เมื่อพูดถึงประเทศในแถบเอเชียใต้ ประเทศอินเดียจะปรากฎขึ้นมาในสมองเป็นอันดับแรก ด้วยเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ มีฐานเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่น่าค้นหาและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ในมุมหนึ่งทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย อันเป็นที่ตั้งของประเทศเล็ก ๆ "ศรีลังกา" หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา" ก็มีอารยธรรมที่ไม่น้อยหน้าอินเดียเลยสักนิด แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ในคาบมหาสมุทรอินเดีย แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจใครหลายคนให้ตกหลุมรักอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น Findery ทีมงานของ huffingtonpost.com เขาจึงได้เขียนถึงเรื่องราวของศรีลังกา บอกถึงเหตุผลว่าทำไมนักท่องเที่ยวต้องเลี้ยวแวะมายังดินแดนแห่งนี้สักครั้ง
ศรีลังกา...เป็นประเทศที่สมบูรณ์ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม สถานที่ประวัติศาสตร์ อาหาร หรืองานออกแบบ ซึ่งทุกอย่างได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียทั้งสิ้น ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปศรีลังกาน้อยมาก เพราะมีสงครามกลางเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันสงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว และมีการเปิดช่องทางในการลงทุนให้กับนักธุรกิจมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้เป็นช่วงที่ดีมาก ๆ ที่จะเดินทางไปเที่ยวในประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ เพราะเมื่อเศรษฐกิจเริ่มเติบโต เราตอบไม่ได้เลยว่าความงดงามแบบนี้จะหลงเหลืออยู่อีกนานแค่ไหน อาจจะเห็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วทุกหัวมุมถนนแทนที่จะเป็นบ้านเรือนในแบบดั้งเดิมก็เป็นได้ ซึ่งร้านค้าแบรนด์ดังก็เริ่มเข้ามาก่อตั้งในพื้นที่นี้แล้ว แม้มันจะไม่ได้มีเยอะมากมายเหมือนในประเทศอื่น ๆ ก็ตาม
มันง่ายมากเลยที่คุณจะได้สัมผัสกับความเป็นศรีลังกาอย่างแท้จริง แต่ต้องอยู่ในแนวทางที่ปลอดภัยด้วย การศึกษาในประเทศนี้ถือว่าอยู่ในระดับสูง เราสามารถพบเจอกับคนท้องถิ่นที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแม้ว่าจะอยู่ในเมืองที่เล็กที่สุดของประเทศก็ตาม ระบบขนส่งก็เริ่มสะดวกสบาย ทางหลวงแห่งใหม่จากเมือง Colombo ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศเพิ่งสร้างเสร็จไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้กระทั่งการเดินทางด้วยรถไฟก็ยังมีระบบการทำงานที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกเดินทางด้วยสายการบินภายในประเทศประเทศได้อย่างสะดวกสบาย บริหารจัดการโดย CinnamonAir ซึ่ง Findery ได้มีประสบการณ์การใช้บริการมาแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่ต้องเจอกับปัญหาของความแออัดของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเลยสักนิด
แทบไม่น่าเชื่อว่าเกาะเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่เพียง 65,610 ตารางกิโลเมตร จะมีมรดกโลกตั้งอยู่ที่นี่ถึง 8 แห่ง โดยเฉพาะที่ วัดศรีทัลฒามัลลิกาววิหาร (Temple of the Tooth Relic) เป็นวัดอีกแห่งหนึ่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศมักจะเดินทางมายังวัดแห่งนี้เพื่อการกราบไหว้ เคารพบูชา และเป็นที่นิยมสำหรับคู่รักเพื่อการขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ความงดงามของประเทศศรีลังกาไม่ได้วัดกันแค่เพียงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงความเป็นมิตรของคนท้องถิ่นอีกด้วย ชาวศรีลังกามักจะยิ้มแย้ม หยิบยื่นไมตรีที่ดีงามให้กับนักท่องเที่ยวเสมอ เป็นสัญญาณว่าพวกเขาเปิดใจยอมรับและ "Welcome" คนแปลกหน้าจากทั่วทุกมุมโลก
ด้วยการใช้ตรรกะ "ฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้ไหม" ของ Findery เป็นการตัดสินว่าเมืองนั้น ๆ คือเมืองโปรดปรานของเขาหรือไม่ จึงทำให้เขามองว่า เมืองกอลล์ (Galle) คือเมืองที่ "ใช่" สำหรับเขา ด้วยเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของความเป็นโคโรเนียลอยู่ไม่น้อย เขาสามารถเดินเล่นได้อย่างสบายใจท่ามกลางบรรยากาศการอยู่อาศัยของกลุ่มคนสไตล์โคโรเนียลที่เริ่มจากชาวโปรตุเกสไล่ไปจนถึงชาวดัตช์ในที่สุด
The Galle Fort เป็นป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สร้างขึ้นโดยผู้ตั้งถิ่นฐานจากยุโรป มีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะของเอเชียใต้และยุโรป จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกไปเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้เมืองกอลล์ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้าหลากหลายสไตล์ให้ได้ซื้อของมากมาย ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยอีกแห่งหนึ่งของโลก
หาดทรายที่แสนจะงดงามก็มีให้เห็นในศรีลังกาเช่นกัน ซึ่งหาด Beruwala คือที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะหาดทรายระยะทางกว่า 130 กิโลเมตร เนื้อละเอียด สีทองอร่ามเมื่อกระทบกับแสงแดด จะตราตรึงอยู่ในใจของคุณไปอีกนาน และภาพของชาวประมงที่เริ่มออกทำงานในช่วงเช้าตรู่อย่างสดใสด้วยรอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของพวกเขา ซึ่งสัมผัสได้ถึงความสุขที่ล้นปรี่ในการดำเนินชีวิตของคนท้องถิ่น จะทำให้ต้องหลงรักทะเลของศรีลังกาได้อย่างง่ายดาย
ใครที่รักการผจญภัย จะต้องหลงใหลกับการเดินขึ้น เขาสิกิริยา (Sigiriya) อย่างแน่นอน ภูเขาหินที่มีความสูง 200 เมตร ซึ่งตั้งโดดเด่นและสง่างามท่ามกลางป่าอันเขียวขจี ในอดีตด้านบนสุดคือป้อมปราการและปราสาทเก่าแก่ ซึ่งมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและควรค่าแก่การอนุรักษ์ ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยเช่นกัน
เครื่องเทศเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศศรีลังกา Ranwali Spice Garden ที่ Kawdupelella ในเขตย่าน Matale จึงเป็นสถานที่ที่จะทำให้เราได้รู้จักกับเครื่องเทศของประเทศนี้มากขึ้น ซึ่งมันจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีเยี่ยมของการใช้ผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จนถึงขั้นนำไปใช้ในการบำบัดรักษาโรค เปิดการเรียนรู้ให้มนุษย์ได้เติบโตไปพร้อมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ภาพจากเว็บไซต์ lanka-houses.com
แม้ประเทศศรีลังกาเล็ก ๆ แต่ความครบถ้วนทางแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม ศิลปะ ฯลฯ ก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าประเทศพี่ใหญ่อย่างอินเดียเลย ลองปันใจหันมาหาศรีลังกาสักนิด ประสบการณ์อันสุดขีดของชีวิต อาจรอเราอยู่ที่ "ศรีลังกา" ก็เป็นได้