เที่ยวเขาค้อ 2 วัน 1 คืน พักผ่อนเบา ๆ กับขุนเขาและสายหมอก

          เราแวะไหว้พระกันที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิษณุโลก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปกราบไหว้ขอพรกันได้ทุกวัน แต่อย่าลืมแต่งกายให้สุภาพด้วยนะคะ ^^

          นอกจากนี้ภายในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายให้เราได้เดินเที่ยวชม อยากจะบอกว่าเราโชคดีมาก ๆ เดินทางมาเที่ยววันที่ทางวัดเปิดให้ขึ้นไปกราบพระบรมสารีริกธาตุบนยอดพระปรางค์พอดี ซึ่งใน 1 ปี จะเปิดให้ขึ้นชมไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่เราห่วงไปทัวร์เมืองพิษณุโลก เลยไม่ได้ขึ้นไปเยี่ยมชมด้านบน ขอแค่ชมด้านล่างก็พอ :)



          หากใครมาเที่ยวพิษณุโลกแล้วมีเวลาน้อย เราอยากแนะนำให้ลองนั่งรถรางชมเมืองกันดูค่ะ เพราะใช้เวลาแค่ประมาณ 40-60 นาที เราสามารถเที่ยวได้รอบเมืองเลย และยังมีไกด์คอยให้ความรู้อีกด้วย วันนี้รถรางพาเราไปเที่ยวชมที่เที่ยวเมืองพิษณุโลกหลายแห่งเลยค่ะ เช่น วัดนางพญา, วัดราชบูรณะ, วัดวิหารทอง, พระราชวังจันทน์ และศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น



          หลังจากเที่ยวชมในตัวเมืองพิษณุโลกเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปอำเภอเขาค้อ จริง ๆ เราไม่ได้วางไว้ว่าจะต้องไปเที่ยวที่เที่ยวเด่นดัง ขอแค่มีวิวสวย บรรยากาศดีเป็นพอ 555 กลางวันนี้จึงยอมแบกท้องมากินข้าวกันที่ มาเดอ-เออ ภูธารา รีสอร์ท ร้านอาหารและที่พักริมแม่น้ำเข็ก รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีหลากหลายมุมให้ได้เลือกนั่งทานข้าว เมนูอร่อยของที่นี่จะเป็นประเภทปลาแม่น้ำ ใครอยากทานกาแฟ หรือเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่นี่เขาก็มีเสิร์ฟค่ะ




          สถานีต่อไปแน่นอนว่าจะต้องเป็นเขาค้อที่เรารอคอย 555 จากอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ไปยังอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมงค่ะ ระหว่างทางฝนก็ตกอย่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เพราะเรามาเที่ยวกันแบบชิล ๆ ขอแค่ถึงที่พักไม่มืดก็พอ :)

          ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 มีร้านกาแฟน่ารัก ๆ หลายร้านเลยค่ะ ใครอยากแวะพักจิบกาแฟสักหน่อยก็เลือกเลย ส่วนพวกเราเลือกร้าน The Bud Cafe\' ตั้งอยู่ช่วงดอยปูลู เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีการจัดแสดงแกลลอรี่ของชาวเขาเผ่าม้งไว้ให้ชมด้วย ตัวร้านมี 2 ชั้น ด้านบนมีที่นั่งนิดหน่อย แต่สามารถชมวิวภูเขาได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ ที่ด้านหลังร้านก็มีการจัดแสดงบ้านของชาวเขาเผ่าม้งไว้ให้ชมด้วย มีสวนเขียว ๆ ให้ได้เดินชมหน่อย ๆ บรรยากาศดีใช้ได้เลยล่ะ


          ล้อหมุนอีกครั้ง เรามุ่งหน้าไปยังที่พัก เดอะ บลู สกาย รีสอร์ท เขาค้อ ภารกิจแรกที่เขาค้อของเราคือ นอน !!! .... เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่ค่ะ ๆ (เริ่มง่วง 555) มาถึงที่นี่ทั้งทีเราต้องเดินไปชมสวนสไตล์อังกฤษกัน สวยงามแค่ไหน ก็ดูภาพเอาละกันเนอะ ^^


          สำหรับลูกค้าที่พักที่เดอะ บลู สกาย รีสอร์ท เขาค้อ สามารถที่จะบอกพนักงานให้เปิดประตูทางลงไปชมสวนได้เลยค่ะ ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ด้านหน้าของรีสอร์ท บัตรราคา 200 บาท/ท่าน

          ที่นี่เขามีร้านอาหารด้วยค่ะ วิวสวยมาก ๆ สามารถมองเห็นขุนเขาสีเขียวด้านหน้าได้อย่างชัดเจน บางวันมีสายหมอกลอยบางเบาคลอเคลียกับยอดเขา มีลมเย็น ๆ พัดมาตลอด อูย...โรแมนติก ^^



          มาชมที่หลับที่นอนของเราบ้างค่ะ วันนี้เราได้นอนห้องแบบแฟมิลี่ มีสองชั้นค่ะ การตกแต่งภายในจะเป็นสไตล์วินเทจหวาน ๆ ให้อารมณ์ราวกับได้นอนในบ้านพักในเมืองชนบทของอังกฤษเลยทีเดียว มีระเบียงชมวิวสวย ๆ ของภูเขาด้วย หลับสบายยยยยย ...


          เขาค้อ ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งสายหมอก เช้าวันต่อมาเราก็เลยตื่นไปดูหมอกกันที่ทุ่งกังหันลม บ้านเพชรดำ ตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ พิกัด : 16 ํ41\'09.8"N 100 ํ59\'36.8"E ทันทีที่ประตูรถเปิด ลมเย็น ๆ ก็พัดมากระทบหน้าเลยค่ะ อากาศสดชื่นสุด ๆ แบบนี้มันต้องสูดเข้าเยอะ ๆ สูดเข้าไป เอาให้เต็มปอดไปเลย

          จุดชมวิวของทุ่งกังหันลมจะอยู่ทางฝั่งตรงข้ามกับลานจอดรถลานต้นสน จุดนี้จะเห็นหมอกฟุ้ง ๆ เต็มเลยค่ะ อาจจะไม่ได้เห็นเป็นทะเลหมอกเท่าไรนะคะ เพราะว่าตรงทุ่งกังหันลมจะมีลมพัดแรงตลอด หมอกก็เลยฟุ้ง ๆ แต่ก็สวยงามไปอีกแบบค่ะ

          ทางฝั่งด้านบนของลานจอดรถลานต้นสน จะเป็นไร่จีบีค่ะ ในส่วนนี้จะมีการจัดเครื่องเล่นต่าง ๆ ของชาวม้งมาให้นักท่องเที่ยวได้ลองเล่นกันด้วย ทั้งชิงช้าม้งและรถฟอร์มูล่าม้ง หรือใครอยากนั่งจิบกาแฟ กินมันเผาร้อน ๆ นั่งมองวิวสวย ๆ ของสายหมอก ก็มีร้านค้าของชาวบ้านให้บริการค่ะ


          หลังจากกลับมากินข้าว อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็แวะพักซื้อของฝากกันเล็กน้อย เขาค้อมีร้านขายของฝากเยอะมาก ๆ ค่ะ ใครสามารถแบกกลับได้ ก็อย่าพลาดซื้อผัก-ผลไม้สด ๆ ของชาวบ้านไปทานกันนะคะ

          ยังไม่ทันได้ออกไปเที่ยวที่ไหนแบบจริง ๆ จัง ๆ ท้องไส้ก็เริ่มหิวขึ้นมาอีกแล้ว อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่ามาเที่ยวเขาค้อครั้งนี้ เราขอเน้นวิวบรรยากาศสวย ๆ 555 เพราะฉะนั้นกลางวันนี้ก็เลยมาลงเอยที่ Le Bonheur จากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ช่วงตำบลแคมป์สน ให้สังเกตปั๊มน้ำมัน PT จะมีถนนเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ ขับเข้าทางถนนเส้นนี้แล้วตรงไปเลยค่ะ ระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตร ใช้เวลาราว ๆ 5-10 นาที ถนนเส้นนี้เป็นทางขึ้นเขานะคะ ขับขี่ระมัดระวังกันด้วยเนอะ :)

          Le Bonheur เป็นร้านอาหารและร้านกาแฟที่เสิร์ฟอาหารทั้งแบบไทยและยุโรป มีขนมหวานและเครื่องดื่มให้ลิ้มลองเพียบ ที่สำคัญ...บรรยากาศดีมาก มองเห็นวิวภูเขาสีเขียวได้แบบพาโนรามาเลยล่ะ วันดีคืนดีก็มีน้องหมอกโผล่มาทักทานกันแบบใกล้ชิด บอกแล้วทริปนี้เราเน้นวิว !

          จากร้าน Le Bonheur จะสามารถขับรถวนไปเที่ยวที่เที่ยวเขาค้ออื่น ๆ ได้อีกด้วยนะคะ ทั้งวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว และพีโน่ ลาเต้ ก็อยู่ในเส้นทางนี้ เราจึงตัดสินใจไปไหว้พระกันก่อนที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

          วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งสามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้ไกลสุดลูกหูลูกตา นักท่องเที่ยวสามารถที่จะทำบุญไหว้พระได้ทั้งบริเวณมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์และองค์พระเจดีย์ ใครเดินไหวก็ยังสามารถที่จะขึ้นไปชมวิวบนยอดพระเจดีย์ได้อีกด้วย ได้มาทั้งทำบุญและเสพบรรยากาศดี ๆ แค่นี้ก็ถือว่าอิ่มใจแล้ว

          แต่ก่อนจะจากลาเขาค้อ มันต้องชมวิวและเสพบรรยากาศดีกันให้ถึงที่สุด เราย้อนกลับไปร้านพีโน่ ลาเต้ จริง ๆ ถ้าใครกินไหว ก็สามารถแวะพีโน่ลาเต้ก่อนได้นะคะ จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา แต่เราไม่ไหว 555 ที่นี่มีลานจอดรถเยอะมาก ๆ ค่ะ (แต่ช่วงวันหยุดแทบไม่เพียงพอ T^T) ถ้าจะให้ดีมาเที่ยววันธรรมดาจะชิลที่สุด นักท่องเที่ยวไม่หนาตาเท่าไร มีเมนูอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวานให้เลือกทานกันอย่างจุใจ เราเป็นคนชอบสีสันขอจัดเค้กสายรุ้ง มากินกับชาเขียวแล้วกัน ^^

          การเดินทางมาเที่ยวเขาค้อครั้งนี้ เรียกได้ว่าให้อารมณ์ที่แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ พอสมควร ได้มาเที่ยวพักผ่อนอย่างแท้จริง พบเจอมิตรภาพใหม่ ๆ ได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวในอีกรูปแบบ ต้องขอบคุณกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม ที่ทำให้ได้ฟังเพลงเพราะตลอดทริปและกินเที่ยวแบบจัดเต็ม ใครกำลังวางแผนจะไปเที่ยวเขาค้อเบา ๆ ก็ลองตามรอยกันดูนะคะ :)


ขอขอบคุณ