หลาย ๆ เมืองในประเทศไทยมีทำเลที่ตั้งอยู่ติดกับริมน้ำ ซึ่งแต่ละเมืองก็ล้วนมีเอกลักษณ์และความสวยงามที่แตกต่างกันไป บ้างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่น่าสนใจ บ้างมีธรรมชาติสวยงาม เห็นอย่างนี้แล้วเราจึงอยากนำเสนอเมืองท่องเที่ยวริมน้ำสุดชิล ที่มีบรรยากาศดี ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้เลือกชมกัน เอาไว้ช่วงวันหยุดยาวช่วงไหน เพื่อน ๆ จะได้หาเวลาว่างไปเที่ยวพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ รับลมเย็น ๆ ว่าแต่มีที่ไหนบ้างนั้น...ตามมาดูกัน
1. เชียงคาน
เชียงคานถือเป็นเมืองหลบภัยของบรรดาเหล่าคนเมืองที่ต้องการพื้นที่สงบ ๆ เพื่อพักผ่อนสมองและความคิดลงชั่วคราว ภาพของบ้านเรือนไม้ตึกแถวเรียงรายอยู่ตามสองฝั่งถนน ความน่ารักของผู้คน ที่ยังคงความเรียบง่าย แต่ก็ผสมผสานเข้ากับความทันสมัย ทำให้ "เชียงคาน" เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย กิจกรรมยอดนิยมอย่างหนึ่งเมื่อมาเที่ยวเชียงคาน นั่นคือการปั่นจักรยานลัดเลาะชมความสวยงามรอบเมือง ยิ่งในช่วงเวลาเย็น ๆ เราจะเห็นนักท่องเที่ยวปั่นจักรยานเพื่อชมทัศนียภาพความสวยงามริมฝั่งโขง ซึ่งน่าจะสร้างความประทับใจให้คุณได้ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีจุดชมวิวที่สวยงามเหมาะกับการถ่ายภาพอีกด้วย นี่อาจเป็นหนึ่งในหลาย ๆ เหตุผล ว่าทำไม "เชียงคาน" ถึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีมนตร์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย ทั้งนี้ดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก TAT-Loei-Office
2. สังขละบุรี
ภาพจาก thai.tourismthailand.org
สังขละบุรี เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นชุมชนเขตชายแดนระหว่างไทย พม่า และมอญ เพราะเหตุนี้ดินแดนนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "ดินแดนสามวัฒนธรรม" ใครที่เคยไปเที่ยวที่สังขละบุรีจะรับรู้ได้ว่าชาวบ้านที่นั่นยังคงมีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำอย่างเหนียวแน่น เห็นได้จากภาพชาวบ้านที่เดินขวักไขว่กันไปมาบน "สะพานมอญ" ที่กลายเป็นสัญลักษณ์เชิงท่องเที่ยวของเมืองสังขละบุรี นักท่องเที่ยวจะเห็นหมู่บ้านชาวมอญที่ตั้งเรียงอยู่ปลายทางสองฟากฝั่งสะพาน และมีแม่น้ำสามประสบที่เปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงทุกชีวิตที่นั่น ทุกวันนี้เราจึงยังคงเห็นภาพของคนมอญที่ออกไปตกปลา เด็ก ๆ ที่จับมือกระโดดน้ำกันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพความรื่นรมย์ท่ามความเรียบง่าย ซึ่งคุณจะพบที่ "สังขละบุรี" เท่านั้น
3. อัมพวา
ภาพจาก filmlandscape / shutterstock.com
จากอดีต "อัมพวา" เป็นเมืองศูนย์กลางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม มาในวันนี้ถึงแม้ว่าการคมนาคมทางบกจะมีความสำคัญมากกว่า แต่นั่นไม่อาจทำให้มนตร์เสน่ห์สายน้ำของเมืองอัพวาสูญสลายไปได้เลย ทุกวันนี้ "ตลาดน้ำอัมพวา" กลายเป็นตลาดน้ำที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถเดินชิล ๆ ชิมอาหารทั้งคาวและหวาน พร้อมชมวิถีชีวิตในชุมชนริมคลองที่เรียบง่าย บ้านไม้ตึกแถวเก่าแก่สวยงาม เป็นตลาดน้ำอีกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสีสัน ทั้งหมดนี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ต้องการอนุรักษ์ความเป็นอยู่ของชุมชนริมน้ำเอาไว้ ไม่ให้สูญสลายหายไปตามกาลเวลา คล้ายกับว่าตราบใดที่ยังมีสายน้ำ ตราบนั้นชีวิตของผู้คนที่นี่จะยังคงขับเคลื่อนต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก TATSamutSongkhram หรือติดต่อ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม โทร. 034 752 847-8)4. เชียงของ
เมืองเล็ก ๆ ริมน้ำโขง มีเส้นทางที่เชื่อมชายแดนประเทศทั้งสาม ได้แก่ ไทย ลาว และจีนเข้าไว้ด้วยกัน "เชียงของ" จึงเป็นเมืองทางผ่านที่คนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปกับการติดต่อทางด้านการค้ามากกว่าการท่องเที่ยว แต่ใครจะรู้ว่าเมืองเล็ก ๆ ริมน้ำโขงแห่งนี้เหมาะสำหรับเป็นที่ท่องเที่ยวพักผ่อนในวันสบาย ๆ ไม่แพ้ที่อื่น มาที่นี่คุณจะต้องประทับใจกับทัศนียภาพของฟากฝั่งถนนที่ติดริมแม่น้ำโขง ร้านอาหารอร่อย ๆ ที่มองเห็นวิวแม่น้ำโขง หรือจะแวะเวียนไปยังท่าปลาบึก บ้านศรีดอนชัย ห้วยทรายมาน รวมทั้งจุดชมวิวริมสองฝั่งโขงหลายแห่งรอบตัวเมืองเชียงของได้ไม่ยาก แม้ว่าเชียงของอาจจะไม่มีอะไรโดดเด่นในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวมากนัก แต่กลับเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในความเป็นธรรมชาติในตัวของมันเอง สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม เฟซบุ๊ก tatchiangrai หรือติดต่อ ททท. สำนักงานเชียงราย โทร. 053 744 674-5
5. ปาย
6. ชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร
7. โขงเจียม
อำเภอหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ดินแดนตะวันออกสุดของประเทศ และเป็นจุดที่แม่น้ำโขงไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูล จนได้รับการขนานนามว่าโขงสีปูนมูลสีคราม เพราะเป็นแม่น้ำสองสีที่ไหลมารวมกัน นักท่องเที่ยวสามารถรับชมความงดงามของสายน้ำได้ที่บริเวณตลาดริมตลิ่งแม่น้ำมูลหน้าวัดโขงเจียม และบางส่วนของหมู่บ้านห้วยหมากใต้ (แนะนำว่าให้มาช่วงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่เห็นความแตกต่างของสีน้ำได้ชัดเจนที่สุด) นอกจากความมหัศจรรย์ทางสายน้ำแล้ว ยังพบว่าแม่น้ำโขงเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงลมหายใจของชาวบ้าน นักท่องเที่ยวจะเห็นเรือประมงลำเล็กที่ลอยอยู่เต็มปากแม่น้ำ ที่ต่างกำลังง่วนอยู่กับการจับปลา เป็นภาพวิถีชีวิตเรียบง่ายที่เพลินตาอยู่ไม่น้อย และเป็นสีสันชีวิตแห่งลุ่มน้ำโขงที่น่าแวะเวียนมาสัมผัสอีกแห่งหนึ่ง
8. ชุมแสง
สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำเก่าแก่ที่ยังคงความงดงามและคลาสสิกที่ "อำเภอชุมแสง" จังหวัดนครสวรรค์ บ้านเรือนแถวนี้ ยังคงเป็นประตูไม้พับ หากแต่เพิ่มลูกเล่นด้วยการเจาะช่องประตูเล็ก ๆ เอาไว้สำหรับผ่านเข้าออกโดยไม่ต้องเปิดประตูใหญ่ทั้งบาน งานนี้ถ้าใครไม่ผอมจริงดูท่าแล้วจะลอดเข้าออกได้ลำบาก นอกจากนี้ภายในชุมชนยังมีร้านค้า ร้านขายของเก่าที่ยังมีตู้ขายทองคำแบบโบราณ โรงเรือนของตลาดเก่าที่ปัจจุบันเลิกใช้งาน แต่เอาไว้ใช้เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ แล้วอย่าลืมแวะไปที่ "หิรัญนฤมิต" ซึ่งเป็นสะพานแขวนทอดข้ามลำน้ำน่าน อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของชุมแสงที่ดึงดูดสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงยามเย็น แสงสีเหลืองนวลของพระอาทิตย์จะอาบไล้ทั่วบริเวณพื้นที่ชุมชน ให้เราได้มองเห็นวิถีชีวิตริมสองฝั่งแม่น้ำน่าน ที่ยังคงขับเคลื่อนหมุนไปแม้ดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้วก็ตาม
9. เชียงแสน
อำเภอแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย แม่น้ำโขงคือแม่น้ำหลักสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงผู้คนแถบนี้มาตั้งแต่ครั้งโบราณ จนถึงปัจจุบันแม่น้ำสายนี้ก็ยังคงความสำคัญกับชาวบ้านอย่างไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าในวันนี้เชียงแสนอาจจะหลีกไม่พ้นกระแสโลกของยุคสมัยใหม่ ดังเห็นว่าไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้เข้ามาขยับจับจองพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งรีสอร์ท โรงแรม ร้านกาแฟ แต่นั่นก็ไม่อาจกลบเกลื่อนรากเหง้าชีวิตดังเดิมของชาวเชียงแสน ภาพของชาวประมงที่นอนเอกเขนกจับปลาบนเรือ หรือคุณยายที่เกล้าผมแบบชาวเหนือหาบของขายริมแม่น้ำ ก็ยังคงปรากฏให้เราเห็นอยู่เรื่อย ๆ อีกทั้งแลดูกลมกลืนไปกับร้านรวงสมัยใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม เฟซบุ๊ก tatchiangrai หรือติดต่อ ททท. สำนักงานเชียงราย โทร. 053 744 674-5
10. ประแส
เป็นยังไงบ้างคะ ? กับเมืองริมน้ำสุดชิลที่เราเอามาฝากกัน เหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าคนไทยมีความผูกพันกับสายน้ำมากแค่ไหน เพราะสายน้ำถูกถ่ายทอดเป็นสัญลักษณ์อยู่ในวิถีชีวิตคนไทยด้านต่าง ๆ ดังเห็นได้จากวิถีชีวิต การประกอบอาชีพ ซึ่งกลายเป็นมรดกทางน้ำที่คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างต้องร่วมใจช่วยกันรักษา เพื่อให้คงสภาพไว้ตราบนานเท่านาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
