เรียกได้ว่าฮิตข้ามคืนเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เรากำลังตื่นเต้นกับมิวเซียมแห่งใหม่ที่จังหวัดยโสธร กับ "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ที่มีหลายคนนำไปเทียบกับเมอร์ไลออนสิงคโปร์นั้น (แห่ตื่นเต้นตึกคางคกแห่งใหม่ เชื่อสู้กับเมอร์ไลออน สิงคโปร์สบาย) มีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยถึงความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ กระปุกดอทคอมจึงแวะไปรวบรวบเอาข้อมูลของแลนด์มาร์กสุดฮิตแห่งนี้มาให้ชมกันค่ะ นายสาคร ชนะไพฑูรย์ รักษาการผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) อธิบายถึงการก่อสร้าง
"พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ว่า ทางจังหวัดยโสธรมีโครงการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานบั้งไฟ ซึ่งเป็นประเพณีที่โดดเด่นของจังหวัดยโสธร แต่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ และได้ปรึกษากับ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตเมื่อ 30 เมษายน 2557 ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงมอบหมายให้ อพวช. เข้าไปดูแลและจัดทำนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์
โดย "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ถือเป็นพิพิธภัณฑ์แรกใน 3 พิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีบุญบั้งไฟที่ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างก่อน โดยพิพิธภัณฑ์ที่เหลือ คือ พิพิธภัณฑ์พญาแถน และพิพิธภัณฑ์พญานาคตามลำดับ ซึ่งตามตำนานและนิทานพื้นบ้านภาคอีสานเล่าไว้ว่า "พญาคันคาก" เป็นโอรสของกษัตริย์แต่มีผิวพรรณเหมือนคางคก ซึ่งภาษาอีสานเรียกว่า "คันคาก" แต่ด้วยมีบุญญาธิการมากจึงได้รับการช่วยเหลือจากพระอินทร์ รวมทั้งเป็นที่นับถือของชาวบ้าน ซึ่งตามตำนานชาวอีสานเชื่อว่าโลกมีโลกมนุษย์และโลกเทวดา โดยโลกมนุษย์อยู่ใต้โลกเทวดา และเรียกเทวดาว่า "แถน" ส่วนฟ้าฝนหรือลมนั้นเป็นอิทธิพลของแถน การที่พญาแถนไม่ปล่อยฝนให้ตกลงบนโลกมนุษย์ทำให้พญาคันคาก อาสานำสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง, ม้า, วัว, ควาย, ปลวก, ผึ้ง และต่อแตน ขึ้นไปรบกับพญาแถนจนชนะ และปล่อยให้ฝนตกตามเดิม แต่มีข้อแม้ว่าต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบอกกล่าวทุกปี จนกลายมาเป็นที่มาของประเพณีบั้งไฟในปัจจุบัน สำหรับ
"พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" หรือบางคนอาจจะเรียกว่า
"พิพิธภัณฑ์พญาคางคก" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทวน มีลักษณะโดดเด่นสุด ๆ ด้วยตัวตึกคางคกสูงเท่าตึก 5 ชั้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์รูปร่างสุดแปลกในประเทศไทยที่สอดแทรกตำนานเกี่ยวกับพญาคางคกและบั้งไฟ ที่เป็นเรื่องเล่าที่เป็นตำนานพื้นเมืองของชาวอีสาน แถมยังสอดแทรกเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์และความหลากหลายทางชีวภาพ ภายในมีนิทรรศการบอกเรื่องเกี่ยวกับที่มาของบั้งไฟโดยมีการจัดฉายเป็นภาพยนตร์ 4 มิติ และนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในเมืองไทย ที่มีอยู่กว่า 20 ชนิด ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ อพวช. ร่วมศึกษากับมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งมีการเพิ่มการจัดแสดงคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ทั่วโลก ซึ่งมีกว่า 500 ชนิดร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่รวบรวมของดีทางด้านเกษตรกรรมของเมืองยโสธรไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอื่น ๆ เกี่ยวกับจังหวัดยโสธร เช่น จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดที่เกิดขึ้นก่อนจังหวัดอื่น ๆ ในอีสานใต้ ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชื่อว่า "ยศโสธร" ก่อนย่อเป็นยโสธร หรือเป็นจังหวัดที่มีข้าวหอมมะลิอร่อยที่สุดในประเทศไทย และอีกหนึ่งนัย คือ จากตำนานบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร, วัฒนธรรม และความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมชม
"พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ต้องอดใจรอกันสักนิด เพราะขณะนี้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาถ่ายรูปความสวยงามของ ตึกอาคารคางคกได้ทุกวัน สอบถามความเคลื่อนไหวของสถานที่ได้จาก
เฟซบุ๊ก คน-ยโสธร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก yasothonpeople,
เฟซบุ๊ก Apirak Peanthong