เที่ยวนครพนม เมืองชายแดนที่มีทิวทัศน์สวยงาม อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปสัมผัสมากมาย เอาเป็นว่าตามเราไปเที่ยวนครพนมกันเลยดีกว่า
สวัสดี ๆ กลับมาคราวนี้จะพาไปเที่ยวเมืองเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ริมฝั่งโขงกันกับทริปสั้น ๆ 2 วัน 1 คืน ในเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบริมฝั่งโขง เมืองที่ทำให้ผมหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือน เมืองที่ผู้คนเป็นมิตร เมืองที่บรรยากาศดี เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เมืองที่มีวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ "นครพนม" พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย
รีวิวก่อนหน้านี้
BACKPACK to Malaysia & SINGAPORE แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ 1
Backpack to MALAYSIA & Singapore แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ 2
Backpack to Malaysia & Singapore แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ 3 Final
แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องประจวบคีรีขันธ์ ปืนเขาล้อมหมวก
แบกเป้ สะพายกล้อง นั่งรถไฟ โบกรถ ท่องสังขละบุรี หน้าฝน แบบชิลชิล
แบกเป้ สะพายกล้อง โบกรถเที่ยวภูทับเบิก หน้าฝน ชิลชิลอีกแล้วกับงบ 1,000 กว่าบาท
แบกเป้ สะพายกล้อง นั่งรถไฟฟรี เที่ยวเมืองคนสวย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี วันเดย์ทริป
แบกเป้ สะพายกล้อง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก โบกรถเที่ยวภูหินล่องกล้า จ.พิษณุโลก หน้าฝนแบบชิล ๆ อีกแล้ว
หรือสามารถติดตามพวกเราได้ที่ https://www.facebook.com/thetravelerz สำหรับคนที่สนใจเรื่องท่องเที่ยวแบกเป้เหมือนกัน
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่ผมเน้นชิล ๆ ไม่เร่งรีบ และเราจะไปไหว้พระธาตุกัน ซึ่งที่นครพนมมีพระธาตุประจำวันเกิดครบทั้ง 7 วัน ใครเกิดวันไหนลองดูได้
ทริปนี้ผมออกเดินทางจากหมอชิตด้วยรถทัวร์ของ บขส.999 รอบเวลา 20.30 น. ราคา 574 บาท สามารถดูรายละเอียดและตารางรถได้ที่ http://home.transport.co.th/ เลยครับ
ผมมาถึงหมอชิตแบบว่าใกล้เวลารถจะออกแล้ว และที่สำคัญผมก็หาชานชาลาที่รถจอดอยู่ไม่เจอ เดินวนอยู่สักพักจึงถามคนแถวนั้นจนในที่สุดก็มาเจอเจ้าคันนี้ที่ผมต้องโดยสารมุ่งหน้าสู่นครพนม ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง
นั่งพลิกไปพลิกมา หลับ ๆ ตื่น ๆ จนในที่สุดก็มาถึงขนส่งนครพนมเวลาประมาณ 8 โมงเช้า
ที่นี่มีรถโดยสารระหว่างประเทศวิ่งจากนครพนมไปยังเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาวด้วยนะ ถ้าใครสนใจจะไปเที่ยวฝั่งลาวค่าโดยสารก็ประมาณ 70 บาท มีรอบ 08.00 น., 09.30 น.,10.30 น., 11.30 น. และเที่ยวกลับจากท่าแขก 13.00 น., 14.30 น., 16.00 น., 17.30 น.
ระหว่างนั้นผมก็เดินวนเล่น ๆ รอบ บขส. นครพนม รอพี่สาวที่ผมสนิทสุด ๆ มารับไปที่พัก แต่ระหว่างนั้นก็เอากระเป๋าไปฝากที่บ้านพี่เขาก่อน เพราะกว่าจะเช็คอินได้ก็เที่ยง ซึ่งตอนนี้ก็ 8 โมงกว่า ๆ เอง
วิถีชีวิตริมฝั่งโขง ผมชอบอะไรแบบนี้จัง
ที่นี่อะไรก็ดูช้า ๆ ไม่เร่งรีบ ขนาดเจ้านี้ยังหลับสบายเลย
วิวสวย ๆ จากฝั่งลาว ยิ่งมองยิ่งสวยกับทิวเขาแบบนี้
หลังจากหยุดถ่ายรูปริมโขงหลังพักก็ได้เวลาหาอะไรรองท้อง มีหลายคนแนะนำร้านพรเทพ
มาแล้วต้องลองขนมปังใส่ไส้ร้านพรเทพ อันละ 15 บาท
มาต่อกันด้วยไข่กระทะ 35 บาท
หลังจากทานขนมปังใส่ไส้ก็มาต่อกันที่ร้านข้าวเกรียบปากหม้อร้านศรีเทพ ซึ่งอยู่ข้าง ๆ ร้านพรเทพนั่นเอง
เรามาเริ่มกันที่แบ๋งแบ่วเป็นอาหารเวียดนาม จานละ 30 บาท
มาต่อกันด้วยปากหม้อใส่ไข่ 25 บาท เท่านั้น
มาอยู่ที่ไฮไลท์ของร้าน คือ ข้าวเกรียบปากหม้อ ราคาแค่ 30 บาท กินหมดนี้ถึงกับจุกกันเลยทีเดียว
หลังจากลองข้าวเกรียบปากหม้อแล้วก็ขอมาลองกล้วยปิ้งเจ้าอร่อยกันบ้างนะครับ
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ขอมาเดินเล่นกันบ้าง เดินมาถึงหอนาฬิกาสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของนครพนมซึ่งสร้างโดยชุมชนชาวเวียดนาม
ไทยสามัคคีโรงแรมแห่งแรกของนครพนม
ร้านโชห่วยเก่า ๆ แบบนี้ก็มีให้เห็นนะ ดูแล้วคลาสสิกมากเลย
ฟ้าริมฝั่งโขงที่นครพนมวันนี้สวยมาก ๆ เลย
ริมเขื่อนนครพนม
ท่าเทียบเรือข้ามไปยังไปยังฝั่งลาว อยู่ใกล้ ๆ วัดโอกาส
ชาวบ้านนั่งตกปลาอยู่ริมโขง ชีวิตดูไม่เร่งรีบ
รถสามล้อหน้าท่าเรือสามารถเช่าไปเที่ยวในตัวเมืองนครพนมได้
ศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนมอยู่ติดกับวัดโอกาส
เดินถ่ายรูปบริเวณท่าเทียบเรืออยู่สักพัก ดูเวลาใกล้เที่ยงแล้วได้เวลาไปเช็กอินที่โรงแรมที่จองไว้ ระหว่างทางผ่านวัดสำคัญอีกวัด คือ วัดมหาธาตุนครพนม ไม่ลืมที่จะไหว้ขอพรกันสักหน่อย
ก่อนมาดูไว้หลายที่มากแต่พี่สาวที่อยู่ที่นี่บอกว่ามีโรงแรมเปิดใหม่ติดแม่น้ำโขงวิวสวยมาก ผมไม่รีรอพอดูในเว็บแล้วเลยตัดสินใจเลือกที่นี่ The a River Nakornphanom
ผมเลือกห้องแบบ River View ซึ่งสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงจะห้องนอนได้เลย ราคาห้องก็ 990 บาท ที่นี่ค่าห้องเริ่มต้นที่ 790-2,490 บาท มีจักรยานให้เช่าราคา 60 บาทต่อวัน และมอเตอร์ไซค์ 250 บาทต่อวัน
วิวจากระเบียงห้องพักครับ สวยมาก ๆ
หลังจากเช็กอินและทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ต้องหาร้านกาแฟนั่งชิล ๆ กันหน่อย พี่สาวแนะนำร้านนี้ Ali Bah Bah ซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมที่ผมพักสักเท่าไร
ร้านเล็ก ๆ แต่น่ารักมาก ๆ
บรรยากาศภายในร้าน
คุกกี้ร้านนี้น่าทานมาก ๆ เป็นคุกกี้โฮมเมดด้วยนะ
สั่งเค้กบานอฟฟี่มาทาน...ฟินมาก
พร้อมกับโกโก้เย็น อากาศร้อน ๆ แบบนี้มันช่วยได้นะ
หลังจากพักหาอะไรเย็นทานยามบ่าย เราก็ไปต่อกันที่บ้านลุงโฮ (บ้านพักของประธานธิบดีโฮจิมิน ผู้นำเวียดนามในอดีต) ที่เคยมาพำนักในประเทศไทยเมื่อประมาณ 90 กว่าปีเห็นจะได้
บ้านลุงโฮเป็นบ้านไม้หลังเล็กไม่ได้ใหญ่โตอะไร อยู่อย่างเรียบง่าย
ภายในเก็บข้าวของเครื่องใช้ของลุงโฮเอาไว้
โต๊ะทำงานของลุงโฮ ใช้คิดแผนการกู้ชาติและประชุมงาน
ไปเยี่ยมเยือนบ้านลุงโฮเสร็จก็เย็นพอดีและท้องก็เริ่มร้องแล้วด้วย เราเลือกมาทานปลาจุ่มกับพี่สาวและแม่ที่อาจสามารถริมแม่น้ำโขง แม่แนะนำร้านนี้ ภูตะวันปลาจุ่ม
สั่งปลาจุ่มมาหนึ่งชุด พร้อมปลาเนื้ออ่อนทอดและส้มตำปลาไข่ต้มยางมะตูม
เนื้อปลาผมคาดว่าน่าจะเป็นปลาแม่น้ำโขงนะ
เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมทานปลาจุ่ม ปกติทานแต่หมูจุ่ม และผมก็ไม่ชอบทานปลาสักเท่าไรด้วย แปลกนะที่ผมทานปลาจุ่มได้ไม่คาวด้วย
ปลาสด ๆ จากกระชังปลาริมโขง
บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ ร้านภูตะวันปลาจุ่ม
วิถีชีวิตที่เรียบง่ายกับสายน้ำโขง
นั่งกินปลาจุ่มไปชมวิวสวย ๆ ไปฟินสุด ๆ
หลังจากทานปลาจุ่มกันเสร็จเรียบร้อยดูเวลาก็เย็นมากแล้ว มีแพลนไว้ว่าจะไปถ่ายรูปสะพานเย็นแต่เมฆฝนเริ่มมาเลยขอกลับไปตั้งหลักก่อน ระหว่างทางกลับที่พักผมก็จอดแวะถ่ายรูปที่โบสถ์นักบุญอันนากันสักหน่อย
ทุก ๆ เย็นจะมีคนแวะเวียนมาถ่ายภาพที่โบสถ์นี้อยู่เสมอ ผมว่ามันเป็นโบสถ์ที่สวยอีกแห่งของประเทศเลยก็ว่าได้
ถ่ายรูปได้แป๊บเดี๋ยวฟ้าเริ่มมืดและฝนเหมือนจะตก ผมเลยรีบขี่รถกลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเพราะว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
ระหว่างที่เดินขึ้นห้องก็มาสะดุดสีสันของล็อบบี้ที่ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมาก ต่างจากตอนกลางวันเลย
หลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จก็รอคุณแม่ของพี่สาวมารับไปถ่ายรูปสะพานมิตรภาพแห่งที่สาม ตอนแรกพี่สาวผมจะมาด้วยแต่ง่วงมากเลยส่งแม่มาแทน นั่งรถจากที่พักประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่สะพานมิตรภาพแห่งที่สาม บอกเลยว่าวันนี้อากาศดีมากลมพัดเย็น ๆ เงียบสงบสุด
สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่สามนี้สวยงามมาก ๆ เลย ไม่แพ้ที่หนองคายและมุกดาหารเลย
หลังจากถ่ายรูปอยู่สักพักก็ได้เวลากลับที่พัก ขอกลับไปนอนพักเอาแรงก่อนพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปตักบาตรและวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
เมื่อคืนตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่งแต่ผมตื่นขึ้นมาก่อนนาฬิกาดังมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น พอมานั่งหน้าระเบียงห้องเจออะไรแบบนี้แล้วรู้สึกดีเอามาก ๆ เลย
สวยงามเงียบสงบ ตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์แบบนี้ทุกวันคงจะดีไม่น้อยเลย
นั่งชิล ๆ คิดอะไรเพลิน ๆ รอดูพระอาทิตย์ขึ้น
ในที่สุดก็โผล่ขึ้นมาสักที คุ้มกับที่รอ หลังจากนั้นผมก็รีบร่างหน้าแปรงฟันลงไปด้านล่าง
สวัสดีพระอาทิตย์ ผมดูเวลาก็หกโมงเช้าแล้วรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปบริเวณริมโขงใกล้วัดมหาธาตุเพื่อรอตักบาตร
ในที่สุดก็มาทันตักบาตร ที่นี่ตักบาตรกันก่อนหกโมงเช้า ผมมาถึงก็หกโมงสิบห้าแล้วมาทันแค่ขบวนสุดท้ายที่กำลังจะเข้าวัดพอดี
ตักบาตรเสร็จก็เดินเล่นริมโขงกันสักหน่อย คนที่นี่ตื่นเช้ามาออกกำลังการดูสุขภาพแข็งแรงกันทั้งนั้นเลย
ดูทุกคนที่นี่มีความสุขและมีน้ำใจมาก ๆ จากการที่ได้พูดคุย
ยามเช้าที่นครพนมสำหรับผมมันสวยมาก ๆ
อีกสักภาพละกัน ก่อนจะกลับไปที่พักและไปบ้านพี่สาวเพื่อจะไปไหว้พระกันที่วัดพระธาตุท่าอุเทน
ระหว่างรอก็เดินเล่นแถวบ้านพี่สาวก็เห็นชาวบ้านยังคงตักบาตรกันอยู่
ผมออกเดินทางจากนครพนมตอน 7 โมงกว่า ๆ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงวัดพระธาตุท่าอุเทน
พระธาตุท่าอุเทนพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันศุกร์
ตอนนี้พระธาตุท่าอุเทนกำลังบูรณะอยู่ แต่ยังคงดูมีมนตร์ขลัง หลังจากไหว้พระธาตุท่าอุเทนเสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับ เพราะแม่ของพี่สาวต้องรีบไปสอน
หลังจากที่กลับมาถึงแล้วผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์เลาะริมฝั่งโขงมายังโบสถ์อันนาอีกครั้ง หลังเมื่อวานรีบกลับ
อีกสักครั้งกับโบสถ์แห่งนี้ ตอนเช้าที่นี่สวยมาก ๆ เลย
ระหว่างทางที่ขี่รถกลับที่พักผมก็ยังคงถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ
ผมชอบอีกอย่างของที่นี่ คือ มีเลนจักรยานไว้ให้ปั่นชิล ๆ ริมโขงกันด้วย ซึ่งเย็น ๆ จะมีคนปั่นกันเต็มเมืองเลยทีเดียว
ระหว่างที่ขี่รถกลับมาที่พักก็จะผ่านวัดต่าง ๆ สำคัญ ๆ หลายวัด เริ่มที่วัดโอกาส
ถัดมาอีกนิดก็จะเป็นวัดโพธิ์ศรี
ขี่มาเรื่อย ๆ ก็จะผ่านวัดกลาง
สุดท้ายที่วัดมหาธาตุ
ผมขี่รถกลับมาถึงโรงแรมประมาณเกือบสิบโมง ผมก็รีบไปที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าที่รวมอยู่ในค่าห้อง ซึ่งอาหารเช้าจะปิดตอนสิบโมงครึ่ง
ผมไม่รอช้าจัดเต็มเลยครับมื้อนี้ แบบว่าหิวมาก ๆๆๆๆ
ที่นี่มีอาหารแนะนำ คือ ต้มเส้น หรือข้าวเปียกเส้น หรือกวยจั๊บญวณ
และไข่คนกระทะก็อร่อยไม่แพ้กัน
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยมาก็ใกล้สิบเอ็ดโมง ผมจึงไปเก็บสัมภาระและทำการเช็กเอาท์ออกจากที่พักเพื่อมุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุพนม ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร ผมวางกระเป๋าไว้ที่โรงแรมและเอาไปเท่าที่จำเป็น ตอนแรกกะว่าจะขี่รถไปแต่ฝนมืดไปหมดผมจึงเลือกนั่งรถสองแถวไปแทน
นั่งมาชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงวัดพระธาตุพนมสักที ซึ่งวัดอยู่ไม่ไกลจากท่ารถเท่าไรเลย
ที่นี่ไม่มีฝนเลยอากาศร้อนมาก ๆ แต่ไม่กลัวอยู่แล้ว
ดูเอาแล้วกันว่าสวยงามแค่ไหน
พระธาตุพนมพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันอาทิตย์ ใครเกิดวันไหนมานครพนมมีครบทุกวันเลยครับ
หลังจากไหว้พระธาตุพนมเสร็จผมก็รีบเดินมาขึ้นรถสองแถวเหมือนขามากลับตัวเมืองนครพนม ค่าโดยสารประมาณ 40 กว่าบาท
หลังจากที่นั่งกลับมาถึงตัวเมืองอีกประมาณชั่วโมงกว่าและฝนไม่ตกแล้ว รถผ่านหน้าโรงแรมที่ผมพัก ผมมาถึงประมาณบ่ายสองกว่าก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่จวนผู้ว่าฯ หลังเก่า แต่หารู้ไม่ว่าวันนี้ปิด (วันจันทร์) แอบเซ็งเลย แต่ก็ขอเขาเข้าไปถ่ายแค่ตัวอาคารก็ยังดี
ในเมื่อจวนผู้ว่าฯ ปิดผมเลยขี่รถมายังสะพานมิตรภาพแห่งที่สามแทน ขี่มาประมาณ 15 นาทีเอง
สะพานสวยและเงียบมากแต่ดูท่าแล้วเหมือนฝนจะตก คงอยู่ได้ไม่นาน ขี่รถกลับดีกว่า
ดูเวลาก็เกือบจะสี่โมงแล้วผมจึงขี่รถกลับเข้าตัวเมืองไปจองตั๋วรถกลับกรุงเทพฯ และแวะไหว้พระขอพร พระติ้ว พระเทียม
ถ้ามีเวลาอีกสักวันคงได้นั่งเรือล่องแม่น้ำโขงแน่ ๆ ท่าเรือก็อยู่ไม่ไกลกับวัดโอกาสเท่าไร เสียดาย ๆ
นั่งดูวิวสวย ๆ ก่อนจะไปเอากระเป๋าที่โรงแรม
ไปถึงโรงแรมผมต้องหาอะไรเย็น ๆ สักแก้วก่อนกลับเลยสั่งโกโก้เย็นที่ River Coffee ก่อนไปหาพี่สาวที่บ้าน (พี่สาวผมคนนี้ชอบนอนตอนกลางวันเลยไม่กล้าโทรไปกวน รอให้ตื่นช่วงเย็นแทน) เพื่อบอกลาแม่และพ่อของพี่สาวก่อนเดินทางไปขึ้นรถที่ บขส. นครพนม รถออกรอบ 18.15 น.
ก่อนจะไปที่ บขส. กว่ากินต้มเส้นร้านดังอีกร้าน (จำชื่อร้านไม่ได้แต่สรยุทธ์มากินร้านนี้ด้วย) ก่อนกลับ พี่สาวและแม่รอส่งผมขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ เอาจริง ๆ นะผมยังไม่อยากกลับเลยให้ตายสิ ที่เมืองนี้มันเงียบสงบ ผู้คนใจดีและมีความสุข มีอีกหลายที่ที่ผมยังไม่ได้ไป แต่ทำยังไงได้ต้องกลับไปทำงาน
ป.ล. ขอบคุณครอบครัวกุลตังวัฒนาที่น่ารัก ผมได้ครอบครัวที่น่ารักเพิ่มมาอีกหนึ่งครอบครัว เป็นพี่สาวที่ผมสนิท พ่อและแม่ของพี่สาวของผมคนนี้ (พี่ตาล) และหมาน้อยอีกสองตัวที่เห่าผมตลอด (พี่เซฯ กับพี่บุ้งกี๋) ขอบคุณทุก ๆ การติดตาม ทุก ๆ คอมเม้นท์ ทุก ๆ ไลค์ จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้านะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ The Travelerz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก TheTraveler แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยว เมืองน่ารัก ที่พักหลักร้อย
จังหวัดนครพนม
เป็นเมืองชายแดนที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์สวยงาม
มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์
เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์
อันเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน และมีพระธาตุอื่น ๆ
อีกหลายแห่ง ประกอบกับตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง
อันเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมแห่งสำคัญจากหลายชนชาติ
จังหวัดนครพนมจึงมีวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจอยู่มาก (ดูเพิ่มเติมได้ที่จังหวัดนครพนม) เพื่อเป็นการบอกการันตีความน่าอยู่จังหวัดริมฝั่งโขงแห่งนี้ เราได้หยิบเอาบันทึกการเดินทางแบบชิล ๆ ของ คุณ The Travelerz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้เดินทางไปสัมผัสกับจังหวัดนครพนม พร้อมเที่ยวเพลิน ๆ ในเวลา 48
ชั่วโมง แบบเต็มอิ่ม รับรองว่าถ้าอ่านจบแล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้แน่นอน
^___^
+++++++++++++++++++
สวัสดี ๆ กลับมาคราวนี้จะพาไปเที่ยวเมืองเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ริมฝั่งโขงกันกับทริปสั้น ๆ 2 วัน 1 คืน ในเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบริมฝั่งโขง เมืองที่ทำให้ผมหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือน เมืองที่ผู้คนเป็นมิตร เมืองที่บรรยากาศดี เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เมืองที่มีวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ "นครพนม" พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย
รีวิวก่อนหน้านี้
BACKPACK to Malaysia & SINGAPORE แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ 1
Backpack to MALAYSIA & Singapore แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ 2
Backpack to Malaysia & Singapore แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ 3 Final
แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องประจวบคีรีขันธ์ ปืนเขาล้อมหมวก
แบกเป้ สะพายกล้อง นั่งรถไฟ โบกรถ ท่องสังขละบุรี หน้าฝน แบบชิลชิล
แบกเป้ สะพายกล้อง โบกรถเที่ยวภูทับเบิก หน้าฝน ชิลชิลอีกแล้วกับงบ 1,000 กว่าบาท
แบกเป้ สะพายกล้อง นั่งรถไฟฟรี เที่ยวเมืองคนสวย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี วันเดย์ทริป
แบกเป้ สะพายกล้อง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก โบกรถเที่ยวภูหินล่องกล้า จ.พิษณุโลก หน้าฝนแบบชิล ๆ อีกแล้ว
หรือสามารถติดตามพวกเราได้ที่ https://www.facebook.com/thetravelerz สำหรับคนที่สนใจเรื่องท่องเที่ยวแบกเป้เหมือนกัน
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่ผมเน้นชิล ๆ ไม่เร่งรีบ และเราจะไปไหว้พระธาตุกัน ซึ่งที่นครพนมมีพระธาตุประจำวันเกิดครบทั้ง 7 วัน ใครเกิดวันไหนลองดูได้
ทริปนี้ผมออกเดินทางจากหมอชิตด้วยรถทัวร์ของ บขส.999 รอบเวลา 20.30 น. ราคา 574 บาท สามารถดูรายละเอียดและตารางรถได้ที่ http://home.transport.co.th/ เลยครับ
ผมมาถึงหมอชิตแบบว่าใกล้เวลารถจะออกแล้ว และที่สำคัญผมก็หาชานชาลาที่รถจอดอยู่ไม่เจอ เดินวนอยู่สักพักจึงถามคนแถวนั้นจนในที่สุดก็มาเจอเจ้าคันนี้ที่ผมต้องโดยสารมุ่งหน้าสู่นครพนม ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง
นั่งพลิกไปพลิกมา หลับ ๆ ตื่น ๆ จนในที่สุดก็มาถึงขนส่งนครพนมเวลาประมาณ 8 โมงเช้า
ที่นี่มีรถโดยสารระหว่างประเทศวิ่งจากนครพนมไปยังเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาวด้วยนะ ถ้าใครสนใจจะไปเที่ยวฝั่งลาวค่าโดยสารก็ประมาณ 70 บาท มีรอบ 08.00 น., 09.30 น.,10.30 น., 11.30 น. และเที่ยวกลับจากท่าแขก 13.00 น., 14.30 น., 16.00 น., 17.30 น.
ระหว่างนั้นผมก็เดินวนเล่น ๆ รอบ บขส. นครพนม รอพี่สาวที่ผมสนิทสุด ๆ มารับไปที่พัก แต่ระหว่างนั้นก็เอากระเป๋าไปฝากที่บ้านพี่เขาก่อน เพราะกว่าจะเช็คอินได้ก็เที่ยง ซึ่งตอนนี้ก็ 8 โมงกว่า ๆ เอง
วิถีชีวิตริมฝั่งโขง ผมชอบอะไรแบบนี้จัง
ที่นี่อะไรก็ดูช้า ๆ ไม่เร่งรีบ ขนาดเจ้านี้ยังหลับสบายเลย
วิวสวย ๆ จากฝั่งลาว ยิ่งมองยิ่งสวยกับทิวเขาแบบนี้
หลังจากหยุดถ่ายรูปริมโขงหลังพักก็ได้เวลาหาอะไรรองท้อง มีหลายคนแนะนำร้านพรเทพ
มาแล้วต้องลองขนมปังใส่ไส้ร้านพรเทพ อันละ 15 บาท
มาต่อกันด้วยไข่กระทะ 35 บาท
หลังจากทานขนมปังใส่ไส้ก็มาต่อกันที่ร้านข้าวเกรียบปากหม้อร้านศรีเทพ ซึ่งอยู่ข้าง ๆ ร้านพรเทพนั่นเอง
เรามาเริ่มกันที่แบ๋งแบ่วเป็นอาหารเวียดนาม จานละ 30 บาท
มาต่อกันด้วยปากหม้อใส่ไข่ 25 บาท เท่านั้น
มาอยู่ที่ไฮไลท์ของร้าน คือ ข้าวเกรียบปากหม้อ ราคาแค่ 30 บาท กินหมดนี้ถึงกับจุกกันเลยทีเดียว
หลังจากลองข้าวเกรียบปากหม้อแล้วก็ขอมาลองกล้วยปิ้งเจ้าอร่อยกันบ้างนะครับ
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ขอมาเดินเล่นกันบ้าง เดินมาถึงหอนาฬิกาสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของนครพนมซึ่งสร้างโดยชุมชนชาวเวียดนาม
ไทยสามัคคีโรงแรมแห่งแรกของนครพนม
ร้านโชห่วยเก่า ๆ แบบนี้ก็มีให้เห็นนะ ดูแล้วคลาสสิกมากเลย
ฟ้าริมฝั่งโขงที่นครพนมวันนี้สวยมาก ๆ เลย
ริมเขื่อนนครพนม
ท่าเทียบเรือข้ามไปยังไปยังฝั่งลาว อยู่ใกล้ ๆ วัดโอกาส
ชาวบ้านนั่งตกปลาอยู่ริมโขง ชีวิตดูไม่เร่งรีบ
รถสามล้อหน้าท่าเรือสามารถเช่าไปเที่ยวในตัวเมืองนครพนมได้
ศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนมอยู่ติดกับวัดโอกาส
เดินถ่ายรูปบริเวณท่าเทียบเรืออยู่สักพัก ดูเวลาใกล้เที่ยงแล้วได้เวลาไปเช็กอินที่โรงแรมที่จองไว้ ระหว่างทางผ่านวัดสำคัญอีกวัด คือ วัดมหาธาตุนครพนม ไม่ลืมที่จะไหว้ขอพรกันสักหน่อย
ก่อนมาดูไว้หลายที่มากแต่พี่สาวที่อยู่ที่นี่บอกว่ามีโรงแรมเปิดใหม่ติดแม่น้ำโขงวิวสวยมาก ผมไม่รีรอพอดูในเว็บแล้วเลยตัดสินใจเลือกที่นี่ The a River Nakornphanom
ผมเลือกห้องแบบ River View ซึ่งสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงจะห้องนอนได้เลย ราคาห้องก็ 990 บาท ที่นี่ค่าห้องเริ่มต้นที่ 790-2,490 บาท มีจักรยานให้เช่าราคา 60 บาทต่อวัน และมอเตอร์ไซค์ 250 บาทต่อวัน
วิวจากระเบียงห้องพักครับ สวยมาก ๆ
หลังจากเช็กอินและทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ต้องหาร้านกาแฟนั่งชิล ๆ กันหน่อย พี่สาวแนะนำร้านนี้ Ali Bah Bah ซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมที่ผมพักสักเท่าไร
ร้านเล็ก ๆ แต่น่ารักมาก ๆ
บรรยากาศภายในร้าน
คุกกี้ร้านนี้น่าทานมาก ๆ เป็นคุกกี้โฮมเมดด้วยนะ
สั่งเค้กบานอฟฟี่มาทาน...ฟินมาก
พร้อมกับโกโก้เย็น อากาศร้อน ๆ แบบนี้มันช่วยได้นะ
หลังจากพักหาอะไรเย็นทานยามบ่าย เราก็ไปต่อกันที่บ้านลุงโฮ (บ้านพักของประธานธิบดีโฮจิมิน ผู้นำเวียดนามในอดีต) ที่เคยมาพำนักในประเทศไทยเมื่อประมาณ 90 กว่าปีเห็นจะได้
บ้านลุงโฮเป็นบ้านไม้หลังเล็กไม่ได้ใหญ่โตอะไร อยู่อย่างเรียบง่าย
ภายในเก็บข้าวของเครื่องใช้ของลุงโฮเอาไว้
โต๊ะทำงานของลุงโฮ ใช้คิดแผนการกู้ชาติและประชุมงาน
ไปเยี่ยมเยือนบ้านลุงโฮเสร็จก็เย็นพอดีและท้องก็เริ่มร้องแล้วด้วย เราเลือกมาทานปลาจุ่มกับพี่สาวและแม่ที่อาจสามารถริมแม่น้ำโขง แม่แนะนำร้านนี้ ภูตะวันปลาจุ่ม
สั่งปลาจุ่มมาหนึ่งชุด พร้อมปลาเนื้ออ่อนทอดและส้มตำปลาไข่ต้มยางมะตูม
เนื้อปลาผมคาดว่าน่าจะเป็นปลาแม่น้ำโขงนะ
เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมทานปลาจุ่ม ปกติทานแต่หมูจุ่ม และผมก็ไม่ชอบทานปลาสักเท่าไรด้วย แปลกนะที่ผมทานปลาจุ่มได้ไม่คาวด้วย
ปลาสด ๆ จากกระชังปลาริมโขง
บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ ร้านภูตะวันปลาจุ่ม
วิถีชีวิตที่เรียบง่ายกับสายน้ำโขง
นั่งกินปลาจุ่มไปชมวิวสวย ๆ ไปฟินสุด ๆ
หลังจากทานปลาจุ่มกันเสร็จเรียบร้อยดูเวลาก็เย็นมากแล้ว มีแพลนไว้ว่าจะไปถ่ายรูปสะพานเย็นแต่เมฆฝนเริ่มมาเลยขอกลับไปตั้งหลักก่อน ระหว่างทางกลับที่พักผมก็จอดแวะถ่ายรูปที่โบสถ์นักบุญอันนากันสักหน่อย
ทุก ๆ เย็นจะมีคนแวะเวียนมาถ่ายภาพที่โบสถ์นี้อยู่เสมอ ผมว่ามันเป็นโบสถ์ที่สวยอีกแห่งของประเทศเลยก็ว่าได้
ถ่ายรูปได้แป๊บเดี๋ยวฟ้าเริ่มมืดและฝนเหมือนจะตก ผมเลยรีบขี่รถกลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเพราะว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
ระหว่างที่เดินขึ้นห้องก็มาสะดุดสีสันของล็อบบี้ที่ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมาก ต่างจากตอนกลางวันเลย
หลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จก็รอคุณแม่ของพี่สาวมารับไปถ่ายรูปสะพานมิตรภาพแห่งที่สาม ตอนแรกพี่สาวผมจะมาด้วยแต่ง่วงมากเลยส่งแม่มาแทน นั่งรถจากที่พักประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่สะพานมิตรภาพแห่งที่สาม บอกเลยว่าวันนี้อากาศดีมากลมพัดเย็น ๆ เงียบสงบสุด
สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่สามนี้สวยงามมาก ๆ เลย ไม่แพ้ที่หนองคายและมุกดาหารเลย
หลังจากถ่ายรูปอยู่สักพักก็ได้เวลากลับที่พัก ขอกลับไปนอนพักเอาแรงก่อนพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปตักบาตรและวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
เมื่อคืนตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่งแต่ผมตื่นขึ้นมาก่อนนาฬิกาดังมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น พอมานั่งหน้าระเบียงห้องเจออะไรแบบนี้แล้วรู้สึกดีเอามาก ๆ เลย
สวยงามเงียบสงบ ตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์แบบนี้ทุกวันคงจะดีไม่น้อยเลย
นั่งชิล ๆ คิดอะไรเพลิน ๆ รอดูพระอาทิตย์ขึ้น
ในที่สุดก็โผล่ขึ้นมาสักที คุ้มกับที่รอ หลังจากนั้นผมก็รีบร่างหน้าแปรงฟันลงไปด้านล่าง
สวัสดีพระอาทิตย์ ผมดูเวลาก็หกโมงเช้าแล้วรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปบริเวณริมโขงใกล้วัดมหาธาตุเพื่อรอตักบาตร
ในที่สุดก็มาทันตักบาตร ที่นี่ตักบาตรกันก่อนหกโมงเช้า ผมมาถึงก็หกโมงสิบห้าแล้วมาทันแค่ขบวนสุดท้ายที่กำลังจะเข้าวัดพอดี
ตักบาตรเสร็จก็เดินเล่นริมโขงกันสักหน่อย คนที่นี่ตื่นเช้ามาออกกำลังการดูสุขภาพแข็งแรงกันทั้งนั้นเลย
ดูทุกคนที่นี่มีความสุขและมีน้ำใจมาก ๆ จากการที่ได้พูดคุย
ยามเช้าที่นครพนมสำหรับผมมันสวยมาก ๆ
อีกสักภาพละกัน ก่อนจะกลับไปที่พักและไปบ้านพี่สาวเพื่อจะไปไหว้พระกันที่วัดพระธาตุท่าอุเทน
ระหว่างรอก็เดินเล่นแถวบ้านพี่สาวก็เห็นชาวบ้านยังคงตักบาตรกันอยู่
ผมออกเดินทางจากนครพนมตอน 7 โมงกว่า ๆ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงวัดพระธาตุท่าอุเทน
พระธาตุท่าอุเทนพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันศุกร์
ตอนนี้พระธาตุท่าอุเทนกำลังบูรณะอยู่ แต่ยังคงดูมีมนตร์ขลัง หลังจากไหว้พระธาตุท่าอุเทนเสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับ เพราะแม่ของพี่สาวต้องรีบไปสอน
หลังจากที่กลับมาถึงแล้วผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์เลาะริมฝั่งโขงมายังโบสถ์อันนาอีกครั้ง หลังเมื่อวานรีบกลับ
อีกสักครั้งกับโบสถ์แห่งนี้ ตอนเช้าที่นี่สวยมาก ๆ เลย
ระหว่างทางที่ขี่รถกลับที่พักผมก็ยังคงถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ
ผมชอบอีกอย่างของที่นี่ คือ มีเลนจักรยานไว้ให้ปั่นชิล ๆ ริมโขงกันด้วย ซึ่งเย็น ๆ จะมีคนปั่นกันเต็มเมืองเลยทีเดียว
ระหว่างที่ขี่รถกลับมาที่พักก็จะผ่านวัดต่าง ๆ สำคัญ ๆ หลายวัด เริ่มที่วัดโอกาส
ถัดมาอีกนิดก็จะเป็นวัดโพธิ์ศรี
ขี่มาเรื่อย ๆ ก็จะผ่านวัดกลาง
สุดท้ายที่วัดมหาธาตุ
ผมขี่รถกลับมาถึงโรงแรมประมาณเกือบสิบโมง ผมก็รีบไปที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าที่รวมอยู่ในค่าห้อง ซึ่งอาหารเช้าจะปิดตอนสิบโมงครึ่ง
ผมไม่รอช้าจัดเต็มเลยครับมื้อนี้ แบบว่าหิวมาก ๆๆๆๆ
ที่นี่มีอาหารแนะนำ คือ ต้มเส้น หรือข้าวเปียกเส้น หรือกวยจั๊บญวณ
และไข่คนกระทะก็อร่อยไม่แพ้กัน
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยมาก็ใกล้สิบเอ็ดโมง ผมจึงไปเก็บสัมภาระและทำการเช็กเอาท์ออกจากที่พักเพื่อมุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุพนม ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร ผมวางกระเป๋าไว้ที่โรงแรมและเอาไปเท่าที่จำเป็น ตอนแรกกะว่าจะขี่รถไปแต่ฝนมืดไปหมดผมจึงเลือกนั่งรถสองแถวไปแทน
นั่งมาชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงวัดพระธาตุพนมสักที ซึ่งวัดอยู่ไม่ไกลจากท่ารถเท่าไรเลย
ที่นี่ไม่มีฝนเลยอากาศร้อนมาก ๆ แต่ไม่กลัวอยู่แล้ว
ดูเอาแล้วกันว่าสวยงามแค่ไหน
พระธาตุพนมพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันอาทิตย์ ใครเกิดวันไหนมานครพนมมีครบทุกวันเลยครับ
หลังจากไหว้พระธาตุพนมเสร็จผมก็รีบเดินมาขึ้นรถสองแถวเหมือนขามากลับตัวเมืองนครพนม ค่าโดยสารประมาณ 40 กว่าบาท
หลังจากที่นั่งกลับมาถึงตัวเมืองอีกประมาณชั่วโมงกว่าและฝนไม่ตกแล้ว รถผ่านหน้าโรงแรมที่ผมพัก ผมมาถึงประมาณบ่ายสองกว่าก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่จวนผู้ว่าฯ หลังเก่า แต่หารู้ไม่ว่าวันนี้ปิด (วันจันทร์) แอบเซ็งเลย แต่ก็ขอเขาเข้าไปถ่ายแค่ตัวอาคารก็ยังดี
ในเมื่อจวนผู้ว่าฯ ปิดผมเลยขี่รถมายังสะพานมิตรภาพแห่งที่สามแทน ขี่มาประมาณ 15 นาทีเอง
สะพานสวยและเงียบมากแต่ดูท่าแล้วเหมือนฝนจะตก คงอยู่ได้ไม่นาน ขี่รถกลับดีกว่า
ดูเวลาก็เกือบจะสี่โมงแล้วผมจึงขี่รถกลับเข้าตัวเมืองไปจองตั๋วรถกลับกรุงเทพฯ และแวะไหว้พระขอพร พระติ้ว พระเทียม
ถ้ามีเวลาอีกสักวันคงได้นั่งเรือล่องแม่น้ำโขงแน่ ๆ ท่าเรือก็อยู่ไม่ไกลกับวัดโอกาสเท่าไร เสียดาย ๆ
นั่งดูวิวสวย ๆ ก่อนจะไปเอากระเป๋าที่โรงแรม
ไปถึงโรงแรมผมต้องหาอะไรเย็น ๆ สักแก้วก่อนกลับเลยสั่งโกโก้เย็นที่ River Coffee ก่อนไปหาพี่สาวที่บ้าน (พี่สาวผมคนนี้ชอบนอนตอนกลางวันเลยไม่กล้าโทรไปกวน รอให้ตื่นช่วงเย็นแทน) เพื่อบอกลาแม่และพ่อของพี่สาวก่อนเดินทางไปขึ้นรถที่ บขส. นครพนม รถออกรอบ 18.15 น.
ก่อนจะไปที่ บขส. กว่ากินต้มเส้นร้านดังอีกร้าน (จำชื่อร้านไม่ได้แต่สรยุทธ์มากินร้านนี้ด้วย) ก่อนกลับ พี่สาวและแม่รอส่งผมขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ เอาจริง ๆ นะผมยังไม่อยากกลับเลยให้ตายสิ ที่เมืองนี้มันเงียบสงบ ผู้คนใจดีและมีความสุข มีอีกหลายที่ที่ผมยังไม่ได้ไป แต่ทำยังไงได้ต้องกลับไปทำงาน
ป.ล. ขอบคุณครอบครัวกุลตังวัฒนาที่น่ารัก ผมได้ครอบครัวที่น่ารักเพิ่มมาอีกหนึ่งครอบครัว เป็นพี่สาวที่ผมสนิท พ่อและแม่ของพี่สาวของผมคนนี้ (พี่ตาล) และหมาน้อยอีกสองตัวที่เห่าผมตลอด (พี่เซฯ กับพี่บุ้งกี๋) ขอบคุณทุก ๆ การติดตาม ทุก ๆ คอมเม้นท์ ทุก ๆ ไลค์ จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้านะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ The Travelerz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก TheTraveler แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเที่ยว เมืองน่ารัก ที่พักหลักร้อย