฉะนั้นทากันแดดไปด้วย...ห้ามลืม !
กำลังตั้งกล้อง GOPRO ถ่าย TIME LAPSE อยู่ดี ๆ ..
ก็มีเจ้าถิ่นมาขวางหน้ากล้องเป็นนายแบบซะงั้นนนนนน !
อะ...อยากเข้ากล้องนัก .. ก็เก๊กเลยย ! ยิ้มจ้ายิ้มมมม : D
ก็มีเจ้าถิ่นมาขวางหน้ากล้องเป็นนายแบบซะงั้นนนนนน !
อะ...อยากเข้ากล้องนัก .. ก็เก๊กเลยย ! ยิ้มจ้ายิ้มมมม : D
พายคายักหรือแพดเดิ้ลบอร์ดออกไปดูแสงสุดท้ายกลางทะเล
เราว่ามันเป็นกิจกรรมไฮไลท์ที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวเกาะกูดเลยนะ ไม่รู้ว่าเกาะอื่น ๆ หรือทะเลที่อื่นจะให้ฟีลเหมือนที่เกาะกูดไหม แต่การได้พายคายักออกไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเลนี่มันสุดยอดจริง ๆ .. เราว่าพระอาทิตย์ตกที่ไหนก็ไม่สวยเท่าตกลงเส้นขอบฟ้าของน้ำทะเล ยิ่งได้พาตัวเองออกไปอยู่กลางผืนน้ำทะเลแล้วด้วย โคตรรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังเรื่อง Life Of Pi เลย
พายคายักว่าฟินแล้ว แต่ถ้าอยากฟินกว่าแนะนำว่าให้ลองเล่นแพดเดิ้ลบอร์ดนะ ที่ To The Sea มีให้ยืมฟรีทั้งสองอย่างเลย แพดเดิ้ลบอร์ดอาจจะยากกว่าคายักหน่อย เพราะต้องพายคนเดียว แถมยังต้องทรงตัวให้ดีอีก แต่มันจะยากแค่ตอนแรกเท่านั้น พอเริ่มทรงตัวและพายออกทะเลได้แล้ว คราวนี้ล่ะไปฉิว .. แล้วมันจะให้ฟีลแบบยืนดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเลมาก เหมือนยืนกลางน้ำได้อ่ะเอาจริง อ๊ะ ! อย่าเพิ่งหาว่าเราเว่อร์ ลองไปสัมผัสบรรยากาศและความรู้สึกนั้นด้วยตัวเองก่อนสักครั้ง ถ้าไม่รู้สึกฟินอย่างที่เราโม้ ค่อนมาโวยว่าเราเว่อร์ก็ยังไม่สาย : )
" .. You\'ll never know until you go .."
เราทำเว็บไซต์และเพจเกี่ยวกับท่องเที่ยว มีแผนเที่ยวสำเร็จรูปหลายแผนที่นำมาแชร์กันค่ะยังไงขออนุญาตฝากไว้สำหรับคนที่อยากหาข้อมูลเรื่องท่องเที่ยวเพิ่มเติมนะ ^^
Website : http://www.movearound-journey.com
Facebook : https://www.facebook.com/movearoundjourney
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ biichiiz * สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, movearound-journey.com และ เฟซบุ๊ก Movearound Journey E-Magazine