จังหวัดพัทลุง เป็นจังหวัดที่ถูกมองว่าเป็นเพียงทางผ่านที่จะมุ่งลงไปสู่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งอันที่จริงแล้วจังหวัดพัทลุงมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหรือวัฒนธรรม พัทลุงก็มีให้นักท่องเที่ยวอย่างครบถ้วน ที่สำคัญยังเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย อากาศเย็นสบายและสดชื่นบริสุทธิ์ พร้อมทั้งยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนภาคใต้อย่างแท้จริง
ซึ่งจากการที่กระปุกดอทคอมได้ลองล่องใต้มุ่งไปเที่ยวพัทลุง โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน เราก็เชื่อเลยว่านับจากนี้พัทลุงจะไม่ใช่เพียงแค่ทางผ่านไปสู่จังหวัดตรัง จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล หรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกต่อไป เพราะที่นี่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างปักหมุดต้องมาเยือนกันสักครั้งอย่างแน่นอน
ถ้ามาเที่ยวทะเลน้อยทางฝั่งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดก็คือ "ตลาดริมน้ำทะเลน้อย" ซึ่งจะมีร้านค้าอยู่ประมาณ 20 กว่าร้าน แต่ละร้านจะจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกจากภาคใต้และของเด่นจังหวัดพัทลุง เดิน ๆ อยู่ก็จะได้กลิ่นหอม ๆ ของไข่ปลาทอด ของกินสุดฮิตในตลาดริมน้ำทะเลน้อย แม่ค้าจะเอาไข่ปลามาปรุงรส ใส่สมุนไพรไทย แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ กลับไปกลับมาสักประเดี๋ยวเดียวก็จะได้กินไข่ปลาทอดสุดอร่อยแล้ว เคี้ยวมัน ๆ เดินกินเพลิน ๆ ก็ได้ หรือจะกินกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็ได้เช่นกัน ราคาเพียงแค่ชุดละ 20 บาทเท่านั้น กินคนเดียวไม่หมดแน่นอนค่ะ
ต่อจากการกินของอร่อย ๆ ในตลาดริมน้ำทะเลน้อย เรามุ่งหน้าไปยัง "สะพานแห่งความสุข" หรือ "สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550" อำเภอควนขนุน ซึ่งเป็นเส้นทางที่สร้างตามแนวของทะเลน้อยและทะเลสาบสงขลา และเป็นส่วนหนึ่งของถนนชนบทรหัส พท.3037 โดยในช่วงที่ 2 ของเส้นทางนี้ สร้างเป็นทางยกระดับระยะทางประมาณ 5.450 กิโลเมตร
ด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลน้อยและป่าเขาโดยรอบ พร้อมทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้านและควายน้ำจำนวนมากมาย ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นจุดชมวิวชั้นดีของจังหวัดพัทลุงที่มอบความเพลิดเพลินให้กับผู้ที่สัญจรไป-มา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาเล่าว่า...สะพานแห่งนี้เป็น...สะพานแห่งความสุข ภาพของพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับสู่หลังเขา ชาวบ้านขับเรือหางยาวผ่านคลองบ้านกลางเพื่อกลับเข้าสู่ที่อยู่อาศัย เป็นภาพสุดเรียบง่าย แต่กลับสร้างความสุขที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในใจได้อย่างมหาศาล
ข้อควรระวัง : จุดชมวิวบนสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เป็นบริเวณที่มีรถวิ่งผ่านตลอดเวลา เฉพาะฉะนั้นต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินชมวิวบนสะพาน และไม่ควรกระโดดลงจากสะพานเพื่อไปถ่ายภาพในกรณีใด ๆ เพราะอาจเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวได้
เริ่มต้นอรุณสวัสดิ์วันใหม่ กับเสียงนกร้องเบา ๆ บนต้นไม้ และอากาศที่เย็นสบายสดชื่น พร้อมทั้งภาพยามเช้าสุดเรียบง่ายที่บริเวณ "คลองปากประ" อำเภอควนขนุน จุดถ่ายภาพยอดนิยมของช่างภาพทั้งหลาย (ต้องตื่นมาจองที่ตั้งขาตั้งกล้องกันตั้งแต่ตีห้า 555) เมื่อแสงแรกของวันเริ่มเปล่งประกาย เสียงของเรือหางยาวของชาวบ้านค่อย ๆ ดังมาจากทางด้านหลัง ไล่มาเรื่อยจนพ้นสะพานก่อนที่จะเข้าสู่ทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ไพศาล
เรือบางลำไปจอดอยู่กลางน้ำตรงจุดที่ยอ (เครื่องมือจับปลาพื้นบ้าน) ของตัวเองตั้งอยู่ แล้วเริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ มือเรายังคงกดชัตเตอร์ไปเรื่อย ๆ แต่สายตาได้หลุดออกมาจากหลังกล้องนานแล้ว พร้อมกับบันทึกภาพแห่งความสวยงามนี้ลงสู่สมองอันน้อยนิดอย่างช้า ๆ
สถานที่ฝากท้องที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพัทลุงก็คือ "ตลาดใต้โหนด" ที่บ้านจันนา ตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน เป็นตลาดพื้นบ้านที่มีความฮิปมาก ๆ โดยใช้พื้นที่ของบ้านนักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2539 คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เป็นที่ตั้ง ภายในตลาดแห่งนี้มีทั้งพืชผักสวนครัวพื้นบ้านของภาคใต้ อาหารท้องถิ่นของพัทลุง และสินค้าแฮนด์เมด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นคนในท้องถิ่นนั่นเอง ซึ่งได้นำสินค้าคุณภาพดี ปลอดสารพิษมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวในราคาถูกมาก ๆ กินอิ่มท้อง เงินในกระเป๋าเหลือเยอะ สุขภาพดีไม่โดนทำร้าย คงไม่มีอะไรที่จะทำให้มีความสุขได้เท่านี้แล้วจริง ๆ
อิ่มท้องสบายใจ ก็ไปไหว้พระทำบุญกันสักนิดค่ะ มุ่งตรงไปที่ "วัดเขาอ้อ" ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพัทลุง เพราะเป็นสำนักตักศิลาแห่งไสยเวทย์ ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะถ้ำฉัททันต์บรรพต ภายในมีหินปูนรูปคล้ายหัวช้าง และมีพระพุทธรูปมากมาย ซึ่งบริเวณนี้จะใช้เป็นที่บำเพ็ญศีล เจริญภาวนาทางพุทธาคม-ไสยเวทย์และประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้ฟรี
จากอำเภอควนขนุน นั่งรถยิงยาว ๆ กันไปที่อำเภอป่าพะยอม จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ "ล่องแก่งหนานมดแดง" ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจ ครึ้มตามาติด ๆ เลยเชียว แต่การล่องแก่งที่นี่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่อื่น ๆ เพราะไม่มีน้ำป่าไหลหลากแน่นอน ด้วยน้ำในล้ำห้วยน้ำใสซึ่งเป็นห้วยที่เราจะล่องแก่งกันนั้น ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ซึ่งสามารถควบคุมระดับน้ำได้ อีกทั้งระดับการล่องแก่งที่นี่ยังอยู่ที่ระดับ 2-3 ไม่อันตรายมาก และยังมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพร้อมทั้งดูแลอย่างใกล้ชิด จึงสามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว
สำหรับใครที่มาจากต่างจังหวัด ในชุมชนโดยรอบก็มีที่พักให้เลือกมากมายหลายระดับ ซึ่งจัดการบริหารงานโดยชาวบ้านในพื้นที่ เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย
กลับเข้าสู่อำเภอเมืองพัทลุง ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดตั้งอยู่ที่นี่ นั่นก็คือ "ภูเขาอกทะลุ" ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลคูหาสวรรค์ ตำบลปรางหมู่ และตำบลพญาขัน มีความสูงประมาณ 250 เมตร บริเวณตรงกลางของภูเขามีโพรงขนาดใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร มีบันไดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมวิว ซึ่งมีทั้งหมด 1,066 ขั้น ใครที่ร่างกายแข็งแรง ก็ลุยกันขึ้นไปเลยค่ะ แต่การแค่ได้มองอยู่ห่าง ๆ จากข้างล่าง ก็รู้สึกได้ถึงความอลังการของภูเขาลูกนี้แล้วค่ะ (เดินขึ้นไปไม่ไหวจริง ๆ ^_^ )
สำหรับใครที่ชอบตื่นเช้า ๆ เราขอแนะนำให้ไปหาของกินอร่อย ๆ ที่ "ตลาดดอนยอ" อำเภอเมืองพัทลุง เป็นตลาดเช้าที่มีของกินเยอะมาก ๆ ใครชอบกินอาหารใต้ มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน บรรยากาศอบอุ่น จะเห็นชาวบ้านออกมาจับจ่ายซื้อกับข้าว พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ชี้ชวนให้คนต่างถิ่นอย่างเราลิ้มลองอาหารพื้นเมืองนานาชนิด บางอย่างชิมแล้วก็ถูกปาก แต่บางอย่างก็ไม่เหมาะกับเราจริง ๆ T^T
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพัทลุงที่พลาดไม่ได้ ก็คือ "วัดเขียนบางแก้ว" ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมายาวนานหลายร้อยปี ตามตำนานเล่าว่าผู้สร้างวัดแห่งนี้คือ นางพญาเลือดขาวและพระยากุมาร ซึ่งสร้างเสร็จราวปี พ.ศ. 1492 และยังอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากเกาะลังกามาบรรจุไว้ในพระบรมธาตุเจดีย์ในปี พ.ศ. 1493 อีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดเขียนบางแก้ว อาทิ พระบรมธาตุเจดีย์บางแก้ว, พระวิหารคต, พระอุโบสถมหาอุดม์, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์, พิพิธภัณฑ์ของชาติวัดเขียนบางแก้ว, ศาลาเก่าแก่ เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงที่สุดท้ายที่สร้างความประทับใจให้กับเราในทริปนี้ ก็คือ "สวนสละลุงถัน" ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรอันขึ้นชื่อของที่นี่ ไม่เพียงแค่สละสุดอร่อยจากสวนเท่านั้น แต่ที่นี่ยังรับจัดเลี้ยงอาหารแบบพื้นบ้านอีกด้วย เราจึงได้นั่งทานข้าวกลางวันกันท่ามกลางสวนสละอันเงียบสงบ และยังได้ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยสละลอยแก้ว น้ำสละ และสละสด ๆ จากต้น สำหรับคนที่ชอบทานผลไม้ บอกเลยว่าถ้าได้มาที่นี่คุณจะฟินแบบสุด ๆ
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวจังหวัดพัทลุง สามารถสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ (สงขลา-พัทลุง) โทรศัพท์ 0 7424 3747
วันหยุดว่าง ๆ ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ลองหันหน้าลงใต้ มาเยือนจังหวัดที่งดงามทั้งสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม และผู้คนกันดูบ้างนะคะ อ๊ะ ๆ บอกไว้ก่อนนะคะว่าต้องใจแข็งสักนิด เพราะคุณอาจจะหลงรักพัทลุงได้แบบไม่รู้ตัวเลยเชียว :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ plg.onab.go.th
