เที่ยววันวาเลนไทน์ รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติก ในไทย เพื่อพาหวานใจไปเที่ยวในช่วงวันพิเศษ รับรองได้ว่าฟินและอินกับบรรยากาศแน่นอน
1. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน
ดอยเสมอดาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปเที่ยวกันแค่เฉพาะฤดูหนาว เพราะตำแหน่งที่ตั้งของดอยเสมอดาว ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาสวย ๆ ของน่านได้ไกลสุดลูกหูลูกตา อากาศเย็นสบาย มีลานกางเต็นท์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ยามค่ำคืนมีดาวให้ดูละลานตา อีกทั้งยังเดินทางไม่ลำบากอีกด้วย
2. จุดชมวิวป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี
จุดชมวิวป้อมปี่ ตั้งอยู่บริเวณริมอ่างเก็บน้ำ ภายในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจุดที่สามารถมองพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มาก อากาศเย็นสบาย น่าไปนอนกางเต็นท์พักผ่อน การพาคนรู้ใจไปอยู่กับธรรมชาติ ลองนอนเต็นท์ชมวิว ชมดาว ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีไม่น้อย
3. เนินช้างศึก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ถ้าอยากพาคนรู้ใจไปชมทะเลหมอกสุดอลังการ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา เนินช้างศึกก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยววิวสวยอันดับต้น ๆ ที่อยากจะแนะนำกัน ซึ่งนอกจากที่นี่จะมีวิวของทะเลหมอกที่สวยตระการตาแล้ว อากาศก็ยังสดชื่นบริสุทธิ์ บรรยากาศเงียบสงบมาก สามารถไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่ใกล้เคียงอีกด้วย อาทิ หมู่บ้านอีต่อง, น้ำตกจ๊อกกระดิ่น หรืออุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นต้น
4. บ้านหล่อโย ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย
บ้านหล่อโย เป็นหมู่บ้านของชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าเล็ก ๆ บนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และบรรยากาศที่เงียบสงบ พร้อมทั้งยังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีที่พักบ้านดินให้ได้นอนพักผ่อนเย็น ๆ ได้กินอาหารพื้นเมืองสุดอร่อยที่ช่วยบำรุงสุขภาพ เป็นการเติมพลังงานให้กับร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม
5. ภูชี้ดาว จังหวัดเชียงราย
ภูชี้ดาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่ อยู่ไม่ไกลจากภูชี้ฟ้ามากนัก ซึ่งมีจุดชมวิวที่สวยงามไม่แพ้กับภูชี้ฟ้าเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าการเดินขึ้นไปยังภูชี้ดาวจะลำบากสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับการขึ้นไปเยือนแน่นอน เพราะจากยอดดอยภูชี้ดาวจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้แบบกว้างไกล มองเห็นภูเขาฝั่งประเทศลาวและยังเห็นภูชี้ฟ้าอีกด้วย
6. โครงการหลวงป่าสนบ้านวัดจันทร์ จังหวัดเชียงใหม่
โครงการหลวงป่าสนบ้านวัดจันทร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะต้นสน ที่ปลูกเรียงรายอย่างสวยงามรอบ ๆ โครงการ มีอ่างเก็บน้ำที่มีบรรยากาศสวยงามเงียบสงบคล้ายกับปางอุ๋งให้ได้ไปนั่งเล่นชิล ๆ และถ้าไปช่วงปลายปียังจะได้มีโอกาสเห็นใบไม้เปลี่ยนสี แต่ถึงแม้ว่าจะไปเที่ยวในช่วงต้นปี ที่นี่ก็ยังมีความสวยงามไม่แตกต่างกัน
7. เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
อำเภอเชียงดาว เป็นอำเภอที่นักท่องเที่ยวแนวผจญภัยจะรู้จักกันดี เพราะที่นี่มีเส้นทางเดินป่าเพื่อพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวเป็นไฮไลท์สำคัญ แต่ปัจจุบันก็มีแหล่งท่องเที่ยวและที่พักเปิดให้บริการมากมาย ใครที่อยากจะพักผ่อนกับคนพิเศษในบรรยากาศของธรรมชาติ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายและบริสุทธิ์สดชื่น และยังได้เห็นวิวสวย ๆ ของดอยหลวงเชียงดาว ต้องมาพักผ่อนในอำเภอนี้กันสักครั้งค่ะ
8. เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เขื่อนรัชชประภา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยที่นี่เป็นอ่างเก็บน้ำที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ และธรรมชาติของป่าสีเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ มีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา ปรากฏขึ้นกลางอ่างเก็บน้ำในเขื่อน เป็นความสวยงามที่ทำให้ที่นี่ได้รับฉายาว่ากุ้ยหลินเมืองไทย อีกทั้งยังมีที่พักแบบแพลอยน้ำให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงจะได้พักผ่อนนอนกลางสายน้ำที่ใสแจ๋ว เป็นสีเขียวมรกตงดงามสุด ๆ อีกทั้งบางที่พักยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จึงทำให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ เหมาะสำหรับการไปเที่ยวกับคนพิเศษแบบสุด ๆ
9. ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต จังหวัดจันทบุรี
ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางที่โรแมนติกมากที่สุดเส้นทางหนึ่งในเมืองไทย เพราะเป็นถนนที่ทอดขนานไปกับท้องทะเลจันทบุรี มีวิวชายหาดให้ได้เที่ยวชมอย่างจุใจ โดยจุดแวะพักที่สำคัญจะอยู่บริเวณจุดชมวิวเนินนางพญา ซึ่งสามารถมองเห็นท้องทะเลได้แบบไกลสุดลูกหูลูกตา อีกด้านหนึ่งก็จะมองเห็นถนนบูรพาชลทิตที่ลัดเลาะมาตามแนวชายหาดและไหล่เขา นอกจากวิวสวย ๆ แล้ว บนเส้นทางนี้ยังจะมีร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ บรรยากาศดีให้ได้ลิ้มลองมากมายอีกด้วย
10. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
ถ้าอยากพาคนพิเศษไปเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศที่โรแมนติกสุด ๆ บอกเลยค่ะว่าไม่ควรพลาดการไปเที่ยวทะเล โดยเฉพาะที่เกาะหลีเป๊ะ เพราะที่นี่อยู่ห่างจากชายฝั่งพอสมควร บรรยากาศจึงเงียบสงบมาก ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังเป็นสวรรค์ของท้องทะเลไทยอีกด้วย ท้องทะเลที่หลีเป๊ะจะเป็นสีฟ้าใสราวกับกระจก หาดทรายเป็นสีขาว เนื้อทรายเนียนละเอียด มีจุดดำน้ำเจ๋ง ๆ หลากหลายจุด ไม่ว่าใครได้มาที่นี่ต้องหลงรักแน่นอน
11. หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา
หมู่เกาะสิมิลัน ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งท้องทะเลไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยน้ำทะเลที่สวยงามจับใจ เป็นสีฟ้าใสเทอร์ควอยซ์ มองเห็นใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีแหล่งดำน้ำสวย ๆ เพียบ เต็มไปด้วยปะการังสีสันสวยงามและสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด พร้อมทั้งชายหาดหลาย ๆ แห่งก็สวยงาม ขาวสะอาด เนื้อทรายจะเนียนนุ่มละเอียด บรรยากาศเงียบสงบและโรแมนติกสุด ๆ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม - 15 พฤษภาคม ของทุกปี
12. เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะเต่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทะเลที่สามารถครองใจทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติไว้ได้แบบอยู่หมัด ด้วยความสวยงามของท้องทะเลโดยรอบ น้ำทะเลจะเป็นสีฟ้าใส มีที่พักหลากหลายแบบให้ได้เลือกพักผ่อนนอนชิล บนเกาะยังคงมีวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิมให้เราได้เห็น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ถ้าคุณกำลังตามหาที่เที่ยวทะเลสุดเงียบสงบและบรรยากาศโรแมนติก บอกเลยว่าไม่ควรพลาดไปเที่ยวเกาะเต่าแห่งนี้
อ๊ะ ๆ ไม่ใช่ว่าเมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ เพียงแค่นี้เท่านั้นนะ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวบรรยากาศดี วิวสวยโรแมนติก รอให้เราไปเยี่ยมเยือนได้อีกมากมาย แล้ว Kapook Travel จะมาอัปเดตที่เที่ยวสวย ๆ ให้ได้ชมกันเรื่อย ๆ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
