เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก akeheaven.com , นิตยสารคู่หูเดิืนทาง, ruknamresort.com และ
thai.tourismthailand.org
ถ้าเอ่ยถึงชื่อ "มัลดีฟส์" หรือ "มัลดีฟ" เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงภาพที่ตัวเองได้ไปยืนมองท้องทะเลกว้างใหญ่ น้ำใสแจ๋ว ตัดกับท้องฟ้าสีคราม หรือนอนเปลญวนฟังเสียงคลื่นเพลิน ๆ จิบน้ำมะพร้าวหวาน ๆ มีแสงแดดและสายลมเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน (จริงไหม) ก็แหม...สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (Maldives) เป็นประเทศหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ถูกล้อมรอบด้วยท้องทะเลและท้องฟ้าสีคราม เหมือนดั่งสรวงสรรค์บนมหาสมุทร จนถูกขนานนามว่า...ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย ใครหลาย ๆ คนอยากไปสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง
อ๊ะ ๆ แต่สำหรับนักเดินทางผู้มีเวลาน้อย โอกาสไม่เอื้ออำนวย หรืองบในกระเป๋าไม่ค่อยเบ่งบาน ก็ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงต่างแดน เพราะในประเทศไทยเราเองก็มีทะเลสวย ๆ ที่น่าหลงใหลชวนให้ไปเยือนอยู่มากมายหลายแห่ง ดังนั้น กระปุกท่องเที่ยวเลยจะมาชวนเพื่อน ๆ ลองไปเที่ยวสถานที่ที่เขาบอกกันว่ามันคือ มัลดีฟส์เมืองไทย กันดูบ้าง เพราะแต่ละที่ก็สวยงามไม่แพ้ใคร อ๊ะ ๆ แต่ มัลดีฟส์เมืองไทย จะมีที่ไหนบ้างนั้น ลองไปดูกันเลยจ้า โดยเริ่มที่...
จังหวัดกาญจนบุรี
ถึงแม้ว่าจังหวัดกาญจนบุรีจะไม่ได้อยู่ติดกับทะเล แต่ด้วยความงดงามของเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณเหนือสันเขื่อนที่มีทิวทัศน์สวยงาม น้ำใส มีวิวของขุนเขาเคล้าสายหมอกให้ชม บวกกับอากาศที่แสนบริสุทธิ์เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ จึงทำให้ที่พักบริเวณเขื่อนศรีนครินทร์ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนแพลอยน้ำ ถูกขนานนามว่าเป็น มัลดีฟส์เมืองไทย หรือที่เรียกกันติดปากว่า มัลดีฟส์น้ำจืดในเมืองไทย ณ เขื่อนศรีนครินทร์ ที่น่าไปแวะไปเยี่ยมเยือนดูบ้าง
โดยเฉพาะกับ เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท แอนด์ ปาร์ค และ รักน้ำรีสอร์ท ที่พักสุดฮอตที่ถูกเล่าขานกันปากต่อปากถึงความงามของบรรยากาศ ผสมผสานกับห้องพักในสไตล์มัลดีฟส์
สำหรับ Lake Heaven Resort & Park เป็นที่พักบนแพลอยน้ำแบบส่วนตัว เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ท่ามกลางสายน้ำ แสดแดด ขุนเขา และการผจญภัย เพราะมีกิจกรรมที่หลากหลายให้เลือกทำ เช่น ล่องเรือยอร์ช กินลมชมวิวระหว่างน่านน้ำทะเลสาบ สนุกกับเรือเร็วเจ็ตสกี เครื่องเล่นทางน้ำนานาชนิด รวมทั้งสนามฝึกขับ พร้อมเส้นทางท่องเที่ยวผจญภัยของรถ ATV และรถ BUGGY ที่จะพาคุณลุยไปสัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของชีวิต พร้อมสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ ผืนน้ำกว้างใหญ่ และธรรมชาติในทะเลสาบเหนือเขื่อนศรีนครินทร์
โดยมีบ้านพักให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้ง เรือนพัก ลีลาวดี ซึ่งเป็นเรือนพักแฝดริมทะเลสาบ หรูสบายด้วยบรรยากาศส่วนตัว ท่ามกลางธรรมชาติ พิเศษกว่าด้วยห้องอาบน้ำที่เลือกได้ ไม่ว่าจะเป็น อ่างธาราบำบัดหรือตู้อบไอน้ำ ซึ่งจะทำให้คุณได้สัมผัสความผ่อนคลายอย่างแท้จริง, แพพักศรีชงโค บ้านเรือนไม้สัก ที่เน้นความสวยงาม กะทัดรัด เหมาะสำหรับคู่รัก มีพื้นที่ใช้สอยครบทุกความต้องการ พร้อมทั้งระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้สบายตา
แพลัดดาวัลย์ 1 บ้านพักหลังใหญ่ สำหรับหมู่คณะ ขนาด 18 ท่าน บ้านพักมี 9 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก, แพลัดดาวัลย์ 2 บ้านพักหลังใหญ่ สำหรับครอบครัวใหญ่ขนาด 10 ท่าน ภายในประกอบด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และระเบียงให้เปิดรับลม และแพแสงจันทร์ บ้านพักหลังขนาด 15 ท่าน บ้านเป็นไม้สักที่เน้นความสวยงาม กะทัดรัด เหมาะสำหรับครอบครัวที่มาแบบหมู่คณะ มีพื้นที่ใช้สอยครบทุกความต้องการ พร้อมทั้งระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้สบายตา ฯลฯ
โทรศัพท์ : 08 4387 6771, 08 4387 6773
เว็บไซต์ : www.lakeheaven.com และ เฟซบุ๊ก LakeHeavenResort
ราคา : สอบถามกับทางรีสอร์ท หรือดูที่ www.lakeheaven.com
ขณะที่ รักน้ำรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทหรูสไตล์มัลดีฟส์ ตั้งอยู่เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งมีที่พักให้เลือกทั้งบนพื้นดินและบนแพลอยน้ำขนาดใหญ่ บริเวณกว้างขวาง ท่ามกลางความเป็นธรรมชาติ ถูกตกแต่งด้วยวัสดุอย่างดีและทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกบริการตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีอินเทอร์เน็ตพร้อมให้บริการสำหรับผู้เข้าพัก ทางด้านกิจกรรมสนุก ๆ ที่นี่ก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งเครื่องเล่นกีฬาทางน้ำ, เจ็ตโบ๊ท, เจ็ตสกี, เรือพาย, เรือกล้วย, บริการนำเที่ยวน้ำตก, แพอาหารลากรอบเกาะ
ส่วนบรรยากาศธรรมชาติของ รักน้ำรีสอร์ท ในทะเลสาบเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ อากาศบริสุทธิ์ยามเช้าท้องฟ้าสวยงามยามเย็น เนินเขาที่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใหญ่ สวนดอกไม้ และพื้นหญ้าเขียวขจี ผืนน้ำกว้างใหญ่เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักผ่อน และเดินทางชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางไม่มาก ระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก
สำหรับห้องพักที่ถือเป็นไฮไลท์จนถูกเรียกว่ามัลดีฟส์เมืองไทยนั้น ก็มีเลือกตามความชอบ ทั้งบ้านมัลดีฟส์แฝด บ้านพักลอยน้ำ เข้าพักได้ 4 ท่าน, บ้านมัลดีฟส์เดี่ยว บ้านพักลอยน้ำ เข้าพักได้ 2 ท่าน และบ้านภูผา บ้านพักเชิงเขา เข้าพักได้ 2 ท่าน
ที่อยู่ : 259 หมู่ที่ 5 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
โทรศัพท์ : 0 3469 6212, 0 3469 6213, 08 6014 2352, 08 9926 8542, 08 9896 7546
เว็บไซต์ : ruknamresort.com
ราคา : สอบถามกับทางรีสอร์ท หรือดูที่ ruknamresort.com
เกาะพยาม จังหวัดระนอง
นอกจากกาญจนบุรีแล้ว เกาะพยาม จังหวัดระนอง ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถูกตั้งฉายาว่าเป็น มัลดีฟส์เมืองไทย อาจเพราะเป็นที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในมุมเล็ก ๆ ของจังหวัดระนอง จึงทำให้มีบรรยากาศที่นี่เงียบสงบ แถมเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะที่น่าหลงใหล อีกทั้งเกาะพยามยังมีความเป็นธรรมชาติแบบดั้งเดิม ยังไม่มีแสงสีปรุงแต่งมากนัก ตอนกลางของเกาะเป็นภูเขา มีป่าไม้และสัตว์ป่า ประเภท นก ลิง และหมูป่า พื้นที่บางส่วนเป็นสวน ชาวบ้านบนเกาะมีอาชีพทำสวน มะพร้าว สวนยาง และสวนกาหยู ลักษณะรอบ ๆ ชายฝั่งเป็นอ่าวสลับกับโขดหิน และหาดทราย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความเจริญเพื่อมาพักใจอย่างแท้จริง
ด้านฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นด้านหน้าเกาะพยาม มี อ่าวไผ่ อยู่เหนือสุด ถัดมาเป็น อ่าวหินขาว ลงมาอีกหน่อยบริเวณ อ่าวแม่หม้าย ใกล้ ๆ กันมี วัดเกาะพยาม มีสะพานเดินไปสู่โบสถ์ที่ยื่นลงไปในทะเล ติดกันเป็นสะพานท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ของเกาะพยาม ซึ่งจะมีเรือประมงของชาวบ้านมาจอดพัก ส่วนฝั่งตะวันตกของเกาะพยามที่หันหน้าเข้าสู่ทะเลอันดามัน เหนือสุดเป็นโขดหิน ถัดพ้นลงมาเป็น อ่าวเขาควาย อ่าวที่มีหาดทรายกว้างทอดยาวโค้งเหมือนเขาควายกว่า 4 กิโลเมตร วกลงมาทางใต้ผ่านโขดหินลงผ่าน แหลมหรั่ง ลงมาถึง อ่าวใหญ่ ชายหาดของอ่าวถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยลำคลองเล็กๆ หาดทรายขาวอ่าวใหญ่เป็นหาดทรายกว้างแบบเดียวกัน กับหาดทรายของ อ่าวเขาควาย
เกาะพยาม นี้ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้าต้องการปลีกวิเวกและอยากให้วันพักผ่อนเป็นวันอันสงบอย่างแท้จริงมาที่ เกาะพยามรับรองไม่ผิดหวัง อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งที่ทำให้เกาะพยามกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นนอกเหนือจากบรรยากาศที่เสมือนมัลดีฟส์เมืองไทย คงหนีไม่พ้น The Blue Sky Resort รีสอร์ทชิล ๆ สไตล์มัลดีฟส์ ซึ่งนับเป็นรีสอร์ทอินเทรนด์ที่หลายคนกล่าวถึง และอยากไปมากที่สุดรีสอร์ทหนึ่งในเวลานี้
เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
ไม่ต้องไปไกลถึงต่างแดน เพียงแค่มุ่งหน้าสู่ภาคใต้มายังจังหวัดสตูล จังหวัดที่มีเกาะน้อยใหญ่ที่สวยงามขึ้นชื่ออยู่หลายเกาะ แต่ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันดีก็ เกาะหลีเป๊ะ หรือที่เค้าเรียกกันว่า มัลดีฟส์เมืองไทย
โดย เกาะหลีเป๊ะ หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นชาวเล (ชนเผ่าอุรักลาโว้ย) บนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง รอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด เป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายมากมายทั้งที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวยามค่ำคืนครบครัน บนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านกลุ่มชาวเลในอดีตที่มีการตั้งชุมชนนานกว่า 100 ปี
กิจกรรมที่นิยมบนเกาะหลีเป๊ะ ได้แก่ การดำผิวน้ำ และการดำน้ำลึก เพราะเพียงแค่ออกจากชายหาดก็สามารถสนุกกับการดำผิวน้ำได้ทันที น้ำใส หาดทรายขาว เวลาน้ำลงสามารถเดินเล่นดูปลาการ์ตูนและดอกไม้ทะเลได้สบาย เพียงคุณก้มหน้ามองลงไปในน้ำเท่านั้น แต่ควรระวังเวลาเดินอาจจะพลาดเหยียบหอยเม่นได้ เพราะค่อนข้างมีเยอะอยู่เคียงคู่กับดอกไม้ทะเลเลยก็ว่าได้ หรือบางทีอาจจะมีปลากระเบนว่ายหลงเข้ามาบ้าง แต่จุดดำน้ำที่ดีที่สุดจะถูกรวมอยู่ในทริปดำน้ำแบบวันเดียวที่ถือว่าเป็นทริปยอดนิยม มีการนำชมเกาะต่าง ๆ ใกล้เคียง รวมถึงการรับประทานอาหารเที่ยงบนชายหาดที่สวยงาม ร้านดำน้ำ และรีสอร์ทต่าง ๆ จะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า และสามารถจัดเรือให้บริการสำหรับทริปดำน้ำได้
นอกจากนี้ เกาะหลีเป๊ะ มีชายหาด อยู่ 3 แห่ง คือ หาดพัทยา (บันดาหยา) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ เป็นหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ชายหาดยาวเป็นโค้งเว้ารูปครึ่งวงกลม หาดขาวสะอาดตลอดแนว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุด เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก มีความหลากหลายทั้งที่พัก อาหาร และเครื่องดื่ม ต่อมาคือ หาดซันไรส์ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเกาะหลีเป๊ะ ร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวน้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายตลอดแนวหาด สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงาม มองเห็นหน้าเกาะอาดังได้อย่างดี มีบ้านเรือนชาวเลอาศัยอยู่กระจัดกระจายไม่หนาแน่น และมีรีสอร์ทที่พักริมหาดให้เลือกบริการพอสมควร สุดท้ายคือ หาดซันเซ็ท เป็นหาดที่มีขนาดเล็กที่สุดและมีที่พักอยู่น้อยกว่าหาดอื่น ๆ เน้นบรรยากาศความเงียบสงบเป็นส่วนตัว
เกาะกูด จังหวัดตราด
ปิดท้ายด้วย เกาะกูด เกาะสุดท้ายปลายทะเลตะวันออกในจังหวัดตราดของไทย ติดชายแดนทางทะเลของกัมพูชา ดินแดนแห่งนี้เปี่ยมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มากมายและสวยงาม เหมาะแก่การท่องเที่ยวและการพักผ่อนด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาและที่ราบสันเขา จึงเป็นต้นกำเนิดลำห้วยต่าง ๆ ซึ่งก็ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง บนเกาะกูดยังมีสถานที่ท่องเที่ยว คือ ชายหาดเนียนละเอียด เคียงข้างน้ำทะเลใส ๆ อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์และแนวปะการังนานาชนิด จนได้รับสมญานามว่า “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” และ “มัลดีฟส์เมืองไทย” ด้วยเช่นกัน
เกาะกูด เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ยังมีสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกที่มีชื่อเสียง อย่าง น้ำตกคลองเจ้า น้ำตกแห่งนี้ถือว่าเป็นน้ำตกประวัติศาสตร์ คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ. 2454 พระราชทานนามว่า น้ำตกอนัมก๊ก เพื่อเป็นที่ระลึกถึง องเชียงสือ กษัตริย์ญวนที่เคยเข้ามาลี้ภัยจากการจลาจลในสมัยรัชกาลที่ 1
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ อ่าวยายกี๋ หาดคลองเจ้า หาดอ่าวพร้าว อ่าวง่ามโข่ หาดอ่าวเบ้า หาดคลองหิน อ่าวพร้าว ไปจนสุดปลายแหลมเทียน ล้วนแต่เป็นหาดที่มีทรายสวยงาม น้ำทะเลใส ประกอบกับธรรมชาติสงบเงียบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด รวมทั้ง อ่าวตะเภา ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะกูด อ่าวกล้วย หาดทรายขาวละเอียด อ่าวยายเกิด เป็นจุดชมนกชนิดต่าง ๆ ของเกาะกูด และ อ่าวสลัด เป็นชุมชนชาวประมงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของเกาะ เป็นต้น นอกจากนี้ บนเกาะกูดยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์และแนวปะการังหลากชนิด รวมทั้ง เกาะแรด และ เกาะไม้ ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะกูดด้วย
สำหรับชนพื้นถิ่นดั้งเดิมของเกาะกูดส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่อพยพมาจากเมืองปัจจันตคีรีเขตร์ (เกาะกง) ที่ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2447 มีหมู่บ้านหลองมาดเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุด ปัจจุบันชาวเกาะยังดำรงชีพด้วยเกษตรกรรม ทั้งทำสวนยางพารา สวนมะพร้าว สวนผลไม้เพียงเล็กน้อย และทำประมงชายฝั่ง บนเกาะมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย
และนี่คือ “มัลดีฟส์เมืองไทย” ที่เรานำมาฝากกัน เผื่อใครมีเวลาและโอกาสก็ลองไปเที่ยวชมความงามของมัลดีฟส์เมืองไทยกันได้นะจ๊ะ แล้วจะรู้ว่า...มหัศจรรย์เมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก