
หนึ่งวันเดียวกัน 1,414 กิโลเมตร ขี่รถไปดู... สะพานศรีสุราษฎร์ เปิดบันทึกการเดินทางที่ชวนติดตาม ใครกำลังหาไอเดียผจญภัยในระยะเวลาสั้น ๆ ต้องไม่พลาด
ในวันหยุดสบาย ๆ ช่วงสุดสัปดาห์ หลายคนคงวางแผนผจญภัยไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากว่าใครที่ยังไม่มีเป้าหมายใดและกำลังมองหาไอเดียใหม่ ๆ เพื่อเปิดฉากการเดินทางครั้งใหม่อยู่ละก็ ในวันนี้ (15 พฤษภาคม 2558) เราขอนำเสนอทริปของ คุณ dnt_mocyc สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เปิดประสบการณ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปชม "สะพานศรีสุราษฎร์" สะพานข้ามแม่น้ำตาปีแห่งใหม่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ถูกแชร์ภาพกันกระหน่ำโซเชียลว่ามีความสูงชันไม่แพ้สะพานที่ประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะ... ว่าแต่การไปเห็นด้วย "ตา" ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ตามมาเลย...
"หนึ่งวันเดียวกัน" 1,414 กิโลเมตร ขี่รถไปดู... สะพานศรีสุราษฎร์
วันเสาร์ 9 พฤษภาคม 2558
สวัสดีครับ
วันนี้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง เป็นทริปการขี่รถเล่นสบาย ๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพ เรื่องราวมันเกิดจากความ " คัน " เมื่อพบเห็นภาพถ่ายสะพานคู่ดูสูงชัน บอกกับตัวเองไว้ว่า... ต้องไปให้ได้ ไปให้เห็นกับตาตัวเอง
สอบถามเส้นทางจากกูเกิ้ลแมพ ทางตรงยาว ๆ ระยะทางร่วม 700 กิโลเมตร ตัดสินใจในทันที... คืนนี้ล้อหมุน ก่อนออกเดินทางก็ตรวจเช็ครถและถ่ายน้ำมันเครื่อง พร้อมลุยสู้ศึกทางไกล
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพในเวลา 00.35 น. ในยามที่ผู้คนทั่วไปต่างหลับไหลอยู่ แต่ผมกลับชอบออกเดินทางในเวลาแบบนี้ รถน้อย เย็นสบาย แต่สายตาต้องกวาดมองทำงานอย่างหนัก
พร้อมกันรึยัง
ตามมารับชมกันได้เลย
หนึ่งวันเดียวกัน สบาย ๆ ในสไตล์ของผม
วันศุกร์ ก่อนการเดินทาง ช่วงบ่าย ๆ ผมนอนหลับพักผ่อนเต็มที่ หมดปัญหา ง่วง แล้วขับขี่ แน่นอน 100% ครับ

YAMAHA SPARK 135i รถดี ขี่สนุก เครื่องแรง แต่ต้องรับกับข้อด้อยของมันให้ได้
มีอยู่สองทางเลือก...
1. ปรับแต่งรถให้เข้ากับคนขี่ หรือ
2. ปรับคนให้เข้ากับรถ
ผมเลือกข้อสอง เลือกที่จะไม่ปรับแต่งรถ ผมไม่ชอบไปยุ่งซนอะไรกับมัน ดูแลรักษากันตามระยะทาง ประเมินสภาพก่อนการใช้งานโดยตลอด
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ล้อหมุนจากเมืองหลวงในทันที
เลขไมล์ ก่อนการเดินทาง
ช่วงนี้เป็นที่ทราบกันดี ฝนตกชุกแน่นอน ผมเลยเลือกใช้เส้นทางที่... อ้อมไกลหน่อย แต่ปลอดภัยกว่า หากฝนต้องตก ก็ไม่ต้องไปเสี่ยงกับ สภาพถนนที่เปียกลื่นไปด้วยน้ำเมือกปลา

ผมเลือกใช้เส้นทางหลัก ถนนเพชรเกษม ออกจากบ้านก็ตรงยาว ๆ มองแต่ป้ายบอกทางอย่างเดียว เส้นทางมุ่งสู่ภาคใต้ ขี่ง่าย ไม่น่าจะหลงทางกันได้ แต่ต้องระมัดระวังรถบรรทุกและสภาพถนนที่เป็นหลุมบ่อ เท่านั้นเองครับ

และการเดินทางในยามค่ำคืน สิ่งที่คลาดจากกันไม่ได้เลย "ฝูงบิน" และมักจะต้องมาโดนตรงระดับสายตาด้วยซิ มัว ๆ ไปหมดเลย ต้องจอดแวะล้างชิลด์หน้ากากเป็นระยะ ๆ
ตี 4.35 น. แวะเรียกหาความสดชื่นสักหน่อย กาแฟ หากจะต้องกินให้กินก่อนง่วงนอน หากง่วงนอนแล้ว กินกาแฟไปก็ช่วยแทบไม่ได้ สิ่งที่ช่วยได้อย่างเดียว คือ ต้องจอดแวะงีบสักพัก

ผมเลือกที่จะกินกาแฟก่อนง่วงหาว รู้คน รู้เวลาในการกิน วันนี้สบาย ๆ ไม่มีง่วง กระฉับกระเฉงตื่นตัวตลอดเวลาในการขับขี่ครับ มื้อเช้า 20 บาท
ความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง ตามมาตรวัดบนเรือนไมล์อ่อน ๆ ยืนพื้นช่วงแรก ๆ ทำได้อยู่ที่ 120 km/h แต่ด้วยกมลสันดานของตัวเอง เป็นคนขี่รถไม่เร็ว แต่ชอบบิดจนสุดคันเร่ง มันคอนโทรลง่ายดี ล็อคข้อมือขวายาว ๆ เวลาแปดชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพ ผมก็ใกล้เข้าไปถึง สิ่งที่ใจมันเรียกร้อง อยากพบอยากเห็นด้วยสองสายตาคู่นี้
จากป้ายข้างบน ตรงไปอีกหน่อยก็ต้องเลี้ยวซ้าย ตามป้ายบอกทาง สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช ผมหลงทางอยู่ในตัวเมืองสุราษ ขี่เข้าไปก็งง ๆ หมุนวนอยู่ในนั้นสักพัก จนสุดท้าย หนทางที่จะไปถึง มันอยู่ที่ ปาก ของเรา
จอดแวะสอบถามจากรถกระป้อรับจ้างในแถว ๆ นั้น ได้ความในทันทีว่า... หนุ่ม ตรงไปยาว ๆ ขี่เลาะไปตามแม่น้ำ ตรงอย่างเดียว ไม่ต้องเลี้ยว เดี๋ยวก็ถึง
โอ้ว... หนทางอยู่ที่ปากของเรา ใช้ได้ผลจริง ๆ ด้วย

ระยะทางร่วม 700 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 9 ชั่วโมง ผมก็มาพบมาเจอ สิ่งที่อยากมองเห็นด้วยตาของตัวเอง สะพานศรีสุราษฎร์
ความรู้สึกเมื่อพบเจอในครั้งแรก ห่อเหี่ยว เหมือนถูกภาพถ่าย ต้มซะจนเปื่อย จนผมไม่กล้าพิมพ์ออกมาในที่แห่งนี้
ถามว่า ทำไมมองจากภาพถ่าย แล้วมันดูสูงชันมาก จนผมค้นพบว่า เราต้องถอยห่างมองออกมาที่ไกล ๆ อยากจะถ่ายให้ได้ภาพถ่ายคล้าย ๆ เหมือนเขากัน ต้องซูมเข้ามาครับ
ผมใช้เวลาขี่เที่ยวเล่นบนสะพาน ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ 2 รอบ ก็ได้เวลาโบกมือกลับ ถึงแม้จะผิดหวังในจุดหมายปลายทางในวันนี้ แต่ก็ยังดีที่ได้ขี่รถมาเพราะผมชอบขี่รถครับ การได้ขี่รถหรือได้ทำในสิ่งที่ชอบ เป็นการบำบัดขัดเกลาจิตใจได้ดี ทำให้รู้สึกสงบ นิ่ง มีสมาธิ และรู้สึกเพลิดเพลินใจ
ประสบการณ์ในบางเรื่อง เราต้องออกไปค้นหาด้วยตัวเองครับ

ก่อนลากลับ แวะถ่ายภาพจากด้านล่างสักหน่อย ในยามค่ำคืน สะพานแห่งนี้น่าจะสวยงดงามมาก ๆ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ได้สุขใจแน่ ๆ ครับ
อยู่ในเมืองสุราษไม่เห็นมีเค้าว่า ฝนจะตกเลยสักนิด อากาศยามเช้าในระหว่างเดินทาง เย็นสบาย แต่พอสาย ๆ ใกล้เที่ยง แทบร้อนละลาย ในวันนี้เลือกใส่ชุดสบาย ๆ กะมาเต็มที่กับน้องน้ำฝนแน่นอน นานแล้วที่ไม่ได้ขี่รถเล่นน้ำฝน เดี๋ยวอีกสักพัก ได้เจอแน่ ๆ

เรื่องเส้นทาง หลัง ๆ มานี้ ผมเลือกใช้บริการจาก google บางเส้นทางก็มีสตรีทวิวให้ดูอีก ยุคสมัยนี้มันง่าย ดีกว่าเมื่อก่อนนู้น ๆ ไม่ต้องมานั่งพกแผนที่เป็นเล่ม ๆ กันแล้ว อย่างน้อย ๆ ในโทรศัพท์ ก็ต้องมี
ขี่ออกมาจากสุราษได้สักระยะ เค้าลางเริ่มส่งสัญญาณมาแต่ไกล กลุ่มเมฆเริ่มหนาแน่น วันนี้โดนแน่ ๆ อุปกรณ์ต่าง ๆ ผมแพคใส่ไว้ในซองพลาสติก หากต้องขี่ลุยฝน ก็บ่ยั่น ลุยได้เต็มเหนี่ยว ใช้ชีวิตแบบสนุก ๆ กันต่อวินาที
เจอทั้งฝน เจอทั้งแดดแรง ๆ มันบอกไม่ถูก เหมือนอาบน้ำไม่สุด จะเย็นก็ไม่เต็มที่ จะร้อนก็ไม่สุด โชคยังดี ที่ร่างกายยังแข็งแรงดี หมดห่วงในเรื่องสุขภาพ จะแดดร้อน หนาว ฝนตก เต็มที่ก็น้ำมูกไหล เป็นเสน่ห์อีกแบบของการขี่รถมอเตอร์ไซค์

หลังจากที่โดนฝนถล่มดังตั้งใจมาแบบจัดเต็ม มืดฟ้ามัวดิน ฝนหนัก ลมแรง บิดสุดคันเร่งได้แค่ 80 ผมเลือกที่จะไม่จอดหลบฝน ไหน ๆ ตัวก็เปียกแฉะแล้ว ก็ลุยมันไปให้เต็มที่ ขี่รถลุยเล่นน้ำฝนในขากลับ ตลอดการเดินทางร่วม 300 กิโลเมตร กว่าฝนจะหยุดตกก็ถึงกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์



มันก็เป็นความสุขในอีกแบบ ที่หาซื้อกันไม่ได้ง่าย ๆ ถึงจะมีจุดเสี่ยงบ้าง แต่ก็ต้องระมัดระวังกันตามสมควร จนมาถึงจุดขายของฝากกลับบ้าน เขาพ่อตาหินช้าง จ.ชุมพร และขาดไม่ได้ ผมต้องแวะซื้อกะปิกลับบ้านไปฝากแม่ กระปุกละ 50 บาท แพคมัดใส่ถุงแล้วแขวนไว้กับใต้เบาะนั่ง เหมาะสมลงตัวพอดี ไม่เกะกะ ต้องคอยพะวงอะไร
ขี่เล่นลุยฝนจนหนำใจ ตัวเปื่อยไปหมด ตูดก็ไม่รอด ข้าพเจ้ามิใช่ตูดเหล็กดั่งที่เขาว่ากัน ขี่ลุยฝนไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นเรื่องที่เสี่ยง เสี่ยงต่อการลื่นไถล ต้องรู้รถ รู้คน รู้สภาพถนน และใช้เบรกให้เป็น กระจายน้ำหนักให้เหมาะสมกับสภาพถนนในตอนนั้น ๆ
หลังจากที่ตูดเริ่มแห้งดี ยามเย็น ก็ขี่ชมวิวสบายตาเพลิดเพลินใจ นี่ถ้าหน้าบ้านมีวิวแบบนี้ได้ คงจะดีไม่ใช่น้อย อยู่แต่ในเมือง มีแต่ตึก ฝุ่นควันมลพิษก็เยอะ อยากไปใช้ชีวิตอยู่ตามบ้านนอกเหมือนกันนะครับ
ก่อนกลับไปเผชิญโลกความจริงในเมืองหลวง แวะจอดพัก ชมวิวสบายตาที่เพชรบุรี
หมวกกันน็อคใบเก่งในวันนี้ SUOMY SR SPORT
- ชิลด์หน้ากากเคลือบกันฝ้ามาจากโรงงาน เอาไม่อยู่ครับ ฝ้าละอองน้ำขึ้นเต็มไปหมด ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ คือ ลมหายใจของเราที่ไปพ่นลดถูกชิลด์หน้ากาก
ทางเลือกคือ 1.หยุดหายใจ เดทแน่ หรือ 2. หาเบรทการ์ดมาครอบจมูก แต่ผมไม่เลือกเลยสักข้อ ฮา....
- ช่วงที่ขี่ลุยฝนอย่างหนัก มีน้ำรั่วซึมเข้ามาในหมวก ทางช่องลมด้านบนครับ อาการแบบนี้ ผมเจอมากับหมวก VEMAR ECLIPSE และก็หมวกใบนี้ครับ


กลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ตลอดการเดินทาง 19 ชั่วโมง 1,414 กิโลเมตร ไม่เจ็บ ไม่ป่วย รถไม่พัง ค่าน้ำมันตลอดการเดินทาง 1,075 บาท ค่ากิน 85 บาท ของฝาก 100 บาท
จบไปอีกหนึ่งทริป ที่ใช้ชีวิตออกไปโลดแล่นบนอานรถมอเตอร์ไซค์ หากพบกัน เจอกันระหว่างทาง ทักทายกันได้ครับ
เอาไว้พบกันใหม่ในทริปหน้า ทางภาค....?
@_^

เมื่อคืนลองเช็คระดับน้ำมันเครื่องดู ตั้งขาตั้งกลางบนพื้นราบ ดึงก้านวัดออกมาเช็ดแห้ง แล้วจุ่มก้านวัดลงไป โดยที่ไม่ต้องหมุนเกลียว น้ำมันเครื่องหาย ไม่ติดก้านวัด ลองดูอีกครั้ง คราวนี้ลองหมุนเกลียวลงไปจนสุด ดึงก้านวัดออกมาดูอีกที น้ำมันเครื่องก็ไม่ติดก้านวัด
ใจงี้หล่นหายไปที่ตาตุ่ม รีบจับมาถ่ายน้ำมันเครื่อง แล้วตรวจดู
ปรากฏว่า... ระยะทาง 1414 กิโลเมตร น้ำมันเครื่องพร่องหายไป 250 ซีซี
เอาไว้คราวหน้า ต้องจับ 10W-60 ให้กินซะแล้วครับ
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านครับ มีอะไรจะสอบถาม ถามได้ครับ ถ้าตอบได้ ผมจะตอบให้ ไม่มีกั๊กไว้ครับ
ภาพจาก คุณ dnt_mocyc สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม