ป่าไผ่สร้างสุข พัทลุง พื้นที่ปิกนิกสุดชิคที่ใครก็มาเก็บความสุขกันได้

          ป่าไผ่สร้างสุข ตั้งอยู่ภายในสวนไผ่ขวัญใจ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ไม่ไกลจากโรงพยาบาลควนขนุน เป็นอีกหนึ่งพื้นที่คุณภาพของจังหวัดพัทลุง ที่จะมาสร้างความสุขให้กับทั้งชุมชนและผู้มาเยือน เดินทางมาเที่ยวง่าย สามารถมานั่งเล่นปิกนิกได้ตลอดทั้งวัน ได้หอบความสุขกลับบ้านไปพร้อมกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แน่นอน


          ต้องขอเกริ่นถึงที่มาที่ไปของป่าไผ่สร้างสุขสักนิดค่ะ ว่าจริง ๆ แล้วพื้นที่สวนไผ่ขวัญใจของคุณขวัญใจ แต่เดิมนั้นเป็นสวนที่ทำการเพาะปลูก ขยายพันธุ์ไผ่ และถ่านจากไม้ไผ่ พร้อมทั้งมีศูนย์การเรียนรู้มายาวนานแล้ว แต่ได้เริ่มมาเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเมื่อปลายเดือนมกราคม 2560 นี้เอง โดยเกิดจากความร่วมมือของสวนไผ่ขวัญใจ และเครือข่ายกินดีมีสุข พัทลุง มาช่วยกันสร้างสรรค์ตลาดแห่งนี้


          บทเรียนที่พบว่าเป็นข้อจำกัดในการทำตลาดสีเขียวของชุมชนให้อยู่รอด ได้ถูกนำมาเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ป่าไผ่สร้างสุขแห่งนี้ โดยมีคอนเซ็ปต์สุดเก๋ "อิ่มกาย บายใจ สุขอยู่ที่พอ" โดยมีป่าไผ่สีเขียว ณ สวนไผ่ขวัญใจ บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ เป็นพื้นที่ในการสร้างความสุข ซึ่งมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 โซนหลัก ๆ ด้วยกัน คือ โซนตลาดป่าไผ่สร้างสุข, โซนพื้นที่นั่งพักผ่อน, โซนกิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ, โซนการเรียนรู้ของสวนไผ่ขวัญใจ และป่าไผ่สุดร่มรื่น



          แน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญของป่าไผ่สร้างสุข ก็คือ ตลาดสีเขียว เป็นโซนที่ชาวบ้านในชุมชนนำอาหารพื้นเมือง ขนมท้องถิ่นที่หากินยาก ผักสด ผลไม้ พร้อมทั้งสินค้าแฮนด์เมดมาจำหน่าย ในราคาสุดย่อมเยา เริ่มต้นที่ 1 บาทเท่านั้น ว้าว !





          ร้านค้าที่นี่มีการจัดการอย่างน่ารักมาก ๆ ค่ะ เพราะจะมีการจำหน่ายอาหารใน 2 แบบ คือ แบบพอดีคำ เพื่อลองชิม และซื้อกลับบ้าน โดยแบบพอดีคำ จะเป็นการตัดปัญหาของนักท่องเที่ยวที่อยากจะกินไปหมดเสียทุกอย่าง (ตัวอย่างคือ เราเอง ^_^) แต่ก็ซื้อชิ้นใหญ่ ๆ กินไม่หมด โดยแบบนี้จะเริ่มต้นเพียงชิ้นละ 1-2 บาท อาทิ ขนมเปียกปูน ชิ้นละ 2 บาท, ขนมสาคู 3 ลูก 5 บาท, ผัดไทยจานเล็ก 20 บาท เป็นต้น ก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ที่ต้องการให้กินอยู่แบบพอดีเลยทีเดียว






          อาหารที่ห้ามพลาดของที่นี่ ก็จะเป็นของคาวและของหวานพื้นเมือง อาทิ แกงน้ำเคย หรือแกงไตปลา, ข้าวยำปักษ์ใต้, ข้าวนึ่ง, ขนมจีนแกงใต้, หมูสะเต๊ะ, ข้าวราดคั่วเนื้อหัวข่าอ่อน, ข้าวต้มสมุนไพรเต้าเจี้ยวดองขิง, ขนมม้า,ขนมสาคู เป็นต้น



          อ๊ะ อ๊ะ แต่ก่อนจะไปเที่ยวป่าไผ่สร้างสุข เราต้องรู้กฏกติกาของที่นี่กันก่อนค่ะ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าที่นี่มีตลาดสีเขียว แต่จะไม่มีถังขยะรวมให้นะคะ ผู้มาเยือนจะต้องนำมาฝากทิ้งกับร้านค้ากันเอง งงใช่ไหม ? ก็เพราะผู้ก่อตั้งมีเจตนาที่จะให้ผู้มาเยือนได้ร่วมสร้างจิตสำนึกดี ๆ ด้วยกัน เพราะฉะนั้นถ้านำพลาสติก หรือสิ่งที่เป็นขยะเข้ามาก็ต้องนำมาทิ้งให้ถูกจุด อีกทั้งยังรณรงค์ให้ลดและงดการใช้พลาสติก หรือสิ่งที่จะทำให้ก่อเกิดขยะมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนมาเที่ยวที่นี่ควรเตรียมถุงผ้ามาให้พร้อม



          แล้วถ้าอยากกินของอร่อย ๆ ทำอย่างไร? ไม่ต้องกังวลค่ะ ร้านจำหน่ายอาหารและขนมของที่นี่เขามีจานและช้อนให้ยืม แต่เพื่อความสะดวก อยากให้เตรียมกันมาเองด้วยค่ะ เตรียมของคล้าย ๆ กับการมานั่งปิกนิกในสวนได้เลย :)



          ส่วนถ้าใครอยากซื้อของฝากกลับบ้าน ก็เตรียมถุงผ้า และปิ่นโต หรือภาชนะเก็บอาหารที่เราใช้ในครัวเรือนมากันด้วยนะคะ จะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และต้องขอความร่วมมือไม่นำพลาสติก หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดขยะเข้ามาในพื้นที่ หรือถ้านำเข้ามาก็ต้องเก็บกลับกันไปด้วยนะคะ เราจะได้มีพื้นที่แห่งความสุขให้ได้มาเยี่ยมเยือนกันนาน ๆ ^.^






          นอกจากโซนตลาดสีเขียวแล้ว ก็ยังมีพื้นที่กิจกรรมของเด็ก ๆ ให้ได้เรียนรู้ในเรื่องของดนตรี การทำผ้าทอสีธรรมชาติ ฯลฯ และยังมีศูนย์การเรียนรู้การเพาะปลูก การขยายพันธุ์ และการทำของตกแต่งบ้านจากไผ่สำหรับผู้ที่สนใจ รวมไปถึงยังมีพื้นที่ป่าไผ่สีเขียวสุดร่มรื่นให้ได้เที่ยวชม และนั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งก็เหมาะสำหรับการมาปิกนิกและสังสรรค์กับครอบครัว อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ที่น่าสนใจซึ่งกันและกันได้อีกด้วย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งคุยแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นกับชาวบ้านและคนในชุมชนได้เลย



          ถ้าอยากไปเดินเที่ยวชมป่าไผ่สร้างสุข สามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก ป่าไผ่สร้างสุข โดยเครือข่ายกินดีมีสุข จ.พัทลุง หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ (สงขลา-พัทลุง) โทรศัพท์ 0 7423 1055

          วันหยุดว่าง ๆ ลองไปชาร์จพลังงานจากธรรมชาติและความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตแบบพอดี ที่ป่าไผ่สร้างสุข จังหวัดพัทลุง กันนะคะ แล้วชิมของอร่อย ๆ เผื่อกันด้วยนะคะ :)

ขอขอบคุณข้อมูล
คุณประไพ ทองเชิญ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่