x close

Car Free Day ปั่น...เปลี่ยนโลกเป็นสีเขียว

Car Free Day 2013

Car Free Day ปั่น...เปลี่ยนโลกเป็นสีเขียว (ไทยโพสต์)

          กระแสของการปั่นจักรยานยุคนี้ถือว่าบูมสุดขีด และมีความหวังเล็ก ๆ ว่าจะจุดกระแสติด อาจเป็นเพราะว่าคนเราสมัยนี้หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมในสภาวะราคาน้ำมันแพง และยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของผู้ขี่ (เว้นแต่อย่าขับรถล้ม) แต่ถึงแม้คนเราจะให้ความสนใจมากเพียงใด หากสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไม่เอื้ออำนวย ก็ยังเป็นอุปสรรคให้เมืองไทยเป็นเมืองจักรยานยากจะสำเร็จ

          หากไปถามนักปั่นก็จะทราบถึงปัญหาทันที อาทิ ถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ บางเส้นทางฝาท่อแบบเป็นรูขวางเป็นแนวยาว ทำให้ล้อรถตกลงไปติดและเกิดอุบัติเหตุ ซ้ำร้ายยังมีพ่อค้าแม่ค้า มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือรถมาจอดขวางบนทางจักรยาน โดยไม่สนใจว่านี่คือทางจักรยาน ที่หนักไปกว่านั้นคือ ผู้ใช้รถกระแสหลักบนท้องถนนก็มองว่าคนปั่นจักรยานเป็นสิ่งกีดขวางทางจราจร ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องก็ไม่เห็นความสำคัญของจักรยานอีกด้วย

          หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามรณรงค์ให้คนในสังคมมาตระหนักเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง แต่หากยังไม่สามารถเปลี่ยนความคิดคนส่วนใหญ่ได้ และยกระดับให้จักรยานมีสถานะเป็นส่วนหนึ่งบนท้องถนนที่ทุกคนต้องเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ก็ยากจะเปลี่ยนให้กรุงเทพฯ และเมืองไทยเป็นเมืองแห่งจักรยานอย่างเช่นในประเทศญี่ปุ่น หรือยุโรปได้

          ในโอกาสวันที่ 22 กันยายนนี้ หรือวัน “Car Free Day 2013”  จึงอยากเชิญทุกคนออกมาปั่นจักรยานกันเพื่อประกาศให้คนไทยรู้ว่า พาหนะ 2 ล้อที่ใช้พลังงานคนแบบบริสุทธิ์ ไม่สร้างผลกระทบให้ใครนั้นมีความสำคัญเพียงใด   

Car Free Day 2013

          ขณะนี้หลายหน่วยงานและเอกชนตื่นเต้นกับวันดังกล่าวมาก บางชมรมมีการจัดกิจกรรมโหมโรงมากันตลอดทั้งเดือนกันยายนเลยทีเดียว ออกมาปั่นจักรยานทั้งเส้นทางในกรุงเทพฯ หรือจากกรุงเทพฯ ไปในจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งในต่างจังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย

          แต่ไฮไลต์สำคัญคงเป็นงานวันที่ 22 กันยายนนี้ คือ “Car Free Day 2013” วันปลอดรถ ลดโลกร้อน รวมพลคนใช้จักรยาน 23 จุดทั่วกรุง มุ่งสู่ท้องสนามหลวง ส่งเสริมการใช้จักรยานสร้างขบวนจักรยานสีธงไตรรงค์ที่ยาวที่สุดในโลก ก่อนมุ่งสู่ลานเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า (ราชประสงค์) ประกาศเจตนารมณ์ โดยมีนิทรรศการ กิจกรรมเวที และการออกบูธ ต่าง ๆ มากมาย ผู้สนใจติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://thaicycling.com/tcha/car-free-day-2013/
         
          ขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวยังมีการรณรงค์ให้ประชาชนใช้บริการระบบขนส่งมวลชน ได้แก่ รถไฟฟ้า BTS รถโดยสารบีอาร์ที รถไฟฟ้าใต้ดิน เอ็มอาร์ที รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ รถเมล์ ขสมก. เรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาจราจรของกรุงเทพฯ ช่วยลดปัญหาโลกร้อน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนเมืองหลวงอย่างยั่งยืน

Car Free Day 2013

          แต่ใครที่ยังลังเลไม่รู้ว่าจะเริ่มปั่นดีไหม หรือควรจะตั้งใจปั่นอย่างจริงจังหรือเปล่า เรามีประโยชน์ของการปั่นจักรยานมาแนะนำ ที่เห็นได้ชัดเจนและมีการยืนยันจากนักวิจัยชั้นนำหลายสำนักที่เห็นพ้องกันคือ 
         

          สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น รายงานสุขภาพจากอังกฤษบอกว่า คนที่ปั่นจักรยานอย่างน้อย 30 นาที เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ มีโอกาสป่วยน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยกว่าเท่าตัว ส่งผลโดยรวมให้เรามีอายุยืนยาว ช่วยพัฒนาระบบเลือดและระบบหายใจ ลดโรคความดัน โรคอ้วน มะเร็งประเภทต่างๆ โดยรวมร่างกายจะมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูรักษาตัวเองมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้กว่า 50%

          ช่วยให้หน้าตาดูอ่อนวัยกว่าเดิม ช่วยกระตุ้นการผลิตสารคอลลาเจน ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า หากปั่นเป็นประจำหน้าตาอิ่มเอิบและผิวพรรณสดใส ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายได้ง่ายขึ้น และป้องกันโรคมะเร็งลำไส้

          เพิ่มประสิทธิภาพสมอง ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์พบว่า คนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำทำคะแนนการทดสอบสมองได้ดีกว่าปกติถึง 15% เพราะว่าการปั่นจักรยานช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองในส่วน Hippocampus เป็นส่วนที่ใช้บันทึกความจำ ซึ่งจะเสื่อมอย่างรวดเร็วหลังอายุ 30 และช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี

          ช่วยให้นอนหลับลึกกว่าเดิม หากออกไปปั่นในตอนเช้า มีผลยืนยันจากแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ทดลองให้คนที่มีปัญหานอนหลับยาก (Insomnia) ออกไปปั่นจักรยานตอนเช้าทุก ๆ วัน วันละ 20-30 นาที ผลปรากฏว่าคนที่มีปัญหาการนอนไม่หลับสามารถนอนหลับสนิทได้เร็วขึ้นเกือบ 1 ชั่วโมง

          เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกา พบว่านักกีฬาจักรยานมีสมรรถภาพทางเพศเหมือนกับคนที่อายุอ่อนกว่า 4-5 ปี ในขณะที่นักกีฬาหญิงเลื่อนอาการวัยหมดประจำเดือน (menopause) ออกไปได้กว่า 5 ปี ผลวิจัยจากฮาร์วาร์ดยังแถมให้อีกว่า ผู้ชายที่อายุมากกว่า 50 ปีที่ปั่นจักรยานเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงอาการ “นกเขาไม่ขัน” ได้กว่า 30%

          ลดความอ้วน เป็นที่ทราบกันดีว่าการปั่นจักรยานช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกาย ซึ่งไม่ได้เผาผลาญแค่เฉพาะตอนที่เราปั่น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าร่างกายของคนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำจะมีสภาวะ “After Burner” หรือเผาผลาญไขมันส่วนเกินต่อเนื่องหลังจากลงจากจักรยานแล้วต่อไปอีก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งโดยรวมแล้วการเผาผลาญหลังการปั่นอาจจะมากกว่าระหว่างปั่นอีกด้วยซ้ำ
         
          ทำงานได้ดีขึ้น และลดความเครียด การศึกษาจากมหาวิทยาลัย Bristol พบว่า พนักงานที่ออกกำลังกายก่อนเข้า หรือหลังทำงาน มักจะทำงานได้มีประสิทธิภาพดีกว่าคนปกติที่ไม่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความมุ่งมั่นในการทำงาน และช่วยให้รับความเครียดจากการทำงานได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ พนักงานที่ออกกำลังกายเป็นประจำมักจะใช้เวลาพักน้อยกว่าคนอื่น ทำงานเสร็จได้ตามกำหนด และมีอัธยาศัยดีกว่าคนอื่นๆ ด้วย

          ประโยชน์ที่สำคัญประการสุดท้ายคือ พิทักษ์โลก พื้นที่ในการจอดรถยนต์ 1 คัน สามารถใช้จอดจักรยานได้กว่า 20 คัน เราใช้วัตถุดิบและสารเคมีต่างๆ และพลังงาน ในการผลิตจักรยาน 1 คัน น้อยกว่าการผลิตรถยนต์ถึง 5 เท่า แน่นอนที่สำคัญสุดไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เป็นไปตามแนวคิด 7 Greens ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่รณรงค์ให้คนไทยปั่นจักรยานอย่างต่อเนื่อง

          รู้ข้อดีของการปั่นจักรยานกันแล้ว อย่าลืมวันที่ 22 กันยายนนี้ ออกมาปั่นเปลี่ยนโลกของเราให้เป็นโลกสีเขียวกัน



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Car Free Day ปั่น...เปลี่ยนโลกเป็นสีเขียว อัปเดตล่าสุด 18 กันยายน 2556 เวลา 17:58:25 1,797 อ่าน
TOP