เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก askyakutia.com , santosight.blogspot.com
ในขณะที่หน้าร้อนของเมืองไทยกำลังจะมาถึง และคาดว่าคงจะร้อนมากในเดือนเมษายน ทว่าในโลกอีกซีกหนึ่งที่ประเทศรัสเซีย เดือนเมษายนของที่นั่นยังคงเป็นฤดูหนาว ที่หนาวถึงขั้นอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิที่หนาวที่สุดเท่าที่เคยวัดได้ ร่วงลงไปอยู่ที่ -67.7 องศาเซลเซียส จึงนับว่าเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่มีสภาพอากาศหนาวเหน็บที่สุดในซีกโลกเหนือเลยทีเดียว
โอมมายคอน (Oymyakon) เป็นเมืองชนบทแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐซัคคา หรือยาคูเตีย (The Sakha Republic หรือ The Yakutia Republic) ซึ่งเป็นเขตการปกครองของสหพันธรัฐรัสเซีย ชื่อของเมืองแห่งนี้แปลว่า กระแสน้ำที่ไม่มีวันแข็ง ตั้งขึ้นตามชื่อของน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาในบริเวณใกล้ ๆ กับเมือง แต่อย่างไรก็ดี เมืองเล็ก ๆ ณ แถบขั้วโลกเหนือนี้มีอากาศหนาวเย็นยาวนานถึง 7 เดือนต่อหนึ่งปี และตามรายงานจากเว็บไซต์เดลิเมล ในเดือนมกราคมที่เพิ่งผ่านพ้นมาก็มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า -50 องศาเซลเซียส แต่ชาวบ้านกว่า 500 หลังคาเรือนก็ยังคงอยู่อาศัยกันได้ตามปกติ โดยอาศัยพลังงานจากถ่านหิน และการเผาฟืนเพื่อรักษาให้บ้านอบอุ่นตลอดเวลา
ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นถึงขนาดติดลบ จึงไม่มีสัตว์ใด ๆ อาศัยและเติบโตขึ้นได้มากนัก เว้นเสียแต่กวางเรนเดียร์ กับม้าพันธุ์พื้นเมืองที่ตัวเล็กแต่อึดต่อสภาพอากาศเป็นที่สุด และชาวบ้านก็อาศัยดื่มน้ำนมอันอุดมด้วยสารอาหารจำเป็น และบริโภคเนื้อของมันเป็นอาหารด้วย แม้จะมีทางเลือกในการกินไม่มากนัก แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่าชาวบ้านในแถบนี้จะเป็นโรคขาดสารอาหารแต่อย่างใด
นอกจากนี้เมืองโอมมายคอนยังมีร้านขายของเล็ก ๆ อยู่หนึ่งแห่ง ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้าวของเครื่องใช้เท่าที่คนในเมืองจะต้องการ ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเลี้ยงกวาง ล่าสัตว์ ตัดฟืน และเป็นนักตกปลาน้ำแข็ง ซึ่งเป็นอาชีพสำคัญที่ทำให้พวกเขายังชีพอยู่ได้ในสภาพอากาศเช่นนี้ ส่วนเด็ก ๆ เองก็ใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขายังคงวิ่งเล่นนอกบ้าน และไปโรงเรียนทุกวัน เว้นเสียแต่ในช่วงที่อุณหภูมิติดลบมากกว่า -52 องศาเซลเซียส ซึ่งโรงเรียนจะอนุญาตให้หยุดเรียนได้ชั่วคราว
แน่นอนว่าการอาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นขนาดนี้ย่อมมีอุปสรรค ปัญหาที่ชาวเมืองโอมมายคอนต้องประสบก็คือโทรศัพท์ไม่สามารถใช้การได้ แม้ว่าจะมีสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง น้ำหมึกในปากกาแข็งจนเขียนไม่ออก ละอองหิมะโปรยปรายจับค้างแข็งอยู่บนใบหน้า รถยนต์ส่วนตัวที่ชาวบ้านบอกว่าจำใจต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน เพราะกลัวว่าหากดับเครื่องแล้วจะสตาร์ทไม่ติดอีกเพราะเครื่องเย็นจัดเกินไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องกระบวนการฝังร่างผู้เสียชีวิตที่ต้องเอาถ่านหินร้อน ๆ มาสาดพื้นเพื่อละลายน้ำแข็งที่ทับถมไว้หนาให้ละลายจนถึงหน้าดิน ก่อนจะลงมือขุดหลุมให้ลึกพอจะวางโลงศพลงไปได้ ซึ่งกินเวลาเฉพาะกระบวนการขุดหลุมก็ปาเข้าไป 3 วันแล้วทีเดียว
อย่างไรก็ดี วันที่อากาศแจ่มใสในเมืองโอมมายคอนก็ยังมีอยู่ ซึ่งอากาศจะอบอุ่นขึ้นถึงกว่า 30 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ซึ่งฟ้าจะสว่างนานถึง 21 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมที่อากาศเย็นจัดและพระอาทิตย์ส่องแสงเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้วยความหนาวเหน็บ กับวิถีชีวิตที่ยังคงเรียบง่าย ทำให้หน่วยงานทางการท่องเที่ยวซาฮาได้บรรจุเมืองโอมมายคอนให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียง การเดินทางก็ไม่สะดวกสบายนัก แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการท้าความหนาว รักการผจญภัย และอยากสัมผัสวิถีชีวิตที่ดำรงอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นขั้นติดลบ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ