x close

ท่องเที่ยว เชียงใหม่ หน้าฝน




ดีไหม เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน (อ.ส.ท.)

โดย : วิวัฒน์ชัย  บุญยภักดิ์

          พิลึกแท้ มาชวนไปเที่ยวเมืองเชียงใหม่ตอนหน้าฝน แล้วไม่ต้องไปย่ำน้ำย่ำท่าให้ฉ่ำแฉะกันไปตลอดทางเรอะ คิดอย่างนั้นไม่ค่อยจะถูกแล้วล่ะ มาคิดใหม่ ทำใหม่ ตามสมัยผู้นำกันดีกว่า ...

         ลมฟ้าอากาศ 

          อากาศของภาคเหนือตอนบน หรือที่เรียกขานกันตามลักษณะศิลปวัฒนธรรมว่า "ดินแดนล้านนา" นั้นเป็นเขตอากาศประเภทร้อน แต่ค่อนข้างไปทางเขตอบอุ่น ในฤดูหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์อากาศจะค่อนข้างเย็น เพราะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพัดผ่านประเทศจีนได้นำความแห้งแล้งและความหนาวเย็นมาสู่ดินแดนภาคเหนือนี้ประมาณ 4 เดือน ส่วนฤดูร้อนเป็นช่วงที่แสงอาทิตย์ตั้งฉากเคลื่อนเข้ามาในบริเวณภาคเหนือ และด้วยทำเลที่ตั้งห่างไกลจากทะเล ทำให้อากาศร้อนจัดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ส่วนฤดูฝนจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ นำความชุ่มชื้นจากทะเลมาตกเป็นฝนและบางครั้งก็จะมีพายุโซนร้อนจากทะเลจีนตอนใต้พัดเข้ามาทางตะวันออก ทำให้มีฝนตกติดต่อกันหลายวันได้

          สภาพอากาศของภาคเหนือจึงมีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวเข้าไปในช่วงต่างฤดูกาลก็จะต่างบรรยากาศกันช่วงหน้าฝนจะเป็นฤดูเพาะปลูก ป่าเขาเขียวขจี แต่ในหน้าหนาวเป็นช่วงให้พึชผลแก่และสุกจนเก็บเกี่ยวได้ดอกไม้ตามป่าเขาก็บานสะพรั่ง และในส่วนหน้าร้อนก็ว่างจากฤดูทำไร่ไถนา เป็นช่วงซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน เครื่องใช้ไม้สอย และงานบุญต่างๆ

          ดินฟ้าอากาศของภาคเหนือดังกล่าวก็เป็นรูปแบบเดียวกับเมืองเชียงใหม่ ฝนที่พรำมาตั้งแต่หลังเทศกาลสงกรานต์ทำให้ป่าเขาที่โอบล้อมเมืองเชียงใหม่เขียวชอุ่มอย่างทันตาเห็น แม้กลางวันอากาศจะร้อนอยู่บ้างตามธรรมดาของเมืองเขตร้อน แต่ในช่วงเวลากลางคืนและตามที่สูง หรือที่ภูเขาแล้ว อากาศกลับเย็นสบายจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ

          เที่ยวหน้าฝนดีอย่างไร

          ข้อดีของการท่องเที่ยวหน้าฝนมีมากมายหลายประการแม้ขณะเดียวกันก็อาจมีข้อเสียอยู่บ้าง (ไม่ปฏิเสธหรอก) แต่หักลบกลบหนี้กันแล้วคุ้มค่ามากเทียวล่ะ ถ้าจะไปเที่ยวกันตอนหน้าฝน

          ประการแรก ใครๆ ก็รู้ว่าหน้าฝนเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวซบเซา นักท่องเที่ยวน้อย การใช้ยานพาหนะจึงค่อนข้างว่างเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเดินทางด้วยรถทัวร์ รถไฟ หรือเครื่องบิน การสำรองที่นั่งจึงไม่มีปัญหา แม้จะเพิ่งมาตัดสินใจเอาเมื่อใกล้วันเดินทาง ก็ยังสามารถหาที่นั่งได้ง่ายๆ 

          ถัดมาเรื่องที่พัก ตามโรงแรมและรีสอร์ตต่างๆ มักจะมีรายการลดแลกแจกแถมกันเป็นพิเศษ อย่างเช่น ลดครึ่งราคา แถมอาหารเช้าและกระเช้าผลไม้ หรือพักสองคืนแถมหนึ่งคืน เป็นต้น และสามารถเลือกจับจองได้ตามอัธยาศัย

          ตามร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกก็จะไม่ยัดเยียด หรือเนืองแน่นด้วยนักท่องเที่ยว มีเวลาให้ละเมียดละไมกับบรรยากาศโดยรอบ หรือจะเลือกต่อรองราคาสินค้าของที่ระลึกต่างๆ ก็สามารถทำได้เต็มที่ราคาของที่ได้จึงย่อมถูกกว่าปกติแน่ๆ  และได้ข้าวของถูกใจด้วย

          การจราจรไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็ไม่คับคั่งจนปวดเศียรเวียนเกล้า ปัญหาเรื่องที่จอดรถก็หมดไป เพียงแต่การขับขี่ยวดยานในขณะฝนตกควรต้องระมัดระวังสักหน่อย หรือถ้าให้ดีก็เช่ารถท้องถิ่นพร้อมสารถีไปเลยจะดีกว่าด้วยประการทั้งปวง เพราะเขาย่อมมีความชำนาญและคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นพิเศษอยู่แล้ว

          ประการสุดท้าย บรรยากาศหน้าฝนตามป่าเขาลำเนาไพรยามฝนหยุดตกใหม่ๆ อากาศจะสะอาดสดชื่น ยิ่งในยามเช้าจะเห็นก้อนเมฆลอยระเรี่ยๆ ตามยอดไม้และทิวเขา ท้องฟ้าก็ดูสดใส ปุยเมฆขาวเป็นขาวฟ้าเป็นฟ้า ต้นไม้ใบหญ้าก็เขียวขจีเป็นพิเศษ นกไพรก็ขับขานเสียงใสแจ๋วกว่าปกติ แล้วบรรยากาศอย่างนี้มีหรือในหน้าอื่น

         เริ่มต้นในตัวเวียง

          "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" ชื่อเมืองที่พญามังรายเจ้าสถาปนาขึ้นในบริเวณที่ราบลุ่มทุ่งหญ้าคาระหว่างลำน้ำปิงกับดอยสุเทพในปี พ.ศ. 1839 โดยมีพระสหายคือพญางำเมืองแห่งเมืองพะเยาและพ่อขุนรามคำแหงแห่งเมืองสุโขทัยมาช่วยกันพิจารณาชัยภูมิและวางผังเมือง (ดังปรากฏเป็นอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ ณ บริเวณศาลากลางเก่า กลางเมืองเชียงใหม่ซึ่งจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองไปแล้ว) ตัวเมืองโบราณมีผังเมืองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 900 วา และยาว 1,000 วา ปัจจุบันยังปรากฏร่องรอยคูเมืองคันดิน และกำแพงเมืองเป็นบางส่วน ส่วนช่องประตูเมืองก็ยังปรากฏอยู่ แต่ได้บูรณะขึ้นใหม่ เช่น ประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ ประตูช้างเผือก และประตูสวนดอก

          เมืองเชียงใหม่ผ่านยุคประวัติศาสตร์ที่เคยเจริญรุ่งเรืองเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนา แต่ก็มีบางช่วงที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่นานกว่า 200 ปี และบางคราวเกิดศึกสงครามกลายเป็นเมืองร้างไปในสมัยกรุงธนบุรีนานถึง 21 ปี จนปรากฏข้อความบันทึกสภาพเสื่อมโทรมของตัวเมืองไว้ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ว่า

          "ในเวียงทั้งมวลประกอบด้วยต้นไม้ ป่าหญ้าเครือเขาเถาวัลย์ ป่าหวาย ทั้งหลายมากนัก เป็นที่เสพแห่งเนื้อเหยื่อคะนองทั้งหลาย เป็นต้นว่าเสือ หมี แรด ช้าง วัวกระทิง สิงสน หมูเถื่อน ละมั่ง ทะวาย (เนื้อทราย) กวาง เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองทั้งมวล วรพุทธศาสนาวัดวา บ้านโบสถ์ พระพุทธรูปเจดีย์ รั้วเวียงวังทั้งมวลเป็นธราชินะหลุดร่ำคร่าโปดพังไปเป็นอันมาก"

          ในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้โปรดให้แต่งตั้งพระยากาวิละเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ และได้รับการฟื้นฟูบ้านเมืองขั้นใหม่ ถึงกับเป็นยุก "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" คือยกทัพไปตีบ้านเมืองต่างๆ ในดินแดนตอนเหนือและบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสาละวิน เพื่อกวาดต้อนผู้คนเข้ามาช่วยบูรณะบ้านเมืองที่ทรุดโทรมไปให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง พลเมืองที่ได้มามีทั้งเงี้ยว (ไทใหญ่) ไทลื้อ ไทยอง ไทเขิน ข่า ลัวะ และยาง (กะเหรี่ยง) เมืองเชียงใหม่จึงหลากหลายด้วยสีสันวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ จากอดีตและสืบสานต่อเนื่องมาจนกระทั้งปัจจุบัน

          ความเจริญอีกด้านหนึ่งของเมืองเชียงใหม่คือ พุทธศาสนา ถึงกับเกิดการจัดทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลกขึ้นที่วัดเจ็ดยอด โดยการอุปถัมภ์ของพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.1983-2030) ดังนั้น ในตัวเมืองเชียงใหม่และบริเวณรายรอบจึงมีวัดอารามต่างๆ อยู่มากมาย ทั้งในปัจจุบันก็ได้รับการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ให้คงความงามและคุณค่าของศิลปะล้านนาไว้ได้ วัดที่ไม่ควรพลาดเยี่ยมชม ได้แก่ วัดพระสงห์ วัดเจดีย์หลวง วัดเชียงมั่น วัดสวนดอก วัดเจ็ดยอด วัดอุโมงค์ และวัดพระธาตุดอยสุเทพ รวมทั้งวัดเล็กวัดน้อยในตัวเมืองและวัดในเขตนอกตัวเมืองอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความสนใจของแต่ละบุคคล ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด เดี๋ยวจะหาว่าผู้เขียนแก่วัดเกิดไป

         พิพิธภันฑ์และหอศิลป์

          เมืองเชียงใหม่โชคดีกว่าอีกหลายๆ เมือง ด้วยความที่เคยเป็นราชธานีของดินแดนล้านนามาก่อน จึงร่ำรวยไปด้วยมรดกทางศิลปวัฒนธรรมและศิลปวัตถุ จึงมีพิพิธภัณฑ์อยู่หลายแห่งที่น่าสนใจ  ทั้งที่เป็นของราชการและเอกชน เป็นต้นว่า...

          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่

          ตั้งอยู่ริมถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ใกล้ๆ กับวัดเจ็ดยอด ถ้าอยากรู้เรื่องราวของประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทยและดินแดนล้านนา ก็คงต้องแวะชมที่นี่ โบราณวัตุที่จัดแสดงล้วนมีค่าควรเมืองทั้งนั้น

          ศาลาธนารักษ์

          ตั้งอยู่ที่เลขที่ 52 ถนนราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ หรือถนนที่ตรงจากท่าแพไปจดวัดพระสิงห์นั่นเอง อาคารที่จัดแสดงเดิมเป็นคุ้มของเจ้าทิพยวรรณ ณ เชียงตุง ซึ่งเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือ เป็นอาคารตึก 2 ชั้นทรงปีกผีเสื้อ ซึ่งเป็นอาคารที่ทันสมัยมากเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่มีการจัดแสดงเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเงินตราไทยชนิดต่างๆ ที่เคยใช้กันในดินแดนล้านนาและประเทศไทย

          ศาลาธนารักษ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันจันทร์ถึงเสาร์ ระหว่างเวลา 09.00-15.30 น. เข้าชมได้ฟรี และยังให้บริการสำหรับนักสะสมเหรืยญสามารถแลกหาเหรียญกษาปณ์ทั้งเก่าทั้งใหม่และเหรียญที่ระลึกโอกาสพิเศษต่างๆ ในราคาราชกรเสียด้วย

          พิพิธภันฑ์แมลง (Museum of World Insects)

          ตั้งอยู่เลขที่ 72 ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 13 (ใกล้ซอยสิริมังคลาจารย์ 3) ห้วยแก้ว โทรศัพท์ (053) 21-1891 เป็นพิพิธภันฑ์เอกชนที่ได้สะสมแมลงไว้ทุกชนิดและจากทั่วทุกมุมโลก จากราคาตัวละไม่กี่บาทจนถึงราคาหาค่าไม่ได้ (เพราะมีอยู่เพียง 2-3 ตัวในโลก) ผู้สนใจเรื่องแมลง หรือแม้แต่เราๆ ท่านๆ ทั่วไปก็ชมได้ เพราะจะได้ทั้งความรู้ ความเพลิดเพลินกับแมลงพันธุ์แปลกๆ ผีเสี้อแสนสวยชนิดต่างๆ ก็หาชมได้ที่นี่ ช่วยสนับสนุนบำรุงพิพิธภัณฑ์เล็กน้อย เขาจะเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.





          หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

          ตั้งอยู่ที่ถนนนิมมานเหมินทร์ ใกล้ๆ ตลาดต้นพะยอม เป็นหอศิลปะที่เกิดขึ้นได้ด้วยดำริของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประสงค์จะให้มี Art Museum ขึ้นตามมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค โดยมองสถานที่ไว้ 3 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒสงขลา

          สำหรับหอนิทรรศการฯ แห่งนี้ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2541 ด้วยงบประมาณจำนวน 46 ล้านบาท จึงได้อาคารนี้ขึ้นมา โดยมีพื้นที่จัดนิทรรศการได้ถึง 1,443 ตารางเมตร และพื้นที่จัดประชุม หรือการแสดงได้อีก 1,084.5 ตารางเมตร นายชวนขณะที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้มาทำพิธีเปิดโดยตนเองเมื่อปี พ.ศ. 2542 หลังจากนี้ก็มีการแสดงงานมาโดยตลอด ทั้งของศิลปินในท้องถิ่นภาคเหนือเองหรือศิลปินจาส่วนกลาง ขณะที่ผู้เขียนขึ้นไปชมนั้นกำลังจัดแสดงงานเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ 10 ขึ้นมีผู้ชมประปราย ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ โดยปกติจะปิดเฉพาะวันจันทร์และวันนักขัตฤกษ์ เปิดให้ชมฟรี โดยมีงานแสดงตลอดทั้งปี จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผู้รักศิลปะไม่ควรพลาด





          กองดีห้องศิลป์ (Gongdee Studio)

          เป็นสตูดิโอแสดงงานศิลปะของเอกชน ที่นำมาแนะนำเพราะชื่นชมการริเริ่มทำขึ้นโดยเอกชน คือคุณวิชิต ไชยวงศ์
หากมองในแง่การตลาดแล้วก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่เนื่องจากผู้ริเริ่มก็มีร้านกองดี แกลเลอรี ซึ่งผลิตของที่ระลึกและงานศิลปะที่มีระดับขึ้นหน่อย  เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวที่ชอบงานที่ไม่ตลาดจนเกินไป ทั้งร้านกองดี แกลเลอรีและกองดีห้องศิลป์ตั้งอยู่ในซอย 1 หลังโรงแรมอมารี รินคำ จากทางแยกที่ถนนซูเปอร์ไฮเวย์มาพบกับถนนนิมมานเหมินทร์ ตรงเข้ามาทางถนนนิมมานเหมินทร์ เลยโรงแรมอมารี รินคำมานิดเดียวจะมีซอยซ้ายมือ เลี้ยงเข้าไปก็เห็นร้านกองดี แกลเลอรีอยู่ทางซ้ายมือ และถ้าเลยเข้าไปราว 30 เมตร ก็เป็นกองดีห้องศิลป์

          กองดีห้องศิลป์จะมีการแสดงงานภาพเขียน ภาพถ่ายจากศิลปินต่างๆ อยู่บ่อยๆ บางครั้งก็เปิดการแสดงคอนเสิร์ตเล็กๆ เชิญทั้งศิลปินระดับประเทศและต่างประเทศมาถึงเชียงใหม่ เปิดการแสดงแต่ละครั้งผู้ชมคับคั่ง แม้จะรับได้เพียงไม่เกิน 200 คน ด้านหน้าก็มีมุมกาแฟห้องเล็กๆ น่านั่งมาก อยากทราบกำหนดการแน่นอนกรุณาสอบถามที่โทรศัพท์ (053) 22-2230 และ 22-5032 ได้โดยตรง

          ความบันเทิงยามค่ำคืน

          ความจริงแสงสีของเมืองเชียงใหม่ก็มีอยู่พองามแทบไม่ต้องแนะนำกันเลย ตามโรงแรมก็จะมีสถานบันเทิงพวกนั่งฟังเพลง ดิสโกเธก หรือคาราโอเกะก็มีให้เห็นกันเกลื่อนเมือง แต่เท่าที่ไปสัมผัสมาด้วยตนเองในช่วงหน้าฝนก็จะขอบอกต่อสักหน่อย

          ย่านริมถนนเจริญราษฏร์ ริมลำน้ำปิง (เชิงสะพานนวรัฐ)

          เป็นย่านใหม่ที่คึกคักด้วยร้านกินดื่มริมลำน้ำปิง ยิ่งถึงไปนั่งตั้งแต่ตอนเย็น ๆ จะเห็นกลุ่นนักกีฬาเรือแคนูฝึกหักพายขึ้นล่องกันอยู่ตลอดเวลา
ลำน้ำปิงในวันนี้ได้รับการดูแลอย่างดี ดงหญ้าคารกเรื้อกลางน้ำถูกขุดออกไปหมดแล้ว มีฝายทดน้ำอยู่ปลายทางทำให้ช่วงฝ่านตัวเมืองมีน้ำท่าอยู่ตลอดเวลา น้ำนิ่งใสเหมาะมากสำหรับเล่นกีฬาเรือแคนู ในยามค่ำคืนร้านอาหารริมปิงในย่านนี้จึงคึกคักด้วยเสียงดนตรี ถ้าชอบบรรยากาศเฮฮาหน่อยก็ต้องตรงไปในเวลานั้น

          อ้อ! ในถนนเดียวกันนี้ แต่เป็นฝั่งตรงข้ามร้านอาหาร มีพวกอาคารไม้ห้องแถวเก่าๆ ที่ได้รับการปรับปรุงอนุรักษ์ขึ้นใหม่ แล้วเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกที่มีดีไซน์และคุณภาพดีหน่อย ดูๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ชอบช็อปปิงสินค้าอีกระดับหนึ่ง ประเภทแพงไม่ว่าแต่ขอถูกรสนิยมไว้ก่อน





          โรงเบียร์เชียงใหม่เยอรมัน

         
ตั้งอยู่บริเวณริมถนนซูเปอร์ไฮเวย์ มีซอยด้านข้างห้างคาร์ฟูร์ เลี้ยวเข้าไป 400-500 เมตร จะเห็นโรงเรือนไม้สีดำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางขวามือ นั่นแหละคือโรงเบียร์เชียงใหม่เยอรมันแต่ถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีก 100 เมตร จะเป็นกลุ่มเรือนไม้ทรงไทยภาคต่างๆ ซึ่งอาคารแต่ละหลังแม้จะสร้างขึ้นใหม่ แต่วิจิตรบรรจงไม่เบา ที่นั่นคือคุ้มขันโตก เป็นบริเวณจัดเลี้ยงขันโตก พร้อมมีการแสดงฟ้อนรำพื้นเมืองฝีมือระดับวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่เชียว ถ้าเป็นแขกมาจากแดนไกลก็น่าจะลองหาประสบการณ์รับประทานอาหารขันโตก ณ คุ้มขันโตกสักครั้ง รับรองบรรยากาศได้เลยว่าเสมือนรับประทานอาหารค่ำในคุ้มเจ้านายเมืองเหนือแท้ๆ เจ้า

          ดึกเข้าสักหน่อยก็ย้อนกลับมาที่โรงเบียร์ แต่ความจริงแล้วเขาเปิดบริการตั้งแต่ 11 โมงเช้า อาคารโรงเบียร์สร้างเป็นโรงไม้ขนาดใหญ่ เพดานสูง มีเวทีดนตรีขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า มีที่นั่งเป็นระดับๆ จะชอบใกล้ชิดวงดนตรี หรือถอยห่างขึ้นไปชั้นบนก็ได้ และยังมีห้องจัดเลี้ยงรับแขกได้ 100-200 คนอยู่ 2 ห้อง

          จุดเด่นของเบียร์ที่นี่เป็นเบียร์สดผลิตเองสำหรับอุปกรณ์การผลิต ซึ่งเป็นถังเบียร์ขนาดใหญ่ตามขั้นตอน ตั้งแต่กวนส่วนผสม กรอง หมัก จนนำออกจำหน่าย ล้วนใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมทั้งสิ้น ผู้จัดการโรงเบียร์เล่าว่าต้องสั่งซื้อเครื่องมือจากเมืองมิวนิคประเทศเยอรมนีถึง 40 ล้านบาท สำหรับวัตถุดิบในการผลิต อันได้แก่ ข้างมอลต์ ดอกฮอพส์ และยีสต์ ต้องสั่งเข้าจากเยอรมนีทั้งหมด  มีเพียงน้ำบริสุทธิ์เท่านั้นที่ใช้ของเชียงใหม่ และต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมนีมาควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน คือ Mr.Felix ครั้งแรกเดาว่าต้องไว้หนวดเคราเฟิ้ม เวลาดื่มเบียร์ฟองเบียร์จะได้ติดหนวดติดเครา แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นหนุ่มตัวโต แต่หน้าตาละอ่อน ถามไถ่อายุปรากฎว่าแค่ 25 ปีเท่านั้น แต่เห็นคุยว่าแอบพ่อแม่ริดื่มเบียร์มาตั้งแต่อายุ 12 ขวบโน่น

          เบียร์สดที่นี่เขามีจำหน่าย 3 ยี่ห้อด้วยกันได้แก่ เบียร์  Pilsener มีดีกรีแอลกอฮอล์เพียง 4 เปอร์เซ็นต์  เบียร์ Weizen ๕.๓ เปอร์เซ็นต์ และ Lagur ๕.๕ เปอร์เซ็นต ์ดูเหมือนจะค่อนข้างอ่อนสำหรับคอเบียร์ไทย แต่ก็เหมาะสำหรับดื่มที่โรงเบียร์ที่นี่ เพระาจะมีวงดนตรีวงใหญ่ผสมเครื่องไทยด้วย มีนักร้องเสียงคุณภาพทั้งชายหญิงขับกล่อมทั้งเพลงไทยและเพลงสากล โดยเฉพาะหลายคนจะชื่นชอบกับเพลงไทยเก่า ๆ อย่างเช่น เพลงยอยศพระลอ เพลงค้างคาวกินกล้วย และเพลงพระราชนิพนธ์ที่ร้องและบรรเลงในสไตล์ใหม่ ซึ่งครึกครื้นและดูสนุกสนานมากขึ้น พร้อมกันนั้นบนจอยักษ์หลังวงดนตรีก็จะมีภาพสไลด์เก่าๆ ของเมืองเชียงใหม่ร่วม 500 ภาพ ฉายสลับตลอดเวลา ได้ความรู้เก่าๆ แต่เพลิดเพลินกับบรรยากาศใหม่ๆ

          โรงละครกาดเธียเตอร์ 

          ตั้งอยู่ในศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว ถนนห้วยแก้ว ก็ถนนเส้นที่จะตรงไปมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั่นแหละ เพราะตามธรรมเนียมของเมืองศูนย์กลางทางศิลปวัฒนธรรมแทบทั่วโลกจะต้องมีโรงละครเป็นเวทีสำหรับอวดผลงานทางศิลปวัฒนธรรมประจำเมืองกันทั้งนั้น กาดเธียเตอร์แห่งนี้จุผู้ชมได้ถึง 1,500 ที่นั่ง เป็นโรงละครที่มีอุปกรณ์และเทคนิคทันสมัย สมารถรองรับจัดการแสดงละครเวที อุปรากรคนเสิร์ต ตลอดจนการประชุมระดับนานาชาติ

          ละครหรือการแสดงดังๆ ทั้งของไทยและของต่างประเทศที่เคยจัดการแสดงที่นี่ได้แก่ South Pacific, Grease, Las Vegas Stars, Uttarpriyadarshi, Jazz Tap, Cinderella, Now and Then, Nat Yontararak and Family in Concert รวมทั้งละครเวทีดาราดังจากกรุงเทพฯ อีกมากมายหลายเรื่อง ฉะนั้น ถ้าขึ้นไปเชียงใหม่ในหน้าฝนนี้ อยากจะดูการแสดงดี ๆ หรืออยากจะสนับสนุนโรงละครไทยของเราราคาค่าชมก็ถูก แต่คุณภาพทัดเทียมต่างประเทศก็ลองสอบถามโปรแกรมได้ที่โทรศัพท์ (053) 22-4444 และ 22-4333

          เส้นทางท่องเที่ยว ออกไปนอกตัวเมือง

          เที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่จนทั่วแล้ว วันไหนดูท้องฟ้าแจ่มใสก็ลองเลือกเส้นทางออกไปท่องเที่ยวนอกตัวเมืองกันบ้าง มีอยู่หลายเส้นทาง ซึ่งจะขอแนะนำประเภทเช้าไปเย็นกลับ หรือไปแล้วเกิดติดใจจะแวะพักค้างตามรีสอร์ตต่างๆ ก็ตามแต่อัธยาศัย

          เส้นทางสายหางดง-บ้านถวายหรือสะเมิง

          ถ้าเป็นนักช็อปปิง  หรือชื่นชอบในศิลปหัตถกรรม อยากแนะนำให้ตรงดิ่งไปบ้านถวายเลย ระยะทางก็ไม่ไกล ไปตามถนนเชียงใหม่-หางดง ขับรถยนต์เองราวครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ตั้งแต่ริมถนนใหญ่ หรือเลี้ยวซ้ายเข้าไปบ้านถวาย จะมีร้านรวมทั้งใหญ่เล็กเรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทาง จำหน่ายหัตถกรรมทั้งของเก่าของใหม่แล้วแต่รสนิยม บางร้านมีพวกเครื่องเรือน พระพุทธรูป และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ตลาดโอ่ง ไห จนกระทั่งผนัง หน้าต่างบ้าน หน้าบันวิหาร มีจำหน่ายทั้งหมด นึกงงอยู่ในใจเหมือนกันว่าเอ! พม่าเขารื้อบ้านรื้อเมืองมาขายกันถึงเชียงใหม่เลยหรือ ราคาค่างวดตั้งแต่หลักร้อยจนไปถึงเรือนแสน คุยกับผู้ค้าของเก่าได้ข้อมูลว่าการค้าขายของเก่าพม่าจะมีผู้มาจัดส่งให้ถึงที่ และสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะนำออกไปก็ไม่มีปัญหาในการนำออก เพราะไม่ใช่โบราณวัตถุของไทยและอายุก็ไม่เก่าแก่มากนัก





          ส่วนผู้ชอบของกระจุกกระจิก  หรือราคาย่อมเยาหน่อยก็ขอแนะนำให้ตรงเข้าไปที่ศูนย์สินค้าหัตถกรรมของผู้ผลิต ซึ่งอยู่กลางหมู่บ้านถวาย และถ้าตรงเข้าไปบริเวณในสุดติดกับคลองส่งน้ำก็ยังมีศูนย์ฯ อีกแห่ง ขนาดเล็กกว่า แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะติดอยู่ที่ศูนย์ฯ ใหญ่กลางหมู่บ้านเท่านั้น





         เส้นทางสายหางดง-สะเมิง

          เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ลัดเลาะขึ้นไปตามที่สูงชันสองข้างทางจึงมีภูมิประเทศเป็นป่าเขา และมีพื้นที่ริมทางหลายแห่งที่ได้พัฒนาเป็นรีสอร์ตต่าง ๆ ล้วนสวยงามด้วยไม้ดอกไม้ประดับ โดยเฉพาะพวกพันธุ์ไม้เมืองหนาว มีรีสอร์ตน่ารักอยู่หลายแห่ง และรีสอร์ตในย่านนี้จะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีและตามรีสอร์ตก็มีกิจกรรมต่างๆ ให้เพลิดเพลินได้ตลอดระยะยเวลาที่พักอยู่สัก 2-3 วัน อย่างไม่รู้สึกเบื่อเลย

          เส้นทางสายแม่ริม

          เส้นทางนี้ไปทางทิศเหนือของตัวเมืองเชียงใหม่จะพาออกไปเที่ยว 14 กว่ากิโลเมตร ผ่านบริเวณศูนย์ราชการของจังหวัดเชียงใหม่ พอเลยที่ทำการอำเภอแม่ริมไปนิดเดียว เลี้ยวซ้ายเข้าค่ายดารารัศมี กองบังคับการตรวจตระเวนชายแดน ภาค 3 ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ทหารหน้าค่ายเข้าไปชมพระตำหนักดาราภิรมย์ภายในเขาก็จะอนุญาตทันที





          พระตำหนักดาราภิรมย์

          เป็นพระตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี  ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชชายาฯ ได้สร้าง "บ้าน" ของพระองค์ เพื่อประทับในช่วงบั้นปลายของพระชนม์ชีพ 
พระองค์ทรงใช้พระตำหนักหลังนี้ปฏิบัติพระกรณียกิจ  ทั้งด้านการเกษตรและศิลปวัฒนธรรม ทรงสร้างสวนทดลองการเกษตรชื่อ "สวนเจ้าสบาย" ขึ้น นำพันธุ์กุหลาบพันธุ์ใหม่จากสมาคมกุหลาบแห่งอังกฤษมาทรงปลุก และทรงตั้งชื่อว่า "จุฬาลงกรณ์" ทรงฟื้นฟูศิลปหัตถกรรมและนาฎศิลป์ของล้านนา ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวเมืองเหนือ

          ปัจจุบันพระตำหนักดาราภิรมย์และบริเวณโดยรอบอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยจัดห้องต่างๆ ภายในพระตำหนักจัดแสดงภาพประวัติ ของใช้ส่วนพระองค์ และของถวายอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชชายาฯ และเครื่องเรือนร่วมสมัย

          พระราชชายาเจ้าดารารัศมีทรงเป็นพระธิดาในพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และได้ถวายตัวเข้ารับราชการฝ่ายในในฐานะเจ้าจอมของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระองค์จึงทรงเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างสองแผ่นดิน คือแผ่นดินล้านนาและแผ่นดินกรุงเทพฯ นับเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อความเป็นปึกแผ่นแน่นแฟ้นของประเทศไทย

          พิพิธภัณฑ์พระตำหนักแห่งนี้จะเปิดให้ชมตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท และเด็ก 10 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่โทรศัพท์ (053) 29-9175





          วัดป่าดาราภิรมย์ 

          ตั้งอยู่ด้านหลังพระตำหนักดาราภิรมย์  แค่มองข้ามรั้วด้านหลังก็แลเห็นกันได้ แต่เนื่องจากเหตุผลทางการรักษาความปลอดภัย เพราะบางส่วนของพื้นที่ในเขตพระตำหนักยังเป็นที่ทำการของตำรวจตระเวณชายแดน เราจึงต้องย้อนกลับมาที่ริมถนนใหญ่อีกครั้ง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนด้านข้างค่าย ต.ช.ด. แห่งนี้จะมีถนนตีคู่ไปกับคลองชลประทานแม่แตงไม่ถึง 1 กิโลเมตร ก็ถึงวัดป่าดาราภิรมย์

          เดิมทีพื้นที่บางส่วนของวัดเป็นบริเวณป่าช้าติดกับตำหนักดาราภิรมย์ ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างเป็นเสนาสนะถวายพระกรรมฐานขึ้น ต่อมาเจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ได้นำกลุ่มทายาทของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีถวายที่ดินอันเป็นเขตพระตำหนักจำนวน 6 ไร่ เพื่อเป็นพระกุศลแด่พระราชชายาฯ ซึ่งต่อมาชาวบ้านใกล้เคียงก็ถวายที่ดินเพิ่มขึ้นอีก จึงกลายเป็น "วัดป่าดาราภิรมย์" ดังปัจจุบัน

          ภายในบริเวณวัดมีสิ่งปลูกสร้างแต่พองาม ซึ่งถึงแม้จะสร้างขึ้นใหม่ แต่ก็พยายามผสมผสานสถาปัตยกรรมพื้นเมืองล้านนาเข้าไว้ด้วย มีพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและครอบพระพุทธบาท 4 รอย ภายในเป็นที่เก็บรวบรวมอัฐิธาตุของพระเกจิอาจารย์รูปสำคัญๆ ได้แก่ ครูบาเจ้าศรีวิชัย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต เป็นต้น ตามผนังและเพดานมีภาพจิตรกรรมที่สวยงามเป็นเรื่องพระเจ้าห้าองค์ พุทธประวัติ ประเพณีพื้นบ้าน และพระธาตุประจำปีเกิดตามคตินิยมของชาวเมืองเหนือ

          บริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยไม้น้อยใหญ่และมีป้ายคติสอนใจติดไว้มากมาย  ชวนให้จัดจำนำมาคิดต่อซึ่งจะให้ประโยชน์มากมาย เป็นต้นว่า

          "ความสุขโลกีย์ มีได้ชั่วคราว ความสุขยืนยาวต้องเข้าหาธรรม"

          "เป็นอยู่อย่างหมดหวัง คือการขุดหลุมฝังตัวเอง"

          "ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ"

          นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังมีจุดเด่นตรงเป็นที่ตั้งของร้านค้าสหกรณ์และศูนย์หัตถกรรมเมตตานารี ซึ่งรวมกลุ่มแม่บ้านและสมาชิกมาผลิตสินค้าออกจำหน่าย ที่มีชื่อเสียงมากคือพวกผ้าปูโต๊ะ ปลอกหมอนปักลายดอกไม้และถักลายลูกไม้ตามริมขอบ ดูสวยงามและตรงตามรสนิยมของตลาดมาก นอกจากนี้ก็มีผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรพื้นบ้าน งานดอกไม้ประดิษฐ์ และผ้าทอพื้นเมือง เป็นต้น นับเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี

          เส้นทางสายบ่อสร้าง-สันกำแพง

          ถนนท่องเที่ยวสายนี้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่โด่งดังมาแต่อดีต โดยเฉพาะในเรื่องของการทำร่ม ภาพแม่หญิงขี่รถถีบกางจ้องเคยเป็นภาพชีวิตจริงบนถนนสายนี้มา แต่เดี๋ยวนี้คงเปลี่ยนเป็นแม่หญิงใส่เสื้อแจ็กเก็ตขี่มอเตอร์ไซค์แทนที่ไปเรียบร้อยแล้ว

          ตลอดสองฟากฝั่งของถนนสายนี้ ในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตกรรมขึ้นชื่อของเมืองเชียงใหม่ บางแห่งก็เปิดกิจการเป็นโรงงานขนาดย่อมกันเลย มีโรงสาธิตขั้นตอนการผลิตจริงให้ชม มีโชว์รูมและร้านจำหน่ายสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่ผ้าฝ้าย ผ้าไหม เครื่องเขิน เครื่องเงิน เครื่องหนัง เครื่องปั้นดินเผา ร่มผ้า ร่มกระดาษสา จนกระทั่งอัญมณี ตามสองข้างทางจะเห็นรถทัวร์คันโตจอดรับส่งนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกันเนืองแน่นไปตลอดเส้นทาง





          อย่างไรก็ตาม ยังมีร้านเล็กร้านน้อยสำหรับนักท่องเที่ยวไทยอยู่มากมายหลายแห่งในบริเวณตลาดบ่อสร้างและในตัวอำเภอสันกำแพง  มีสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกต่างๆ มากมายให้เลืิอกหาในราคาย่อมเยา

          เชียงใหม่วันนี้ แค่ในตัวเมืองและบริเวณชานเมืองรอบๆ ใกล้ๆ เท่านั้นก็มีอะไรต่อมิอะไรให้ตื่นตาตื่นใจกันได้มากมาย เขียนเล่าไปก็ยังไม่หมด ผู้เขียนเองขึ้นไปเที่ยวตอนหน้าฝนจริงๆ ขนาดได้ช่างภาพมือหนึ่งของเมืองไทย คือ คุณนพดล กันบัว ไปช่วยกันบันทึกภาพจริง ก็ยังลุ้นกันเหงื่อแตก เพราะท้องฟ้าครึ้มสลัวไม่อำนวยต่อการถ่ายภาพนัก แต่สำหรับส่วนตัวผู้เขียนกลับชอบมากกว่า เพราะอากาศไม่ร้อนจัด ไม่มีแสงแดดจัดให้รำคาญตา

          เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนจึงดีด้วยประการฉะนี้แล


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ท่องเที่ยว เชียงใหม่ หน้าฝน อัปเดตล่าสุด 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13:57:35 11,723 อ่าน
TOP