แทสเมเนียเกาะมหัศจรรย์รูปหัวใจ (marie claire)
เรื่องและภาพ : มนตรี ศรีโอภาศ
ในเดือนที่ความรักคุกรุ่นขนาดนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าหาสถานที่เที่ยวสุดโรแมนติก และเราก็ค้นพบว่าดินแดนรูปหัวใจบน เกาะแทสเมเนีย ของ ประเทศออสเตรเลีย นี่แหละ น่าจะเป็นสถานที่สำหรับคนที่มีความรักกำลังต้องการ
จากน่านฟ้าไกลกว่า 7,000 กิโลเมตร สู่ประเทศออสเตรเลีย ปลายทางครั้งนี้มิใช่อยู่ที่เมืองใหญ่ใจกลางประเทศ หากแต่เป็นเกาะเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศออสเตรเลีย เกาะมหัศจรรย์สวรรค์แห่งทะเลใต้ที่มีรูปร่างละม้ายคล้ายรูปหัวใจอันเป็นสัญลักษญ์แห่งความรัก อีกทั้งยังมีความโดดเด่นทางภูมิทัศน์ที่งดงามแปลกตามากมาย รวมถึงพรรณพืชและสัตว์พิ้นเมืองที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษเหนือที่อื่นใดในโลก
ด้วยความหลากหลายนี้เองจึงทำให้เกาะแห่งนี้ได้รับการประกาศจาก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นพื้นที่มรดกโลก อีกทั้งความสวยงามของอาคารหินทรายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองที่น่าเที่ยวได้อย่างไม่หยุดยั้งแห่งนี้ และที่นี่เองคือเกาะสวรรค์ที่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความสุข
"แทสเมเนีย" เกาะรูปหัวใจดวงโตแห่งนี้ ถูกแยกออกจากผืนแผ่นดินใหญ่ในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา และนับได้ว่าเป็นเพียงรัฐเดียวของประเทศออสเตรเลียที่ไม่มีทะเลทราย มีเทือกเขาสูงอยู่หลายแห่งที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว มีชายฝั่งทะเลที่สวยงามไปด้วยหน้าผาหินทรายสีสดและผืนป่าอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ ดินแดนที่ได้รับการยอมรับจากชาวโลกถึงผืนป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ที่มีอากาศบริสุทธิ์แหล่งสุดท้ายในโลกและสายน้ำที่สะอาดที่สุดในโลก เรียกได้ว่าเป็นมลรัฐแห่งธรรมชาติโดยแท้
สัมผัสแผ่นดินแทสซี
ขณะเครื่องบินร่อนลงสู่สนามบินโฮบาร์ตเมืองหลวงของ รัฐแทสเมเนีย(Tasmania) เรามองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินเห็นหมู่เมฆสีขาวปนเทาและฝ้าหมอกกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้ากัปตันประกาศแจ้งสภาพอากาศเบื้องล่างอุณหภูมิราว 12 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นอากาศอบอุ่นสำหรับที่นี่ แต่ค่อนข้างเย็นจนถึงขั้นหนาวเกินไปสำหรับเรา เพียงครึ่งชั่วโมงจากสนามบินเราก็มาถึงตัวเมืองโฮบาร์ต (Hobart) หนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในโลก เนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างภูเขาเวลลิงตันกับทะเล มีทิวทัศน์สวยงามและยังเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลียอีกด้วย
พอดีที่ตรงกับวันเสาร์ ไกด์จึงพามาที่ ซาลาแมนกาเพลส (Salamanca Place) ชุมชนเล็ก ๆ ของชาวแทสเมเนีย ที่เรียงรายไปด้วยตึกเก่าและอาคารโบราณในยุคอาณานิคมอังกฤษ เช้าวันแรกประเดิมด้วยการเที่ยวตลาดนัดวันเสาร์ที่ถนนคนเดินคลาดล่ำไปด้วยผู้คนมาค้าขายและจับจ่ายกันเองอย่างครึกครื้น ที่นี่จัดว่าเป็นย่ายสินค้าประเภทงานฝีมือและงานออกแบบศิลปะแห่งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียทีเดียว มีสินค้าเครื่องใช้ทั้งของมือหนึ่งและมือสองสภาพดีราคาถูกมาวางขายมากมาย ทั้งเสื้อผ้า ของเล่น ของที่ระลึก ซีดีเพลง ภาพเขียน หนังสือ เครื่องหนัง เครื่องดนตรี เครื่องแก้ว เซรามิก ไม้แกะสลัก ฯลฯ รวมทั้งพืชผักผลไม้และดอกไม้ล้วนแล้วแต่น่าซื้อไปหมด
ไม่ใช่จะมีแค่ของมาวางขายกันเท่านั้น ที่ย่านซาลาแมนกาเพลสนี้ยังเป็นศูนย์กลางที่เหล่าศิลปินทั้งหลายใช้เป็นสถานที่ชุมนุมสังสรรค์กันในวันเสาร์ทั้งจิตรกร นักแสดงและนักดนตรี ที่มุมหนึ่งกลางตลาด จอร์จ คัลลากัน ศิลปินที่กำลังวาดลีลากรีดนิ้วอย่างนุ่มนวลพลิ้วไหวลงบนสายพิณตัวเขื่องของเขา บรรเลงออกมาเป็นทำนองเพลงที่ฟังสบายๆ ให้เรา
รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างสูงสุดยอด
ถัดไปทางท้ายถนน เสียงดนตรีอีกวงหนึ่งดังแว่วมาแต่ไกล ต้นเสียงคือเครื่องดนตรี 6 ชิ้นกับชาย 6 คน คนที่ใช้ชื่อวงว่า "Aaruco Libre Salamanca" กำลังดีดสีตีเป่าขลุยแผง (Pan Flute) บรรเลงบทเพลงพื้นเมืองทำนองสนุกสนานที่มีกลิ่นอายของไอริสผสมอยู่นิดๆ ชวนให้อยากเต้นรำเป็นยิ่งนัก สร้างความครึกครื้นให้ทวีมากขึ้นจนกระทั่งเรียกผู้คนเข้ามาล้อมวงกันเต็มลาน เผลอแป๊บเดียวก็หมดไปครึ่งค่อนวันแล้ว
พอถึงช่วงบ่ายเราก็มาเดินกลางเมืองเก่าเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่งที่ชื่อ ริชมอนด์(Richmond) เมืองนี้ดูเก๋ไก๋ด้วยบ้านเรือนแบบโบราณท่ามกลางภูมิทัศน์ธรรมชาติสวยงาม ที่นี่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง มีแม่น้ำโคล (Coal River) สายเล็กๆ ไหลผ่าน ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำมีสะพานทอดข้ามไปสู่โบสถ์คาทอลิกเก่า ๆ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นจากหินทรายมานานกว่าร้อยปีมาแล้ว โดยใช้แรงงานนักโทษจากต่างแดนที่ส่งตัวมาคุมขังบนเกาะนี้ ใครมาก็ต้องไปถ่ายรูปสะพานนี้กลับไปทุกคน "เหตุผลนะหรือ....??" ก็เพราะนี่เป็นสะพานหินทรายแห่งแรกของเกาะแทสเมเนียนะสิ
พอร์ตอาร์เธอร์สวรรค์ของนักลงโทษ
เมืองพาร์ตอาร์เธอร์ (Port Arthur) แดนคุกในอดีตแห่งคาบสมุทรแทสมัน บนเส้นทางสาย A9 ที่สองฟากถนนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการปศุสัตว์ ไล่ไปจนจรดชายฝั่งทีอีเกิลฮอว์ก (Eaglehaekneck) ตรงจุดคอคอนนี้มีหน้าผาสูงชันริมทะเลที่น่าสนใจอย่างแทสมันโบลว์โฮลด์ (Tasman Blowhold) หน้าผาชั้นหินทรายที่ถูกแรงคลื่นจากทะเลซัดจนทะลุเป็นโพรงใต้น้ำ พอคลื่นจาก ทะเลซัดเข้าหาโพรงจะเกิดมวลน้ำพวยพุ่งขึ้นสูงราวกับน้ำพุดูสวยดี อีกจุดหนึ่งที่ควรแวะก็คือ แทสมันอาร์ก (Tasman Arch) ผาหน้าตัดอีกแห่งหนึ่งที่ถูกกระบวนการทางธรรมชาติแต่งเติมจนเกิดเป็นรูปลักษณ์แปลกตาสวยงาม
ไกด์พาเราเดินชมซากอาคารต่าง ๆ ผ่านเข้าไปในอาคารหินทรายหลังหนึ่งที่ดัดแปลงจากโรงโม่แป้งมาแบ่งซอยออกเป็นห้องคุมขังนักโทษเป็นชั้น ๆ โดยจัดนักโทษคดีร้ายแรงไว้ชั้นล่างสุด ทว่าด้วยความที่เป็นเกาะอันไกลโพ้นทะเลซึ่งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยงามและมีอากาศบริสุทธิ์ นักโทษจึงมีสุขภาพดีไปด้วยภายหลังประกาศยกเลิกนำนักโทษเข้ามาคุมขังที่พอร์ตอาร์เธอร์นี้ เหล่านักโทษก็ออกไปมีชีวิตครอบครัวใหม่บนแผ่นดินที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก และสืบลูกหลานให้กลายเป็นประชากรที่มีคุณภาพกระจายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ทั่วเกาะเทสเมเนีย เมืองพอร์ตอาร์เธอร์จึงกลายกลายเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสาม และมีคุกเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของเทสเมเนีย
จากเมืองโฮบาร์ต เรามุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามทางหลวงสายเฮอริเทจไฮเวย์ (Heritagehighway) ซึ่งจะผ่านหมู่บ้านประวัติศาสตร์ เคมป์ตัน (Kmpton) เมืองโอ๊ตแลนด์ (Oatlands) อันเป็นที่ตั้งของพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์เมือง และเลยขึ้นไปจนถึงเมืองรอสส์ (Ross) ชุมชนเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งที่สงบเงียบ บ้านเรือนและร้านอาหารดูน่ารักน่านั่งไปหมด มีสวนสาธารณะที่เหมาะสมสำหรับปูผ้านั่งปิกนิก ซึ่งถ้าเป็นวันหยุดผู้คนจะมาเที่ยวกันเยอะมาก
สวัสดีปีศาจแทสเมเนีย
อุทยานแห่งชาติเครเดิลเมาน์เทน-เลคเซนต์แคลร์(Cradle Mountain-Lake St. Clarir National Park) นับว่าเป็นสรรค์ของนักนิยมธรรมชาติทีเดียว มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติตั้งแต่ระยะสั้น 20 นาที ไปจนถึง 6 วัน ก็มี หากเดินเงียบ ๆ ตามเส้นทางก็อาจได้จ๊ะเอ๋กับตัววอมแบต, วัลลาบี หรือโชคดีก็จะ เจอ "ปีศาจแทสเทเนีย" ได้เหมือนกัน
แทสเมเนียเป็นแหล่งที่พบสัตย์มีถุงหน้าท้องมากชนิดที่สุดแหล่งหนึ่งในออสเตรเลีย นอกจากตัวที่พวกเราคุ้ยเคยอย่างจริงโจ้ ก็ยังมีตัววัลลาบี, วอมแบต, พอสซัม, และแพดเมลอนที่กินพืช ส่วนพวกกินเนื้อก็มีปีศาจแทสเมเนียซึ่งเป็นสัตย์ที่มีถิ่นกำเนิดเฉพาะบนเกาะแทสเมเนีย เท่านั้น มันจึงกลายเป็นสัตย์สัญลักษณ์ของเกาะแห่งนี้ไปโดยปริยาย
แทสเมเนียเป็นดินแดนธรรมชาติอันแสนงดงามที่เปื่อมไปด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรีบ่งบอกให้ถึงความอบอุ่นแห่งมิตรภาพและความรักอย่างแท้จริง และการที่เราได้มาสัมผัสเกาะรูปหัวใจแห่งนี้สักครั้ง ก็เหมือนมีสวรรค์เป็นส่วนตัวยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
แนะนำการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พร้อมคูปองส่วนลดโรงแรมเพียบ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
นิตยสาร marie claire, find-croatia.com และ hackszine.com