ข้อมูลและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม เมื่อพูดถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช หลายคนคงนึกถึง "วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร" ปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้และประเทศไทย แต่จริง ๆ แล้วจังหวัดนี้ยังมีความพิเศษในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้ได้ศึกษาธรรมชาติอยู่มากมาย วันนี้กระปุกท่องเที่ยวมีโอกาสเดินทางไปสัมผัสกับความงดงามเหล่านั้น ตามเส้นทางการท่องเที่ยวธรรมชาติ สายน้ำ และขุนเขา จากคลองชะอวด-ทุ่งสง เลยจะพาไปเพื่อน ๆ เที่ยวชมกันค่ะ
เราเริ่มต้นการเดินทางกันที่อำเภอชะอวด ณ
คลองชะอวด บริเวณสะพานรถไฟข้ามคลองชะอวด ซึ่งเป็นสะพานรถไฟที่ยังใช้งานอยู่ โดยจะมีขบวนรถไฟผ่านมาทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อล่องเรือไปตามคลองศึกษาธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนสองฝากฝั่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด อีกทั้งยังมีการบอกเล่าเรื่องราววิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้านผ่านการพายเรือหาปลา และการใช้ "ยอ" ซึ่งเป็นเครื่องมือในการหาปลาของชาวบ้านริมคลองชะอวดแห่งนี้ เพราะคลองชะอวดยังเป็นคลองที่กว้างและลึก เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญในการใช้หล่อเลี้ยงชาวชะอวด และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เป็นแหล่งทำมาหากินและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ (กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ-เกษตร ประจำตำบลท่าเสม็ด ติดต่อสอบถาม ได้ที่ กำนันวิวัฒน์ อนุโรจน์ โทรศัพท์ 08 1091 0940)
ก่อนจะขึ้นฝั่งบริเวณท่าเรือบ้านบางน้อย เพื่อชมผลิตภัณฑ์
"กระจูด" ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้จำพวก
"กก" (Sedge) ลักษณะลำต้นกลมสีเขียวอ่อน คล้ายดินสอดำ มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ชอบขึ้นในพื้นที่น้ำขัง เรียกว่า โพระ หรือ ป่าพรุ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และด้วยวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เดิมมีการนำเอาลำต้นของกระจูดมาจักสานเป็นสาดหรือเสื่อ จากนั้นชาวบ้านหมู่บ้านควนป้อมก็ได้มีการจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานภูมิปัญญาการสานผ่านเสื่อกระจูดจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมชมการสาธิตวิธีการตากกระจูดและลงกาวเคลือบผิว รวมทั้งมีการดัดแปลงจากเสื่อ ด้วยการเพิ่มสีสันและสร้างสรรค์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กระเป๋า, พัด, รองเท้าแตะใส่ในบ้าน, ชุดรองจาน, เครื่องตกแต่งบ้าน และกล่องใส่ของ เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับใครที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์กระจูดบ้านควนป้อม 169 หมู่ 1 ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ 08 7888 5702 มีจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง นอกจากนี้ บริเวณอำเภอชะอวดยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่มีผลิตภัณฑ์จากกระจูดอีกด้วย
จากนั้นเราเข้าสู่อำเภอทุ่งสง อำเภอที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เป็นศูนย์กลางของชุมทางรถไฟและพื้นที่ทางธรรมชาติที่หลากหลาย เพื่อมุ่งหน้าไปที่ มูลนิธิซำปอกง (หลวงพ่อโต) ซึ่งเป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญแห่งหนึ่งในอำเภอทุ่งสง ที่ดึงดูดให้ชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย ให้เดินทางเข้ามากราบไหว้เพิ่มความสิริมงคลให้แก่ชีวิตและครอบครัวกว่า 60 ปี
จุดเด่นของที่นี่ คือ เป็นที่ประดิษฐานพระซำปอกง (หลวงพ่อโต) และรูปปั้นพระโพธิ์สัตว์เจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นประติมากรรมปูนปั้นปางปาฏิหาริย์ทรงแผ่เมตตา รายล้อมด้วยสระน้ำและน้ำพุ เหนือแท่นบูชา 3 ชั้น โดยมีขนาดความสูงของพระพุทธรูป 19 เมตร ซึ่งภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้บูชาอีกมากมาย เช่น เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว, องค์พญาทวดตรีเศียรไตรมงคล, องค์เทพทวารบาล, องค์แปะกง และพระพุทธชินราช เป็นต้น
อีกทั้งยังมีพิธีการสำคัญเป็นประจำทุก ๆ ปี อย่างงานประจำปีฉลองคล้ายวันประสูติกาลพระซำปอกง(หลวงพ่อโต), งานประจำปีฉลองคล้ายวันสำเร็จพระโพธิญาณ พระโพธิ์สัตว์กวนอิม, งานบำเพ็ญกุศลทำบุญทิ้งกระจาด(ซิโกว) และงานประเพณีถือศีลกินเจเดือนเก้า โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิซำปอกง (หลวงพ่อโต) ทุ่งสง เลขที่ 41 ถนนหมู่บ้านพัฒนา อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ 0 7541 2276
ไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลกันแล้ว เราก็เดินทางสู่
"น้ำตกโยง" ที่ตั้งอยู่ภายอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง แหล่งท่องเที่ยวรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย รางวัลดีเด่น ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ปี 2553 โดยเป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ถือเป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี มีการแบ่งชั้นออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงาม ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ มีพื้นที่และสภาพโดยรอบเป็นแนวเทือกเขาสลับซับซ้อน แวดล้อมไปด้วยป่าดงดิบชื้นและป่าดิบเขา ทำให้เกิดต้นไม้หายากอย่างต้นตะเคียน ยาง ก่อเดือย ก่อนก และกระบาก รวมถึงมีหวายและเฟินขึ้นตามพื้นที่ที่มีความชื้นสูงด้วย
สำหรับชั้นแรกของน้ำตกมีลักษณะเป็นหน้าผาสูง น้ำไหลลงจากหน้าผาสูงประมาณ 40 เมตร ทำให้บริเวณด้านล่างเกิดแอ่งน้ำขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 30 เมตร ลึก 10 เมตร และเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาหลายชนิด โดยเฉพาะปลาพลวงที่มีจำนวนมาก นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพรรณไม้หายากของอุทยานฯ โดยเฉพาะกล้วยไม้รองเท้านารี, กล้วยไม้เขากวาง และกล้วยไม้ดิน ให้เจริญเติบโตและปล่อยคืนสู่ป่า เพื่อไม่ให้สูญหายไปจากธรรมชาติ (สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง หมู่ที่ 7 ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ 0 7535 4967)
จากนั้นเราไปต่อกันที่
"ศูนย์แพทย์แผนไทยช่องเขาทุ่งสง" ที่เน้นการรักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติและภูมิปัญญาของไทย รักษาอาการปวดเมื่อยและโรคอื่น ๆ โดย หมอภูมิไท ดีเป็นแก้ว ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มด้วยเครื่องมือทันสมัยที่ไม่ต้องใช้เข็ม พร้อมด้วยการรักษาอื่น ๆ เช่น การนวดกดจุด นวดฝ่าเท้า อบสมุนไพร ประคบสมุนไพร สปาขัดตัว-หน้า-ศีรษะ วารีบำบัด และนวดน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดสอนการนวดสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์แพทย์แผนไทยช่องเขาทุ่งสง ที่ตั้ง 313 หมู่ 3 ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ 0 7546 6091 และ 09 3575 6520 เปิดบริการวันจันทร์-พุธ เวลา 08.00-17.00 น. และวันพฤหัสบดี-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) หรือที่เว็บไซต์
phumtai.com เช้าวันใหม่เราออกจากตัวทุ่งสงไปตะลุยกัน ณ ตลาดจันดี อำเภอฉวาง ตลาดเช้าที่ตั้งอยู่บริเวณรางรถไฟ สัมผัสวิถีชีวิตยามเช้าที่ยังไม่มีการปรุงแต่ง โดยชาวบ้านมาจับจ่ายสินค้านานาชนิด ทั้งพืชผัก ขนม อาหารแห้ง อาหารสด และอาหารปรุงสำเร็จ ที่พ่อค้าแม่ค้านำมาวางขายกันริมรางรถไฟในราคาเป็นกันเอง แต่สิ่งที่ทำให้เราสะดุดตาไม่น้อย คือ สภากาแฟที่ตั้งอยู่ค่อมทางรถไฟสายเก่า กลิ่นกาแฟหอมหวน เคล้าเสียงพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งถามสารทุกข์สุขดิบ ทั้งพูดคุยเรื่องการเมือง ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากในเมืองกรุง
และยังไม่หมดเท่านั้น งานนี้คนที่ชอบกลิ่นอายของวันวานไม่ควรพลาด เพราะบริเวณใกล้กันของตลาดมี
ร้าน "จันดีโอชา" ร้านกาแฟที่เปิดให้บริการที่แล้วกว่า 90 ปี คุณตาวัย 82 ปี จะชงกาแฟโบราณใส่กระป๋องนมให้ได้ชิมอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับบอกเล่าถึงความเป็นมาของร้านอย่างภาคภูมิใจ
ถัดมาไม่ไกลมีร้านบะหมี่ชื่อดัง
"หมี่เกี๊ยวจันดี" ที่เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 70 ปี และสืบทอดมากว่า 3 รุ่น โดยรุ่นปัจจุบัน คือ คุณสากล เจนพิชัยประยูร (เบนซ์) และมีการปรับปรุงร้านให้มีความทันสมัยมากขึ้น จุดเด่นของร้าน คือ เส้นบะหมี่และแป้งห่อเกี๊ยวขนาดบาง ที่เน้นการผลิตเส้นสดใหม่ทุกวัน ทำให้เส้นบะหมี่ของร้านมีความเหนียวนุ่ม นอกจากนี้ ยังมีน้ำส้มข้าวเหนียว ที่ถือเป็นเครื่องชูรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น สำหรับผู้สนใจสามารถเดินทางมาได้ เลขที่ 33 หมู่ 4 อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ 0 7548 6003 และเปิดบริการทุกวัน เวลา 07.00-16.00 น.
เที่ยวจนเหนื่อยก็ได้เวลาไปลิ้มลองขนมจีน อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ "ร้านบ้านป้าเขียว" ขนมจีนเส้นสดเจ้าอร่อยของคีรีวง อำเภอลานสกา ลักษณะของร้านเป็นเก้าอี้ที่นั่งอยู่ใต้ต้นกล้วยขนาดสูงใหญ่ให้ความรู้สึกร่มรื่น ส่วนขนมจีนของร้านเน้นการทำเส้นสด ๆ พร้อมด้วยน้ำยาที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น น้ำยากะทิ, น้ำยาป่า, แกงไตปลา เป็นต้น พร้อมด้วยผักเคียงอย่าง ผักดอง ผัดต้มราดน้ำกะทิ และผักสดอีกหลากชนิด โดยจะเน้นผักพื้นบ้านที่หาได้ทั่วไปภายในท้องถิ่น กินพร้อมไข่ต้มฟองโต แหม...ช่างเข้ากันได้เป็นอย่างดี
และปิดท้ายทริปครั้งนี้ด้วยการเดินทางไปสักการะ
"พระบรมธาตุเจดีย์" วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง ซึ่งถือเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนครศรีธรรมราชที่รู้จักกันดีในทุกภาคของประเทศไทยตลอดถึงต่างประเทศ เพราะถือเป็นมิ่งขวัญของชาวพุทธทั้งมวล สำหรับพระบรมธาตุเจดีย์ มีลักษณะรูปแบบศิลปกรรมเป็นเจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆังคว่ำ) สูง 55.78 เมตร (กรมศิลปากรวัดเมื่อการบูรณะปลียอดทองคำเมื่อ พ.ศ. 2538) จากฐานบัวคว่ำบัวหงายถึงปลียอด 6.80 เมตร ใช้ทองคำเนื้อสิบหุ้มโดยรอบ ส่วนฐานขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ (วิหารทับเกษตร) มีซุ้มถึง 22 ซุ้ม แต่ละซุ้มมีหัวช้างยื่นออกมารองรับพระบรมธาตุเจดีย์ ประหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการค้ำจุ้นพระพุทธศาสนาให้มั่นคง บริเวณโดยรอบของพระธาตุมีการสร้างเจดีย์ราย 158 องค์ ซึ่งเป็นเจดีย์สำหรับรองรับเงาของพระธาตุ ทั้งนี้ ถ้าต้องการเที่ยวชมพระบรมธาตุเจดีย์อย่างเพลิดเพลินและรู้ลึกรู้จริง สามารถติดต่อไกด์ได้ที่ชมรมมัคคุเทศก์ ซึ่งจะเป็นนักเรียน-นักศึกษามานำเที่ยวและให้ความรู้ในวันเสาร์-อาทิตย์
และนี่คือ "จังหวัดนครศรีธรรมราช" ในอีกมุมมองหนึ่ง สำหรับใครที่อยากลองไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ยังไม่มีการแต่งแต้มอะไรมากมายนัก แต่กลับสวยงามได้ด้วยด้วยของมันเองล่ะก็ อำเภอชะอวดและทุ่งสง เป็นอีกคำตอบหนึ่งที่รอให้คุณไปเยี่ยมเยือนอยู่ค่ะ