
"Heidelberg" (ไฮเดลเบิร์ก หรือที่คนเยอรมันจะออกเสียงว่า "ไฮเดลแบร์ก") เมืองเก่าแก่อายุนับพันปีของเยอรมนี เมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในเยอรมนี เสน่ห์ของเมืองอยู่ที่ความมีชีวิตชีวาของผู้คนในเมืองที่เร่งรีบ ซึ่งต่างจากวิถีชีวิตในเมืองหลวง และยังมีตลาดย่านเมืองเก่า ที่เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและของกิน ท่ามกลางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับบันทึกการเดินทางไปเมือง Heidelberg ของ คุณ One Bag Traveller สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จากรีวิว "Heidelberg เค้าบอกว่าโรแมนติกที่สุดในเยอรมัน" ที่ได้ไปพิสูจน์ความโรแมนติกของที่นั่นมาแล้ว ไม่แน่ว่าใครได้ลองอ่านเสร็จ อาจอยากรีบหาแฟนไปสวีทที่นั่นเลยก็ได้
++++++++++++++++
สวัสดีครับ หลังจากห่างหายไปสักพักใหญ่ ๆ วันนี้จะพาไปดูเมือง Heidelberg เค้าบอกว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดในเยอรมนี (เค้าไหนก็ไม่รู้) ทริปนี้ไป Heidelberg >> Wurzburg >> Rothenberg >> Munich >> Oberammergau อาจจะไม่ได้พาไปเที่ยวทั่ว ๆ เหมือนทุกครั้ง เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพระหว่างเดินทางนิดหนึ่งนะครับ แต่ก่อนจะไปเที่ยวเมืองใหม่ขอฝากเมืองเก่า ๆ ไว้หน่อยนะครับ 555เที่ยวอังกฤษหนึ่งอาทิตย์ London Cambridge Oxford Bath
>> http://pantip.com/topic/33123176 <<
ยัดของเข้ากระเป๋าตะลุยเดิน 4 เมือง Trier, Vianden, Luxembourg City, Cochem
>> http://pantip.com/topic/33606444 <<
ยัดของเข้ากระเป๋าตะลุยเดิน 4 เมือง Trier, Vianden, Luxembourg City, Cochem Part2 (Vianden+Luxembourg City)
>> http://pantip.com/topic/33611250 <<
ยัดของเข้ากระเป๋าตะลุยเดิน 4 เมือง Trier, Vianden, Luxembourg City, Cochem Part3 (Cochem)
>> http://pantip.com/topic/33619919 <<
มาเริ่มกันครับ ๆ Heidelberg ตั้งอยู่ในรัฐ Baden-Wurttemberg ทางตอนใต้ของ Frankfurt ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าเป็นรถด่วนหรือรถธรรมดา เช็กราคาและเวลาเดินทางได้จาก >>> www.bahn.com
หลังจากเดินทางมาถึงสถานีรถไฟก็ต้องต่อรถเข้าเมืองกันอีกนิดหนึ่ง เพราะเขตเมืองเก่าจะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟพอสมควร ถ้าเดินไหวก็ไม่ห้ามอะไรนะครับ แต่ครั้งนี้ผมขอเก็บแรงไว้เดินเที่ยวในเมืองดีกว่า จากสถานีรถไฟรางสาย 5 หรือไม่ก็ 21 เข้าเมืองได้นะครับ ส่วนราคาตั๋ว ณ วันที่ผมไปเที่ยวอยู่ที่ 1.2 Euro นะครับ สำหรับตั๋ว City Ticket ซื้อไว้ 2 ใบ สำหรับไป-กลับได้เลย ขึ้นรถแล้วก็เอาตั๋วไปปั๊มเวลาที่เครื่องให้เรียบร้อยนะครับ ป้ายที่ไปลงคือ Bismarck Platz พอถึงป้ายนี้ข้ามถนนไปก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองแล้ว
เข้าสู่ถนนคนเดิน Hauptstrasse ถนนนี้เป็นถนนสายหลักของเมือง สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองส่วนใหญ่ก็ตั้งอยู่ตามสองข้างทางของเมืองให้ดูกันไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่าเมื่อเป็นถนนสายหลัก สองข้างทางก็ต้องเต็มไปด้วยแหล่ง Shopping และของกิน


เดินไปเรื่อย ๆ จะเจอกับบุคคลสำคัญหนึ่งท่านกำลังยืนตัวเขียวอยู่ ท่านนั้นก็คือ Robert Wilhelm Bunsen ซึ่งเป็นผู้คิดค้นตะเกียง Bunsen ที่ใช้กันในห้องทดลองนั่นเอง

เดินต่อไปสักพักจะเห็นยอดหอนาฬิกาของโบสถ์ Providenzkirche สามารถเข้าไปชมภายในได้นะครับ
ผ่านจากตรงนี้ไปก็จะเข้าสู่ Universitatplatz

ตรงนี้จะมีแผนที่เมืองให้ดูกันนะครับ ระหว่างทางก็จะมีศิลปินนั่งวาดรูปเหมือนอยู่ข้างทางเต็มไปหมดเลย
ถัดจาก Universitatplatz มาก็จะเป็น Marktplatz ที่จัตุรัสแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของโบสถ์ Heiliggeistkirche หรือโบสถ์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์นี้ถูกปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงมามากมาย เดิมทีเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างด้วยรูปแบบ Gothic แต่เมื่อเกิดสงครามฝรั่งเศสในปี 1709 โบสถ์นี้ได้รับความเสียหาย เมื่อมีการสร้างขึ้นใหม่จึงถูกสร้างขึ้นมาในแบบบารอค ส่วนเรื่องนิกายแรกเริ่มเป็นนิกายคาทอลิก ปัจจุบันก็กลายเป็นโปรเตสแตนต์อย่างเต็มตัวไปแล้ว


วันนี้จะพาไปดู Highlight ของเมืองนี้กันนั่นก็คือ Schloss Heidelberg และ Alte Brucke สองที่นี่เป็น Must See ของเมืองนี้นะครับ ใครไปแล้วไม่เห็นนี่ต้องมาแก้ตัวใหม่ ^__^ ว่าแล้วก็ไป Schloss Heidelberg (ปราสาทไฮเดลแบร์ก) กันก่อนละกันครับ จาก Marktplatz เดินต่อมาอีกนิดก็จะถึง Kornmarkt สังเกตไม่ยากครับ จะมีรูปปั้นพระแม่มารีตั้งอยู่กลางจัตุรัสเลย แอบเห็นปราสาทอยู่ข้างหลังด้วย


เดินไปเข้าซอยด้านหลังของรูปปั้นแอบมองหาตึกตามรูปด้านล่าง ถ้าเห็นแสดงว่ามาถูกทางแล้ว

วิธีขึ้นไปปราสาทมี 3 วิธี ครับ 1. ขึ้นรถราง 2. เดินขึ้นเขาแบบไม่มีบันได 3. ขึ้นบันได
ถ้าจะเดินขึ้นเลี้ยวซ้าย ถ้าจะขึ้นรถรางเลี้ยวขวา จะขึ้นแบบไหนแล้วแต่เลยนะครับ แต่ถ้าให้ผมแนะนำผมแนะนำว่าขึ้นรถรางดีกว่า ราคาแทบไม่ต่างกับเดินขึ้นเลย แต่สำหรับผมด้วยความงกที่จะทำให้รู้สึกโง่ตอนหลัง เลือกเดินขึ้นครับ เดี๋ยวจะบอกว่าโง่ยังไง ค่อย ๆ เดินไปตามทางเรื่อย ๆ จะเจอร้านกาแฟตั้งอยู่ ร้านนี้มีป้ายบอกว่าน้ำเย็น แอร์เย็นสบาย

มาถึงตรงนี้ก็ต้องตัดสินใจเลือกอีกครั้งว่าจะขึ้นบันไดหรือจะทางลาด (ชัน) บันไดเค้าบอกว่า 313 ขั้น ส่วนทางลาดเค้าไม่ได้บอกว่ากี่กิโลเมตร แต่ 10 นาที (หรือ 18 อันนี้ไม่แน่ใจว่าใครมาแอบเติม)

ผมตัดสินใจไปทางลาด (ชัน) ทันที เพราะแอบเห็นคุณตากับคุณยายเดินขึ้นไปก่อน

ค่อย ๆ กระดึ๊บขึ้นไปบนเขาทีละนิด บอกเลยนะครับว่าชันและร้อนมาก ผ่านไปไม่ถึงครึ่งทางคุณตากับคุณยายเดินลงครับ !! ทิ้งให้หนุ่มน้อยเดินหอบขึ้นเขาแต่เพียงผู้เดียว ผ่านไปกี่นาทีไม่แน่ใจ ไม่มีอารมณ์จับเวลาเลย รู้แค่หิวน้ำและร้อนมากกกกกกกก ในที่สุดก็ถึงปราสาทแล้ว ถ้าขึ้นมาทางนี้จะมาโผล่ที่ด้านหลังของปราสาทนะครับ

แล้วก็จัดแจงเดินไปซื้อตั๋วเข้าปราสาท และแล้วผลของความงกก็เกิดขึ้น ราคาเข้าปราสาทอย่างเดียวไม่มี !!!!! มีแต่ปราสาท+รถราง แล้วจะเดินขึ้นมาทำไมเนี่ย ก็ได้แค่บ่นในใจทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ... เข้าไปดูวิวกันดีกว่า ดูวิวเมืองจากด้านหลังของปราสาท

ปราสาทอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนหลาย ๆ ที่ในเยอรมนี แต่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่ตัวอาคารต่าง ๆ ถูกสร้างด้วยอิฐแดง สร้างความสวยงามไปอีกแบบ



ที่ด้านบนยังมีพิพิธภัณฑ์ยาหรือ Deutsches Apotheken Museum ให้เข้าไปรับชมกันด้วย ด้านในสามารถถ่ายรูปได้นะครับ แต่ว่าเค้าไม่ให้เปิดแฟลช


เมื่อรับชมพิพิธภัณฑ์ยาเรียบร้อยแล้วก็โผล่ออกมาดูวิวด้านหน้าปราสาทบ้าง แอบเห็นร้านน้ำโค้กขวดละ 3 Euro พระเจ้า !!!! มันแพงมากกกกกกก ด้วยความหิวน้ำจัดก็จำเป็นต้องซื้อไปตามระเบียบ....***แนะน้ำให้ซื้อทุกอย่างมาจากด้านล่างเขานะครับ


เมื่อรับชมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาลงเขา จะลงทางไหนอันนี้ก็แล้วแต่เช่นเดิมนะครับ ****ตั๋วรถรางใช้ได้ทั้งขึ้นและลงนะครับ ไม่ต้องซื้อใหม่ แต่สำหรับผม ไหน ๆ ก็โง่เดินขึ้นมาแล้ว ขาลงขอท้าทายกับบันได 313 ขั้น หน่อยละกัน

(ช่วงเดินลงกับเดินขึ้นจะเหมือนกันตรงที่ไม่มีรูปนะครับ มัวแต่คิดว่าขอให้ถึงสักที) เดินไปถึงด้านล่างก็ต้องหาอะไรกินละครับ ตรงข้ามกับที่ขายตั๋วรถรางด้านล่างจะมีร้านอาหารเกาหลีอยู่ ถ้าอยากไปกินก็ลองกันนะครับ คนในร้านเยอะมาก แต่ผมขอบายดีกว่า (ต้องประหยัดสักหน่อย)

หลังจากเดินลงมาถึงด้านล่างหาของกินราคาย่อมเยากินเรียบร้อยแล้ว ก็เดินย้อนกลับไปที่ Marktplatz เพื่อไปยังสะพานเก่า Alte Brucke (ชื่อจริง ๆ Karl-Theodor-Brucke) เป็นสะพานหินทอดข้ามแม่น้ำเน็คคาร์ ซอยที่จะพาไปยังสะพานแห่งนี้อยู่ใกล้ ๆ กับโบสถ์ Heiliggeistkirche ชื่อซอยว่า Steingasse หาไม่ยากครับ มองเข้าซอยไปจะเห็นซุ้มประตูสีขาวซึ่งเป็นประตูเมืองเก่านั่นเอง

เดินผ่านประตูเมืองไปก็จะเป็นสะพานที่เป็นเป้าหมายของเราแล้วแหละครับ ลองมองหันย้อนไปด้านหลังหน่อยก่อนเดินต่อ


รับลมชมวิวบนสะพานไปเรื่อย ๆ คนค่อนข้างเยอะนะครับ ก็มาสะดุดตากับรูปปั้นที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวต่างจากสะพานที่ Würzburg

และแน่นอนครับว่าเมื่อเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุด ย่อมมีคู่รักมาเที่ยวกันเยอะแน่นอน จึงสามารถเห็นแม่กุญแจที่คู่รักนำมาคล้องกันเป็นช่วง ๆ (ขนาดไม่ค่อยจะมีที่ให้คล้อง) ใครจะมาคล้องก็ตามสบายเลยครับ แต่เจ้าของกระทู้มาคนเดียวมันช่างหน้าเศร้ายิ่งนัก

แนะนำให้เดินข้ามสะพานไปชมวิวฝั่งตรงข้ามด้วยนะครับ อย่าเพิ่งเดินกลับไปก่อน เมื่อข้ามสะพานมาจะสามารถถ่ายรูปให้เห็น ทั้งสะพานเก่า ประตูเมือง และปราสาทให้อยู่ในรูปเดียวกันได้ ^___^


หลังจากเก็บรูปเรียบร้อยแล้วก็ไปนั่งเล่นริมแม่น้ำ ดูวิวรอพระอาทิตย์ตกดินได้สบาย ๆ

ก็เป็นอันว่าน่าจะเกือบหมดทุกส่วนของ Heidelberg แล้วอาจจะขาดรูปภายในโบสถ์ต่าง ๆ และบางจุดท่องเที่ยวก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ ถ้าใครมีอะไรสงสัยถามกันมาได้เลยนะครับ ทางความคิดเห็นหรือส่งข้อความมาก็ได้ ^___^
วิวก่อนเดินกลับเข้าตัวเมือง

วิวบนสะพาน


อันนี้ถ่ายปราสาทจากจัตุรัส Karlsplatz เดินเลยกว่า Kornplatz มานิดหน่อย

สุดท้ายกับโบสถ์ Heiliggeistkirche

ฝากกระทู้ต่อไปไว้ด้วยนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ ^___^
Würzburg & Rothenburg มาส่องสองเมืองบนเส้นทางสายโรแมนติกของเยอรมนี
>> http://pantip.com/topic/34034666<<
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ One Bag Traveller สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม