มัลดีฟส์ (Maldives) เรียกได้ว่าเป็นเกาะสวรรค์ของคนรักทะเลเลยก็ว่าได้ (จริงไหม) ก็แหม...มองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำทะเลสีสวยใสสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งการได้พักผ่อนใช้ชีวิตสบาย ๆ ท่ามกลางทัศนียภาพที่งดงาม ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งในฝันที่ใครหลาย ๆ คนอยากจะได้สัมผัส วันนี้เราเลยหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณหัวใจแห่งท้องทะเล สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสได้ไปเยือนดินแดนสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้ พร้อมกับพักชิล ๆ กินลมชมทะเลสวย ๆ ณ Centara Ras Fushi และเก็บเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้พบเจอระหว่างที่พักใน Centara Ras Fushi มาแชร์ให้เราได้รู้กันค่ะ แต่เราจะได้เรียนรู้อะไรจากมัลดีฟส์กันบ้างนั้น...ตามไปชมกันเลย
++++++++++++++
ปกติเจ้าของกระทู้เป็นคนชอบเที่ยวมาก ชอบเที่ยวเอง วางแผนไปเรื่อยเปื่อย ทริปเล็กทริปใหญ่ แต่นี่เป็นกระทู้แรก (ปกติเขียนบันทึกทริปลง Wordpress อย่างเดียว เก็บไว้เป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ) เพราะรู้สึกว่าเวลาเราเจออะไรดี ๆ มันจะยิ่งดีถ้าเราได้แบ่งปันกับคนอื่น ๆ ยิ่งคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ เลยตัดสินใจมาแชร์ผ่านพันทิปดูบ้างพื้นเพเจ้าของกระทู้เป็นคนถ่ายรูปไม่เก่ง คืออยู่ในระดับไม่แย่ แต่ถ้าเทียบกับมือโปรฯ ในพันทิปแล้วเราก็เป็นแค่เศษเล็บ เพราะฉะนั้นรูปเราอาจจะไม่ได้สวยอะไร ใครหวังชมภาพสวย ๆ อาจจะผิดหวัง จุดเริ่มต้นของทริปมัลดีฟส์เริ่มต้นจากความฝันของเจ้าของกระทู้เมื่อหลายปีมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มเที่ยวใหม่ ๆ กะว่าจะเป็นทริปที่เก็บไว้ไปฮันนีมูนให้ได้ แต่ผ่านจนอายุ 3x แล้วก็ยังไม่มีวี่แวว จนเกือบจะเลิกล้มแล้วหันหน้าไปพึ่งเพื่อนสาว ฟ้าก็ส่งผู้โชคร้ายลงมาให้เราพอดี โชคดีคือเป็นผู้ชายที่ตามใจ ตั้งแต่ได้จัดงานแต่งริมทะเล ไปจนถึงการเลือกสถานที่ฮันนีมูน ก็คือ มัลดีฟส์ นั่นเอง
และนี่คือ 10 สิ่ง (ขำ ๆ) ที่เจ้าของกระทู้ได้เรียนรู้จากมัลดีฟส์ (เรียกว่าจาก Centara Ras Fushi ละกันค่ะ เพราะเราเลือกพักที่นี่ตลอด 5 วัน 4 คืนเลย)
1. โปรดเลือกเอเจนซี่ที่การบริการ เพราะทุกเจ้าราคาเท่ากัน
อันเนื่องมาจากการจองแพ็กเกจมัลดีฟส์ผ่านเอเจนซี่นั้นสะดวกดี บางทีก็มีโปรโมชั่นด้วย เราก็เลยหาข้อมูลเอเจนซี่อยู่พักใหญ่ มีเพื่อนที่เคยไปมาเตือนแค่ว่าเลือกดี ๆ นะ เจ้าที่เขาเคยไปด้วย 2 เจ้า บริการแย่มาก (ประมาณว่าจะถึงวันเดินทางอยู่แล้วยังไม่ส่งเอกสารให้จนต้องทวง) แต่ใจเราก็ยังคิดว่าเอเจนซี่ไม่ได้เกี่ยวมากมายกับตอนเราไปถึงที่โน่น เราก็เลยซีเรียสกับการหาราคาที่โอเคมากกว่า แต่หลังจากเราควานหาไปหลายเจ้า บวกลบคูณหารราคาแต่ละแพ็กเกจ แต่ละที่พัก เราก็ค้นพบว่า...ทุกเจ้าราคาเท่า ๆ กันเกือบหมด (ไม่รู้คนอื่นเจอต่างไหม) ที่เราเจออย่างมากต่างกันแค่หลัก 100-300 บาทเอง (หมายถึงถ้าคุณเลือกโรงแรมเดียวกัน จำนวนคืนเท่ากันนะ) มันเลยกลายเรื่องที่ไม่ใช่ตัวตัดสินใจในการเลือก ส่วนบริการสุดท้ายเราก็ดูเอาจากเพจว่ามีคนมาชมมาพูดถึงว่ายังไงบ้าง และลองสอบถามเขาดู เจ้าไหนตอบดี คุยถูกคอ ก็เลือกไป ถือว่าเสี่ยงดวงเหมือนซื้อหวยเอาละกัน (และโชคดีมากที่งวดนี้เราถูกรางวัล เพราะเจ้าที่เลือกบริการดีมาก ทั้งเรื่องการจัดเตรียมเอกสารและให้ข้อมูลครบถ้วนก่อนไป)
2. นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่คุณไม่ต้องประดิษฐ์ภาพลงเฟซบุ๊ก
อย่างที่บอกว่าเจ้าของกระทู้ถ่ายรูปไม่เก่ง แต่ทั้งรูปจากไอโฟน กล้องมิลเรอร์เลส และกล้องจิ๋วใต้น้ำ ทุกอันล้วนออกมาเป็นที่น่าพอใจ (ในระดับเรา) เป็นอารมณ์ที่ถ่ายมาแล้วแบบทะเลสวย ฟ้าสวย และถ้ามาเจอของจริงก็สวยเหมือนในรูป ไม่ใช่แบบ...หูยยยยยย รูปสวยมาก เห็นแล้วอยากไป แต่พอไปสัมผัสจริงกลายเป็นอารมณ์แบบสิ่งที่ฉันคิด VS สิ่งที่ฉันเจอ เอาเป็นว่าให้เด็กสามขวบมากดก็น่าจะสวยค่ะ เพียงแต่ที่นี่เขาจำกัดอายุเด็กด้วย (ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าต่ำกว่า 15 จะไม่ให้เข้าพัก) ซึ่งดีงามกับเจ้าของกระทู้มาก เพราะเราไม่ใช่นางงามจริง ๆ
3. คุณจะคุ้มกับแพ็กเกจ All inclusive เป็นพิเศษ เมื่อเป็นคอแอลกอฮอล์
อันเนื่องมาจากแพ็กเกจ All inclusive จะรวมอาหารเช้า กลางวัน เย็น และเครื่องดื่มบางชนิดที่บาร์ (ก็หลายชนิดอยู่นะคะ) อีก 3 บาร์ ซึ่งอาหารที่ห้องอาหารก็ทานได้ ไม่ได้อร่อยเว่อร์วัง เรียกว่าเป็นรสชาติคุ้นลิ้นมากกว่า (คือได้ยินจากเพื่อนที่พักโรงแรมอื่น ๆ มาว่าอาหารไม่อร่อยเลย) ส่วน Centara เป็นโรงแรมคนไทย มีทั้งห้องอาหารไทย ห้องอาหารอิตาเลียนให้เลือกไปกิน (แต่ต้องจองล่วงหน้า) อาหารถ้าเป็นมื้อเที่ยงและเย็นถ้าไม่กินที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ (ซึ่งกินได้ทั้งวัน) ก็จะเป็นอาหารชุดเสิร์ฟที่โต๊ะแล้วแต่วัน ส่วนบาร์ต่าง ๆ ก็ต่างกันที่เวลาเปิดค่ะ เลือกทานเมนูที่มีเครื่องหมายบอกว่ารวมในแพ็กเกจได้ตลอดเวลา จริง ๆ ค็อกเทลไม่ได้อร่อยมาก เรียกว่าจิบตามบรรยากาศมากกว่า แต่ที่ดีงามคือวิวที่บาร์บางบาร์ โดยเฉพาะวิวบาร์ที่คนนิยมมาชมวิวอาทิตย์ตกและมีที่นั่งตาข่ายยอดฮิต
4. ที่นี่จะดีหากคุณไม่กลัวน้ำและมีพื้นฐานเคยสน็อกเกิลมาบ้าง
เรามีทะเลติดบันไดที่พัก กระโดดลงน้ำได้ตลอดเวลา และแน่นอนว่าไม่ได้มีการ์ดคอยดูแลเหมือนสระว่ายน้ำ เพราะฉะนั้นโรงแรมก็จะให้เราดูแลตัวเองค่ะ ซึ่งก่อนที่เราจะไปยืมอุปกรณ์ ได้แก่ หน้ากากสน็อกเกิลและฟิน เจ้าหน้าที่ที่ Dive center ของโรงแรมจะให้เราทดสอบใช้อุปกรณ์แล้วว่ายดุกดิกให้เขาดูที่หน้าหาด ถ้าผ่านดูช่วยเหลือตัวเองได้เขาก็จะให้เซ็นยืมอุปกรณ์ไปใช้ เอามาคืนอีกทีวันก่อนเดินทางกลับ แต่ถ้าใครดูเงอะงะนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะโดนเจ้าหน้าที่เรียกไว้ทำให้ดูใหม่ จนกว่าเขาจะโอเคค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเคยมีที่ไม่โอเคไหม
5. อย่าคาดหวังกับความสวยใต้น้ำ ทะเลเมืองไทยสวยกว่ามากค่ะ
อันนี้พูดถึงในแง่ที่ดำผุดดำว่ายเล่นแถวที่พัก โดยที่ไม่ได้ซื้อแพ็กเกจเพิ่มไปสน็อกเกิลทริปนะคะ ทะเลแถวที่พักของเจ้าของกระทู้ไม่ค่อยมีอะไรจริง ๆ เห็นปลาจิ๋ว ๆ บ้าง จุ๋มจิ๋มน่ารัก ไม่ได้มีปะการังงดงาม เทียบกับจุดสน็อกเกิลในไทย แน่นอนว่าสู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ดีงามที่เราอยากลงสัมผัสทะเลเมื่อไหร่ ก็ลงได้เลยทันที อีกอย่างเราว่าความสวยของมัลดีฟส์อยู่เหนือน้ำค่ะ คือสีน้ำทะเลกับวิวที่เห็นก็สวยมากแล้ว จะไม่สนใจวิวใต้น้ำและนั่งจิบเครื่องดื่มมองทะเลทั้งวันก็โอเคนะคะ
6. เคยเห็นบางคนบอกว่าไปทำไมมัลดีฟส์ไม่เห็นจะมีอะไรให้ทำเลย... เราว่ามีอะไรให้ทำเยอะแยะออก
เราว่าเวลาที่มัลดีฟส์เป็น Quality Time ของชีวิตนะ เป็นช่วงเวลาที่เราได้ทำอะไรที่อยากทำ (อย่างเจ้าของกระทู้ชอบอ่านหนังสือมาก หิ้วไป 3-4 เล่ม ก็อ่านเกลี้ยงค่ะ) เป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักจริง ๆ แล้วแต่ว่าคุณจะไปกับใครนะ แฟน เพื่อน ครอบครัว มันจะมีเวลาให้คุณคุยกัน ทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน บางคนอาจบอกว่าก็ไม่ต้องไปถึงมัลดีฟส์ก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่จุดมุ่งหมายของแต่ละคนแล้วค่ะ ถ้าจะมีใครสักคนมีมัลดีฟส์อยู่ใน Dream Destination List ของเขา ทะเลอื่นเป็นหมื่นแสนที่ได้ไปมันก็ทำให้เขาขีดฆ่ามัลดีฟส์ออกจากลิสต์ไม่ได้อยู่ดีนะ ความชอบของใครก็ของมันจริง ๆ ค่ะ
7. กิจกรรมให้อาหารปลา Fish Feeding มันได้อารมณ์โหดกว่าที่คิด
ตอนเจ้าหน้าที่บอกว่ามีกิจกรรมให้อาหารปลาตอน 5 โมงเย็นที่วิวบาร์นะคะ เราก็มโนเป็นภาพโยนขนมปังมุ้งมิ้ง แล้วมีปลามารุมเยอะ ๆ ให้เราได้เห็นว่าแถวนี้ปลาเพียบ อะไรทำนองนี้ แต่วันที่ได้เห็นการให้อาหารปลา คือ เห็นคนมายืนมุงตรงสะพานไม้แล้วเลยเดินไปดูบ้าง เห็นเจ้าหน้าที่โยนเนื้อแดง ๆ ลงไปเลยค่ะ ปลาตะกรุมตะกรามมาก น้ำทะเลเป็นฟองเลย ไม่มีโอกาสได้ถามว่านี่ปลาอะไร แล้วตอนอิฉันลงไปว่ายเล่นเกิดขาได้เลือดออกขึ้นมาจะโดนพวกมันไล่งับหรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาจนทุกวันนี้
8. ใครชอบกิน Snack หอบกันไปเองด้วยนะคะ
ใครเป็นพวกไปต่างจังหวัดต้องแวะเซเว่นฯ ซื้อมันฝรั่ง ข้าวเกรียบ ของกรุบกรอบไว้กิน ขอแนะนำให้เอาไปด้วยเลยค่ะ เพราะที่โรงแรมเขาไม่มีให้และไม่มีขายด้วย แต่เอาจริง ๆ ก็มีของกินเรื่อย ๆ อยู่แล้ว ไม่ได้อดอยากอะไร ช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ ถ้านั่งบาร์จะมีข้าวโพดคั่วหรือถั่วมาให้ฟรีเป็นกับแกล้มบ้างค่ะ นอกนั้นจะเป็นอาหารจริงจังในแต่ละมื้อ ไม่เชิงเป็นขนม ใครติดขนมก็เลือกที่ชอบติดไปสบายใจ (ของที่เขาไม่ให้เอาเข้าประเทศมีแค่ของกินที่ทำจากหมูและแอลกอฮอล์เท่านั้นค่ะ)
9. กรุณานำ After Sun ติดตัวไปให้มั่นเหมาะ
เจ้าของกระทู้เป็นพวกดูแลผิวน้อยถึงน้อยมาก ซันบล็อกทาบ้างไม่ทาบ้าง ครีมบำรุงก็ทาน้อย แต่ไปที่นี่ ลงซันบล็อกแล้วทุกวัน แต่แดดแรงจริง แถมเล่นน้ำทุกวัน ผ่านไปสามวันเท่านั้นความดำและความแสบก็บังเกิดทันที โชคดีที่มินิบาร์ในห้องมีขาย Aloe vera gel 12 USD ช่วยบรรเทาไปได้ กลับมาแสบไปอีกเป็นอาทิตย์ค่ะกว่าจะเริ่มลอก ใครคิดว่าตัวเองอึดถึกผิวทนทานแล้ว เตรียมไปก็เซฟ ๆ ดีนะคะ เพราะเจ้าของกระทู้พิสูจน์มาแล้วจริง ๆ
10. ขาไปขอนั่งฝั่งซ้ายมือไว้นะคะ
ไม่รู้ว่าวิวด้านขวาของเครื่องเป็นยังไงเหมือนกัน แต่เพราะเอเจนซี่บอกว่า...เลือกด้านซ้ายนะครับ เราก็เชื่อ แล้วตอนเครื่องจะลงมันก็ "ว้าว" มากจริง ๆ น้ำทะเลใสกิ๊ก เห็นเกาะเป็นหย่อมเล็กหย่อมน้อย...สวยมาก ถ้าคุณเลือกไปที่พักที่มีโอกาสได้นั่ง Sea Plane ก็น่าจะได้เห็นวิวงาม แต่โรงแรมที่เจ้าของกระทู้เลือกพักมันใกล้มาก นั่งเรือแค่ 15 นาทีก็ถึง วิวมุมสูงจากบนเครื่องเลยจี๊ดใจเป็นพิเศษค่ะ
ใครสนใจรายละเอียดทริปแบบละเอี๊ยดละเอียด ก็สามารถตามไปอ่านได้ที่นี่นะคะ
https://pui10.wordpress.com/2014/11/18/มัลดีฟส์-maldives-ใครจะไปยกมือข/
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังตัดสินใจหรือวางแผนไปค่ะ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณหัวใจแห่งท้องทะเล สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ https://pui10.wordpress.com