สิงคโปร์...เที่ยวง่าย ๆ ใกล้นิดเดียว (มัชรูมทราเวล)
"สิงคโปร์" หนึ่งในประเทศใน AEC ที่หากย้อนไปในอดีตเมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้วสิงคโปร์เป็นเพียงแค่ดินแดนบางส่วนของประเทศมาเลเซียเท่านั้น แต่ ณ วันนี้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่รวยที่สุดในอาเซียน และกำลังจะก้าวไปมีบทบาทสำคัญทางการเงินในระดับโลก
สิงคโปร์นั้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเรานัก การขนส่งก็ไม่ลำบาก อีกทั้งคนสิงคโปร์ก็พูดภาษาอังกฤษได้ดี ที่นี่จึงเหมาะสำหรับจุดหมายปลายทางแรกของผู้ที่อยากจะออกไปผจญภัยในโลกกว้าง อย่างคุณผู้หญิงบางคนที่อยากจะแบ็คแพ็กไปด้วยตัวเองคนเดียวก็ไปได้สบาย ๆ
ส่วนการเดินทางของเราในครั้งนี้ลี่เลือกเดินทางไปกับหางแดงแสนประหยัด (หรือเปล่าก็ไม่รู้) โดยมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 4 ชีวิตด้วยกัน นั่นคือ ตัวลี่เอง และครอบครัวของคุณแฟนค่ะ การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างฉุกละหุกนิดหน่อย เพราะเราต้องบินไฟลท์เช้าตอน 07.00 น. นี่ขนาดไปถึงสนามบินตั้งแต่ตีห้าแถวที่ต่อคิวตรง ตม. ยังยาวเหยียดเลยค่ะ นี่ถ้ามาช้ากว่านี้สงสัยคงต้องหิ้วกระเป๋ากลับบ้านตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าขึ้นเครื่องแน่ ๆ อย่างไรก็ตาม และแล้วเราก็มาถึงสิงคโปร์จนได้ค่ะ เย้ ๆๆๆๆ ดีใจ พวกเราเดินผ่าน ตม. อย่างสบาย ๆ และไม่ลืมที่จะหยิบแผ่นพับแผนที่ต่าง ๆ ที่มีอยู่เพียบในสนามบินติดไม้ติดมือมาด้วย เพราะลี่คิดว่าเอกสารพวกนี้ไม่ต่างกับแผนที่ขุมทรัพย์ค่ะ ติดใส่กระเป๋าเอาไว้ได้ใช้งานแน่นอน เสร็จแล้วก็หยิบกระเป๋าเพื่อออกมารอเพื่อนด้านนอกค่ะ อ้อ...ขอกระซิบบอกตรงนี้สักนิดค่ะว่าหากใครยังไม่ได้แลกเงินล่ะก็ คุณสามารถนำมาแลกที่นี่ก็ได้ค่ะ แถมยังได้เรทดีกว่าเคาน์เตอร์ของธนาคารที่สนามบินบ้านเราอีกนะคะ
หลังจากทักทายคุณเพื่อนพอหอมปากหอมคอแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปขึ้น MRT เพื่อเข้าเมืองทันทีค่ะ ซึ่งการซื้อบัตรนั้นก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แค่เดินไปที่ตู้แล้วกดเลือกสถานี จากนั้นหยอดเงินลงไปจนครบจำนวน บวกกับค่าบัตรอีก 1 เหรียญฯ ซึ่งเราจะได้คืนที่สถานีปลายทางเมื่อนำตั๋วไปคืนที่ตู้ แค่นี้ก็เรียบร้อย ส่วนใครที่ขี้เกียจหรือกลัวเสียเวลาเที่ยวหากต้องเอาไปคืนบ่อย ๆ จะเก็บไว้แล้วเอาไปคืนทีเดียวในช่วงเย็นก็ได้เช่นกันค่ะ
เรานั่ง MRT มาถึงที่หมายอันเป็นที่พักของเรา โดยเราพักที่โรงแรม Holiday in ค่ะ โรงแรมค่อนข้างดูดีเลยค่ะ ห้องสะอาด บริการประทับใจ ถึงที่พักแล้ว ระหว่างพักให้พอหายเหนื่อยก็ขอพูดถึง MRT ของสิงคโปร์สักนิดนะคะ MRT ของที่นี่มีทั้งอยู่ใต้ดินและบนดินค่ะ นั่งแล้วสนุกดี ฮ่าฮ่าฮ่า แถมเสียงประกาศก็มีตั้งสามภาษาแน่ะ เรียกว่าถ้าไม่เข้าใจภาษาหนึ่งก็ต้องเข้าใจสักภาษาหนึ่งล่ะน่า เอาล่ะวันนี้เหนื่อยมาพอแรงแล้ว ลี่คงต้องขอนอนก่อนละกันนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ....
เช้าวันแรกของการเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์ หลังจากเก็บของเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปบุก ไชน่าทาวน์ ทันที จากหน้าโรงแรมสามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้โดยที่เหงื่อยังไม่ทันออกด้วยซ้ำ ระยะทางก็ประมาณจากมาบุญครองไปเซ็นทรัลเวิลด์เองค่ะ ซึ่งไชน่าทาวน์ในตอนกลางวันนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีร้านขายของบ้างแต่ไม่เยอะเท่ากับช่วงเย็นหรือช่วงกลางคืน มีร้านขายของที่ระลึกที่ราคาไม่สูงมาก แต่ควรเดินดูราคาหลาย ๆ ร้านก่อนค่อยซื้อดีกว่า เพราะสินค้าอย่างเดียวกันแต่ละร้านก็ขายราคาต่างกันค่ะ หลังจากเหงื่อเริ่มซึมนิด ๆ เราก็เดินทางต่อไปยัง คาร์กคี ที่นี่วิวสวยมาก ๆ ค่ะ แค่เดินทะลุห้างสรรพสินค้ามาก็เจอเข้ากับวิวสวย ๆ นี่เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ แถมย่านนี้ยังมีของกินเพียบ อีกทั้งโจ๊กขากบ อันเลื่องชื่อก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่งานนี้ลี่คงขอผ่านค่ะ ไม่กล้ากินจริง ๆ ก็เลยเปลี่ยนไปทานโจ๊กไข่เยี่ยวม้าแทน อร่อยมาก ๆ ขอบอก
เช้าวันต่อมาเรามีแผนจะไปสถานที่เที่ยวหนึ่งแห่งอันเป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ ที่หากใครไปเยือนสิงคโปร์แล้วไม่ไปที่นี่อาจเรียกได้ว่ายังมาไม่ถึงสิงคโปร์แน่ ๆ แต่ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ เราไม่รอช้ารีบตื่นแล้วไปหาอาหารอร่อย ๆ ราคาไม่แพงมากนากแถว ๆ โรงแรมรองท้องโดยทันที ซึ่งเมนูที่เลือกก็ดูแล้ว่าราคานั้นเกือบจะถูกที่สุดในร้านแล้ว แต่ก็ยังตั้ง 8 เหรียญฯ ส่วนโค้กก็กระป๋องละ 1.50 เหรียญฯ นี่ถ้าไปหยอดเหรียญกดที่ตู้หน้าโรงแรมจะได้ราคาถูกกว่านี้ แต่อาหารอร่อยค่ะให้อภัยได้ อิอิ
หลังอิ่มท้องแล้วเราจะไปบุก เซนโตซ่า กันค่ะ ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ละลายเงินเราไปมากโข นี่ขนาดยังไม่ก้าวเท้าลงไปยังเกาะนะคะ แต่แค่ราคาเคเบิลคาร์ก็เล่นซะเกือบทำเราเงิบ ดังนั้น เพื่อเป็นการเซฟกระเป๋าใบน้อย เราเลยเลือกนั่งรถไฟไปแทนค่ะ ถึงจะไม่ตื่นเต้นเท่าก็พาเราไปเจอป๊ะป๋าเมอร์ไลออนได้เหมือนกัน สงสัยไหมคะว่าทำไมลี่เรียกคุณเมอร์ไลออนที่นี่ว่าป๊ะป๋า นั่นก็เพราะว่าตัวที่อยู่ที่เซนโตซ่านี่มันตัวใหญ่ ๆ มาก ๆ เลยค่ะ ใหญ่กว่าที่มารีน่าเบย์เสียอีก ดังนั้น คนสิงคโปร์จึงมอบหมายหน้าที่คุณพ่อให้เจ้าตัวนี้นั่นเองค่ะ
ซึ่งภายในตัว เมอร์ไลออน ก็จะมีลิฟต์เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปดูวิวทิวทัศน์รอบ ๆ เกาะได้ ในส่วนของปากและตรงยอดของมันนั่นเอง อยากจะบอกว่า ณ จุดนี้คุณสามารถมองเห็นวิวได้ในแบบ 360 องศาเลยค่ะ แต่ถ้าหากใครกลัวความสูงแล้วไม่กล้าขึ้นเนี่ย บอกได้คำเดียวว่า "เสียดายแทน" ค่ะ ดังนั้น ใครที่กลัวความสูงคุณก็สามารถเดินเล่นหรือเช่าจักรยานปั่นไปรอบ ๆ เกาะได้ค่ะ
วิวของชายหาดที่นี่มีอาหารตามากมาย ทั้งหนุ่มสิงคโปร์หล่อล่ำและสาวสวยในชุดบิกินี่ ปั่นไปสักครู่ก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์สงครามค่ะ แต่ไม่ได้เข้าไปชมค่ะ เลยไม่สามารถบอกได้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นช่วงเย็นเราจึงกลับที่ไชน่าทาวน์อีกครั้ง ตอนกลางคืนนี่คึกคักผิดกับช่วงกลางวันมากค่ะ อีกทั้งยังของกินเยอะมาก ๆ เห็นแล้วน้ำลายไหล จนต้องขอลองซะหน่อย อืมมมม ต้องบอกว่าอาหารอร่อยมากค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย แต่ราคาแอบแพงไปนิดนึง ถ้าทานเพลินสั่งเยอะนี่อาจหมดตัวได้ง่าย ๆ
หลังจากท้องแน่นแล้ว หนังตาก็เริ่มหย่อน แต่เพื่อไม่ให้ต้องน็อกกลางอากาศ เราเลยมอบหน้าที่ให้สองขาพาเดินสำรวจไชน่าทาวน์เพื่อย่อยอาหารที่ทานเข้าไป และแล้วก็มาเจอร้านขนมของฝาก ที่นี่มีขนมน่าอร่อยเยอะแยะมากมายค่ะ อดไม่ได้ที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเสียหน่อย จากนั้นก็เดินต่อไปค่ะ และแล้วในที่สุดเราก็มาเจอกับเซเว่นฯ สิงคโปร์ค่ะ เย้ ๆๆ น้ำตาจะไหล สังเกตว่าร้านเซเว่นฯ ของที่นี่ช่างแตกต่างกับบ้านเราเหลือเกินค่ะ ดูคล้าย ๆ กับร้านโชห่วยในบ้านเรายังไงยังงั้น แต่ข้อดีก็คือไม่ต้องเปลืองแอร์ค่ะ และสิ่งที่แตกต่างจากบ้านเราอีกอย่าง ก็คือ เซเว่นฯ ที่สิงคโปร์ไม่มีน้องหมานอนหลับอยู่หน้าร้านค่ะ !
และนี่ก็เป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวของลี่ค่ะ เห็นไหมคะว่าสิงคโปร์นั้นเป็นประเทศที่เที่ยวได้ง่าย ๆ เพราะมีระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกสบาย คนที่นี่ส่วนใหญ่ก็พูดภาษาอังกฤษได้ดี ดังนั้น คุณจึงไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดเลยหากจะมาเที่ยวที่นี่ อีกทั้งยังใกล้เมืองไทยนิดเดียวเองค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก