ภาพจาก kitzcorner / shutterstock.com
ภาพจาก joloei / shutterstock.com
อำเภอสังขละบุรี เมืองชายแดนทางด้านตะวันตกสุดของไทย มีประวัติความเป็นมาทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ในปัจจุบันสังขละบุรีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมาสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนชาวบ้านสามวัฒนธรรม ทั้งไทย กะเหรี่ยง และมอญ แต่เหตุผลเท่านี้หรือเปล่าที่ทำให้ใครต่อใครเดินทางมาเที่ยวที่สังขละบุรี วันนี้เราจะหาคำตอบกันว่าเพราะอะไรที่ทำให้สังขละบุรีเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน
อำเภอสังขละบุรี อำเภอที่อยู่ติดชายแดนเมียนมา เมืองที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า นักท่องเที่ยวจะเห็นภาพความสวยงามเหล่านี้ตั้งแต่ถนนที่เป็นเส้นทางนำคุณเดินทางไปยังสังขละบุรี เพราะเส้นทางจะตัดผ่านภูเขาและเลียบเขื่อนเขาแหลม ทำให้มองเห็นภาพบ้านเรือนของชาวบ้าน ขณะเดียวกันตัวอำเภอสังขละบุรีตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" คือบริเวณที่ลำน้ำสามสายมาบรรจบกัน ได้แก่ ห้วยซองกาเลีย ห้วยบีคลี่ และห้วยรันตี ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย เหล่านี้เป็นภาพบรรยากาศความสวยงามที่คุณจะได้เจอเมื่อไปที่สังขละบุรีอย่างแน่นอน
2. เที่ยวได้ทุกฤดู
สังขละบุรีเป็นเมืองที่ท่องเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ละฤดูก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป ถ้ามาในฤดูฝน สังขละบุรีอาจเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความชุ่มชื่นและชุ่มฉ่ำ ไม่กลัวฝน ธรรมชาติรอบข้างเขียวชอุ่ม จากหยดน้ำฝนที่พร่างพรมลงมา สำหรับฤดูหนาวที่สังขละบุรีก็เหน็บหนาวอยู่ไม่น้อย และยังเป็นช่วงฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสัมผัสความหนาวเย็น และเฝ้าดูละอองหมอกสีขาวจาง ๆ ปกคลุมทั่วทั้งอำเภอ
3. เสน่ห์สะพานมอญ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้สังขละบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แตกต่างจากที่อื่น นั่นคือการสัมผัสได้ถึงเสน่ห์วิถีชีวิตผู้คนที่น่ารักและเป็นกันเองรอบบริเวณสะพานมอญ สะพานที่เป็นสัญลักษณ์เชิงท่องเที่ยว ที่เราเห็นตามบทความรีวิวท่องเที่ยวทั่วไป แต่เสน่ห์ที่แท้จริงอยู่ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวัฒนธรรมหมู่บ้านมอญที่ไม่สูญหายหรือลบเลือนไปตามกาลเวลา ภาพของชาวบ้านที่ยังคงแต่งกายแบบมอญออกมาใส่บาตรตอนเช้า พอตกสายสะพานแห่งนี้ก็กลายเป็นเส้นทางสัญจร ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิธีการเทินสิ่งของไว้บนศีรษะของชาวบ้านอย่างชำนาญ การแต่งกายที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ ล้วนเป็นภาพที่น่าประทับใจเมื่อได้พบเห็น
4. มีเส้นทางล่องลำน้ำชมแหล่งท่องเที่ยวอันซีน (Unseen)
นอกเหนือจากวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แล้วนั้น สังขละบุรียังมีเส้นทางล่องเรือที่พานักท่องเที่ยวชื่นชมทัศนียภาพกว้างใหญ่ของลำน้ำประสบ ที่ต้องตื่นตาตื่นใจไปกับแหล่งท่องเที่ยวอันซีน (Unseen) อย่าง "เมืองบาดาล" เมื่อถึงฤดูแล้งคราวใดตัวโบสถ์จะโผล่พ้นน้ำ เผยโฉมให้เห็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน ล่องเรือถัดไป "โบสถ์วัดสมเด็จ (เก่า)" ตั้งอยู่บนเนินเขา ภายในอุโบสถมีพระประธาน มีต้นไทรใหญ่แผ่รากและกิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วตัวโบสถ์ แลดูงดงามและน่าเกรงขามยิ่งนัก เหล่านี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนที่ไม่ได้เจอที่ไหนก็ได้ในโลก
5. ความงดงามของลายเส้นพุทธศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์
6. สัมผัสวิถีสโลว์ไลฟ์อย่างเต็มที่
ภาพจาก I Love Travel / shutterstock.com
สังขละบุรี เป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวแวะมาหลบมุมปล่อยวางจากวิถีชีวิตเคร่งเครียด เร่งรีบจากเมืองหลวง เพื่อมาพบกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้าน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่อยู่เหนือความซับซ้อนของระบบทุนนิยมนายจ้างลูกจ้าง เราจึงเห็นชาวบ้านที่พร้อมจะเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว มีอัธยาศัยดี และเป็นกันเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นสภาพการณ์แวดล้อมที่ขาดแคลนในเมืองหลวง ที่ต่างคนต่างเร่งรีบทำมาหากิน แต่เมื่อมาสังขละบุรีจะทำให้เรารู้สึกได้ใช้ชีวิตช้าลง และมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้น ในขณะที่ในเมืองหลวง เราต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของเวลาแทบทุกกระเบียดนิ้ว
7. เดินทางสะดวกและมีที่พักให้เลือกหลากหลายราคา
ปัจจุบันการเดินทางมาเที่ยวสังขละบุรีมีความสะดวกมากขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังสังขละบุรีได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง และรถไฟ (ซึ่งสามารถเช็กตารางการเดินทางได้จากการบริการขนส่งนั้น ๆ) แถมที่พักที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งโรงแรม บ้านพัก หรือรีสอร์ท ถึงแม้ว่าที่พักเหล่านี้อาจแตกต่างกันในเรื่องของราคา แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ นักท่องเที่ยวจะได้ซึมซับธรรมชาติของสังขละบุรี ที่โอบล้อมตัวคุณด้วยขุนเขา สายน้ำ และทิวเขาที่แสนอบอุ่น ที่ทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม
เหล่านี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนต้องหลงมนตร์เสน่ห์ของสังขละบุรี วันนี้เลยทำให้เราได้เข้าใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงเลือกสังขละบุรีเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยม อาจเพราะด้วยความศิวิไลซ์ยังไม่เข้ามามีบทบาทต่อผู้คนที่นี่มากนัก จึงเป็นเสน่ห์ที่คนเมืองอย่างเราต่างโหยหาความธรรมดาที่แสนจะเรียบง่าย ที่หาได้จาก "สังขละบุรี" แห่งนี้นั่นเอง
