วันแห่งความสุข ณ ลุ่มน้ำสะแกกรัง (Lisa)
ลัดเลาะเที่ยวสองฟากฟ้งแม่น้ำสะแกกรัง เพื่อสัมผัสส่วนเสี้ยวจากแสนล้านความสุข ที่มีมาเนิ่นนานของชาวอุทัยธานี
เมืองริมแม่น้ำสะแกกรังเช่น "อุทัยธานี" ยังมีภาพชีวิตที่สงบงามและน่ารัก นอกเหนือจากธรรมชาติอันสมบูรณ์ของผืนป่าใหญ่ห้วยขาแข้ง ซึ่งได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เหตุนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงพาเราเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวป่า เข้าไปสัมผัสหลากหลายไตล์เที่ยวในอุทัยธานี แต่ต้องบอกก่อนว่าจังหวัดนี้มีอะไรดี ๆ ที่น่าสัมผัสเยอะมาก ทริปนี้จึงเริ่มจากเที่ยวใกล้ ๆ ในเขตอำเภอเมืองกันก่อนค่ะ
อยากไปดูชีวิตอิ่มสุขที่เรียบง่ายแบบชาวอุทัยฯ ต้องไป "ตลาดเช้าริมน้ำ" ที่ลานสะแกกรัง ตลาดโบราณแบบชาวบ้านขนานแท้ที่ไร้การปรุงแต่ง เริ่มติดตลาดตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง มีร้านเล็ก ๆ ให้นั่งจิบกาแฟกินของอร่อยสไตล์พื้นบ้าน แล้วอ้อยอิ่งชมวิวริมน้ำ เป็นการเติมพลังให้พร้อมก่อนออกเดินชมเมืองเก่า
เราแวะไปดูบ้านตีมีดตามแบบดั้งเดิมที่ร้านสองเจริญ ชิมผลไม้แช่อิ่มแสนอร่อยสูตร 60 ปีของร้านตั้งยู่ฮวด แล้วไปดูพิพิธภัณฑ์ฮกแช่ตึ้ง ที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังตามสถาปัตยกรรมจีนอายุ 100 ปี ซึ่งเคยเป็นร้านขายยามาก่อน
ล่องเรือสัมผัสชีวิตชาวแพ
แม่น้ำสายสำคัญซึ่งเป็นทั้งที่พักกายและแหล่งทำกินของชาวอุทัยฯ ทั้งยังเคยเป็นเส้นทางเสด็จประพาสของรัชกาลที่ 5 แม้ทุกวันนี้ มีเรือนแพน้อยกว่าในอดีต แต่ก็ยังมีให้เราเห็นอยู่ตลอดสองฝั่งน้ำ โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมือง เรือนแพหลายหลังมีโครงสร้างบ้านแบบสมัยก่อน โดยปลูกคร่อมบนแพลูกบวบไม้ไผ่ บางหลังยังชีพ ด้วยการปลูกผักลอยน้ำไว้ขาย แต่ส่วนใหญ่เลี้ยงปลาในกระชัง เช่น ปลาแรด ปลาทับทิม ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจของชาวอุทัยฯ โดยเฉพาะปลาแรดนั้นรสชาติดีกว่าที่อื่น ๆ เพียงแค่เมนูธรรมดา ๆ อย่างปลาแรดทอดกับน้ำปลาพริกก็กินข้าวไปหลายจานแล้ว
นั่งเรือเพลิน ๆ ดูเรือนแพและธรรมชาติสองฝั่งน้ำแล้วยังมีสิ่งสำคัญในวัด เช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนังและพระพุทธรูป 5 องค์ บนฐานชุกชีภายในอุโบสถและวิหารเก่า เจดีย์สามสมัยแบบอยุธยา รัตนโกสินทร์ และสุโขทัย มณฑปแปดเหลี่ยมแต่งลายปูนปั้น ตลอดจนแพโบสถ์น้ำที่รับเสด็จรัชกาลที่ 5
เที่ยววัดไหว้พระ-ขึ้นเขาชมวิวสวย
จากเดินตลาดเปลี่ยนไปนั่งรถเพื่อไปไหว้พระกันบ้าง เริ่มที่ "หลวงพ่อชัยสิทธิ์" ศิลปะสมัยอู่ทอง ซึ่งอยู่ภายในวิหารเก่าอายุ 200 กว่าปีแห่งวัดพิชัยปุรณาราม แต่ยังเหลือเค้าโครงค่อนข้างสมบูรณ์ ยังมี "วัดธรรมโฆษก" หรือ "วัดโรงโค" ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือช่างสมัยอยุธยาที่จัดว่างดงามที่สุดในจังหวัด รวมถึงไปตีระฆังใบใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ "วัดสังกัสรัตนคีรี"
และปิดท้ายเราขึ้น "เขาสะแกกรัง" เพื่อดูหมุดแผนที่โลก ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 หมุดแห่งเอเชียที่ใช้บอกพิกัดบนแผนที่โลก และชมวิวแบบพาโนรามาของอุทัยธานี เห็นแม่น้ำสะแกกรังที่นำความสุขมาสู่ชาวอุทัยฯ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...และผู้ผ่านทางอย่างเราด้วยเช่นกัน
โอกาสหน้าจะพาไปเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้คุณได้รู้จักอุทัยธานีกันมากขึ้น และคุณจะหลงเสน่ห์เมืองริมน้ำแห่งนี้เหมือนเราค่ะ
Fast Facts
• การเดินทาง : หากขับรถไปใช้เส้นทางสายเอเชียผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท แล้วเลี้ยวไปตามทางหลวง 333 ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา วิ่งผ่านหน้าโรงพยาบาลแล้วเลี้ยวเข้าตลาดอุทัยธานี รวมระยะทาง 222 กิโลเมตร หรือใช้บริการรถตู้ กรุงเทพฯ-อุทัยธานี มีรถออกทุกวันที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เริ่มตั้งแต่ 04.00-18.00 น. โทร. 08-6504-8665 หรือนั่งรถโดยสารประจำทางที่สถานีหมอชิต 2 มีรถวิ่งตั้งแต่ 04.30-18.00 น. โทร. 0-2936-2852-66
• สอบถามรายละเอียดและเส้นทางท่องเที่ยว : กองประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 1672 สำนักงานท่องเที่ยวอุทัยธานี โทร. 056-514-982
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
Vol.12 No.2 19 มกราคม 2554