พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ในกรุงเทพ

พระที่นั่งวิมารเมฆ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย ,พิพิธภัณฑ์ไปรษณียากร , edtguide.com ,  thailandmuseum.com


          "กรุงเทพมหานคร"
นอกจะเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสนห์ในแบบเมืองกรุง ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปเยี่ยมชมกัน โดยเฉพาะ "พิพิธภัณฑ์" ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว "พิพิธภัณฑ์" เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมากกว่าคนไทยด้วยกันเอง ทั้ง ๆ ที่กรุงเทพมหานครมี พิพิธภัณฑ์ ดี ๆ เจ๋ง ๆ และหาชมยากมากมาย เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงอยากพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยว "พิพิธภัณฑ์" ที่ขึ้นชื่อของกรุงเทพมหานครกัน ...


พิพิธภัณฑ์เด็ก

          ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ ใกล้กับสวนจตุจักร พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร หรือ CHILDREN’S DISCOVERY MUSEUM เป็นโครงการที่สืบเนื่องจากพระราชปรารภในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างสรรค์กระบวนการเรียนรู้อย่างเพลิดเพลินของเด็กไทย และจากกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัวของกทม. พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครจึงได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการ 3 หลัง พร้อมลานกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2544 บนพื้นที่ 5 ไร่ ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 60  พรรษา 

          ภายในมีนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ สำหรับให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและสังคม ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00- 18.00 น., เสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น. ค่าเข้าชม เด็ก 50 บาท ผู้ใหญ่ 70 บาท หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bkkchildrenmuseum.com/

พิพิธภัณฑ์สภากาชาดไทย

          ตั้งอยู่ในบริเวณสถานเสาวภา สภากาชาดไทย แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าชมและศึกษาความรู้ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสภากาชาดไทยและกาชาดสากล และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดแหล่งเรียนรู้ปลูกฝังค่านิยมในการเป็นคน ที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคุณธรรมและเมตตาธรรม  การจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นส่วนนิทรรศการถาวร และนิทรรศการหมุนเวียน ส่วนนิทรรศการถาวรจัดแสดงประวัติความเป็นมาของคณะกรรมการการชาดสากลและสภา กาชาดไทย รวมถึงภารกิจของสภากาชาดไทยด้านต่างๆ   ส่วนนิทรรศการหมุนเวียน จัดแสดงนิทรรศการพิเศษในโอกาสต่าง ๆ 

          เนื้อหาในการจัดแสดง แบ่งออกเป็น 7 โซน โดยใช้สีรุ้ง 7 สีเป็นสัญลักษณ์สื่อความหมายของเรื่องที่จัดแสดง ได้แก่

           โซนที่ 1 สถาปนาสันติธรรม ใช้สีแดง สื่อถึงอุณาโลมอันเป็นอุดมการณ์ของสภากาชาด จัดแสดงประวัติ กำเนิดและสัญลักษณ์ของสภากาชาดไทย 

           โซนที่ 2 บูรณาการสถานศึกษา ใช้สีแสด สื่อถึงพระอาทิตย์หรือพลังแห่งการรักษา จัดแสดงภารกิจของสภากาชาดไทยด้านการแพทย์ การพยาบาล และการให้การศึกษาด้านการแพทย์และการพยาบาล

           โซนที่ 3 โอสถบริรักษ์ใช้สีเหลือง สื่อถึงความนุ่มนวล จัดแสดงภารกิจการผลิตเซรุ่ม และวัคซีน เพื่อการป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ 

           โซนที่ 4 อภิบาลดรุณ ใช้สีเขียว สื่อถึงการเจริญเติบโต ถือเป็นกำลังและอนาคตของชาติ จัดแสดงภารกิจของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย

           โซนที่ 5 บญเกษม ใช้สีน้ำเงิน สื่อถึงทรัพย์และการให้ จัดแสดงภารกิจของศูนย์รับบริจาคต่างๆ ของสภากาชาดไทย

           โซนที่ 6 บำเพ็ญคุณากร ใช้สีคราม สื่อถึงการช่วยเหลือของสภากาชาดไทยที่แพร่ไปในโลกกว้าง จัดแสดงภารกิจการบรรเทาทุกข์ของสภากาชาดไทย

           โซนที่ 7 อมรสาธุการ ใช้สีม่วง สื่อถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดแสดงยกย่องผู้ที่ทำประโยชน์ให้แก่สภากาชาดไทย รวมทั้งของที่ระลึกต่างๆ ที่มอบให้ผู้มีอุปการคุณต่อสภากาชาดไทย  

          เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลา 8.30-16.30 น. เข้าชมฟรีหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ museum.redcross.or.th

พิพิธภัณฑ์พระที่นั่งวิมานเมฆ

          ตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งอนันตสมาคม ในเขตพระราชวังดุสิต เป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง เดิมตั้งอยู่บนเกาะสีชัง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้ชะลอมาไว้ ณ สถานที่ตั้ปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2444 ประกอบด้วยห้องต่าง ๆ 81 ห้อง ตัวอาคารมีคลองล้อมรอบ ภายในบริเวณร่มรื่น สวยงามมาก ภายในเขตพระราชวังดุสิตยังมีหมู่พระตำหนักอีก 11 องค์ ที่ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ …

          พิพิธภัณฑ์ศิลปาชีพ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2474 จุดเด่นที่สวยงามของพระที่นั่งองค์นี้ก็คือ ลายไม้ฉลุแบบสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ ปัจจุบันปรับแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานหัตถกรรมที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยสมาชิก ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ภายในพิพิธภัณฑ์มีงานหัตถกรรมหลากหลายให้ชม อาทิ เครื่องเงิน คร่ำ ผ้าทอ ผ้าปัก ถมเงิน ถมทอง งานประดับด้วยปีกแมลงทับ เป็นต้น

          พิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง เป็นที่รวบรวมรถม้าพระที่นั่งโบราณซึ่งใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 รถม้าแต่ละคัน เคยร่วมในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ มีความสง่าสวยงาม และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

          พระตำหนักสวนสี่ฤดู เคยเป็นพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สมเด็จพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช  

          นอกจากนี้ ภายในเขตพระราชวังดุสิตยังมีอาคารที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ พิพิธภัณฑ์นาฬิกาโบราณ พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ พิพิธภัณฑ์เครื่องราชูปโภค และพระสาทิสลักษณ์ พิพิธภัณฑ์ภาพพระราชพิธี 

          พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักชัตฤกษ์)  ตั้งแต่เวลา 09.30–16.00 น. อัตราค่าเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆ คนไทย ผู้ใหญ่ 75 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2628 6300-9 website: vimanmek.com


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป

          อยู่ข้างสะพานพระปิ่นเกล้า ถนนเจ้าฟ้า อดีตเคยเป็นโรงผลิตเหรียญกษาปณ์ของไทย ปัจจุบันเป็นศูนย์รวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปะทั้งแบบประเพณีไทยโบราณ และแบบสากลร่วมสมัยของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนสีน้ำมันฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตั้งแสดงอยู่ด้วย 

          เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์ อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2281 2224, 0 2282 2639


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

          แต่เดิมสถานที่แห่งนี้เป็นวังหน้าของกรมพระราชวังบวร มหาสุรสิงหนาท โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับวังหลวง พระที่นั่งที่สำคัญ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธศวรรย์ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ต่อมาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นที่ศาลาสหทัยสมาคม เรียกว่า  “มิวเซี่ยม” แล้วจึงย้ายมาไว้ที่วังหน้าของกรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งบางส่วนกลายเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริเวณข้างเคียงมีโรงเรียนช่างศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ และโรงละครแห่งชาติอยู่ในบริเวณเดียวกัน 

          สิ่งที่น่าสนใจ นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีวัดบวรสถานสุทธาวาส ตั้งอยู่ภายในบริเวณวังหน้าใกล้กับโรงเรียนช่างศิลป์ วัดนี้เรียกกันว่า วัดพระแก้ววังหน้า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมายอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยและชาติเพื่อนบ้าน พิพิธภัณฑ์ฯ แห่งนี้ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประจำปี 2545 รางวัลยอดเยี่ยมประเภทโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว จากผลงานโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน เพื่อส่งเสริมให้รู้จักคุณค่าของวัฒนธรรมอันเป็นมรดกของชุมชนของตนเพื่อการท่องเที่ยว 

          เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2224 1333


พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย

          ตั้งอยู่บนถนนสีลม ติดซอยสีลม  23 ตรงข้ามโรงพยาบาลเลิดสิน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจของนักสะสมเปลือกหอยและแฟนพันธุ์แท้เปลือกหอยสองสมัย คือคุณสมหวัง ปัทมคันธิน (คุณจอม) กับอีกท่านคือคุณ อรพิน ศิริรัตน์ (คุณแดง) เจ้าของบริษัทโกลด์สวิส  ผู้มีใจรักเปลือกหอยมาแต่เยาว์วัย  เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมและศึกษาความรู้เกี่ยวกับเปลือกหอย 

          ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ มีการจัดแสดงเปลือกหอยขนาดใหญ่ชนิดต่าง ๆ รวมถึงเปลือกหอย 2 ฝาที่มีขนาดใหญ่ (หอยมือเสือยักษ์)  หอยสังข์ หอยงวงช้างหรือที่หลายคนรู้จักกันในนามนอติลุส รวมไปถึงหอย 2 ฝา สีสันสวยงามจากทั่วทุกมุมโลก เปลือกหอยสวยๆและหายาก เช่น หอยเบี้ย,หอยเต้าปูนที่ฆ่าคนได้โดยการแทงเข็มพิษครั้งเดียว,หอยทากบกต่าง ๆ หรือหอยน้ำจืดจากที่ต่าง ๆ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเม่นทะเลรูปร่างหน้า ตาแปลก ๆ ภาพงานศิลปะเกี่ยวกับเปลือกหอย

          พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 ทุกวัน ค่าผ่านประตู คนไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท สอบถามเพิ่มเติม คุณสิรินทิพย์ โทร. 089-681 3814



พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

          อยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ปลาน้ำ จืดในประเทศไทย ภายในมีปลานานาชนิด จัดให้มีสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ

          เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-16.00 น. และวันหยุดราชการ เวลา 10.00-14.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท หากเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือติดต่อก่อนล่วงหน้า โทร. 0 2579 0562, 0 2579 2151, 0 2579 2619


พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ

          อยู่ที่ กม.24 ถนนพหลโยธิน ดอนเมือง กองทัพอากาศได้เริ่มจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 โดยมุ่งหมายรวบรวมยุทธภัณฑ์และสันติภัณฑ์ทุกประเภทตามยุคตามสมัยเป็นลำดับ จัดแสดงเพื่อประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลัง เดิมจัดแสดงอยู่ที่โรงเก็บเครื่องบิน ด้านทิศตะวันตะตกของสนามบินดอนเมือง แต่ยังไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเมื่อรวบรวมพิพิธภัณฑ์ได้มากขึ้น จึงทำพิธีเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2502 ต่อมากองทัพอากาศไจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ขึ้นใหม่ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2511 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2511 และได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2512 เป็นต้นมา เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 16.00 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

          พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมอากศยานที่ปลดประจำการแล้วไว้หลายแบบซึ่งหาดู ได้ยาก อาทิ เครื่องบินขับไล่แบบที่ 10 (ฮอว์ค 3) เครื่องฝึกแบบที่6 (ทาชิกาวา) เครื่องบินแบบ ทอ.5 กองทัพอากาศสร้างและทดลองบินเป็นผลสำเร็จ เป็นต้น บางแบบเคยเข้าร่วมปกป้องอธิปไตยจนนักบินได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญมา หลายท่าน เช่น เครื่องบินโจมตีแบบที่ 1 (คอร์แซร์) รบในสงครามอินโดจีนฝรั่งเศส เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบที่ 2 (บริพัตร) เป็นต้น และกองทัพอากาศยังได้ปรับปรุงและพัฒนาพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้มีความสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาด้านประวัติของกองทัพอากาศต่อไป


พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย

          ตั้งอยู่ภายในบริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ ถนนรัชดาภิเษก (เอสซีบี ปาร์ค) จัดแสดงวิวัฒนาการของเงินตรานับแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีการและ เปลี่ยนสัตว์เลี้ยงและทาส มาเป็นโลหะวัตถุและเป็นเงินตราในที่สุด และยังจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของธนาคารในประเทศไทยนับจาก ธนาคารแห่งแรกของไทยถือกำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2431

          เปิดให้เข้าทุกวันอังคาร-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. โทร. 0 2544 4504, 0 2544 4525, 0 2544 4462-3

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี

          ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยตรงข้ามสถานีรถไฟธนบุรี เป็นอู่เก็บเรือที่ใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เรือเหล่านี้เป็นเรือขุดทั้งสิ้น เรือพระราชพิธีที่เก็บอยู่ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงษ์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งเอนกชาติภุชงค์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ และเรือพระที่นั่งอื่น ๆ อีกหลายลำ 

          เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่และวันหยุดสงกรานต์) อัตราค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท ค่าธรรมเนียมถ่ายภาพ 100 บาท วีดีโอ 200 บาท โทร. 0 2424 0004



พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา

          เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องปั้นดินเผาถ้วยชามเบญจรงค์ในสมัยโบราณ และเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านริมน้ำ ตั้งอยู่ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ด้านหลังของวิทยาลัยนาฏศิลป์) หากเข้าชมเป็นหมู่คณะต้อง ติดต่อล่วงหน้าที่ มูลนิธิเสวตร-โสภา เลขที่ 5 ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ

          เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 50 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2224 1373, 0 2224 1388


พิพิธภัณฑ์ปืนใหญ่โบราณ

          ตั้งอยู่ในบริเวณด้านหน้าและด้านข้างของกระทรวงกลาโหม เป็นการจัดแสดงปืนใหญ่ที่เคยผ่านสงครามต่าง ๆ มาแล้วในอดีต โดยเรียงลำดับหมวดหมู่ตามอายุและยุคสมัยของปืน เริ่มจากปลายกรุงศรีอยุธยา ธนบุรี จนถึงรัตนโกสินทร์ เช่น ปืนนารายณ์สังหาญ ปืนพญาตานี และปืนชุดที่ทำจากฝรั่งเศส จำนวนทั้งสิ้น 40 กระบอก ส่วนอาคารเป็นสถาปัตยกรรมยุโรป ด้านหน้ากระทรวงฯ นั้น รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของทหารประจำรักษาพระนคร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2226 3814 โทรสาร 0 2225 8262


พิพิธภัณฑ์ดิน      

          ตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของอาคารที่ทำการกรมพัฒนาที่ดิน ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร จัดตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และทันสมัยสมบูรณ์แบบที่สุดในเอเชีย ภายในพิพิธภัณฑ์ดินแห่งนี้ จัดแสดงประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งกรมพัฒนาที่ดิน การแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการสำรวจดินยุคแรก ๆ แสดงแหล่งวัตถุกำเนิดดิน การเกิดดิน รวมทั้งงานในโครงการพระราชดำริด้านต่าง ๆ และจัดแสดงหุ่นจำลองภาคหน้าตัดดิน 62 กลุ่มชุดดินทั่วประเทศ พร้อมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เก็บรวบรวมข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับดิน วิธีการปรับปรุงดินทั้ง 62 กลุ่มชุดดิน ที่สามารถสืบค้นหาได้ด้วยตนเอง เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างคุ้มค่า 

          เปิดให้เข้าชมในวันเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 16.00 น. สำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา เกษตรกร ท่านที่สนใจทั่วไป เข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรบรรยายให้ความรู้ ติดต่อที่ฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม โทร. 0 2579 8515


พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร

          ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารสำนักงานไปรษณีย์นครหลวงเหนือ (หลังไปรษณีย์สามเสนใน) จัดแสดงแสตมป์ไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และแสตมป์ของประเทศสมาชิกสหภาพสากลไปรษณีย์ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดจัดเก็บหนังสือรวบรวมความรู้เรื่องการไปรษณีย์ทั้ง ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ ในบริเวณเดียวกันยังมีการจำหน่ายแสตมป์ และอุปกรณ์เพื่อการสะสมแสตมป์ด้วย

          เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2271 2439

 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ในกรุงเทพ อัปเดตล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13:56:06 24,304 อ่าน
TOP
x close