เหนื่อยกันไหมกับชีวิตที่ต้องเร่งรีบ ?? เบื่อกันบ้างหรือเปล่ากับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ??? เอาเป็นว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้หากพอมีเวลาก็อย่าลืมพาตัวเองออกไปนอกเมืองพักผ่อนสบาย ๆ สูดอากาศอันบริสุทธิ์กันบ้างนะคะ เพราะการเดินทางไปท่องเที่ยวช่วยเติมพลังให้เราได้จริง ๆ นะ อ๊ะ ๆ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี หรืออยากไปเที่ยวในช่วงวันหยุดนะแต่ไม่มีรถส่วนตัวละก็ ตามบันทึกการเดินทางของ คุณ sabrina สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวใกล้ ๆ กรุงเทพฯ กันไหม ฉีกข้อจำกัดของการไม่มีรถเป็นของตัวเองแต่ก็สามารถท่องเที่ยวได้สบาย ๆ ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ นั่นแน่ ! เริ่มสนใจแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเที่ยวกันเลยค่ะ
+++++++++++++++++++++++
เราพยายามหาที่เที่ยวนอกกรุงเทพฯ ที่ไปเช้า-เย็นกลับได้ หรือค้างสักคืนก็ดี แต่เรามีข้อจำกัดที่ว่า...เราไม่มีรถจ้า ดังนั้นต้องพึ่งระบบขนส่งสาธารณะเท่านั้น ! อาจจะไปมายังไม่เยอะมาก แต่ก็อยากจะแชร์ว่ามีที่ไหนที่น่าลองไปมั่ง เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไปสถานที่เหล่านี้มาแล้วแหละ ถ้าใครมีที่ไหนแนะนำก็เล่าสู่กันฟังบ้างนะ เราจะลอกทริปและตามรอย ฮ่า ๆ
ขอนำเสนอ 9 ที่เที่ยวตามนี้เลย :”)
1 บางกะเจ้า :- 280 บาท ไปเช้า-เย็นกลับ
2 กาญจนบุรี :- 1,270 บาท ค้าง 1 คืน
3 เกาะล้าน :- 504 บาท ไปเช้า-เย็นกลับ
4 อยุธยา :- 180 บาท ไปเช้า-เย็นกลับ
5 เกาะสีชัง :- 575 บาท ไปเช้า-เย็นกลับ
6 ปราณบุรี :- 2,500 บาท ค้าง 1 คืน
7 ตลาดร่มหุบ :- 250 บาท ไปเช้า-เย็นกลับ
8 เกาะเกร็ด :- 150 บาท ไปเช้า-เย็นกลับ
9 นครนายก :- 300 บาท ไปเช้า-เย็นกลับ
แวะมาทักทายกันได้ที่
Facebook Page : www.facebook.com/travelmilesawaydotcom
Blog : www.travelmilesaway.com
#1 บางกะเจ้า ปั่นจักรยานชมวิว อารมณ์ชิล ๆ ใกล้กรุงเทพฯ
เริ่มกันที่สมุทรปราการ ถ้าใครชอบปั่นจักรยาน ชอบสีเขียว ๆ แนะนำที่บางกะเจ้าเลย ที่นี่มีสวนสาธารณะ มีคาเฟ่ให้นั่งพักผ่อน มีตลาดน้ำให้เดินเล่น ผู้คนก็ใจดีด้วย ส่วนการเดินทางจากกรุงเทพฯ นั้นก็ไม่ยากเลย ง่ายแสนง่าย แนะนำให้มาวันเสาร์-อาทิตย์เพราะตลาดน้ำและพิพิธภัณฑ์เปิด
การเดินทาง: เริ่มต้นที่รถไฟใต้ดิน MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกไปซอยไผ่สิงโต อยู่ตรงข้ามกับศูนย์การประชุมฯ ออกมาปุ๊บก็จะเจอแท็กซี่จอดเรียงรายอยู่ จริง ๆ จะไปจากรถไฟใต้ดิน MRT คลองเตยก็ได้นะ ขึ้นทางฝั่งโรงงานยาสูบ แต่ตรงนั้นอาจจะหาแท็กซี่ยากกว่า ขึ้นแท็กซี่บอกว่าไปลงท่าเรือคลองเตย ตรงวัดคลองเตยนอก ให้เขาส่งหน้าวัดโลด ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ราคาประมาณ 45-50 บาท ข้าง ๆ ทางเข้าวัดคลองเตยนอก จะมีซอยเล็ก ๆ อยู่ เดินไปสุดซอยก็จะเจอท่าเรือเล็ก ๆ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เที่ยวละ 10 บาท เรือจะพาข้ามฝั่งไปบางกะเจ้า !
พอถึงอีกฝั่งก็เจอร้านเช่าจักรยานเลยจ้า ชั่วโมงล่ะ 50 บาท หรือเหมาทั้งวัน 100 บาท เช่ากี่คันก็ได้แต่ต้องมัดจำด้วยเงิน 1,000 บาท หรือทิ้งบัตรประชาชนไว้ ที่ร้านมีแผนที่ให้ด้วยอย่าลืมหยิบไปล่ะ !
จะไปไหนก่อนดี ?
เริ่มออกเดินทางกัน ! ปั่นมาไม่กี่นาทีจากท่าเรือก็ถึงจุดหมายแรกคือ "สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์"
มาดูบรรยากาศรอบ ๆ กัน อากาศเย็นสบายต้นไม้ช่วยได้เยอะ
ไม่ต้องกลัวหลงนะ ที่นี่มีป้ายแผนที่บอกอยู่ตลอดทาง แถมมีที่ให้จอดจักรยานด้วย มีอยู่หลายจุดเลย
ปั่นมาเรื่อย ๆ จะเจอหอคอยเล็ก ๆ เดินขึ้นประมาณ 4 ชั้น ก็ถึงด้านบน เหมือนเขาสร้างเตี้ยไปหน่อยนะ ไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเท่าไร แต่มองไปรอบ ๆ นี่...เห็นแต่สีเขียว สบายตาดีจัง
ทางปั่นส่วนใหญ่เป็นทางเรียบ ๆ ปั่นได้อย่างสบาย ชิลมาก บางที่จะขรุขระหน่อยแต่ก็ไม่เป็นปัญหา
ปั่นจนพอใจ สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดแล้วเปลี่ยนไปที่อื่นกันเถอะ ปั่นออกจากมาสวนก็จะเจอป้ายบอกทางไปสถานที่ต่าง ๆ เราตัดสินใจไปพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยก่อน
ใช้เวลาไม่นานเท่าไรก็มาถึงแล้ว ที่นี่เปิดบริการวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น เวลา 10.00-17.00 น.
มาดูน้อง ๆ ปลากัดกัน โดนจับใส่โหลแยกกัน แน่ล่ะสิ ! เดี๋ยวมันทะเลาะแล้วกัดกัน
มีที่ให้นั่งพักด้วย ดูปลากัดแบบใกล้ บรรยากาศดูร่มรื่นมาก เย็น สบาย จนทำให้รู้สึกง่วง
โอเค...ต่อไปจะปั่นจักรยานยาว ๆ เพื่อไปเดินเล่นที่ตลาดน้ำ หลังปั่นมาประมาณ 2 กิโลเมตร รู้สึกหิวน้ำ ขอไปนั่งพักดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อนละกัน เราไปคาเฟ่แห่งหนึ่งชื่อว่า "กาแฟในบ้าน" ร้านอยู่เลยซอยทางเข้าตลาดน้ำมาหน่อย จุดสังเกตง่าย ๆ คืออยู่ใกล้ ๆ กับเซเว่นฯ ฝั่งเดียวกัน หน้าร้านมีที่ให้จอดจักรยานด้วย
สั่งอะไรดีนะ
ตัดสินใจสั่งชาเขียวมะพร้าว คุณลุงและคุณป้าก็ช่วยกันใหญ่เลย น่ารักดี
มาดูบรรยากาศรอบร้านกัน ร้านตกแต่งออกมาแบบคลาสสิก ๆ เอาของเก่ามาตกแต่ง...ดูดีเลยทีเดียว !
ตอนแรกนึกว่าจะร้อนแต่ก็ไม่นะ มีที่นั่งที่ติดกับบ่อน้ำเล็ก ๆ ด้วย อากาศถ่ายเทดี
น้ำชาเขียวมะพร้าวมาแล้ว ! ตกใจกับขนาดมาก ดูเยอะและคุ้มราคา รสชาติก็ใช้ได้อยู่นะ
แผนที่และเบอร์ติดต่อ
พักจนหายเหนื่อยแล้วปั่นจักรยานย้อนทางเดิมไป "ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง" กัน ปั่นไปมาทำไมไม่ถึงสักที สรุปไปโผล่ที่ท่าเรือซะอย่างนั้น ท่าเรือเล็ก ๆ ที่ไหนก็ไม่รู้ ถามพี่วินแถวนั้น "พี่คะ นี่คือที่ไหนในแผนที่ ? จะไปตลาดน้ำ ปั่นมาตามแผนที่แต่ไม่เจอซะงั้นอะ" พี่วินก็ช่วยบอกทาง ดูใจดีจริง ๆ สรุปคือแผนที่เขียนไม่ละเอียดจ้า เราปั่นย้อนกลับไป ไม่เป็นไร ถือว่าได้ออกกำลังกาย ฮ่า ๆ สรุปคือจากทางเข้าซอยปั่นมานิดหน่อยทางเข้าจะเป็นวัดอยู่ทางซ้ายมือจ้า ในที่สุดก็ถึงตลาดน้ำแล้ว มีสินค้าและอาหารมากมาย
เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน...ต้องกลับแล้ว พอดีมาที่นี่ตอนบ่าย ๆ ด้วย (ทำไมไม่มาเช้า ๆ ล่ะ ?! ไม่ตื่นไงเธอ) ยังเที่ยวไม่ครบเลย จริง ๆ ยังมีอีกหลายสถานที่ เช่น บ้านธูปสมุนไพร เป็นแหล่งผลิตธูปหอม เราสามารถลองทำได้ด้วยนะ อยากทำต้องมาใหม่ ฮือ ๆ หรือจะไปหมู่บ้านมอญ ปั่นไปเที่ยวสวนป่าก็ได้ มีอีกเยอะ ! ขากลับก็มาที่ท่าเรือเดิม คืนจักรยานแล้วอย่าลืมบัตรหรือเงินมัดจำนะ ระหว่างรอเรือดูวิวแถว ๆ ท่าเรือคลองเตยก็ดีเหมือนกัน
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 2 คน)
- รถไฟใต้ดิน (ตามระยะทาง) ไป-กลับ 60 บาท
- แท็กซี่ไปกลับคนละ 45 บาท
- เรือข้ามฟากไปกลับคนละ 20 บาท
- เช่าจักรยานแบบเหมา 100 บาท
- น้ำชาเขียวมะพร้าว 55 บาท
รวมทั้งหมด 280 บาท
#2 กาญจนบุรี กลับสู่อ้อมกอดขุนเขาและสายน้ำ
ถ้าจะพูดถึงที่เที่ยวที่กาญจนบุรีอาจต้องใช้เวลาหน่อยเพราะมันเยอะมาก ! มีทั้งภูเขา น้ำตก สายน้ำ คือชอบธรรมชาติเลยชอบจังหวัดกาญจนบุรีสุด ๆ คราวนี้เลยขอค้างคืนที่นี่สักหนึ่งคืน เราพักที่แพริมแม่น้ำแควแห่งหนึ่งในตัวเมือง คืนละ 800 บาท อยู่ไม่ไกลมากจากสถานีรถบัส รถตู้ และรถไฟ
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ไปกาญจนบุรี มี 3 วิธี
1. รถไฟ : รถไฟไปกาญจนบุรีเป็นสายสั้น ๆ ถ้าไปสุดสายใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง เหมือนวันเสาร์-อาทิตย์จะมีรถไฟขบวนพิเศษด้วย ราคา 120 บาท ส่วนข้อมูลด้านล่างเป็นแบบรถไฟธรรมดา
ขาไป กรุงเทพฯ-น้ำตกไทรโยคน้อย
► จากกรุงเทพฯ ไปกาญจนบุรี มีรอบเช้า 07.45 น. (ขบวนที่ 257) และบ่าย 13.55 น. (ขบวนที่ 259)
► รถไฟมาสุดสายที่น้ำตกไทรโยคน้อย เวลา 12.35 น. (ขบวนที่ 257) และ 18.30 น. (ขบวนที่ 259)
ขากลับ น้ำตกไทรโยคน้อย-กรุงเทพฯ
► ขากลับจากน้ำตกมากรุงเทพฯ รถไฟออก 12.50 น. (ขบวนที่ 258) และ 15.15 น. (ขบวนที่ 486)
► ถึงกรุงเทพฯ เวลา 17.35 น. (ขบวนที่ 258) ส่วนขบวน 486 ไม่ถึงกรุงเทพฯ จ้า สุดสายที่ชุมทางหนองปลาดุก
2. รถทัวร์ : ขึ้นที่สายใต้ใหม่หรือหมอชิตก็ได้ ราคา 100-120 บาท (รถปอ.1) แต่ที่สายใต้ใหม่จะออกรถถี่กว่า ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง รถออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 05.00 น. ส่วนกลับกรุงเทพฯ จากกาญจน์รอบสุดท้าย 19.00 น.
3. รถตู้ : ที่ตรงอนุสาวรีย์มีหลายเจ้าเลย ราคา 120-130 บาท ใช้เวลาพอ ๆ กับรถทัวร์ เราไปด้วยรถตู้เพราะเดินทางจากบ้านไปสะดวกกว่า นั่งรถไปลงที่ บขส. กาญจนบุรี รถทัวร์ก็มาจอดที่นี่เหมือนกัน บขส. อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมาก บริเวณ บขส. มีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ ให้พี่เขาไปส่งที่พัก สถานที่ต่าง ๆ ในตัวเมือง หรือให้ไปส่งที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์แถว ๆ โค้งประปาก็ได้ เช่าแล้วจะได้ไปไหนมาไหนสะดวก แต่ช้าก่อน ! ร้านส่วนมากไม่ให้คนไทยเช่าซะอย่างนั้น เหอะ ๆ เขาบอกว่าคนไทยเช่าแล้วเอาไปขาย เลยให้ชาวต่างชาติเช่าวันละ 200 บาท ไม่รวมน้ำมัน
ตึง ! ทำยังดีล่ะ ? หาแฟนฝรั่ง หาแฟนชาวญี่ปุ่น เกาหลีหรือยังไง ?! ยากไปไหมวิธีนี้ ? คงต้องหาร้านและต่อรองเอา แต่อาจจะยากหน่อย
เอาล่ะ ! ที่แรกไป “น้ำตกเอราวัณ” ขี่มอเตอร์ไซค์ไปใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจะนั่งรถหวานเย็นก็ได้ ใช้เวลา 1.30-2 ชั่วโมง รถอยู่แถว ๆ บขส. ป้ายหน้ารถจะเขียนว่าไปน้ำตกเอราวัณ รถคันสีฟ้า ๆ ราคา 50 บาท รถออกทุก ๆ ชั่วโมง ส่วนขากลับจากน้ำตกมาตัวเมือง จะมีตารางเวลาบอก คันสุดท้ายตอน 16.00 น.
เราถึงเมืองกาญจน์ประมาณ 11 โมง จากนั้นไปที่พัก เก็บของ พักผ่อนหน่อยแล้วไปน้ำตกเอราวัณ เท่านี้ก็หมดเวลาวันแรกแล้วจ้า ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ คนไทย 100 บาท ส่วนต่างชาติ 300 บาท
วันที่สองตอนเช้า ๆ ก็ไปสุสานทหารสัมพันธมิตร แล้วเที่ยวบริเวณรอบ ๆ การเดินทางภายใน...อย่างที่บอกคือเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเอง ไปกับพี่วิน หรือนั่งรถหวานเย็นจากตัวเมืองก็ได้ ไปได้หลายที่อยู่ คร่าว ๆ ก็มี...
► น้ำตกเอราวัณ สาย 8170 ราคา 50 บาท
► น้ำตกไทรโยคน้อย สาย 8203 ราคา 37 บาท
► ช่องเขาขาด สาย 8203 ราคา 45 บาท
► สะพานข้ามแม่น้ำแคว รถสองแถว 10 บาท
แต่เราอยากลองนั่งรถไฟสายมรณะ ไปโลดที่สถานีรถไฟอยู่ใกล้ ๆ กับสุสานทหาร รถไฟจากตัวเมืองกาญจน์ไปถ้ำกระแซมีรอบ 10.45 น. และ 16.19 น. เราไปรอบแรกเป็นรถไฟธรรมดาขับผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว นั่งไปเรื่อยจนเหงื่อแห้ง ใช้เวลาเกือบ ๆ 2.30-3 ชั่วโมง ก็ใกล้ถึงสถานีถ้ำกระแซ
นักท่องเที่ยวดูตื่นเต้นกับเส้นทางประวัติศาสตร์อันโหดร้ายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ระหว่างทางโค้งนั้นมีรีสอร์ทเรียงรายตามโค้งแม่น้ำ
เราลงที่สถานีถ้ำกระแซ ที่สถานีนี้มีของขายเยอะมาก จริง ๆ น่าจะมีพิพิธภัณฑ์ที่นี่นะ เหมือนเป็นสายรถไฟประวัติศาสตร์ แต่ดูไม่มีอะไรเท่าไร เลยตัดสินใจเดินบนทางรถไฟไปถ้ำกระแซกัน ข้างในถ้ำไม่มีอะไรมาก
เดินชมวิวไปตามเส้นทางรถไฟดีกว่า
ไม่อยากคิดเลยว่าเมื่อสมัยสงครามมีคนตายมากมายเพื่อสร้างทางรถไฟแห่งนี้
มาถึงอีกฝั่งก็นั่งรอรถไฟที่อยู่ใกล้ ๆ รีสอร์ทแห่งหนึ่ง จริง ๆ มันควรจะมาตั้งแต่ 13.15 น. แต่มีดีเลย์เลยต้องรอนานหน่อย ในที่สุดรถไฟก็มาแล้ว เย่ !
ขากลับเราลงที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เดินเล่นบนสะพานตอนเย็น ๆ นั่งริมแม่น้ำอีกหน่อย ก่อนให้พี่วินไปส่งที่ บขส. ราคาประมาณ 30 บาท แล้วนั่งรถตู้กลับกรุงเทพฯ
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 2 คน)
- รถตู้ไป-กลับ อนุสาวรีย์-บขส. กาญจนบุรี คนละ 240 บาท
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ รวมน้ำมัน 24 ชั่วโมง คนละ 250 บาท
- รถไฟไปถ้ำกระแซ 0 บาท
- ค่าพี่วินไปร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ไป-กลับ บขส. คนละ 80 บาท
- ค่าที่พักริมแม่น้ำ คนละ 400 บาท
- ค่าเข้าน้ำตกเอราวัณ 100 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ คนละ 200 บาท
รวมทั้งหมด 1,270 บาท
#3 เกาะล้าน ขับมอเตอร์ไซค์ทั่วเกาะ หาที่เหมาะ ๆ พักผ่อนหย่อนใจ
ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเกาะล้าน เชื่อว่าทุกคนไปเกาะล้านกันเกือบทุกคนแล้วเนอะ เป็นสถานที่ฮอตฮิตแห่งหนึ่งใกล้กรุงเทพฯ น้ำทะเลใส ไปเช้า-เย็นกลับได้สบาย ๆ แต่วันเสาร์-อาทิตย์คนเยอะหน่อย แต่ก็มีบางหาดที่ไม่ค่อยมีคนนะ ดูเป็นส่วนตัวมากเลย
การเดินทาง: เริ่มต้นกันที่อนุสาวรีย์กันอีกเช่นเคย นั่งรถตู้ไปลงที่ท่าเรือแหลมบาลีฮายพัทยา ราคาประมาณ 100 บาท ใช้เวลาประมาณ 2-2.30 ชั่วโมง พอมาถึงปุ๊บ เฮ้ยยยยยย !! เรือจะออกแล้ว รอด้วยค่า รีบตรงดิ่งไปขึ้นเรือ เที่ยวละ 30 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ถึงเกาะแล้ว
► จากท่าเรือไปเกาะล้านที่ท่าหน้าบ้าน มีรอบ 07.00 น., 10.00 น., 12.00 น., 14.00 น., 15.30 น., 17.00 น. และ 18.30 น.
► จากท่าหน้าบ้านที่เกาะล้านกลับฝั่งพัทยา มีรอบ 06.30 น., 07.30 น., 09.30 น., 12.00 น., 14.00 น., 17.00 น. และ 18.00 น.
เราจะเดินทางภายในเกาะกันด้วยมอเตอร์ไซค์ค่ะ จากท่าเรือเดินตรงมาเรื่อย ๆ อย่าไปสนใจแถวท่าเรือ ราคามันแรง แต่เดินออกมาข้างนอกอีกหน่อย ร้านเช่าอยู่ติดเซเว่นฯ ราคา 200 บาท แถมน้ำมันเต็มถัง ถ้าหมดก็โทรเรียกให้เติมได้ ไม่รอช้าเอาเจ้านี้แหละ ! ขับไปเรื่อย ๆ มีป้ายบอกสถานที่แต่ละหาด เราไปแบบเรื่อย ๆ ไม่มีแผน อยากหยุดตรงไหนก็หยุด จนจำไม่ได้ว่าไปไหนมามั่ง ฮ่า ๆ ไปหาดตาแหวนกันที่แรก แต่คนเยอะเกินนนนนนนน มีแต่ทัวร์จีน
จากนั้นขับแวะตามหาดไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย แวะหาดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหาดเทียน หาดแสม หาดตายาย สับสนไปหมด หาดเยอะเกิน ! อยู่ดี ๆ โผล่ที่วัดแห่งหนึ่ง เดินขึ้นบันไดหลายชั้นเป็นจุดชมวิว
มีเรือเยอะแยะไปหมด
ยิ่งสูงยิ่งสวย
สุดท้ายมานั่งพักที่ริมหาดหนึ่ง จำชื่อก็ไม่ได้ แต่มันดูเงียบสงบและชิลดี
เรากลับไปฝั่งพัทยารอบ 17.00 น. พอถึงอีกฝั่งก็เดินเล่นที่ Walking Street อีกหน่อย ก่อนไปขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ จุดขึ้นรถมีแถว ๆ หน้าร้านทองธารทอง เยื้องหัวมุมถนน Walking Street หรือจะขึ้นแถว ๆ หน้าท่าเรือแหลมบาลีฮายก็ได้ ติดกับเซเว่นฯ รถหมดประมาณ 19.00-20.00 น. นะ
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 2 คน)
- รถตู้ไป-กลับ อนุสาวรีย์-ท่าเรือแหลมบาลีฮาย คนละ 194 บาท
- ค่านั่งเรือไปกลับ คนละ 60 บาท
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ รวมน้ำมัน คนละ 100 บาท
- ค่าเช่าที่นั่งตรงชายหาด คนละ 50 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ คนละ 100 บาท
รวมทั้งหมด 504 บาท
#4 อยุธยา ปั่นจักรยาน ณ เมืองเก่าประวัติศาสตร์
เมืองหลวงเก่าอย่างอยุธยาเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าไปมาก เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ชาติไทย แถมอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ด้วย ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่พาไปเที่ยวด้วยรถยนต์ แต่คราวนี้โตแล้วไปเที่ยวเอง การเดินทางก็ง่ายแสนง่ายอีกเช่นกัน
การเดินทาง : การเดินทางที่สะดวก ๆ มี 2 วิธีด้วยกัน
1. รถตู้ : ขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ รถออกเรื่อย ๆ เลย ราคา 60 บาท (ไม่รู้ขึ้นราคายัง) ใช้เวลา 1-1.30 ชั่วโมง
2. รถไฟ : ใช้เวลาประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง จะไปแบบฟรีหรือรถไฟชั้นด่วนก็ได้ค่ะ ราคา 20 บาท
เราเดินทางด้วยรถไฟด่วน เริ่มต้นที่สถานีบางซื่อ 07.12 น. ถึงอยุธยา 08.25 น. รถไฟออกเรื่อย ๆ นะ ไปเช็กเวลาตามนี้เลย www.railway.co.th
นั่งชิล ๆ นั่งหลับเรื่อย ๆ ก็ถึงแล้ว เดินออกจากสถานีรถไฟก็ข้ามถนนแล้วเดินตรงเข้าซอยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ต้องนั่งเรือข้ามฟากไปอีกฝั่ง ราคาเที่ยวละ 5 บาท ข้ามมาก็เจอร้านเช่าจักรยานอยู่หลายร้าน เลือกเช่าได้ตามใจเลย ราคาอยู่ที่ 40-50 บาท ส่วนมอเตอร์ไซค์ 250 บาท เราอยากปั่นจักรยานมากกว่า แล้วอย่าลืมขอแผนที่ด้วยนะจ๊ะ
จักรยานพร้อม แผนที่พร้อม คนพร้อม ออกเดินทางกัน ! ปั่นจักรยานไปตามวัดต่าง ๆ ตามแบบฉบับค่ะ เราจำไม่ได้ว่าเราไปไหนมาบ้าง ชอบไปแบบไร้ทิศทาง ฮ่า ๆ เริ่มต้นที่ "วัดมหาธาตุ" และวัดอื่น ๆ มาดูรูปกันเลยดีกว่า
ขอโทษด้วยนะคะข้อมูลไม่แน่น จำไม่ได้แล้ว ความจำปลาทอง ฮือ ๆ ขากลับก็ข้ามมานั่งเรือข้ามไปอีกฝั่ง เดินกลับไปสถานีรถไฟแถมได้นั่งรถไฟฟรีด้วย อิอิ
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 2 คน)
- ค่ารถไฟแบบด่วน 20 บาท ขากลับบังเอิญเจอรถไฟฟรีพอดี
- ค่านั่งเรือข้ามฟากไป-กลับ คนละ 10 บาท
- ค่าเช่าจักรยาน คนละ 50 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ คนละ 100 บาท
รวมทั้งหมด 180 บาท
#5 เกาะสีชัง เดินเล่นรับลมเย็น ๆ อาหารทะเลสด ๆ
อีกหนึ่งเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก มีจุดให้แวะถ่ายรูปอยู่ โดยเฉพาะบริเวณสะพานอัษฎางค์เป็นจุดที่สวยอีกจุดหนึ่ง ที่เกาะสีชังคนไม่ค่อยเยอะเหมือนเกาะล้าน ถ้าใครต้องการหาที่เงียบสงบ หลบหนีจากความวุ่นวาย แนะนำมาเกาะสีชังเลยจ้า เป็นทริปสบาย ๆ แบบไปเช้า-เย็นกลับได้เลย
การเดินทาง : อีกแล้วครับท่าน ! จะไปที่ไหนไม่ได้นอกจากมาขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ เราเลือกไปกับเมืองท่ามหานคร อยู่ข้าง ๆ Suzuki ราคา 100 บาท เพราะคิวนี้จะไปส่งที่เกาะลอยเลย ไม่ต้องต่อรถอีก พอลงเกาะลอยแล้วก็ซื้อตั๋วที่ท่าเรือได้เลย ง่ายไหมล่ะ ค่าเรือเที่ยวละ 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
► จากท่าเรือเกาะลอยไปเกาะสีชัง มีรอบ 08.00 น., 10.00 น., 12.00 น., 14.00 น., 16.00 น., 18.00 น. และ 20.00 น.
► จากเกาะสีชังกลับท่าเรือเกาะลอย มีรอบ 06.00 น., 08.00 น., 11.00 น., 14.00 น., 16.00 น., 18.00 น. และ 19.00 น.
การเดินทางภายในเกาะมี 3 วิธี
1. เช่ารถมอเตอร์ไซค์ 250 บาท
2. เช่ารถสกายแล็ป 250 บาท นั่งได้ประมาณ 4-6 คน
3. เช่ารถสองแถว 500 บาท นั่งได้ประมาณ 10 คน
ตามมาเที่ยวกัน…เริ่มต้นที่ท่าเรือเกาะลอย ระหว่างรอเรือเดินเล่นดูน้องเต่า
บรรยากาศในเรือ
เห็นเรือขนส่งสินค้าต่าง ๆ ลำใหญ่ ๆ มากมาย
ถึงท่าเรือแล้วจ้า เราเลือกเช่ามอเตอร์ไซค์เพราะไปไหนมาไหนเองสบาย หลงทางได้ตามสะดวก
ขับเที่ยวเล่นไปเรื่อย ๆ
หิวก็พักกินอาหารทะเลสด ๆ
น้ำทะเลที่นี่ใสดีนะ ชอบ ๆ
นั่งพักชิล ๆ ที่ชายหาด
ปิดท้ายด้วยบริเวณสะพานอัษฎางค์
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 2 คน)
- ค่ารถตู้ไป-กลับ คนละ 200 บาท
- ค่านั่งเรือไป-กลับ คนละ 100 บาท
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ รวมน้ำมัน คนละ 125 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ คนละ 150 บาท
รวมทั้งหมด 575 บาท
#6 ปราณบุรี เดินขึ้นถ้ำพระยานคร แวะเที่ยวเพลินวาน
เลยหัวหินมาหน่อยก็ถึงหาดสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่นี่หาดเงียบสงบเหมือนเป็นหาดส่วนตัวเลย อาหารทะเลก็สดอร่อย แถมยังมีกิจกรรมเดินออกกำลังกายขึ้นเขาอีกด้วย ใครชอบเดินป่าเดินเขา ชอบทะเล อย่าพลาดมีครบหมดจ้า !
การเดินทาง : นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ไปปราณบุรี ให้รถตู้ไปส่งที่พักได้เลยแต่ต้องเพิ่มเงินนะจ๊ะ เราพักที่รีสอร์ทใกล้ ๆ กับหาดสามร้อยยอด ไปถึงกันตอนเกือบเที่ยง ๆ แผนวันนี้คือไปถ้ำพระยานคร คุณลุงเจ้าของที่พักใจดีมากกกกก :") พาไปส่งที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ค่าเข้าคนละ 40 บาท จากนั้นไปที่หาดบางปูเป็นจุดที่สามารถเหมาเรือให้ไปส่งแถว ๆ หาดแหลมศาลา แหลมศาลาเป็นที่ตั้งของถ้ำพระยานคร ราคาไป-กลับ 300 บาท
ถ้าไม่อยากนั่งเรือก็ต้องเดินข้ามเขา 2 ลูก ไปถ้ำพระยานคร โดยเขาลูกแรกต้องเดินเท้าประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้านั่งเรือจากหาดบางปูไปหาดแหลมศาลาก็ไม่ต้องข้ามเขาลูกแรก วัดความฟิตกันตรงนี้แหละ ! เราไปถึงตอนบ่าย ๆ ไม่อยากเสียเวลา (ข้ออ้างชัด ๆ แก่แล้วก็ยอมรับซะ) เลยไปเริ่มที่เขาลูกที่สองเลย เดินเพียง 430 เมตร เท่านั้นเอง (เหรอ ?!)
ได้เวลาเดินขึ้นเขากันแล้ว พร้อมไหม ?!
เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ มีทางลาด ทางชันบ้างสลับกันไป
ใกล้ ๆ ถึงถ้ำก็เห็นสะพานมรณะ ที่ชื่อนี้เพราะว่ามีสัตว์ตกลงมาตายเป็นจำนวนมาก เพราะข้ามจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งนั่นเอง
เดินไปยังไม่ทันเหนื่อยเลย (เหรอ ?!) ก็ถึงแล้ว พระที่นั่งฯ ตั้งเป็นเด่นสง่าอยู่ ถ้ามาตอนเช้า ๆ สักประมาณ 10-11 โมง ก็จะเห็นแสงแดดส่องพระที่นั่งฯ อย่างสวยงาม แต่เรามาถึงสายเกือบ ๆ บ่ายสามเลย อดเลย ฮือ ๆ
พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
ขาลงนี่ไวมาก จากนั้นนั่งเรือกลับไปหาดปู พักเหนื่อยกินอาหารทะเลสด ๆ ซะหน่อย
จากนั้นคุณลุงที่พักก็มารับกลับที่พัก ตอนเย็น ๆ ก็ปั่นจักรยานของที่พักไปเล่นน้ำทะเลกัน หาดส่วนตัวมาก ๆ ไม่มีใครมาเล่นเลย เล่นจนพอใจก็กลับไปอาบน้ำแล้วออกมาหาข้าวเย็นกิน มีให้เลือกมากมายหลายร้าน อาหารทะเลสด ๆ ทั้งนั้น แถมตอนขากลับโดนน้องหมา 2 ตัว วิ่งไล่ด้วย รีบปั่นแทบตาย เหอ ๆ
เช้าอีกวันก็ปั่นจักรยานรอบ ๆ ชายหาด ขากลับลุงเจ้าของที่พักใจดีอีกแล้ว พอดีคุณลุงจะเข้าเมืองไปซื้อของ เลยได้ติดรถไปด้วย อิอิ คุณลุงมาส่งที่ท่ารถตู้ตลาดโกแก้ว ขอบคุณมากเลยค่ะคุณลุง น่ารักและใจดีสุด ๆ
พอดีอยากแวะเที่ยวเพลินวานเลยขอแวะไปซะหน่อย บอกพี่คนขับรถได้ค่ะ
มีร้านขายของเยอะแยะ แต่เราเฉย ๆ อะ ไม่ใช่ขาช้อปปิ้ง สนของกินมากกว่า ฮ่า ๆ
ตอนกลับก็โบกเรียกรถตู้หน้าเพลินวานกลับกรุงเทพฯ เป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจมาก ๆ
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 3 คน)
- ค่ารถตู้ไป-กลับ คนละ 550-600 บาท
- ค่านั่งเรือไป-กลับ คนละ 100 บาท
- ค่าที่พัก คนละ 1,000 บาท
- ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ คนละ 700 บาท
รวมทั้งหมดประมาณ 2,500 บาท
#7 ตลาดร่มหุบ โอ้ ! อะเมซิ่งไทยแลนด์ แวะเที่ยวอัมพวา
พอดีเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติอยากไปเที่ยวตลาดร่มหุบ อยากดูของแปลกที่อำเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม เลยแวะพาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาด้วยซะเลย เราก็ไม่เคยไปที่นี่นะ กะพาเพื่อนหลงไปตายเอาดาบหน้า ฮ่า ๆ คิดผิดแล้วแหละที่ให้เรานำทาง หุหุ
การเดินทาง: นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ไปลงที่ตลาดแม่กลอง ราคาคนละ 70 บาท ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว รถตู้จะส่งที่ตลาดแม่กลอง พอถึงก็ถามแม่ค้าแถวนั้นว่าเดินไปแถว ๆ ตลาดร่มหุบยังไง เดินไปไม่นานเท่าไรก็ถึง ระหว่างทางเดินภายในตลาดมีผักสด เนื้อสัตว์ต่าง ๆ อาหารทะเลสด ๆ หลากหลายชนิด และที่ขาดไม่ได้คือ...ปลาทู
รถไฟสายแม่กลอง-บ้านแหลม เป็นขบวนสั้น ๆ มีเพียง 2 โบกี้เท่านั้น ตอนนี้มีรถไฟแค่ 3 รอบ (ไป-กลับก็ 6 เที่ยว) ถ้าไปต้องกะเวลาดี ๆ นะ
► ขาออกจากสถานีแม่กลอง เวลา 06.20 น., 10.20 น. และ 14.30 น.
► ขาเข้ามายังสถานีแม่กลอง เวลา 09.45 น., 13.45 น. และ 18.25 น.
เรามาถึงก่อนรอบ 14.30 น. หน่อย ก็รอ รอ รอ คุณรถไฟ…
นักท่องเที่ยวเริ่มมารวมตัวกัน จริง ๆ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันนะเนี่ย
อยู่ดี ๆ คุณเพื่อนทั้งหลายก็เอาเหรียญไปวางบนรางรถไฟ เราก็ถาม...ว่าวางไปทำไมอะ ?
"คิดดูตอนรถไฟวิ่งทับแล้วเหรียญมันก็จะแบน ๆ มันเจ๋งขนาดไหนล่ะ ? เก็บเป็นที่ระลึกได้ด้วย"
จากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ทำตาม อยู่ดี ๆ ได้ยินเสียงแม่ค้าตะโกนตามมาดัง ๆ
"No coin ! No coin ! It\'s KING"
เพื่อนเราก็ตกใจ รีบขอโทษใหญ่เลย จริง ๆ เรื่องนี้เราก็ลืมคิดไปเหมือนกันนะ แต่เพื่อนยังไม่ยอมแพ้ เอาเหรียญยูโรไปวาง "This is Euro" แม่ค้าก็หัวเราะกันไป
สักพักก็ได้ยินเสียงเตือนว่ารถไฟจะออกจากสถานีแม่กลองแล้ว แม่ค้าพ่อค้าก็เริ่มหุบร่ม พวกเราก็เตรียมกล้องกันพร้อมเหมือนกัน !
คุณเพื่อนก็ดูตื่นเต้นกันยกใหญ่ "OMG! This is super crazy !"
รถไฟผ่านไปแม่ค้าก็กางร่มเหมือนเดิม แล้วก็ขายของกันตามปกติ
จากนั้นก็เดินกันรอบ ๆ ตลาด แถมเพื่อนเราก็ซื้อกบปิ้งมาด้วย ไม้หนึ่งมีสองตัว ยืนถ่ายรูปกบ ถ่ายรูปทำท่ากินกบกันสนุกใหญ่ แต่มีหนุ่มญี่ปุ่นและเม็กซิโกเท่านั้นที่กล้ากิน อีกสามคนที่เหลือมาจากเยอรมนีแเละฝรั่งเศสไม่กล้ากิน...จะว่าไปเราก็ไม่กล้า ! จุดหมายต่อไปคือไป "อัมพวา" แม่ค้าก็บอกทางไปขึ้นรถสองแถว ราคา 8 บาท ต่อคน ใช้เวลา 10 นาที จากตลาดแม่กลองก็มาถึงตลาดน้ำอัมพวาแล้ว ขากลับกรุงเทพฯ ก็ถามทางตามเคย แม่ค้าบอกทางไปขึ้นวินรถตู้กลับกรุงเทพฯ
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 6 คน)
- ค่ารถตู้ไป-กลับ คนละ 140 บาท
- ค่านั่งรถสองแถวไปอัมพวา คนละ 8 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ คนละ 100 บาท
รวมทั้งหมดประมาณ 250 บาท
#8 เกาะเกร็ด เดินเล่นรอบเกาะ หาของกินอร่อย ๆ
เกาะเกร็ดเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของชุมชนชาวมอญ มีเครื่องปั้นดินเผาต่าง ๆ มากมาย และที่ขาดไม่ได้คือ...ของกิน! ทั้งดอกไม้และผักทอดกรอบ ทอดมัน ขนมอีกเยอะแยะ เอกลักษณ์ของเกาะแห่งนี้คือเจดีย์เอียงที่วัดปรมัยยิกาวาส การเดินทางจากกรุงเทพฯ มาเกาะเกร็ดก็ไม่ยากเย็น
การเดินทาง
1. รถเมล์ : นั่งรถเมล์สาย 166 ที่อนุสาวรีย์
2. รถตู้ : นั่งจากอนุสาวรีย์ ท่าน้ำนนท์ หรืองามวงศ์วาน
3. เรือ : นั่งมาสุดสายที่ท่าน้ำนนท์แล้วนั่งรถตู้ไปต่อ หรือนั่งรถเมล์สาย 32 ไปต่อก็ได้
ทั้ง 3 วิธีต้องไปลงที่ปากเกร็ด หน้าโลตัส หลังจากลงที่หน้าโลตัสแล้วก็ต่อพี่วินให้ไปส่งที่วัดสนามเหนือ แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปเกาะเกร็ดที่วัดปรมัยยิกาวาส ราคา 2 บาท ท้องร้องกันหรือยัง ? ของกินอร่อย ๆ รอท่านอยู่ !
เอกลักษณ์ของเกาะเกร็ด เจดีย์เอียงที่วัดปรมัยยิกาวาส
แหล่งเครื่องปั้นดินเผา
ที่นี่เราไม่ทำอะไรมากนอกจากกิน กิน แล้วก็กิน !
สรุปค่าเสียหาย (ไปคนเดียว)
- นั่งรถเมล์ไป-กลับ 13 บาท
- ค่ามอเตอร์ไซค์ไป-กลับ 20 บาท
- ค่าเรือข้ามฟาก 4 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ 120 บาท
รวมทั้งหมดประมาณ 150 บาท
#9 นครนายก เที่ยวเล่นน้ำตก ปีนป่ายสำรวจอุทยาน
จริง ๆ แล้ว ที่จังหวัดนครนายกก็มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเยอะเหมือนกัน ภูเขาและน้ำตก มีทั้งน้ำตกนางรอง น้ำตกวังตะไคร้ และน้ำตกสาริกา นอกจากนี้ก็มีเขื่อนขุนด่านปราการชลและวัดต่าง ๆ
การเดินทาง นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์หรือรังสิต ไปลงที่โรงพยาบาลนครนายก ใช้เวลาประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง การเดินทางในตัวเมืองนครนายกไม่มีรถอาจจะลำบากหน่อย ไม่เห็นมีรถประจำทางเลย มีแท็กซี่บ้างแต่มาไม่บ่อย ส่วนใหญ่เดินทางด้วยรถตู้ที่วิ่งไปมา โบกเรียกใช้บริการได้
ตรงข้ามโรงพยาบาลก็เป็นตลาด ขายของกินเยอะเลย เป้าหมายเราแค่อยากมาเล่นน้ำตก เลยเลือกไปที่น้ำตกนางรอง น้ำตกนางรองอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เสียค่าเข้าคนละ 10 บาท น้ำตกไม่ใหญ่และไม่สูงมาก ในช่วงหน้าฝนกระแสน้ำจะไหลเชี่ยวมากกกกกกกกก แต่ช่วงที่เราไปไม่ค่อยมีน้ำซะอย่างนั้น น้ำน้อยมาก ๆ ฮือ ๆ จากทริปเล่นน้ำ...กลายเป็นทริปปีนป่ายก้อนหินยักษ์แทน ฮ่า ๆ ก็ไม่เป็นไรมาสำรวจอุทยาน ถ้ามาช่วงหน้าฝนคงจะสวยกว่านี้เนอะ
ขากลับสามารถโทรให้รถตู้มารับที่หน้าทางเข้าน้ำตกได้เลย ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วย...ดีจริง ๆ
สรุปค่าเสียหายต่อคน (ไป 2 คน)
- นั่งรถตู้ไป-กลับจากอนุสาวรีย์ 160 บาท
- ค่าต่อรถไปน้ำตกนางรอง 30 บาท
- ค่าเข้าน้ำตกนางรอง 10 บาท
- ค่าอาหาร ขนม น้ำ 100 บาท
รวมทั้งหมดประมาณ 300 บาท
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ถ้าข้อมูลผิดหรือราคาไม่อัพเดทแล้วก็ขออภัยด้วยนะคะ ^^ บางทริปไปมาเป็นปีแล้ว ข้อมูลเริ่มเลือนราง ยิ่งเป็นคนความจำปลาทองอยู่ สงสัยอาจจะต้องไปย้ำความจำซะหน่อยแล้ว ถ้าใครมีที่เที่ยวใกล้ ๆ กรุงเทพฯ แนะนำมาได้นะคะ อยากหาที่เที่ยวเพิ่ม ขอบคุณทุก ๆ คนด้วยค่ะ
ยังไงก็อย่าลืมออกเดินทางกันนะ :")
แวะมาทักทายกันได้ที่
Facebook Page : www.facebook.com/travelmilesawaydotcom
Blog : www.travelmilesaway.com
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Sabrina สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก travelmilesawaydotcom