12 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ไปเช้า-เย็นกลับ ทริปสบาย ๆ ที่ต้องไปโดน

แนะนำที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือพักค้าง 1 คืน ก็ทำได้สบาย ๆ เพราะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่มากนัก แถมยังเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

ถ้ากำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่ละก็...ตามเรามาเลยค่ะ เพราะวันนี้เราหยิบเอา 12 ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก สามารถไปเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือพอมีเวลาจะค้างสักคืนก็ได้ไม่ว่ากันมาแนะนำ จะไปไหว้พระ เดินเที่ยวตลาด เล่นน้ำตก หรือแหวกว่ายโต้คลื่นน้ำทะเลสวย ๆ ก็มีหมด เอาเป็นว่าไปดูกันสิว่ามีที่เที่ยวที่ไหนให้เราไปลั้ลลากันบ้าง

1. หาดทรายแก้ว จังหวัดชลบุรี

ภาพจาก NavyBank / Shutterstock.com

หาดทรายแก้ว เป็นชายหาดอีกแห่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อำเภอสัตหีบ ตัวชายหาดทอดยาวประมาณ 1,700 เมตร เป็นหาดทรายปนปะการัง และมีสีขาวสะอาดตา เนื้อทรายเนียนละเอียด ตลอดแนวชายหาดมีทิวสนให้ความร่มรื่น บรรยากาศเงียบสงบมาก มีร้านค้า ห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะสำหรับเล่นน้ำ และมีกิจกรรมสนุก ๆ เช่น พายเรือคายัก เล่นบานาน่าโบ๊ต ฯลฯ

ที่อยู่ : โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
เวลาเปิด-ปิดบริการ : สามารถเข้าเที่ยวและเล่นน้ำได้ถึงเวลา 18.00 น. โดยต้องแลกบัตรเข้าไป (อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในพื้นที่ได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าพัก และห้ามทำอาหารปิ้งย่าง อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตามระเบียบต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด)

2. หาดเติมรัก จังหวัดนนทบุรี

หาดเติมรัก นนทบุรี หรือหาดเติมรัก บางบัวทอง เป็นพื้นที่ส่วนตัวของ คุณเอนก นาคนคร ซึ่งได้ทำการเปลี่ยนผืนนากว่า 40 ไร่ ให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดนนทบุรี โดยในพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นทะเลน้ำจืดอยู่ราว ๆ 25 ไร่ ลานจอดรถอีก 4 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่อเนกประสงค์

          บริเวณรอบ ๆ สระน้ำมีการถมดินและทรายให้เหมาะสมต่อการนั่งเล่นชิล ๆ และการเดินลงเล่นน้ำในสระน้ำ คล้ายกับชายหาดริมทะเล มีพื้นที่ปูเสื่อ และม้านั่งไว้รองรับ พร้อมด้วยร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายเมนู นอกจากนี้ยังมีห่วงยาง เสื้อชูชีพ บานานาโบ๊ต เจ็ตสกี เครื่องเล่นทางน้ำอื่น ๆ และเสื่อไว้ให้เช่า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างทั่วถึง มีห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำไว้บริการ

          ที่อยู่ : หมู่ 2 ตำบลบางคูรัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-21.00 น.
          เฟซบุ๊ก : หาดเติมรัก-By-เสี่ยหมึก

หาดเติมรัก นนทบุรี

3. แก่งสามชั้น จังหวัดนครนายก

แก่งหินขนาดใหญ่อยู่กลางลำน้ำนครนายก ซึ่งได้กลายเป็นจุดล่องแก่งที่น่าสนใจของจังหวัดนี้ โดยมี 3 แก่ง ที่อยู่ใกล้เคียงคือ แก่งโขดคุ้ง เกาะแก่ง และแก่งหินสามชั้น ความยากก็อยู่เพียงแค่ระดับ 2-3 จึงสามารถเล่นได้ทุกวัย นอกจากนี้ยังมีจุดลงเล่นน้ำอยู่ริมแก่ง มีบริการให้เช่าห่วงยาง ร้านค้า ร้านอาหาร และที่พักใกล้เคียง โดยมีค่าบริการล่องแก่ง 1,200 บาทต่อลำ (ลำละ 8 ท่าน)

ภาพจาก TuM_Klidsada / Shutterstock.com

ข้อห้าม

ห้ามนำอาหารเข้ามาปรุงทุกชนิด
ห้ามนำสุนัขลงเล่นน้ำ
ห้ามนำขวดแก้วลงไปนั่งกินบนโขดหิน

ที่อยู่ : 32 หมู่ที่ 2 ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน
ค่าเข้า : รถมอเตอร์ไซค์ ราคา 10 บาท (ไม่เกิน 2 ท่าน), รถยนต์ ราคา 20-50 บาท
ระดับแต่ละวัน : วันศุกร์-จันทร์ เขื่อนขุนด่านปราการชลปล่อยน้ำ มีน้ำให้ล่องแก่ง ล่องห่วงยางได้ วันอังคาร-พฤหัสบดี เขื่อนขุนด่านปราการชลลดการปล่อยน้ำ มีน้ำพอให้แช่คลายร้อนได้
เฟซบุ๊ก : แก่งสามชั้น

4. นิตาธร ทะเลน้ำจืด จังหวัดนครปฐม

ทะเลน้ำจืดที่ตั้งอยู่ตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน มีลักษณะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม ถมทรายให้เหมาะสมแก่การนั่งเล่นพักผ่อน และเล่นน้ำ บรรยากาศร่มรื่น มีซุ้มไม้ไผ่และแพริมน้ำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเล่นชมวิว ใครจะเล่นน้ำก็เล่นได้จากหน้าแพ หรือใครจะสั่งอาหารมากินกับครอบครัวก็ได้

          ไฮไลต์ของที่นี่จะอยู่ที่เครื่องเล่นต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งหอกระโดดน้ำ และเครื่องเล่นเป่าลมสำหรับสวนน้ำ น้ำไม่ลึกมากนัก จึงเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เด็ก ๆ เล่นได้ มีเสื้อชูชีพไว้บริการ มีฟาร์มแพะและฟาร์มกระต่ายไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ป้อนนมด้วย อีกทั้งยังมีห้องพักไว้ให้บริการด้วย ราคาเริ่มต้น 1,000 บาท

          ที่อยู่ : ตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น.
          ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็กสูงไม่เกิน 130 เซนติเมตร 10 บาท ผู้สูงอายุ, เด็กเล็ก, คนพิการ เข้าฟรี
          เฟซบุ๊ก : นิตาธร ทะเลน้ำจืด
          หมายเหตุ : ไม่อนุญาตให้นำอาหารและเครื่องดื่มจากด้านนอกเข้ามาในพื้นที่

นิตาธร ทะเลน้ำจืด จังหวัดนครปฐม

5. สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี

สวนสัตว์เปิดที่ยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯ เปิดมายาวนานกว่า 60 ปีแล้วนะ พื้นที่ก็กว้างขวางกว่า 5,000 ไร่ มีสัตว์มากมายให้แวะมาเยี่ยมชม บรรยากาศนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และยังมีกิจกรรมสนุกสนานเตรียมไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเพียบ

ความพิเศษของสวนสัตว์เปิดเขาเขียวอยู่ตรงที่เราสามารถขับรถเข้าไปเที่ยวชมด้านในได้เลย ซึ่งจะได้ชมสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง และนักท่องเที่ยวก็ยังสามารถซื้ออาหารเพื่อเอาไว้ป้อนให้สัตว์ได้ด้วยนะ พร้อมกับมีโชว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจของสัตว์ต่าง ๆ ให้ได้แวะชมตลอดทั้งวันอีกต่างหาก

          ถ้ามาเที่ยวที่นี่สิ่งที่จะพลาดไม่ได้ เช่น การแสดงช้างว่ายน้ำ, พาเหรดเพนกวิน, การแสดงให้อาหารแมวน้ำ, การแสดงความสามารถนก, ให้อาหารและชมฮิปโปโปเตมัสว่ายน้ำ, ละมั่ง สัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ และนกฟลามิงโกชมพูสวยหวาน เป็นต้น

          ที่อยู่ : 235 หมู่ 7 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
          ค่าเข้า : บัตรสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 150 บาท, เด็กสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ราคา 30 บาท, ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 100 บาท, ทหาร ตำรวจ นักเรียน และนักศึกษา (แสดงบัตร) 70 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คนพิการ ผู้มีบัตรอนุญาตพิเศษ เข้าชมฟรี ค่าธรรมเนียมยานพาหนะ รถจักรยานยนต์ 40 บาท รถยนต์ 80 บาท รถบัส 100 บาท
          เว็บไซต์ : www.khaokheow.zoothailand.org
          เฟซบุ๊ก : สวนสัตว์เปิดเขาเขียว Khao Kheow Open Zoo

6. ไหว้พระ 9 วัด จังหวัดสุพรรณบุรี

จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบที่เป็นเสน่ห์ชวนหลงใหล ตลอดจนงดงามไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถาน และสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนาที่ทรงคุณค่าต่อการกราบไหว้บูชามากมาย มีเวลา 1 วัน เราเลยอยากชวนไปไหว้พระ 9 วัด สักการบูชาพระที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรีกันค่ะ เริ่มที่

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร : วัดที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากคาดว่ามีอายุราว 1,200 ปี โดยคาดว่าน่าจะสร้างขึ้นสมัยที่เมืองสุพรรณบุรีรุ่งเรือง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจอย่าง "หลวงพ่อโต" พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ และนิยมสร้างเป็นพระบูชาสำหรับคนเกิดวันพุธกลางคืน

ภาพจาก Seeme / Shutterstock.com

วัดพระลอย : วัดเก่าแก่ของจังหวัดสุพรรณบุรี คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงกลางสมัยพระเจ้าอู่ทอง ชื่อวัดพระลอยนี้ เดิมเกิดจากการที่มีพระพุทธรูปปางนาคปรกเนื้อหินทรายขาว ซึ่งคาดว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี ลอยมาตามแม่น้ำท่าจีน (แม่น้ำสุพรรณ) ชาวบ้านจึงได้ทำพิธีอาราธนาขึ้นมาจากแม่น้ำ แล้วสร้างวัดขึ้น ในอดีตเรียกกันว่า "วัดชลอ" แต่ต่อมาก็มาเรียกเป็น "วัดพระลอย" แทน
วัดพระนอน : วัดเก่าแก่สมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ และปลูกสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในวัดมีสิ่งน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปปางไสยาสน์สลักจากหิน จุดเด่นของพระพุทธรูปองค์นี้ แปลกว่าที่อื่นตรงที่เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในลักษณะนอนหงายขนาดเท่าคนโบราณ ยาวประมาณ 2 เมตร คล้ายกับพระนอนที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

วัดแค : วัดที่มีชื่อปรากฏในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ภายในวัดนี้มีต้นมะขามใหญ่และมีอายุราว 1,000 ปี เชื่อกันว่าขุนแผนได้เรียนวิชาเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตนจากต้นมะขามต้นนี้กับท่านอาจารย์คงเพื่อใช้เวลาโจมตีข้าศึก ใกล้กับต้นมะขามยักษ์นี้ทางจังหวัดได้สร้างเรือนไทยทรงโบราณเรียกว่า "คุ้มขุนแผน" เพื่อเป็นอุทยานวรรณคดีและเป็นการอนุรักษ์ศิลปด้านวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมี "พระพุทธบาทสี่รอย" ทำด้วยทองเหลืองกว้าง 1.40 เมตร ยาว 2.80 เมตร สร้างซ้อนกันไว้ในรอยใหญ่
วัดขวางเวฬุวัน : สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณในสมัยทวารวดี หรือเมืองนเรศ (ภาษาท้องถิ่น) อายุประมาณ 400 ปี เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ภายในบริเวณวัดยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์โบราณ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากโบสถ์ทั่วไป มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ปัจจุบันเป็นโบราณวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การแวะมาเยี่ยมชม
วัดไผ่โรงวัว (วัดโพธาราม) : สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2469 เป็นวัดที่มีพุทธศาสนิกชนนิยมไปเที่ยวชม ด้วยมีพุทธวัตถุและโบราณสถานสำคัญให้เยี่ยมชมได้มากมายหลายจุด เช่น "พระพุทธโคดม" พระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย, "สังเวชนียสถาน 4 ตำบล" คือ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน และมีส่วนที่แสดงงานประติมากรรม เกี่ยวกับพุทธประวัตินรกภูมิ สวรรค์ภูมิ เป็นต้น

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ : ตั้งอยู่บนถนนสมภารคง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ปลูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าอู่ทอง และมีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี จุดเด่นของวัดอยู่ตรงองค์พระปรางค์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรี ที่โด่งดังมากในวงการพระเครื่อง และเป็นหนึ่งใน "เบญจภาคี" 5 พระเครื่องยอดนิยม (พระสมเด็จนางพญาของสมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร, พระผงสุพรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี, พระสมเด็จนางพญา จังหวัดพิษณุโลก, พระทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร และพระรอด จังหวัดลำพูน)

วัดสวนหงส์ : วัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน และมีแม่น้ำวกอ้อมวัดถึง 3 ทิศ 3 ด้าน ทำให้บริเวณหน้าวัดเป็นสถานที่จัดแข่งขันเรือยาวเป็นประจำทุกปี ตามตำนานเล่าขานกันว่า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2379 โดยเศรษฐีสองสามีภรรยา ชื่อนายสวนกับนางหงส์ จึงเป็นที่มาของชื่อวัดสวนหงส์ จากสภาพเดิมที่เป็นวัดเล็ก ๆ ค่อนข้างทรุดโทรม จนถึงสมัยที่หลวงพ่อปลื้มเป็นเจ้าอาวาส จึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมจนรุ่งเรืองและสวยงาม ปัจจุบันหลวงพ่อปลื้มได้มรณภาพไปแล้ว แต่ร่างของท่านยังคงนอนสงบนิ่งโดยไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด
วัดบ้านกร่าง : วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา คาดว่าน่าจะมีอายุร่วม 400 ปี จุดเด่นของวัดอยู่ตรง "กรุพระขุนแผนบ้านกร่าง" ซึ่งเป็นเนื้อดินเผาศิลปะอยุธยา เชื่อกันว่าหากชายใดห้อยกรุพระขุนแผนนี้แล้ว จะแคล้วคลาดคงกระพัน ภายในวัดยังเต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น พระอุโบสถและวิหาร ซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ภายในประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ ศิลปะสมัยอู่ทอง ใบเสมาที่เรียงรายรอบพระอุโบสถ มีที่มาจากการนำพระวัดกร่างพิมพ์ทรงพลใหญ่มาจำลองให้มีขนาดเท่าใบเสมา ทำให้ใบเสมาของวัดนี้มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนวัดใด เป็นต้น

7. คลองมะเดื่อ จังหวัดนครนายก

แหล่งท่องเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่ยังคงมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ โดยคลองมะเดื่อประกอบด้วยทั้งหมด 5 คลอง แต่สถานที่ให้นักท่องเที่ยวพักและกางเต็นท์มีด้วยกันทั้งหมด 3 คลอง (ในส่วนของคลองที่ 4 และ 5 เป็นเขตหวงห้ามของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่)

การเดินทางเข้ามาเที่ยวที่คลองมะเดื่ออาจจะต้องสมบุกสมบันอยู่เสียหน่อย (ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ) และยังต้องใช้ทักษะความชำนาญในการขับค่อนข้างสูง โดยแต่ละคลองจะมีที่พักไว้คอยให้บริการ ทั้งรูปแบบของบ้านพักและเต็นท์ หากนักท่องเที่ยวคนไหนอยากนอนกางเต็นท์ จำเป็นที่จะต้องติดต่อเจ้าของพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของเดียวกับผู้ให้บริการบ้านพักนั้น ๆ มีทั้งให้เช่าอุปกรณ์ หรือใครเอาอุปกรณ์เต็นท์มาเองก็แค่เสียค่าใช้จ่ายค่าเช่าที่เท่านั้น ทั้งนี้เมื่อออกมานอกตัวคลองมะเดื่อยังมีที่เที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น น้ำตกวังตะไคร้, น้ำตกนางรอง หรือเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นต้น

ที่อยู่ : ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก

ที่พักคลองมะเดื่อ

8. ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล จังหวัดสระบุรี

          ตลาดชุมชนน่าเดินภายในวัดต้นตาล ใกล้ชิดธรรมชาติริมแม่น้ำป่าสัก เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีทั้งคนท้องที่และนักท่องเที่ยวมาเดินเลือกซื้อของอย่างคึกคัก โดยพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่เป็นชาวไทยวนที่อพยพลงมาจากเชียงแสน อาหารที่ขายในตลาดจึงมีกลิ่นอายออกเหนือนิด ๆ แถมยังพูดภาษาเหนือดูน่ารักไปอีกแบบ ตลาดแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นตลาดแหล่งรวมวัฒนธรรมโบราณน่าเดิน และที่สำคัญสินค้าราคาไม่แพง มาเดินให้ม่วนใจ๋กันไปข้างหนึ่งเลย พร้อมชมการแสดงฟ้อนล้านนา ทุกวันอาทิตย์ เวลา 12.00 น.

          ที่อยู่ : ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.
          เฟซบุ๊ก : ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล

9. ตลาดชุมชนคนคลองขนมจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

          ตลาดเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณวัดมารวิชัย ตลาดที่จะพาให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้เข้ามาทำความรู้จักวิถีชาวบ้านอย่างแท้จริง ได้เดินช้อปปิ้งเครื่องจักสานขึ้นชื่อ และอิ่มอร่อยไปกับอาหารหลากหลาย บรรยากาศตลาดเน้นความเรียบง่าย แต่ละร้านค้าประกอบสร้างจากไม้ไผ่จักสาน ให้อารมณ์พื้นบ้าน ชิล ๆ ง่าย ๆ แถมตลาดแห่งนี้ยังเป็นแลนด์มาร์กแรกของอำเภอเสนาอีกด้วย ยังไงอย่าลืมมาช้อป ชม และชิล กันนะ

          ที่อยู่ : ตำบลบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.
          เบอร์โทรศัพท์ : 086 303 5385
          เฟซบุ๊ก : ตลาดชุมชนคนคลองขนมจีน ณ วัดมารวิชัย

10. วัดสามพราน (พุทโธภาวนา) จังหวัดนครปฐม

ภาพจาก Kaewta Mungkung / Shutterstock.com

          วัดที่ชาวสามพรานมีความเคารพศรัทธามากแห่งหนึ่ง ภายในวัดโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและงานประติมากรรมเชิงพุทธมากมาย ซึ่งสอดแทรกข้อคิดทางธรรมไว้อย่างดีเยี่ยม สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เช่น พระแม่กวนอิม, พญาเต่าเรือน, พระบรมรูปรัชกาลที่ 5, พญาช้างเผือก, สะพานพญานาค, ตุ่มสมบัติ ฯลฯ โดยเฉพาะตึกมังกรตะกายฟ้าที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องเลือดมังกร

          ที่อยู่ : 92/8 หมู่ 7 ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.
          เบอร์โทรศัพท์ : 081 901 8389
          เว็บไซต์ : www.bhuddhobhavana-watsampran.org
          เฟซบุ๊ก : วัดสามพราน

11. ตลาดน้ำปีกกา จังหวัดสมุทรปราการ

          แหล่งพักผ่อนหย่อนใจใกล้กรุงเทพฯ ที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสการเที่ยวตลาดแบบพื้นบ้าน ได้เดินเลือกดูเลือกซื้อสินค้าชาวบ้านที่เอามาจำหน่ายอย่างหลากหลาย ทั้งพืช-ผักสด อาหารพื้นถิ่น และปลาสลิดบางบ่อ ของกินขึ้นชื่อของอำเภอ ที่ใครไปก็ต้องแวะซื้อด้วยกันทั้งนั้น และถ้าหากว่าใครเดินช้อปกันจนเต็มอิ่มแล้ว แนะนำว่าลองแวะไปกราบขอพรหลวงปู่ปานองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

          ที่อยู่ : ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
          เฟซบุ๊ก : ตลาดน้ำปีกกา หลวงพ่อปานองค์ใหญ่

12. ตลาดอมยิ้ม จังหวัดราชบุรี

ภาพจาก 8CM / Shutterstock.com

          ตลาดวิถีไทยย้อนยุคที่มีบรรยากาศน่ารัก ๆ พ่อค้าแม่ขายแต่งกายแบบอย่างงดงามตามประเพณีของตนเอง ทั้งไทยทรงดำ ไทยพื้นถิ่น ลาวตี้ และลาวโซ่ง ที่นี่มีอาหารอร่อย ๆ ทั้งอาหารโบราณ ขนมไทย ให้เลือกซื้อเลือกชิมลิ้มลองมากมาย รวมถึงมีการละเล่นไทย การแสดงดนตรี นิทรรศการ และโรงนาแบบวิถีไทยจอมบึงให้ได้เที่ยวชมกันด้วย

          ที่อยู่ : วัดวาปีสุทธาวาส อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.30-17.00 น.
          เฟซบุ๊ก : อมยิ้ม ตลาดวิถีไทยย้อนยุคจอมบึง

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
thai.tourismthailand.org