สถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ตั้งอยู่ในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และได้รับสมญานามว่า "ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี" ใช้เวลาเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ รับรองและการันตีในความสวยงามของธรรมชาติ อันเกิดจากความร่วมมือของชาวบ้านในชุมชน และการดูแลพื้นที่ป่าของหมู่บ้าน โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวบ้าน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะพายเรือคายัก ตกปลา และยังมีที่พักบริการอีกด้วย
2. เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา
เสม็ดนางชี ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศท้องฟ้าจังหวัดพังงาทั้งในยามเช้าและยามค่ำ จากความสูงของยอดจุดชมวิวคุณจะเห็นความสวยงามของอ่าวพังงาที่มีเขาหินปูนหลากหลายรูปแบบ เรียงตัวกันอย่างสวยงาม แถมเป็นระยะทางยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ยิ่งถ้าได้มายืนชมในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน ยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับที่นี่มากเป็นเท่าตัว เกิดเป็นกระแสนิยมในโลกโซเชียล และมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยที่ได้มาสัมผัสความสวยงามของสถานที่แห่งนี้มาแล้ว
3. หาดชมดาว-แก่งชมดาว จังหวัดอุบลราชธานี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ubon Ratchathani Moving Forward
อยู่ในบริเวณบ้านโนนตาล อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มีลักษณะเป็นแก่งหินรูปร่างลักษณะแปลกตา ที่มองแล้วก็ชวนให้เพลินตาอยู่ไม่น้อย โดยช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินพวกนี้จะจมอยู่ใต้น้ำ และพอถึงช่วงฤดูน้ำลดก็จะปรากฏขึ้นมา ซึ่งแต่ละแก่งก็จะมีริ้วลายหินที่มีเอกลักษณ์รูปทรงแปลก ๆ ให้ได้ชม สุดแล้วแต่จินตนาการของผู้ดู รวมถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่คือผาหินสูงใหญ่และเว้าแหว่งคล้ายช่องแคบที่มีสายน้ำไหลผ่าน ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปมากที่สุดจุดหนึ่ง เราขอแนะนำให้คุณมาเที่ยวช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือไม่ก็ช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดิน เพื่อเป็นการหลบหลีกไอร้อนในช่วงเวลากลางวัน
4. เขื่อนแม่งัด จังหวัดเชียงใหม่
ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติศรีล้านนา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ และสถานที่พักผ่อนที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่นอกจากจะมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังมีแพพักลอยน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย (แล้วแต่งบประมาณในกระเป๋า) มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำมากมาย ทั้งว่ายน้ำ ดูนก ชมปลาหลากหลายชนิด ทั้งที่มีอยู่ตามธรรมชาติและเพาะเลี้ยงในอ่างเก็บน้ำ รวมถึงยังมีศาลาให้นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาได้อย่างใกล้ชิด
5. น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี
ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ภายในประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์ และเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยความสวยงามของน้ำตกพลิ้ว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สวยงาม มีน้ำตลอดทั้งปี โดยตัวน้ำตกประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่าแต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นพื้นด้านล่างซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทราย ภายในบริเวณน้ำตกและลำคลองมีปลาใหญ่น้อยหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ความสวยงามของธรรมชาติที่นี่เรียกได้ว่าเป็นที่ตรึงตาตรึงใจของนักท่องเที่ยว ที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่น้ำตกพลิ้วแห่งนี้
6. พะเนินทุ่ง จังหวัดเพชรบุรี
จุดชมทะเลหมอกฤดูร้อนที่พะเนินทุ่ง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีลักษณะเป็นเนินเขาโล่ง ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถมองลงไปเห็นผืนป่าเบื้องล่างและทะเลหมอกลอยเรี่ยยอดเขา และเพราะด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่ก่อให้เกิดความชุ่มชื้นและสายหมอก ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูแล้งก็ยังสามารถเห็นทะเลหมอกลอยฟุ้งอยู่เบื้องหน้าได้อยู่ดี นอกจากจุดชมทะเลหมอกแล้ว เขาพะเนินทุ่งในช่วงหน้าร้อน คุณจะได้พบเห็นนกหลากชนิดหลากสีสันที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝูงผีเสื้อที่ออกมาบินเล่นกลางแสงแดด นับเป็นความคุ้มค่าทางธรรมชาติที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล
7. หนองทะเล จังหวัดกระบี่
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ มีลักษณะเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ มีฉากหลังเป็นภูเขาหินปูนที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสงบและอยากที่จะใกล้ชิดกับธรรมชาติ ในช่วงเวลายามเช้านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแสนอบอุ่น และเมื่ออาทิตย์เริ่มทอแสง ความสว่างของพระอาทิตย์จะทำให้คุณเห็นระลอกคลื่นของสายน้ำที่ไหลไปมา ตลอดจนได้เฝ้าดูทุกสรรพชีวิตที่ดำรงอยู่ในสายน้ำแห่งนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับการมาเที่ยวที่หนองทะเลแห่งนี้ได้อย่างมากทีเดียว
8. เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูน ยอดแหลม กลางสายน้ำของเขื่อนเชี่ยวหลาน ความสวยงามของที่นี่ได้รับสมญานามว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งในแต่ละฤดูก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกมากมาย ทั้งว่ายน้ำ พายเรือคายัก ตกปลา ดูนก เดินป่าสำรวจธรรมชาติ เรียกได้ว่าครบหมดทั้งกิจกรรมบนบกและในน้ำ แถมยังมีที่พักให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการมากมาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ของเมืองไทย ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรพลาด
9. บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ
บางกะเจ้า ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพระประแดง เป็นพื้นที่ชุมชนที่มีทั้งสวนผลไม้ สวนสมุนไพร และผืนป่า ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้ที่นี่เปรียบเสมือนเป็น "ปอดของกรุงเทพฯ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมการปั่นจักรยาน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีเส้นทางจักรยานเลียบไปกับธรรมชาติที่ยังคงสีเขียวสดชื่นให้ได้พบเห็น แถมชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบบริเวณ ยังมีอัธยาศัยไมตรีที่เป็นมิตรอีกด้วย ภายในมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ สวนสาธารณะ เป็นต้น ใครที่โหยหาพื้นที่สีเขียว ที่นี่เป็นเหมือนสวรรค์อีกหนึ่งแห่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ให้คุณแวะเที่ยวคลายความร้อน
10. ล่องแพ จังหวัดกาญจนบุรี
ภาพจาก SIHASAKPRACHUM / shutterstock.com
กาญจนบุรี ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดของการพักผ่อนนอนแพริมน้ำ
หน้าร้อนใกล้มาถึงแบบนี้ใครที่มาเที่ยวกาญจนบุรีต้องลองหาโอกาสมานอนแพ
เล่นน้ำ และสัมผัสธรรมชาติที่เขียวขจีดูสักครั้ง
ที่นี่มีบริการที่พักในลักษณะแพริมน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวมากมาย
ซึ่งมีหลากหลายราคาให้ได้เลือก ทั้งนี้คุณสามารถลงเล่นน้ำได้ตามอัธยาศัย
นั่งรับลมเย็น ๆ ชิล ๆ หรือจะหยิบหนังสือคู่ใจขึ้นมาอ่านสักเล่ม
เท่านี้ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ
ที่พอจะหาได้ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุของช่วงหน้าร้อนเป็นยังไงบ้าง ? แต่ละที่พอที่จะช่วยบรรเทาความร้อนของอากาศไปได้บ้างไหมคะ ใครก็ตามที่หน้าร้อนนี้เบื่อไม่อยากไปเที่ยวแต่ทะเลแล้ว ก็ลองดูที่เที่ยวหน้าร้อนที่ไม่ใช่ทะเลที่เรานำมาเอาใจเพื่อน ๆ เหล่านี้ดูได้ น่าจะพอเป็นไกด์ไอเดียได้อยู่บ้างนะคะ หน้าร้อนนี้ถึงแม้ว่าใครไม่ได้ไปเที่ยวทะเล ก็แฮปปี้ได้แบบสุด ๆ ไปเลย ^ ^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก Ubon Ratchathani Moving Forward, www.suphan.biz, thai.tourismthailand.org, thai.tourismthailand.org, www.dnp.go.th
