เที่ยวญี่ปุ่น (โอซาก้า) ด้วยตัวเอง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ frauen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
นอกจากโตเกียวแล้วดูเหมือนว่า "โอซาก้า" (Osaka) จะเป็นอีกหนึ่งเมืองที่คนกำลังนิยมเดินทางไปสัมผัสกับความงามต่าง ๆ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายหลายแห่ง วันนี้เราเลยหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ frauen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มีโอกาสไปเยือนโอซาก้า พร้อม ๆ กับแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ในการเตรียมตัวเที่ยวโอซาก้าด้วยตัวเองมาฝากกัน คนที่กำลังจะไปเที่ยวห้ามพลาดนะจ๊ะ ^^
+++++++++++++++++++++++++
เกริ่นก่อนว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสแบกเป้เที่ยวโอซาก้ามาค่ะ จองตั๋วล่วงหน้าประมาณ 10 เดือน แต่เพิ่งจะมาจัดตารางเที่ยวหนึ่งอาทิตย์ก่อนไป พอเริ่มต้นเท่านั้นก็เกิดอาการมึนตึ๊บกับตั๋วรถไฟที่ไม่รู้จะมีเยอะไปไหน ไหนจะสถานที่เที่ยวกับเส้นทางรถไฟอีก แน่นอนว่างานนี้เครียด+กังวลมาก เวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว แต่คืนสุดท้ายก่อนเดินทางกำหนดการเสร็จทันเวลาพอดี (รอดตัวไป)กลับมาคราวนี้อยากจะแบ่งปันประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้อีกหลาย ๆ ท่านที่กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกันค่ะ
**กระทู้นี้ไม่เน้นความสวยงามของรูปนะคะ อยากรีวิวเป็นแนวทางคร่าว ๆ แค่นั้นค่ะ**
วางแผนเที่ยวเองเริ่มต้นอย่างไร
1. เนื่องจากเจ้าของกระทู้ได้ตั๋วไป-กลับแน่นอนแล้ว (ตั๋วเครื่องบินราคาถูกเจ้าของกระทู้ติดตามเพจของ Ar-pae ใน FB ค่ะ) ไปเมืองไหนก็จะแพลนไว้คร่าว ๆ ว่ามีสถานที่เที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง กรณีนี้ขอยกตัวอย่างที่โอซาก้า เช่น Universal, Osaka castle, ชมวิวที่ Umeda Sky Building เป็นต้น (เจ้าของกระทู้ไม่ได้ไป Universal นะคะ)
2. พอได้สถานที่เที่ยวที่เราสนใจแล้วก็มากางแผนที่กัน ดูว่าอะไรอยู่ตรงไหนก็จัดลงตารางเป็นโซน ๆ ไป วันนี้ไปไหนบ้าง จัดคร่าว ๆ ไว้ก่อน
3. พอได้วัน+สถานที่คร่าว ๆ ก็มาดูสายรถไฟ
แต่ ๆๆๆ มันเยอะมาก ลายตาสุด ๆ แนะนำว่าให้หาก่อนว่าที่ที่เราอยู่มีสถานีอะไรและปลายทางต้องลงสถานีอะไร แล้วค่อยไล่ดูในแผนที่ เช่น หอคอย Tsutenkaku สถานี Ebisucho ไปย่าน Shinsaibashi Shopping Street สถานี Namba ก็ลากตามแผนที่ไปเลยว่ามีสายไหนไปได้บ้าง เจ้าของกระทู้ใช้วิธีดูสีของรถไฟแต่ละสายค่ะ
ถามว่าทำไมไม่ใช้บริการของเว็บ Hyperdia ดูเส้นทางรถไฟ ใช้ค่ะแต่พอไปถึงจริง ๆ ดูรถไฟแต่ละเส้นทางตามสีในแผนที่ง่ายกว่าค่ะ
4. แล้วจะซื้อตั๋วรถไฟแบบไหนดีล่ะ นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาของเจ้าของกระทู้เลยค่ะ...งงมาก อันนี้บอกละเอียดไม่ได้จริง ๆ สำหรับเจ้าของกระทู้ใช้หลักแบบนี้ค่ะ
4.1 อยู่เมืองไหนกี่วัน
4.2 เที่ยวไหนบ้าง
4.3 ขึ้นลงรถไฟบ่อยแค่ไหนหรือเน้นเดิน
4.4 สถานที่นี้บัตรไหนเข้าฟรี (เน้นครอบคลุมสถานที่ที่เราไปให้เยอะที่สุด)
4.4 เลือกบัตรตามใจฉันเลยค่ะ
เจ้าของกระทู้เที่ยวโอซาก้าวันที่ 1-2 ใช้บัตร Amazing Pass แบบ 2 Day (บัตรนี้เข้าที่ไหนฟรีก็ระดมพลไปให้หมด)
วันที่ 3 เกียวโต ใช้บัตร JR แบบ 1 วัน+Bus ticket 1 วัน
วันที่ 4 เก็บตกโอซาก้า ใช้บัตร Enjoy Eco Card 1 Day Pass
5. จัดที่เที่ยว+สถานีรถไฟลงตาราง
ตัวอย่าง
เสร็จแล้วค่ะการวางแผนเที่ยวคร่าว ๆ ไปถึงจริง ๆ วันแรกก็จะงงนิดหน่อย แต่ถามทางที่นายสถานีได้ค่ะ เขาเต็มใจช่วยคุณแน่ ๆ
การจองโรงแรม
แนะนำจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือนก่อนเดินทาง...ทำไมล่ะ ?
ตอบ : เต็มค่ะ สั้น ๆ ง่าย ๆ แต่เรื่องจริงค่ะ ก่อนหน้านี้ดูไว้สองสามที่ เลือกจองแบบยกเลิกไม่เสียค่าธรรมเนียม (เจ้าของกระทู้ใช้บริการของ Booking.com) ลองจองไว้ก่อน กะว่าจะมาเลือกทีหลังปรากฏว่าเต็มค่ะ จองอีกที่หนึ่งก็เต็ม เริ่มใจคอไม่ดีต้องรีบหาใหม่ สุดท้ายก็ได้ที่ Hotel Naniwa ย่าน Shinsaibashi ห้องเป็นแบบเรียวกัง (ปูฟูกนอนพื้น)
และเนื่องจากเจ้าของกระทู้ไปช่วงฤดูหนาวซึ่งจะต้องเตรียมตัวพอสมควร อะไรบ้างที่ต้องเตรียมตัว เคยหาจากอากู๋เจอหลาย ๆ เว็บ อยากรวบรวมไว้ในกระทู้เดียว ถ้าเป็นฤดูอื่นไม่น่าจะมีปัญหาเนอะ
1. เสื้อผ้าต้องขนาดไหน
ตอบค่ะ ไม่ต้องเยอะเว่อร์ เยอะเว่อร์คือยังไง
ลองจอนแบบหนา เสื้อฟรีสคอเต่า 2 ชั้น แขนยาวผ้า Wool เสื้อขนเป็ดแบบหนา โค้ทตัวยาว ผ้าพันคอ ที่ปิดหู ถุงมือถุงเท้าแบบหนา ขนไปได้แต่ถ้าขากลับไม่อยากทิ้ง แนะนำตามนี้
1.1 ลองจอนแบบหนาหรือบางก็ได้ตามชอบ หรือจะเป็น Heattech ของ Uniqlo ก็เอาอยู่
1.2 เสื้อคอเต่า
1.3 โค้ทกันลมหรือขนเป็ด
1.4 ผ้าพันคอ สำคัญมากถ้าคออุ่นคือชนะ
1.5 หมวกผ้า Wool ไม่ใช่คนขี้หนาวไม่ใส่ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่เจอฝนหรือหิมะก็พอรับได้
1.6 ถุงมือ คือมือจะเย็นมากถุงมือไม่ค่อยช่วยอะไรแถมยังหยิบจับอะไรลำบาก โดยเฉพาะเวลาจะถ่ายรูป เจ้าของกระทู้ต้องเอามือซุกกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา (ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้ามือเย็นมาก ๆ แนะนำกดน้ำกระป๋องจากตู้ข้างทางแบบร้อน ! มาถือไว้ในกระเป๋าเสื้อจะช่วยได้มาก)
1.7 รองเท้าอะไรก็ได้ที่พื้นหนา ๆ ขอเป็นรองเท้าคู่ใจนะคะอย่าซื้อใหม่เลย ทำไม ? ตอบค่ะ ถ้าทริปที่เดินเยอะ ๆ จะเกิดอาการปวดเท้าและเมื่อยขาค่ะ ถ้ารองเท้าพื้นหนาจะลดการกระแทกทำให้เวลาเดินนาน ๆ จะไม่ค่อยปวดเท้า
รองเท้าเพื่อนร่วมทริปค่ะ
จะบอกว่าเป็นคนขี้หนาววันแรกไปถึงก็จัดเต็ม แต่รู้สึกหนักตัวมากเวลาใส่หลาย ๆ ชั้น วันที่สองเดินในเมืองใส่แค่นี้เอาจริง ๆ ก็อุ่นแล้วนะ ขอแค่เสื้อผ้าเป็นวัตถุดิบที่ดีพอใส่บาง ๆ เบา ๆ ก็อุ่นแล้วค่ะ
แล้วต้องเอาไปหลายชุดไหม ?
ตอบค่ะ เจ้าของกระทู้ไป 4 วันเอา Heattech กับคอเต่าอย่างละ 2 ตัว ใส่สลับกันก็พอแล้วค่ะ อากาศเย็นเหงื่อไม่มีพอรับได้ เหลือน้ำหนักและพื้นที่กระเป๋าเอาไว้ใส่ของกลับค่ะ ที่สำคัญคือสะดวกเวลาที่ต้องผ่านเครื่องสแกนเพราะต้องถอดเสื้อ เข็มขัด กระเป๋าสะพาย ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นก็จะไม่พะรุงพะรัง ถ้ามีกางเกงผ้าก็ใส่วันไปและกลับก็จะสะดวกมากค่ะ
2. อุปกรณ์ช่วยชีวิตทั่วไป
2.1 Pocket Wi-Fi หรือ Simcard ไว้ใช้เน็ต ใช้เน็ตในที่นี้ไม่ใช่แชทหรือโพสต์รูปใน FB นะคะ Google Map มีประโยชน์มากเวลาหลงทาง
2.2 Power Bank
2.3 ที่ชั่งน้ำหนักกระเป๋าแบบพกพา สำหรับคนที่ช้อปเพลินแล้วกลัวน้ำหนักเกิน
2.4 ตัวแปลงปลั๊กไฟ ถ้าลืมหาซื้อได้ตาม Family Mart หรือ 7-11
2.5 ปลั๊กพ่วง
2.6 ถุงซิปแบบสุญญากาศไว้ใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว ลดพื้นที่กระเป๋ามีขายตาม Family เช่นกัน
เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ
1. ที่โอซาก้ามีห้องน้ำเยอะมาก และห้องน้ำทุกที่มีกระดาษชำระ (ชอบจัง)
2. ถ้าจะไปซื้อรองเท้า (Nike) ที่ Umeda ลดเยอะที่สุด แบบเยอะกว่าที่ Shop
3. สินค้า Muji ถูกเหลือเชื่อ แต่ละที่ลดราคาไม่เท่ากัน
4. ปลาหมึกอบแห้งใน Family Mart อร่อยมาก
5. ซื้อขนมตามมินิมาร์ททั่วไปถูกกว่าในห้างนะ
6. สตรอว์เบอร์รีที่นาราอร่อยที่สุด
7. เวลาที่อากาศเย็นมาก ๆ ลองชิมถั่วแดงกระป๋องตามตู้ข้างทาง อร่อยและทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น (นิดหนึ่ง)
8. ถ้าบังเอิญเจองานเทศกาลที่วัดหรือศาลเจ้าลองไปเล่นเกมตามซุ้มต่าง ๆ ดู อาจจะได้ของถูกและดีเหลือเชื่อ
9. ลองสั่งโกโก้ปั่นที่ Tsutenkaku Tower
10. เสื้อผ้าฤดูหนาวที่นี่สวยและถูกกว่าที่ไทย
11. โฟมล้างหน้ายี่ห้อสีน้ำเงินหาดี ๆ บางร้านราคาแค่ 46฿
12. ห้ามพลาดไก่ทอดตามข้างทาง
13. ถ้าเจอของถูกใจให้ซื้อเลยค่ะ จะรอดูที่อื่นอาจจะไม่มีแล้ว ถ้ามีราคาจะต่างกันไม่เท่าไร
14. ร้านอาหารที่ไม่มีคนรีวิวก็อร่อยใช้ได้นะ
15. รถไฟและรถเมล์ที่นี่ตรงเวลามาก
วันแรกไปถึงสนามบินคันไซประมาณแปดโมงเช้า ซื้อบัตร Amazing Passที่สนามบินเลย ไม่อยากจัดเต็มมากเพราะต้องรอสมาชิกที่จะมาสมทบวันที่สอง ตารางการเที่ยวก็ยังไม่แน่นมาก แบกเป้ไปโรงแรม Hotel Naniwa ฝากกระเป๋า ล้างหน้าล้างตาแล้วเริ่มมึนกับการขึ้นรถไฟครั้งแรกได้เลย
อย่างที่บอกสิ่งแรกที่ควรรู้ คือ ชื่อสถานีปลายทางและสายรถไฟให้ดูตามสีเลยว่าสายไหนไปได้บ้าง ที่แรกเจ้าของกระทู้ไปลงที่นารา ไปวัด Ishikiri มีการเปลี่ยนสถานีระหว่างทางเล็กน้อย ซึ่งไม่อยู่ตามแผน พวกเราก็งง ๆ เดินลงรถไฟตามคนอื่น แล้วก็รอขึ้นสายถัดไป ในที่สุดก็มาถึงนารา (บัตร Amazing Pass ใช้ได้แค่ในโอซาก้า ออกมานาราต้องซื้อเพิ่มต่างหาก แต่ถ้าใช้บัตร Kansai ก็ใช้ได้ครอบคลุม)
***แนะนำลองแวะมินิมาร์ทแรกตรงข้ามสถานี
และนี่ก็อย่าได้พลาด
ระหว่างทางไปวัดก็มีร้านขายของตามข้างทาง เพลินมาก
หลังจากไหว้พระขอพรให้สบายอกสบายใจเสร็จแล้วก็กลับมาเช็กอินที่โรงแรม อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกลุยใหม่ เดินเล่นย่าน Namba
วันที่สองก็ยังต้องใช้ชีวิตในโอซาก้า เนื่องจากบัตร Amazing Pass แบบ 2 Day ต้องใช้วันติดกัน ไปไหนได้บ้าง มีอะไรน่าสนใจไหม ตามมาเลยค่ะ
Kiyukan ใช้บัตร Amazing Pass เป็นส่วนลด
Tempozan ขึ้นฟรี
ขากลับอย่าลืมแวะทานเครปร้านนี้
เจ้าของร้านน่ารักและพูดภาษาอังกฤษได้
ในแพลนมีขึ้น HEP Five แต่วันนั้นปิดพอดีเลยเดินเล่นหาอะไรกินไปเรื่อย
พวกเราเรียกว่าร้านซูชิแรนดอม
หยิบมาเถอะมั่ว ๆ เอา อ่านไม่ออก
อิ่มท้องก็ไปชมวิวที่ Umeda Sky
ไปดู 3D ต่อที่ปราสาทโอซาก้า
มื้อดึกก่อนกลับเข้าที่พัก
ราเมงผ้าใบ...ถูกและดี
ลืมบอกไปว่าทริปนี้เน้นกิน ส่วนมากจะแนะนำได้เฉพาะเรื่องอาหารการกิน ไม่เน้นสบาย เน้นเที่ยวเฉพาะที่อยากไปเท่านั้น เจอที่ไหนน่าสนใจก็แวะ เวลายืดหยุ่นได้ไม่ต้องตามแผนการเป๊ะ ๆ สนุกดีค่ะ
วันที่ 3 เกียวโต
เนื่องจากมีเวลาแค่ 1 วัน ให้กับเกียวโต แต่อยากเที่ยววัดให้ (เกือบ) ครบ เจ้าของกระทู้หาข้อมูลตามเว็บอื่น ๆ ก็ได้คำตอบว่าเป็นไปไม่ได้ !!! แต่ด้วยความมุ่งมั่น+เสียดายเลยวางแผนจัดเส้นทางเที่ยวเองซะเลย
วางแผนอย่างไร ? ต้องทำใจค่ะว่ายังไงก็ต้องพึ่งพาแผนที่รถบัสในเกียวโต อาจจะดูมึนหน่อยแต่เราทำได้นะ เริ่มจากวิธีการเดิมค่ะ
1. ลิสต์รายชื่อวัดที่อยากไป วันเดียวได้มากที่สุด 3-4 ที่นะ
2. ดูสายรถเมล์สถานีต้นทางและปลายทางว่ามีสายไหนไปถึงบ้าง
3. นั่งรถเมล์อย่างเดียวไม่ทันแน่ ๆ ใช้ JR ช่วยค่ะ นั่ง JR ต่อรถเมล์ช่วยย่นเวลาได้เยอะ
4. ไม่ต้องรีบค่ะ แต่ละวัดมีอะไรน่าสนใจต่างกัน ไม่ต้องสนใจเวลาสุดท้ายจะทันหรือไม่ทันเอาความพอใจของเราดีกว่า (เจ้าของกระทู้เที่ยวเกือบครบนะ)
ซื้อบัตร JR Pass แบบ 1 วันที่สถานี Namba และบัตร Bus ขึ้นรถเมล์แบบ 1 วัน ซื้อได้ที่คนขับเลยค่ะ ¥500/คน
บัตร JR สมควรใช้ตอนไหน
ตอบ : บัตร JR ใช้ได้ในโอซาก้า แต่ ! ไม่ครอบคลุมสถานที่เที่ยวเท่าไร ใช้เดินทางไปเกียวโตและนาราได้ (ตอบเท่าที่เคยใช้)
ซื้อเป็นเที่ยวได้ไหม
ตอบ : ได้ค่ะถ้าขึ้นไม่เกิน 3 รอบ
วัดเสาแดง
ดูยังไงก็เป็นสีส้ม
ใช้ JR ไป Arashiyama
ต่อรถ Bus ไปวัดทอง
นั่ง Bus ข้ามไปวัดเงิน
แวะร้านน่ารัก ๆ ระหว่างทางกลับ
กลับโอซาก้าหาข้าวกิน
ร้านจะปิดแล้วยังใจดีให้เราเข้าไป
ระหว่างเดินกลับโรงแรม
วันสุดท้ายเป็นวันสบาย ๆ ค่ะ เน้นช้อปปิ้ง ใช้บัตร Eco Card ขึ้นรถไฟไม่จำกัด 1 วัน (¥600 เอง คุ้มมาก) วันนี้ไปไหน...กินก่อนเลยค่ะ คอปลาดิบอย่างเจ้าของกระทู้มีหรือจะพลาดร้านนี้
ในซุปมิโซะมีหอยตลับด้วย รสชาติเข้มมาก
หมดไปขนาดนี้เป็นมื้อที่แพงที่สุดแล้ว
วิวด้านหลังร้าน
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟก็เจองานอะไรไม่รู้ค่ะ คึกคักดีเลยลองเดินเข้าไป
เล่นจับรางวัลซะหน่อย ¥300 ได้โมเดลก็อตซิลลาเป็นของที่ระทึก เสียดายไม่ได้ถ่ายมา
ยิ้มให้กล้องด้วย
มีขนมหน้าตาน่ากินเยอะแยะเลย
สุดท้ายก็กลับมาแยกย้ายกันซื้อของฝากที่ Namba ตามอัธยาศัยค่ะ แวะกินราเมงที่สถานี Namba ก่อนกลับ
ตบท้ายด้วยของหวานก่อนไปโหลดกระเป๋า
สิ้นสุดการผจญภัยที่ญี่ปุ่นค่ะ เดี๋ยวมีเก็บตกเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากนะ
สรุปการไปเที่ยวญี่ปุ่น 4 วัน ได้อะไรบ้าง
1. โอซาก้า เกียวโต นารา (บางส่วน) ก็ถือว่าครอบคลุม สำคัญที่การวางแผนเดินทางค่ะ ถ้าวางแผนดีคุณก็สามารถไปได้ทั่วโดยไม่เสียเวลาหลงทาง
2. ได้กิน (เยอะมาก) ทั้งร้านอาหารยอดฮิตและตามข้างทางทั่วไป ได้ลองอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ อย่างซูชิแรนดอม คือสนุกเพราะจะลุ้นตลอดว่าคำที่ยื่นให้พนักงานจะได้อะไรกลับมา ได้สาเกเย็น ๆ ก็มี
3. ไปเป็นกลุ่มช่วยเซฟรายจ่ายได้ดีกว่า คำนวณดูแล้ว 4 วัน 3 คืน ค่าใช้จ่ายหมดไปแค่ 38,000 บาท ราคานี้รวมค่าเดินทางในญี่ปุ่น ค่ากิน และค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ
เรากินเยอะมากจริง ๆ นะ