ทะเลหมอกหน้าฝนในเมืองไทย มองเห็นทะเลหมอกสีขาวโพลน ล่องลอยแทรกตัวกลางหุบเขา ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจี เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวหน้าฝนที่คุณไม่ควรพลาด
1. จุดชมวิวม่อนสน จังหวัดเชียงใหม่
เริ่มกันที่ "จุดชมวิวม่อนสน" ตั้งอยู่ในพื้นที่ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศในช่วงหน้าฝนจัดได้ว่าแจ่มไม่แพ้หน้าหนาว ยิ่งถ้าเป็นช่วงหลังฝนตกใหม่ ๆ จะเห็นทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตาลอยผ่านตัวไป นอกจากนี้ยังมีจุดไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้นอนกางเต็นท์ เพื่อที่ว่าเมื่อตื่นนอนตอนเช้า คุณจะได้ชื่นชมกับทะเลหมอกสวย ๆ ตรงเบื้องหน้า พร้อมวิว 360 องศา ชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ไม่แน่นะว่าอาจมีเช้าวันไหนสักวัน ที่คุณถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยละอองไอหมอกที่ลอยมาเคาะประตูถึงหน้าเต็นท์เลยทีเดียว แค่นึกก็ฟินระดับสิบแล้ว
Tips : ข้างบนจุดชมวิวมีลานกางเต็นท์ โดยลานกางเต็นท์ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับฐานทหารดอยอ่างขาง นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเต็นท์และเครื่องนอนได้ที่ร้านค้าหรือร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง
2. จุดชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา
จุดชมวิวสุดฮอตของจังหวัดพังงา ว่ากันว่าบรรยากาศวิวระดับหลักล้านเลยก็ว่าได้ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศของท้องฟ้ายามค่ำและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า รวมถึงสุดยอดวิวที่สวยงามของอ่าวพังงา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน คุณจะเห็นร่องรอยของละอองหมอกจาง ๆ ที่พยายามเคล้าคลอเคลียกับภูเขาหินปูนหลากหลายรูปทรงอยู่กลางทะเล เป็นความสวยงามที่ชวนให้ดูแปลกตา ราวกับว่าเหมือนได้เห็นสรวงสวรรค์ปรากฏลอยอยู่ตรงหน้าก็ไม่ปาน
Tips : นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเต็นท์นอนบนจุดชมวิวเสม็ดนางชีได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Samet Nangshe At Hill และ เฟซบุ๊ก Sametnangshe boutique เสม็ดนางชีบูทีค
3. จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
หนึ่งในบรรดาจุดชมวิวทะเลหมอกช่วงหน้าฝนที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรพลาด ใครที่เดินทางไปยังจุดชมวิวทะเลหมอกแห่งนี้ รับรองได้ว่าคุณจะได้ซึมซับทุกอณูความเขียวขจีของธรรมชาติ ภาพของสายหมอกสีขาวที่ลอยละมุนอ้อยอิ่งเคล้าภูเขาลูกนั้นทีลูกโน้นที ราวกับว่าเป็นดินแดนในฝัน ที่ใครได้มาแล้วจะตกหลุมรักที่นี่อย่างง่ายดาย ซึ่งนอกจากจุดชมวิวที่เหมือนจะเป็นไฮไลต์เด็ดแล้ว ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ที่จะเปิดประสบการณ์นักท่องเที่ยวให้ได้เรียนรู้และสัมผัสเสน่ห์ความน่ารักของชาวบ้าน สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบง่าย คล้ายกับว่าเป็นด้านตรงข้ามกับวิถีชีวิตในเมืองใหญ่
Tips : ถ้าอยากจะเข้าไปสัมผัสและเรียนรู้วัฒนธรรมความเรียบง่ายของชุมชนบ้านจ่าโบ่ให้มากขึ้น แนะนำให้คุณลองไปกิน ไปอยู่ ไปนอนกับชาวบ้านในรูปแบบบ้านพักโฮมสเตย์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่
4. ขุนเขาบ้านรักไทย จังหวัดพิษณุโลก
หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ภายในเขตตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเที่ยวที่นี่คือ การเข้าพักโฮมสเตย์ของชาวบ้านที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติหลากหลาย ทั้งพรรณไม้งดงามที่โอบล้อมด้วยสวนผลไม้ พลาดไม่ได้กับจุดชมวิวที่มีลักษณะเป็นทางเดินระเบียงสูง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ไกลแบบสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหน้าฝน คุณจะมองเห็นภาพทะเลหมอกจำนวนมากที่เคลื่อนผ่านและแทรกกลางภูเขาน้อยใหญ่ สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทุกคนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว รวมถึงเก็บภาพบรรยากาศความสวยงามของตะวันตกดินอีกด้วย
Tips : ถ้าอยากจะดื่มด่ำบรรยากาศทะเลหมอกหน้าฝนที่นั่นให้มาก ๆ เราแนะนำให้คุณลองนอนค้างคืนโฮมสเตย์ของชาวบ้าน ซึ่งแต่ละหลังบอกเลยว่าจะมีวิวส่วนตัวสวยไม่เหมือนกัน พูดง่าย ๆ คือทำให้ภาพที่เราถ่ายออกมาได้เรื่องราวที่มีความหมายต่างกันไปนั่นเอง
5. จุดชมวิววัดกองเนียม จังหวัดเพชรบูรณ์
เขาค้อเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมทะเลหมอกได้ทั้งช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว อีกหนึ่งจุดชมวิวเขาค้อที่อยากแนะนำคือ "จุดชมวิววัดกองเนียม" ซึ่งเป็นวัดเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ทางขึ้นพระตำหนักเขาค้อ ตรงบริเวณจุดชมวิวคุณจะมองเห็นทัศนียภาพของหมู่บ้านและหุบเขา สลับกับสายหมอกหน้าฝนบาง ๆ ในยามเช้า
โดยมีต้นค้อสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน พร้อมดวงอาทิตย์สีส้มกลมโตดวงใหญ่สวยงาม ทะเลหมอกที่วัดกองเนียมพบได้บ่อยในช่วงปลายฝนต้นหนาว ในวันที่ไม่มีกระแสลมโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน จะเป็นช่วงที่มีทะเลหมอกมาให้คุณได้ชมแบบแน่น ๆ ฟู ๆ
Tips : ถ้าอยากที่จะมองให้ทันเห็นวิวทะเลหมอกสวย ๆ ต้องมาช่วงระหว่างเวลา 05.00-06.00 น. ว่ากันว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่สวยที่สุดในการดูทะเลหมอก ก่อนที่สายหมอกจะค่อย ๆ สลายตัวไป
6. จุดชมวิวเขากระโจม จังหวัดราชบุรี
ตั้งอยู่ในอำเภอสวนผึ้ง ด้วยเพราะลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างคล้ายกับกระโจมอินเดียนแดง จึงเป็นที่มาของชื่อเขากระโจมมาถึงทุกวันนี้ ด้วยเพราะเขากระโจมเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของยอดเขาตะนาวศรี ทำให้บริเวณด้านบนมีจุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว แต่ถ้าจะให้ดีควรไปช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม เพราะจะมีทะเลหมอกสีขาวตระการตา ได้สัมผัสกับอากาศเย็น ๆ ชื่นใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวขจี นอกจากนี้ทางด้านบนจุดชมวิวยังมีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้นอนกางเต็นท์ (ซึ่งต้องเตรียมไปเอง) ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นอนดูดาวสวย ๆ เต็มท้องฟ้า พร้อมกับต้อนรับรุ่งอรุณแสงอาทิตย์ตอนเช้า และโบกมือลาในตอนเย็น
Tips : ถ้าอยากจะไปเที่ยวเขากระโจมให้สนุกแนะนำให้หาเพื่อนไป เพราะคุณจะได้หาเพื่อนร่วมทางที่ไว้แชร์ค่าใช้จ่ายในการเหมารถของเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านขึ้นไป เพราะเส้นทางที่ขึ้นค่อนข้างขรุขระและลำบาก ต้องใช้ผู้ชำนาญในการขับรถเป็นอย่างมาก
7. จุดชมวิวตะเพินคี่ จังหวัดสุพรรณบุรี
จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ภายในหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ 3 ในอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม ช่วงเวลาท่องเที่ยวที่แนะนำคือช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม ของทุกปี ใครได้ขึ้นไปยังจุดชมวิวตะเพินคี่แห่งนี้คุณจะมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาที่สลับซับซ้อน ในยามเช้าแน่นอนว่าคุณก็จะได้เห็นทะเลหมอกลอยนิ่งเอื่อย อีกทั้งอากาศก็ยังเย็นกำลังดี โดยเฉพาะในยามเช้าและยามค่ำ และหากใครต้องการนอนกางเต็นท์บริเวณจุดชมวิวตะเพินคี่ก็มีลานกางเต็นท์ไว้ให้ นักท่องเที่ยวจะนำเต็นท์มาเองหรือจะเช่าเต็นท์ของเจ้าหน้าที่ก็ได้เช่นกัน
Tips : หากนักท่องเที่ยวคนไหนสนใจที่จะไปนอนกางเต็นท์ช่วงหน้าฝน การเดินทางเข้าไปควรใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น หรือใครสนใจจะเดินเท้าก็ควรฟิตร่างกายมาให้พร้อม เพราะระยะทางค่อนข้างไกล อาจจะต้องปีนขึ้นที่สูงหลายจุดด้วยกัน ดั้งนั้น รองเท้าต้องพร้อม คนก็ต้องฟิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติพุเตย โทรศัพท์ 0 3544 6237 (VoIP) และ 081 934 2240 (จนท.)
8. จุดชมวิวเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย
จุดชมวิวทะเลหมอกแห่งนี้ตั้งอยู่ในอำเภอคีรีมาศ ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจะต้องเดินไต่ระดับความสูงบนยอดเขาที่ค่อนข้างสูงชัน
เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตรกว่า ๆ ไปที่ระดับความสูงกว่า 1,200 เมตร
ไม่ต้องห่วง เพราะตลอดระยะทางมีจุดให้พักเหนื่อยอยู่หลายจุด
แต่เมื่อเทียบกับความสวยงามของวิวข้างบนแล้ว
รับรองว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อย
ภาพที่คุณจะได้เห็นคือภาพทะเลหมอกของยอดเขาหลวง ที่ต้องบอกว่าวิวสวยมากถึงมากที่สุด เหมาะที่จะตื่นแต่เช้ามารอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดนี้ ว่ากันว่าอยากจะดูทะเลหมอกที่เขาหลวงให้ฟินต้องไปช่วงหน้าฝน ทะเลหมอกสีขาวที่จับตัวกันเป็นก้อนคล้ายกับสำลี เป็นความสวยงามที่มีเอกลักษณ์และสัมผัสได้ที่เขาหลวงที่เดียว
ภาพจาก gopfaster / shutterstock.com
ภาพจาก Thosapon.s / shutterstock.com
ต่อไปนี้การเดินทางไปชมความสวยงามของทะเลหมอกไม่ใช่ทำได้แต่เพียงช่วงหน้าหนาวเท่านั้น หากแต่ทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนก็สวยงามไม่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าคุณจะมองเห็นและให้คุณค่าความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าคุณได้มากน้อยแค่ไหน ฤดูฝนแบบนี้ลองเดินทางตามหาทะเลหมอกดูสักที่ แล้วคุณจะรู้เลยว่าธรรมชาติช่วงหน้าฝนให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
ททท., เฟซบุ๊ก ข่าวสารท่องเที่ยว ททท., เฟซบุ๊ก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดราชบุรี, เฟซบุ๊ก Noongning Chanpen, เฟซบุ๊ก CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่, เฟซบุ๊ก Darin Elle, เฟซบุ๊ก Opol Ampornsin, เฟซบุ๊ก วัดกองเนียม เพชรบูรณ์