แนะนำที่เที่ยวอีสานสไตล์เมืองนอก เหมาะกับการเป็นที่เที่ยวเช็กอินช่วงหน้าหนาว ถ่ายรูปสวยมีสไตล์ เอาไว้แก้ขัดในช่วงที่ยังเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้
ลมเย็น ๆ พัดมาทักทายในช่วงหน้าหนาว เป็นสัญญาณเตือนบอกให้ขาเที่ยวทั้งหลายรู้ว่า ตอนนี้เป็นช่วงนาทีทองของฤดูกาล เหมาะอย่างยิ่งกับการออกเดินทางเก็บเกี่ยวความสุขให้เต็มที่ สำหรับใครที่ไม่อยากไปเบียดเสียดกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ภาคเหนือ แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนมา
เที่ยวอีสานดู แต่ละที่เที่ยวของเขา สวยและน่าเช็กอินไม่ต่างกัน บางที่ให้อารมณ์เหมือนกับว่าไปเที่ยวต่างประเทศ เอาไว้แก้ขัดช่วงที่โควิด 19 ระบาด ยังเดินทางข้ามประเทศไม่ได้ บอกเลยว่าฟีลไม่ต่างกัน
1. หมู่บ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนคร
เสน่ห์อย่างหนึ่งของการเที่ยวชมภายในหมู่บ้านท่าแร่ นั่นคือ “บ้านโบราณ” ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี โดดเด่นด้วยรูปแบบอาคารปูนทรงยุโรปในรูปแบบสถาปัตยกรรมบ้านเรือนเก่าแบบโคโลเนียล ทั้งนี้ ปัจจุบันเทศบาลตำบลท่าแร่ได้ใช้ตึกเหล่านี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านสถาปัตยกรรมของบ้านท่าแร่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส ตามอาคารจะมีการประดับประดาไฟหลากสี โดยเชื่อว่า "ดาว" เป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู เคล้ากลิ่นอายบรรยากาศเป็นกันเองของชาวบ้าน ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าเช็กอินอีกที่หนึ่งเลย
ที่อยู่ : ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร
2. ภูลมโล
หุบเขาสีชมพูแห่งซากุระเมืองไทย ตั้งอยู่บนรอยต่อสามจังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ในช่วงหน้าหนาวที่นี่จะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยเพราะใครต่อใครก็อยากจะมาชื่นชมดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูสวย ที่ผลิกลีบดอกบานทั่วทั้งหุบเขา โดยจะบานเต็มที่ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสำคัญ) ในแต่ละปี เจ้าหน้าที่และหน่วยงานท้องถิ่นมักจะจัดรถกระบะเตรียมไว้ให้ ไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นไปเอง เพราะถนนแคบและบางช่วงชัน อันตรายต่อการขับรถสวนกัน โดยจะมีจุดให้บริการนำเที่ยวไว้คอยบริการ
3. โลกของช้าง จังหวัดสุรินทร์
อียิปต์แห่งเมืองสุรินทร์ โดยเนรมิตพื้นที่กว่า 500 ไร่ เป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีทั้งจัดแสดงเรื่องราวของช้าง เป็นแหล่งศึกษาข้อมูลทางวิชาการของช้าง และจะมีช้างอยู่ที่นี่มากที่สุดในโลกอีกด้วย ภายในแบ่งออกเป็น 8 ส่วน ซึ่งล้วนแต่เป็นโครงสร้างแปลกตาอลังการสมกับงานช้างทั้งสิ้น มีทั้งซุ้มประตูทางเข้า, สนามแสดงช้าง สระช้างเล่นน้ำ, หอชมช้าง, โรงภาพยนตร์, พิพิธภัณฑ์ และการท่องไพร เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้างแบบครบวงจรที่สุดในโลกก็ว่าได้
ที่อยู่ : บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
4. สวนหินผางาม จังหวัดเลย
ฉายาคุนหมิงเมืองเลย ด้วยความงามลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร กับแนวผาหินปูนสูงใหญ่ ทอดยาวอยู่กลางทุ่งหญ้าสีเขียว โดยภายในมีเส้นทางเดินสลับซับซ้อน บางช่วงก็ดูลึกลับน่าค้นหา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีใจรักการผจญภัยอยู่นิด ๆ โดยภูเขาหินปูนจะกระจายเป็นลูก ๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้างสลับกันไป ทั้งยังมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามลักษณะอีกด้วย เหล่านี้เป็นความสวยงามที่รังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติ เป็นความอะเมซิ่งที่อยากให้คุณลองมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง
ที่อยู่ : ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย
5. ภูป่าเปาะ จังหวัดเลย
สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น "ฟูจิเมืองไทย" แน่นอนว่าจุดเด่นอย่างน่าประทับใจของภูป่าเปาะ นั่นคือ การเดินขึ้นไปชมบรรยากาศ รับลมหนาวเย็น ๆ และมองเห็นยอดของภูหออยู่ลิบ ๆ สำหรับจุดชมวิวนั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 จุด โดยแต่ละจุดอยู่ห่างจากกันไม่มาก เดินได้กำลังดีไม่เสียเหงื่อมากแน่นอน เอาเข้าจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าหนาว ก็สามารถขึ้นมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละช่วงฤดูกาลก็จะมีความงดงามในแบบฉบับของตัวเอง รับรองว่าไปกี่ครั้งก็ประทับใจทุกรอบ
ที่อยู่ : ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย
6. ถนนคนเดินเชียงคาน จังหวัดเลย
ถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยความวินเทจ ความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และวิถีชีวิตของชาวบ้าน
เชียงคาน ที่นี่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการเสพวิถีความสโลว์ไลฟ์ ใช้เวลาเนิบ ๆ ซึมซับบรรยากาศรอบข้าง แวะนั่งร้านคาเฟ่ชิล ๆ พร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศวิวแม่น้ำโขงตรงหน้า มันช่างน่าอภิรมย์อะไรเยี่ยงนี้ ยิ่งถ้ามาช่วงอากาศหนาว ๆ หน่อยนะ เผลอ ๆ จะคิดว่าเดินเล่นในหมู่บ้านของประเทศญี่ปุ่น บอกแล้วบรรยากาศมันได้ ฟีลมันโดน
ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
7. ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน มูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่า จังหวัดอุดรธานี
สถานที่ท่องเที่ยวที่แฝงด้วยกลิ่นอายความเป็นจีน ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีบรรพชนและหลักปรัชญา ของพี่-น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดอุดรธานี แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์เจ้าปู่-เจ้าย่า หลังจากนั้นค่อยเดินเล่นในสวนสไตล์จีน ร่มรื่นด้วยไม้มงคลของจีนต่าง ๆ เช่น ต้นเครามังกร ต้นหลิว โป๊ยเซียน และต้นไผ่ดำ เป็นต้น มีบ่อปลาคาร์พจักรพรรดิ ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาให้อาหารปลาได้ตามอัธยาศัย รวมถึงยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ให้ถ่ายจนหนำใจ
ที่อยู่ : ถนน 39 ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
เบอร์โทรศัพท์ : 042 242 333
เฟซบุ๊ก : ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี มูลนิธิศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี
8. พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
ใครอยากมาเที่ยวแล้วได้ฟีลเสพศิลป์สถาปัตยกรรมสวย ๆ ลองแวะมาที่พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี สถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของจังหวัดในแง่มุมต่าง ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชม นอกจากความรู้ที่ได้รับแล้ว ยังประทับใจกับความสวยงามของตัวอาคารก่ออิฐถือปูนรูปทรงแบบตะวันตก หลังคาทรงปั้นหยา หน้าต่างโค้ง มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าซุ้มประตู ดูสวยงามและทรงคุณค่า ยากที่เราจะสัมผัสได้จากที่ไหน
ที่อยู่ : ถนนโพศรี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
เบอร์โทรศัพท์ : 042 245 976
เฟซบุ๊ก : พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี
9. ธายาม่า ฟาร์ม เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
เช็กอินฟินบรรยากาศแบบญี่ปุ่น ซึ่งภายในให้บริการทั้งที่พักและร้านอาหารไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อน ท่ามกลางกลิ่นอายการตกแต่งที่จำลองเสมือนประเทศญี่ปุ่น เพลิดเพลินไปกับสวนหย่อม น้ำตกขนาดใหญ่ ฟาร์ม สนามเด็กเล่น ร้านค้า ร้านอาหาร และมุมถ่ายรูปต่าง ๆ รวมถึงยังได้สัมผัสกับวิวธรรมชาติสวย ๆ ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าหนาว อากาศกำลังเย็นสบาย บอกเลยว่าไม่ต่างกับไปเที่ยวถึงญี่ปุ่นเลย
ที่อยู่ : ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
เบอร์โทรศัพท์ : 081 170 0222
เฟซบุ๊ก : Tayama Farm Khaoyai
เว็บไซต์ : tayamafarmkhaoyai.com
10. สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี
ฉายาแกรนด์แคนยอนเมืองไทย เสน่ห์ที่ทำเอานักท่องเที่ยวต่างหลงใหล เห็นจะเป็นรูปร่างที่สวยงามแปลกตาของแอ่งน้ำและแก่งหินต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบ เช่น รูปร่างวงรี รูปดาว รูปมิกกี้ เมาส์ รูปหัวใจ หินหัวสุนัข เป็นต้น จะให้ดี แนะนำว่าให้ไปเที่ยวช่วงเวลาประมาณ 06.00-09.00 น. และ 15.00-17.30 น. เพราะจะเป็นช่วงที่แดดร่มลมตก อากาศกำลังสบาย ๆ ใครอยากเห็นบรรยากาศสวย ๆ ภาพของพระอาทิตย์ขึ้นก็ไปช่วงเช้า ใครอยากเสพบรรยากาศชิล ๆ ก็ไปช่วงเย็น ฟินอย่าบอกใครเชียว
ที่อยู่ : ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
11. มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ
หนึ่งในที่เที่ยวสุดอันซีนในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา กับสโตนเฮนจ์เมืองไทย โดยเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของกลุ่มหินโบราณ ที่มีรูปร่างต่าง ๆ กัน ล้วนเกิดจากการกัดเซาะของลมฝนมาเป็นระยะเวลานาน แต่ที่โดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มเสาหินโบราณ 5 ต้น ที่คาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยยุคดึกดำบรรพ์ราว 175-195 ล้านปีก่อน นอกจากนั้นแล้วบริเวณรอบ ๆ ก็ยังมีธรรมชาติสวยงาม มีทุ่งดอกไม้ป่าและจุดชมวิวงาม ๆ อีกหลายแห่ง ให้นักท่องเที่ยวได้แวะเยี่ยมชมอีกด้วย
ที่อยู่ : ตำบลห้วยต้อน อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ
12. ภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น
เลยจากตัวเมืองขอนแก่นมาไม่ไกล คุณก็จะพบกับความเขียวขจีของทุ่งนาและขุนเขาน้อยใหญ่ ที่มีสายหมอกลอยละล่องอยู่รอบ ๆ มองเผิน ๆ เหมือนกับว่าหลุดมาอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งที่นี่มีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวให้ได้เดินเล่นกินลมชมวิวเก็บเกี่ยวบรรยากาศ เอาจริง ๆ แค่เอาตัวมาเช็กอินที่นี่ ก็ทำให้ร่างกายและจิตใจเฟรชขึ้นอีกหลายเท่าตัว แถมยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่เรียบง่าย เหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่ใครลองไปสัมผัส ก็ต้องหลงรักเข้าเต็มเปา
ที่อยู่ : อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น
โอ้โห ! เห็นแบบนี้ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า อีสานจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ บรรยากาศดีเหมือนกับต่างประเทศอยู่เต็มไปหมด ช่วงหน้าไฮซีซั่นแบบนี้ น่าแวะไปเช็กอินเก็บเกี่ยวบรรยากาศความสุขช่วงปลายปี รับรองว่าประทับใจทุกที่เที่ยวแน่นอน ^ ^
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์ i-san.tourismthailand.org, เฟซบุ๊ก เที่ยวอีสาน.com
