x close

เมื่อหัวใจไป เกาะรอก เกาะตะเกียง หาดยาว



เมื่อหัวใจไปกับเกลียวคลื่นและผืนทราย เกาะรอก เกาะตะเกียง หาดยาว

หัสชัย บุญเนือง...เรื่อง
หัสชัย บุญเมือง พงษ์ระวี แสงแข...ภาพ

          ผืนน้ำคล้ายจะสงบนิ่งในห้วงยามของเช้าตรู่ มีเพียงระลอกคลื่นริ้วบางเซาะแก่งหินส่งสำเนียงกระซิบแผ่ว ให้เรารู้สึกได้ถึงชีพจรแห่งท้องทะเล แสงแรกของวันเริ่มอาบขึ้นที่ฟากฟ้าไกลออกไป เรือหางยาวตัดท้องน้ำเพื่อไปกู้ลอบที่วางไว้เมื่อเย็นวาน ลูกทะเลใช้แนวหัวเกาะและหมายในหัวใจมากว่าหลักใด ๆ สำหรับการปล่อยให้เครื่องมือหากินลงไปรอความหวังของบางชีวิตที่โชคร้ายในท้องน้ำ สายลมยามเช้าตรู่ ช่วยให้เราสดชื่นยิ่งนักแม้จะผสานกลิ่นเค็มมาด้วย

          นานแค่ไหนแล้วที่ผมห่างไกลท้องทะเล ไม่ใช่เพราะผมขาดโอกาส ทว่าบางเวลาหัวใจมันเรียกร้องให้เดินอยู่บนภูเขาเสียมากกว่า เวลาที่ผมจะได้อยู่ใกล้ชิดทะเลอันดามันกลับมาอีกครั้ง และคราวนี้ผมคงตอบคำถามกับตัวเองและใครบางคนได้ว่า

          "ผมหลงรักภูเขามากกว่าทะเลจริงหรือ"





เหยี่ยวแดงและนางนวลเหนือท้องทะเล

          เรือหางยาวลำใหญ่ส่งเสียงคำรามลั่นคุ้งน้ำ เมื่อออกจากท่าเรือในคลองเล็ก ๆ ที่ยังคงมีป่าชายเลนสมบูรณ์

          เหยี่ยวแดงบางตัวจับกิ่งไม้นิ่งมองลงสู่ผืนน้ำด้วยสายตาแน่วนิ่ง ก่อนจะบินโฉบลงเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ผมไม่แน่ใจนักว่าเหยี่ยวเหล่านี้เคยพลาดการจับเหยื่อหรือไม่... แต่คราวนี้เจ้าเหยี่ยวแดงมีปลาตัวเขื่องติดอยู่ในกรงเล็บไปด้วย

          กลิ่นคาวทะเลโชยเข้ามาเป็นระย ะผสมกับกลิ่นน้ำมันดีเซลจากเครื่องยนต์ สอดผสานจนกลายเป็นเรื่องราวเฉพาะของคนทะเลในภูมิภาคนี้ ไม่นานนักเรือเราก็มาถึงปากอ่าวที่จะออกสู่ทะเลกว้าง มีไม้ขนาดเขื่องปักเป็นแนวขวางทางน้ำขึ้น-น้ำลง ดูแปลกตา

          "โพงพาง เขาเอาตาข่ายขนาดใหญ่ไปใส่ไว้กับหลักไม้ แล้วรอเวลาให้พวกปลา กุ้ง ปู และสารพัดสัตว์น้ำจะมากับช่วงน้ำขึ้น-น้ำลงเยอะ ๆ ชาวบ้านแถวนี้หากินอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยปู่ ตา ย่า ยาย จนเดี๋ยวนี้ก็ยังทำกันอยู่" กู๋นัน ชายที่เลยวัยกลางคนไปไม่น้อยปีบอกกับเรา

          หัวเรือหางยาวยังคงแหวกระลอกคลื่นไปอย่างมั่นคง สายตาของคนบังคับทิศทางแน่วนิ่ง คอยผ่อนและเร่งเครื่องตามจังหวะ ที่เกิดจากความเคยชินของคนที่มีทะเลแทนผืนแผ่นดินให้หากิน ในบางคราวฝูงปลานกกระจอกโผขึ้นเหนือผิวน้ำยามที่เรือแล่นเฉียดเข้าไป เป็นความน่ารักและงดงามไปอีกแบบหนึ่งของการเยือนท้องทะเล เพราะปลาเหล่านี้ลอยตัวได้ คล้ายมีปีกบินบนอากาศเลยทีเดียว แม้ว่าแท้จริงพวกมันใช้วิธีร่อนไปในอากาศคล้าย ๆ กับกิ้งก่าบินหรืองูบิน

          เกาะที่ปลายตาตรงปลายฟ้าค่อย ๆ มีขนาดเพิ่มขึ้นเราเห็นฝูงนางนวลกำลังโฉบลงจับปลา ความว่องไวและปราดเปรียวของนกชนิดนี้ ทำให้ผมคิดไปไกลและแสนเพลิดเพลินกับนกนางนวลบางตัวที่บินอยู่ในห้วงน้ำหมึก ซึ่งทั้งคู่ล้วนแล้วแต่ไปสู่อิสระในเงื่อนไขที่ต่างกันระหว่างโจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวลผู้หวังจะโบยบินมากกว่าหาอาหารการกิน กับนกนางนวลตัวหนึ่งที่ไม่มีแม่ แต่มีแมวเป็นผู้สอนให้บิน มันเป็นความรู้สึกที่ให้อารมณ์แยกกันออกไป แต่เชื่อว่าทุกครั้งที่เห็นชนิดนกนี้ เราจะนึกถึงความอิสระในหัวใจที่เกิดขึ้นได้เสมอ

          เสียงร้องกรีดอากาศของนกบางตัวที่บินผ่านเรียกความคิดกลับมาอีกครั้ง ใช่ ผมก็หวังจะเป็นอิสระเช่นกัน ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพียง บางความคิดที่คิดอยู่ในกับดักของตัวเองก็เป็นได้

          ตลอดเวลาที่เรือมุ่งไปข้างหน้าเหมือนไร้จุดหมาย เช่นเดียวกับที่เรามองเห็นฝูงนกบินอยู่บนฟ้า ไม่เห็นเส้นทางชัดเจนเหมือนถนนหรือเส้นทางในราวป่า แต่เราก็เชื่อว่าสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีนั้น มันคงจะแฝงอะไรบางอย่างไว้ในนั้นก็เป็นได้




หมึกกระดองและฝูงปลาในทะเลสีมรกต

          จากบริเวณที่นกนางนวลกำลังอร่อยกับอาหารอยู่นั้น ผมมองลงไปในน้ำทะเล ทว่ามันมีสีเข้มจนไม่อาจมองแทรกผ่านลงไปได้ และเบื้องลึกของสิ่งนี้ยังมีอะไรอีกมากมายให้เราได้ค้นหา ทำให้คิดต่อไปยังการผจญภัยในห้วงมหาสมุทรที่สนุกอย่างยิ่ง เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกัปตันนีโมกับเรือนอติลุส ที่จูลส์ เวิร์น ส่งเข้าสู่หัวใจนักอ่านภายใต้ชื่อเรื่อง "ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์" จินตนาการที่นับว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ก่อนที่มนุษย์จะดำน้ำลึกแบบสกูบาได้ด้วยซ้ำ และปัจจุบันแทบทุกอย่างในจิตนาการก็เป็นความจริงขึ้นมา รวมถึงบางส่วนก็ได้รับการเปิดเผยมากขึ้นหลังจากเข้าสู่ยุคต้นศตวรรษที่ ๒๐ มีการสำรวจหาสมุทรกันอย่างกว้างขวาง และค้นพบสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มากมาย แม้จะผ่านการค้นหามาไม่น้อยและวิวัฒนาการของมนุษยชาติจะก้าวหน้าไปมากเพียงไหนทว่า

          "มีอะไรลอยอยู่ข้างหน้า จะถ่ายรูปไหม น่าจะเป็นแมงกะพรุนหรือไม่ก็หมึก" เสียงจากหัวเรือบอกผม และแทบไม่ต้องตัดสินใจ เมื่อกู๋นันชะลอคันเร่งและให้คลื่นพาเราเข้าใกล้สิ่งที่เห็นนั้น เมื่อเรือเข้าไปใกล้พอจึงเห็นหมึกกระดองขนาดเขื่องลอยอยู่บนผิวน้ำ ผมเก็บภาพความงดงามนี้ไว้อย่างรวดเร็ว และขอให้วนเรือกลับมาดูอีกรอบ ไม่แน่ใจนักว่าเจ้าตัวนี้คิดอย่างไรที่มาลอยอยู่บนผิวน้ำ แต่ที่แน่ ๆ มันยังไม่ตาย ใครบางคนตั้งข้อสังเกตว่าอีกไม่นานมันคงกลายเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นต่อไป

          ไม่นานนักเราก็เห็นผืนน้ำที่เคยเข้มขรึมเริ่มเขียวใส มองเห็นพื้นล่างได้ชัดเจนขึ้น ทรายสีขาวเป็นริ้วระยิบแสงเมื่อมองผ่านลงไปปะการังโขดขนาดใหญ่มองเห็นได้แม้ไม่ต้องมุดหน้าลงใต้น้ำ ผมรู้สึกแปลกใจที่เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อเห็นสิ่งสวยงามเหล่านี้ แต่ความตื่นเต้นก็ถูกระงับไว้ด้วยข้าวมันไก่ในกล่องพลาสติกที่เตรียมมา "ชาวประมงแถวนี้เค้าถือกันว่าไม่ให้เอาหมูขึ้นเกาะ เพราะเชื่อกันว่าเจ้าที่เป็นมุสลิม" กู๋นันเป็นคนบอกเราอีกครั้งเมื่อได้ยินใครบางคนถามขึ้นมาในวงอาหารกลางวัน

          เมื่ออาหารกลางวันผ่านไปบนเรือหางยาวที่ไกวและโยกขึ้นเอง ตามจังหวะของระลอกคลื่น ใครบางคนทนไม่ไหวที่จะคว้าหน้ากากดำน้ำและสนอร์เกิลกระโดดลงไปเริงร่ากับน้ำ ทะเลใสและสิ่งมีชีวิตเบื้องล่าง ผมรออยู่หลายอึดใจก่อนจะปล่อยให้อารมณ์เลื่อนไหลไปตามความต้องการ ปลาชนิดต่าง ๆ ว่ายผ่านหน้าผมไปอย่างเริงร่า แม้จะรู้จักเพียงไม่กี่ชนิดในจำนวนมากมายที่ได้พบจากการดำน้ำตื้นครั้งนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับโลกไปใหม่ ซึ่งผมมักจะปฏิเสธการมาเยือนแทบทุกครั้งที่มีคนชวนเที่ยวทะเล แต่ในคราวนี้ผมรู้สึกว่าป่าปะการังในท้องทะเลนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากป่าบก เลย เพราะสิ่งมีชีวิตล้วนเริงร่า ซึ่งหากฝูงนกในป่ากว้างบินได้เสรีและอวดสีสันได้อย่างไร ฝูงปลาก็ระเริงชลได้สุดใจเช่นกัน ช่วงเวลาแห่งความสำราญผ่านไปอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงเรียกให้พวกเราพร้อม ขึ้นเกาะได้แล้ว...





หาดขาวและแสงสุดท้ายของวันบนเกาะรอก

          ใต้ร่มหูกวางใหญ่แผ่กิ่งก้านกว้างขวาง แขวนไว้ด้วยเปลไม้ขนาดเล็กให้นั่งไกวประสานกับสายลมและระลอกคลื่น น้ำดื่มเย็นชื่นใจที่แช่มาในถังน้ำแข็งช่วยให้สดชื่นและกระชุ่มกระชวยได้เป็นอย่างดี เอาอุปกรณ์ส่วนตัวเข้าเต็นท์พักเรียบร้อยก็ออกมานั่งเอนหลังสบาย ๆ รอเวลาได้ลงไปเริงร่ากับฝูงปลาอีกรอบ มองไปจากตรงนี้ น้ำทะเลสีเขียวมรกตสดใสกับหาดทรายที่ขาวละมุนตาทำให้เกาะรอก กลายเป็นหาดสวรรค์ที่ใคร ๆ ต่างไม่อาจลืมเลือนยามที่ได้มาเยือน

          ในที่สุดความเย้ายวนของน้ำทะเลก็กวักมือเรียกคนที่หลงรักภูเขาให้คว้าหน้ากากและสนอร์เกิลเพื่อลงไปดำดิ่งกับอีกมุมมองอันแสนงดงามของโลกไปนี้ได้อีกครั้ง ผมลองดำเล่น ๆ ลงไปใต้ผืนน้ำจนเริ่มปวดหู แต่ก็ยังไม่ถึงพื้นทรายด้านล่าง มองจากข้างบน คล้ายกับว่ามันน่าจะดำลงไปได้ แต่พอเอาเข้าจริงน้ำทะเลใส ๆ ก็หลอกเครื่องวัดระยะของสายตาและหัวใจไปได้ เมื่อครั้งแรกไม่สำเร็จ ผมจึงขึ้นมาตั้งต้นใหม่ สุดลมหายใจลึก ๆ เต็มปอด แล้วดำดิ่งสู่เบื้องล่างไปสบตาปลานกแก้วสีสด ที่มองแล้วเห็นว่าคนที่ดำลงมามีงาขาว ๆ งอกออกมาจากปากด้วย

          แสงของวันเริ่มราลง ผมจึงขึ้นบกไปเตรียมตัวถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก "ด้านหลังเกาะมีจุดถ่ายพระอาทิตย์ตกสวยทีเดียว มีแอ่งหินที่คลื่นสาดแรง ๆ เข้ามา รอจังหวะดี ๆ รับรองว่างาม" ปลาหรือสุธีรภัทร ประภากรสกุล อดีตนักเขียนและช่างภาพที่ผันตัวเองมาเปิดบริษัททัวร์บอกกับผมเมื่อถึงเวลา ที่จะต้องไปเก็บความงามของธรรมชาติ และเมื่อถามว่าทำไมถึงมาเปิดบริษัททัวร์ได้รับคำตอบว่า "ทุกครั้งที่ได้เดินทางไปทำสารคดี เราจะเลือกช่วงเวลาที่สวย ๆ และมุมดี ๆ ในการนำเสนอ รวมถึงการมีทัศนคติที่ดีในการเข้าไปเยือนแหล่งท่องเที่ยว วันนี้มาทำทัวร์ก็เพราะอยากให้หลาย ๆ คนได้มีโอกาสสัมผัสบางมุมมองที่งดงามและช่วงเวลาที่แสนพิเศษอย่างเต็มที่ เหมือนกับที่เราได้รับบ้าง รวมไปถึงการที่ได้เดินทางมาเป็นเวลานาน ทำให้เรารู้ว่าคนที่มาเที่ยวในธรรมชาติต้องการอะไร"

          ผมยกขาตั้งกล้องขึ้นสะพาย พร้อมกับเดินตามไปยังจุดถ่ายพระอาทิตย์ตกดินหลังจากเราจบบทสนทนาด้วยบางมุม มองของผู้บริหารบริษัททัวร์แห่งนี้...ตรัง ทัวร์...

          คลื่นลูกใหญ่สาดซัดเข้าหาแก่งหินแตกกระเซ็นเป็นฟองขาว ช่วยเปิดให้ร่องน้ำด้านหน้าไม่ทึบ สร้างไฮไลท์ให้ภาพดูน่าสนใจได้อีกด้วย จากเพียงแสงอมเหลืองของยามบ่ายแก่ ๆ พระอาทิตย์ก็หลบเหลี่ยมเมฆาลงมาเปล่งรังสีฉาบท้องทะเลให้งดงามแปลกตา กราดูเอตสีเทาครึ่งซีกเสียบไว้หน้าเลนส์โดยโฮลเดอร์ เพื่อลดความเปรียบต่างระหว่างท้องฟ้ากับผืนน้ำ และเปิดรายละเอียดในส่วนที่มืดให้สว่างขึ้น ซึ่งผลของการใช้แผ่นพลาสติกชนิดพิเศษทำให้เราได้ภาพที่ดีขึ้นกว่าภาพที่ไม่ได้ใช้เจ้ากราดูเอตครับ

          ผมเก็บของใส่กระเป๋ากล้องเรียบร้อยหลังจากที่แสงสุดท้ายหายไปจากท้องฟ้า ขณะนี้เหลือเพียงผมคนเดียวที่ยังคงนั่งเก็บบรรยากาศของทะเลก่อนพลบค่ำ ที่มองแทบไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่เบื้องหน้า มีเพียงสำเนียงที่จะขับกล่อมเกาะแก่งให้หลับใหลไปในยามคืน และที่ปลายฟ้า ดาวพระศุกร์สว่างจ้าชัดเจน เป็นเสมือนเครื่องนำทางให้คนมองทิศทางได้ถูกต้องในทะเล เพราะดาวดวงนี้ไม่เคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งนี้ตลอดมาและตลอดไป สิ่งนี้เป็นเสมือนหมุดหมายให้คนทะเลได้ใช้แทนเครื่องนำทางที่มีเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ และที่สำคัญมันไม่เคยทำให้คนทะเลหลงทาง...





ปะการังผืนใหญ่กับทะเลพลิ้วแห่งเกาะตะเกียง

          เรานอนเล่นใต้ร่มเงาของต้นหูกวางใหญ่ต้นนั้นอยู่ ๒ วัน ก่อนที่เรือหางยาวลำเดิมจะพาเราไปยังจุดหมายใหม่ ซึ่งใครบางคนบอกเราว่า หน้าเกาะเต็มไปด้วยปะการังเขากวางที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดในท้องทะเลตรัง หัวเรือแหวกคลื่นไปตามจังหวะไม่เร่งรีบนัก ผมยังคงมองไปยังผืนทะเลโล่งแห่งนี้อย่างผ่อนคลาย ไม่นานนักหัวเรือก็หันเข้าหาเกาะเล็ก ๆ มีประภาคารสีขาวมองเห็นชัดเจน เรือเข้าหาร่องน้ำได้อย่างรวดเร็ว ผมใช้เวลาอีกไม่กี่อึดใจก็จัดการกับสัมภาระต่าง ๆ เรียบร้อย

          หลังจากดื่มน้ำเย็นเฉียบชื่นใจในถังน้ำแข็ง ผมก็คว้าหน้ากาก และสนอร์เกิลพร้อมด้วยฟินมาสวมก่อนจะลงไปเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ลอยน้ำได้อย่างรวดเร็ว ด้านล่างมองเห็นพื้นทรายสีขาวกับปลิงทะเลขนาดใหญ่สีดำที่วางตัวนอนอยู่ระเกะระกะ ห่างออกไปอีกเล็กน้อยปะการังโขดขนาดใหญ่เริ่มมีให้เห็น จากนั้นสายตาของผมก็ตรึงอยู่กับผืนปะการังเขากวางที่แผ่ออกไปอย่างกว้างขวาง มองลึกลงไป มีร่อยรองของปะการังที่เคยเสียหายอยู่มากมาย แต่บัดนี้ความงามได้กลับคืนมาอีกครั้ง ฝูงปลามากมายแหวกว่ายอย่างพลิ้วไหว จนอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดครีบบาง ๆ เหล่านั้นจึงทรงพลังได้มากมายขนาดนี้ ภาพป่าปะการังที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ มันดูคล้ายกับเราได้บินอยู่เหนือผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยต้นไม้ ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์...

          ราวบ่ายแก่ ๆ ผมขึ้นจากท้องทะเลด้วยหัวใจอิ่มเอม ความสุขของการได้เห็นฝูงปลาในแนวปะการังที่สมบูรณ์ เป็นความรู้สึกอิ่มเอมแตกต่างกันออกไปกับการได้เห็นพวกมันแหวกว่ายในผืนน้ำใส ๆ กับเหล่าปะการังโขดขนาดใหญ่ คล้ายดั่งได้นั่งมองฝูงนกบนท้องฟ้ากับเหล่าสกุณาที่บินอยู่ตามพุ่มไพร ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมมีความสนใจท้องทะเลมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ปล่อยให้บางความรู้สึกมาบดบังความงามของทะเลอยู่นานโข ผมแทบไม่เคยเปิดใจรับสิ่งเหล่านี้เลย แม้โอกาสจะอำนวยแค่ไหน ผมก็มักจะปลีกตัวออกไปหาภูเขาได้อย่างแนบเนียนเสมอ ทว่าการได้กลับมาหาทะเลในคราวนี้ ผมมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป...

          เราจัดการกางเต็นท์และทำกับข้าวกันอย่างไม่เร่งรีบนัก เพราะว่าภารกิจหลักของวันนี้เหลือเพียงถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก และหากโชคดีคงมีดาวบนท้องฟ้าให้ผมได้เก็บมาบ้าง เสียงหม้อสนามใบเก่าเดือดจากบนเตาแก๊สขนาดเล็กเรียกความสนใจของผมให้กลับมามองอีกครั้ง หลังจากที่ไปสนใจอยู่กับปูม้าที่กู๋นันไปซื้อมาจากหมู่บ้านชาวประมงบนเกาะเหลาเหลียงใหญ่ ซึ่งจะเป็นกับข้าวให้เราในมื้อเย็นวันนี้

          เมื่อข้าวในหม้อสนามสุกเรียบร้อย ผมก็เดินอ้อมไปหลังเกาะ เพื่อไปหาพระอาทิตย์ตกทะเลอีกครั้ง ใครหลายคนเคยบอกว่าพวกช่างภาพชอบถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก ผมเห็นด้วยและไม่เถียง เพราะนั่นเป็นความจริงอย่างเต็มที่ แสงในสองช่วงนี้เป็นความมหัศจรรย์สำหรับช่างภาพเลยทีเดียว เพราะเพียงแค่ไม่กี่สิบนาที แต่เราได้เห็นเฉดสีมากมายสลับเปลี่ยนไปมา ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้ภาพมีเสน่ห์ชวนมอง ทั้งยังสร้างบรรยากาศโรแมนติกได้เป็นอย่างดี ทางเดินเลาะไปตามริมเกาะไม่กี่อึดใจก็มาถึง ผมเดินหาจุดที่คลื่นเข้าหาฝั่งและมีโขดหินสวย ๆ เพื่อจะนำมาเป็นฉากหน้าในการถ่ายภาพ ซึ่งในบ้านเราดูเหมือนว่ากำลังนิยมถ่ายภาพแนวนี้กันเลยเชียวครับ





ท่ามกลางแสงดาวในความเริงร่าของหัวใจ

          แสงสุดท้ายหมดไปจากฟ้าอีกวันแล้ว ภาพสุดท้ายก่อนจะเก็บกล้อง ผมใช้เวลาไปเกือบ ๆ ๒ นาที ในการรับแสง เพื่อให้เกิดผลพิเศษในภาพที่บันทึกมา ซึ่งผมที่ได้ภาพนั้นมาสมใจ แสงจากไฟฉายคาดหัวส่องแหวกความมืดที่กำลังเข้ามาปกคลุม พาผมเดินไปอย่างช้า ๆ บนก้อนหินขนาดต่างกันออกไป แสงไฟจากเรือหาปลาอยู่ไกลสุดปลายฟ้าส่องวับแวม มีบางลำที่สว่างจ้าจนเห็นชัดเจน เราก็บอกได้ทันทีว่าเป็นเรือไดหมึก ซึ่งผมยังหวังว่าวันหนึ่งคงได้กลับไปบนเรือประเภทนี้ เพื่อบันทึกวิธีการทำมาหากินของชาวประมงอีกแขนงครับ

          หลังมื้ออาหารเย็นท่ามกลางแสงเทียนและไฟฉายอันแสนโรแมนติก ผมนั่งปล่อยอารมณ์ไปกับความอ่อนไหวของหัวใจที่ต้องการซึมซับความรู้สึกของธรรมชาติให้ได้มากที่สุด สายลมทะเลอวลกลิ่นความเค็มเข้ามาจนเริ่มคุ้นเคย มันเป็นบางความประหลาดที่ทำให้ข้างในรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย ในยามที่เสียงคลื่นกระซิบฝั่งและจางหาย ก่อนจะเข้ามาใหม่เป็นจังหวะ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ความว่างในสมองทำให้เรารู้จักและเข้าใกล้ทะเลได้ยิ่งขึ้น...แต่อาจจะเพียงเข้าใกล้ ทว่าไม่อาจเข้าใจในความกว้างใหญ่และลี้ลับของมหาสมุทรได้เลย

          ถึงตอนนี้หน้ากล้องได้เปิดรับแสงดาวบนท้องฟ้าไปได้พอสมควรแล้ว ผมตั้งใจว่าจะใช้เวลาสัก ๒ ชั่วโมงสำหรับบันทึกการเดินทางของดวงดาวและผืนทะเลในเวลาค่ำคืน แม้จะเห็นเพียงรอยขีดสว่าง ๆ บนแผ่นฟิล์ม แต่นั่นมีคุณค่าเสมอ เพราะเราใช้ความตั้งใจเข้าไปมากมาย และอาจจะมากกว่าการถ่ายภาพในเวลากลางวันด้วยซ้ำ เนื่องจากว่าต้องใช้ความอดทนในการรอ ตั้งใจเลือกโฟกัส เพราะความมืดไม่ยอมให้เราได้อะไรง่าย ๆ อย่างเวลากลางวัน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่จะทำให้ภาพในความคิดของเราเป็นสิ่งล้มเหลว เมื่อเราบันทึกมันลงแผ่นฟิล์ม ซึ่งนั่นยังเป็นเสน่ห์ ชวนหลงใหลของการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม แม้ว่าอาจจะเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่อาจก็ใช้ได้ แต่ความระมัดระวังของเราจะช่วยให้สิ่งที่มองไม่เห็นในทันทีทันใด กลายเป็นมิติที่นำความอิ่มเอมมาให้กับคนบันทึกภาพยามส่อง Lube บนแผ่นฟิล์ม

          คืนนี้ผมยังถ่ายภาพดาวหมุนรอบโลกไปนี้อีกหลายช็อต มันเป็นความงามของฟากฟ้าในวันที่ไร้เงาเมฆฝนมาบดบัง ผมมองดาวกำลังเคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ ตามท่วงทำนองที่ดำเนินไป ความเริงร่าในหัวใจที่ได้รับมาตลอดปลุกความอิ่มเอิบให้กล้าแกร่ง ผมไม่แน่ใจว่าเคยนอนดูดาวริมชายหาดมาก่อนหรือเปล่า แต่คืนนี้ช่างเป็นประสบการณ์ที่แสนวิเศษเหลือเกิน เปลเดิมที่เคยผูกตรงโคนต้นไม้ในผืนป่าใหญ่พร้อมมีเสียงขับกล่อมของ จักจั่นและนกกลางคืนเปลี่ยนมาเป็นปลาทะเลขนาดเขื่องและขับกล่อมโดยคลื่นแทน บรรยากาศของความคิดแตกต่างกัน แต่ให้ความรู้สึกเป็นสุขไม่ต่างกันเลย ซึ่งเพียงแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับวันพรุ่งนี้ที่เรายังไม่อาจคาดหวัง...

          แสงสีหวานของเช้าวันใหม่ฉาบลงบนเกลียวคลื่น ขาตั้งกล้องกางรอไว้ตั้งแต่แสงแรกเพิ่งเริ่มสาดส่อง ความงามของเวลานี้เองที่ทำให้ทะเลมีความหลากหลายในตัวเอง ทั้งความงดงามอ่อนหวาน ความสดใสร่าเริง ความลี้ลับและชวนค้นหา รวมถึงความเกรี้ยวกราดดุดัน ซึ่งทุกสิ่งที่รวมกันเป็นท้องทะเลนี่แหละ ที่ทำให้ผู้คนมากมายหลงใหลไปกับความเปลี่ยนแปลงและแปรปรวนเหมือนอารมณ์ของเรา...




บนเส้นเชือกและแผ่นผาแห่งหาดยาว

          เรือคายักสีสดใสพายตัดผ่านฝูงปลากะตักขนาดใหญ่ซึ่งรวมกลุ่มกันอยู่ด้านหน้า หาดเหลาเหลียง ใช่...เราออกมาจากเกาะตะเกียงตั้งแต่ตอนสาย ๆ จากนั้นมาแวะพายเรือเล่นบริเวณหน้าเกาะเหลาเหลือง พร้อมดำน้ำชมความงามของโลกใต้ทะเลอีกครั้ง ก่อนที่ช่วงบ่ายเราจะไปเยือนหลากหลายเกาะในท้องทะเลตรัง โดยเฉพาะถ้ำมรกต ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่มีชายหาดสีขาวสวยในโถงถ้ำกลางทะเล ที่สำคัญ พรุ่งนี้เช้าเราจะไปท้าทายความกล้ากันอีกครั้ง กับภารกิจเหนือเกลียวเชือกบนหน้าผาชัน แค่คิดก็สนุกแล้วครับ มาเยือนทะเลทั้งที่ ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย และผมยังแอบคิดเล่น ๆ ว่าสักวันผมคงได้ดำดิ่งลงในห้วงมหาสมุทรอันสุดลึกบ้าง ทว่า ตอนนี้ยังคงรู้สึกอึดอัดกับการหายใจโดยใช้อากาศจากแทงก์...ฮ่า ๆ

         ช้านี้เรากินอาหารเช้ากันแบบคนตรังหรือคนที่มาเยือนจังหวัดนี้นิยมกัน นั่นคือติ่มซำสารพัดเมนูและหมูย่างอีก ๒ จานใหญ่ พร้อมกาแฟร้อนชงเข้มขมจัด หวานจัด เรียกความสดชื่น ก่อนจะออกเดินทางไปยังหาดยาว จุดเริ่มต้นโรยตัวซึ่งทาง ตรัง ทัวร์ ได้ดำเนินการวางจุดเซฟตี้ไว้เรียบร้อยแล้ว และ ๓๐ นาทีหลังจากที่ออกจากร้านอาหารเช้า เราก็มาถึงจุดแต่งตัวเพื่อพร้อมในการเดินขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นโรยตัว

          บริเวณใต้ร่มไม้ใบตกจุดเริ่มต้นโรยตัว ทางทีมงานสอนให้เราใช้อุปกรณ์และทำความเข้าใจในแง่มุมของการใช้ เพื่อให้การทำกิจกรรมที่เหมือนเสี่ยงภัยเป็นความปลอดภัย และจะได้สนุกกับมันอย่างเต็มที่ในฐานะช่างภาพ ผมคงต้องลงไปก่อนเพื่อเช็กมุมในการถ่ายภาพ รวมทั้งแขวนตัวเองไว้กับเชือกเส้นที่สาม ซึ่งอยู่ในมุมที่ไม่สนุกนักกับการโรยตัว แต่จะมีมุมเปิดพอจะถ่ายภาพได้ดี

          เมื่อได้จุดที่เหมาะสมในการถ่ายภาพ ผมจึงส่งสัญญาณให้กับทีมด้านบนลงมาตามไลน์ที่ต้องการ "กางขาให้กว้างอีกหน่อยค่อย ๆ ผ่อนเชือกลงมา ไม่ต้องเร่งมากนัก ดี ดีมาก" ผมส่งเสียงสั่งทีมที่เพิ่งลงมาพร้อมกับสั่นชัตเตอร์เลือกจังหวะงาม ๆ และเมื่อผ่านจุดที่ผมหมายตาไว้ ผมจึงตามลงไปเพื่อรอถ่ายภาพในมุมอื่น

          สำหรับความสนุกเร้าใจของการมาโรยตัวเหนือหน้าผาหาดยาว เริ่มต้นจากการที่เราค่อย ๆ เอนตัวออกมาจากแผ่นผาแล้วปล่อยให้เชือกไหลผ่านฟิกเกอร์เอตเพื่อให้เราลงไปด้านล่างได้อย่างช้า ๆ ผ่าน ช่วง ๒๕-๓๐ เมตรแรกไปได้ก็จะพบกับโอเวอร์แฮงก์ เราจะถูกห้อยไว้บนเชือก แล้วค่อย ๆ โรยลงมาอีก ๓๐ เมตรก็จะถึงพื้นดิน และไปต่ออีกราว ๒๕ เมตร ก่อนจะลงไปยังเรือคายักที่รอรับอยู่เบื้องล่าง

          ใครบางคนเคยถามผมว่า ความสนุกและเร้าใจของการเล่นกิจกรรมประเภทนี้อยู่ตรงไหน ทั้งเสี่ยงอันตราย ทั้งเหนื่อย และค่าใช้จ่ายสูง ความสนุกและเร้าใจอยู่ที่เราก้าวออกมาจากหน้าผานี่แหละครับ มันเป็นเสมือนเครื่องพิสูจน์หัวใจเลยทีเดียว และเมื่อเรารู้จักกับอุปกรณ์เป็นอย่างดี เราจะยิ่งสนุกขึ้นกว่าเดิม เพราะจะได้เข้าใจถึงความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการทำกิจกรรมประเภทนี้ ว่ามีการควบคุมการผลิตรวมถึงออกแบบมาอย่างดี ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดความมั่นใจและสนุกได้อย่างเต็มที่ในขอบเขตที่อุปกรณ์สามารถของรับได้





ปลายขอบฟ้า น้ำทะเล และเกลียวคลื่น

          ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันกับการมาเยือนท้องทะเลตรัง ทำให้ผมมีโอกาสเจอกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย พบกับความงดงามของอีกโลกหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย และที่สำคัญ ได้เห็นท้องทะเลมีความงามอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน นั่นไม่ใช่ว่าเพราะผมไม่เคยมาโลดเล่นเหนือเกลียวคลื่นหรอกครับ ทว่าคราวนี้ผมเปิดสมองเพื่อรับทุกอารมณ์ความรู้สึกที่ท้องทะเลมอบให้ และไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนมากมายหลงรักท้องทะเลงามกับหาดทรายขาวละเอียด นั่นเพราะสิ่งเหล่านี้ เปรียบเสมือนความพิเศษของชีวิตที่ธรรมชาติมอบให้

          ไอทะเลยังคงกรุ่นในความรู้สึก แม้ว่าผมจะกลับมาหลายวันแล้ว แต่ความสุขและอิ่มเอมใจกลับยังไม่จางลง สายลมร้อนโชยมาจากหุบเขาด้านล่างพร้อมกับกลิ่นหญ้าแห้งที่เปลี่ยนสีจากเขียว สดใสเป็นน้ำตาลเข้มใจเวลานี้ ที่ปลายสันดอยแห่งนั้น กวางผากำลังกระโดดอยู่อย่างเสรี มันเป็นภาพชวนประทับใจอย่างยิ่ง ในความรู้สึกนี้ผมกลับคิดไปถึงปลานกแก้ว ปลาการ์ตูน และปะการังอ่อนสีชมพู




          ใช่...ผมอาจจะหลงรักภูเขาอย่างมากมาย แต่การได้กลับไปทะเลในครั้งนี้ ผมบอกได้ว่า รักท้องทะเลไม่น้อยกว่ากันเลย...






คู่มือนักเดินทาง

          รถยนต์ : ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ กรุงเทพฯ-ชุมพร-สุราษฏร์ธานี-ทุ่งสง-ห้วยยอด-ตรัง รวมระยะทาง ๘๒๘ กิโลเมตร

          รถโดยสารประจำทาง : มีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศออกจากสถานีขนส่งสายใต้ สอบถามรายละเอียดที่
บริษัทขนส่ง จำกัด โทรศัพท์ ๐ ๒๔๓๔ ๗๑๙๒, ๐ ๒๔๓๕ ๑๑๙๕-๖ บริษัททรัพย์ไพศาล จำกัด โทรศัพท์ ๐ ๒๘๘๔ ๙๕๘๔, ๐ ๒๔๓๕ ๕๐๑๗, ๐ ๗๕๒๑ ๘๗๑๘

          รถไฟ : มีรถไฟเดินทางทุกวัน วันละ ๒ ขบวน

          ๑. รถด่วน กรุงเทพฯ-ตรัง ๑๗.๐๕-๐๗.๐๐ นาฬิกา ตรัง-กรุงเทพฯ ๑๗.๐๐-๐๘.๒๕ นาฬิกา
          ๒. รถเร็ว กรุงเทพฯ-กันตัง ๑๘.๒๐-๑๐.๒๐ นาฬิกา กันตัง-กรุงเทพฯ ๑๓.๒๐-๐๕.๑๕ นาฬิกา
สอบถามรายละเอียดที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ ๐ ๒๒๒๐ ๔๔๔๔ สายด่วน ๑๖๙๐ สถานีรถไฟตรัง โทรศัพท์ ๐ ๗๕๒๑ ๘๐๑๒, ๐ ๘๕๒๑ ๓๐๘๒

ข้อมูลท่องเที่ยว

          ติดต่อผู้ให้บริการแคมป์เกาะเหลาเหลียง เกาะตะเกียง เกาะรอก และโรยตัวหาดยาวได้ที่ตรัง ทัวร์ โทรศัพท์ ๐๘ ๗๘๒๓ ๗๗๙๙ เว็บไซต์ www.trangtourism.com

           แคมป์เกาะเหลาเหลือง อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะเภตรา โทรศัพท์ ๐ ๗๔๗๘ ๓๐๗๔, ๐ ๗๔๗๘ ๓๕๖๖ แคมป์เกาะรอก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา โทรศัพท์ ๐ ๗๕๖๖ ๐๗๑๑-๒

          สำหรับผู้ที่ต้องการท่องเลตรัง ถ้ำมรกต เกาะแหวน เกาะเชือก เกาะม้า เกาะกระดาน มีบริษัททัวร์ให้บริการมากมาย อาทิ ลิบงการท่องเที่ยว โทรศัพท์ ๐ ๗๕๒๑ ๔๖๗๖


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก



     

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เมื่อหัวใจไป เกาะรอก เกาะตะเกียง หาดยาว อัปเดตล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14:38:25 1,631 อ่าน
TOP