10 เกาะในฝัน ดินแดนสวรรค์ของคนรักทะเล
กำลังใกล้เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวกันแล้ว เพื่อน ๆ วางแผนท่องเที่ยวช่วงปลายปีกันไว้หรือยังคะ หลายคนคงจะไปสัมผัสอากาศหนาวที่ภูเขาที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ เลยใช่หรือเปล่า แต่ว่าวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ สวนกระแสด้วยการพาไปอาบแดด ดำน้ำ กินลม ชมปะการังและมนตร์เสน่ห์ของหาดทรายและเกลียวคลื่นกับ 10 เกาะในฝันแห่งท้องทะเลไทย ที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงดงามราวกับดินแดนสวรรค์เลยทีเดียว จะมีที่ไหนโดนใจเพื่อน ๆ บ้างหยิบกระเป๋าก้าวสองเท้าตามมาเลยค่ะ...
1. เกาะพยาม
เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากเกาะช้าง มีพื้นที่ประมาณ 35 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในจังหวัดระนอง ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นทะเลอันดามันของประเทศไทย มีประชากรบนเกาะราว 500-600 คน ปัจจุบันกำลังเป็นเกาะที่ได้รับนิยม เนื่องจากมีความเงียบสงบ และยังคงความสวยงามและคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติไว้อยู่มาก จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่รักความสงบนิยมแวะเวียนมาเที่ยวอยู่เสมอ ภายในเกาะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เช่น "อ่าวแม่หม้าย" ซึ่งถือเป็นประตูสู่เกาะพยาม เป็นจุดศูนย์กลาง มีชุมชนชาวบ้าน ร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงรีสอร์ทหรูไว้บริการ, "วัดเกาะพยาม" โดดเด่นไปด้วยพระอุโบสถกลางน้ำประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่ ตลอดจนพระองค์ใหญ่และหลวงปู่ทวดให้กราบไหว้สักการะ
"อ่าวเขาควาย" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ขึ้นชื่อว่ามีหาดทรายที่ขาวละเอียดที่สุดและสวยงามที่สุดในเกาะพยาม น้ำทะเลมีความใสสะอาดมาก ซึ่งลักษณะของอ่าวมีความโค้งคล้ายเขาควายจึงเป็นที่มาของชื่ออ่าวนั่นเอง, "อ่าวใหญ่" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นอ่าวที่มีขนาดใหญ่ หาดทรายละเอียด แต่ขาวไม่เท่าอ่าวเขาควาย หาดมีความกว้างและทอดตัวยาวทำให้ไม่แออัดและมีพื้นที่ในการทำกิจกรรมและลงเล่นน้ำได้อย่างสบาย ๆ ก่อนกลับแนะนำให้รอชมพระอาทิตย์ตกซึ่งที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดบนเกาะเลยทีเดียว นอกจากนี้ภายในเกาะยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมาก เช่น ขับรถมอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะ หรือถ้าไม่อยากสิ้นเปลืองมากนักจะหันมาปันจักรยานแทนก็ไม่ว่ากัน สามารถปั่นเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ชมสวนกาหยูหรือมะม่วงหิมพานต์ที่เป็นพืชเศรษฐกิจของชาวเกาะพยามนับว่าได้อารมณ์ไปอีกแบบ เพื่อน ๆ คนไหนอยากหลบหนีชีวิตที่วุ่นวายตีตั๋วตรงมาที่เกาะพยามแห่งนี้ได้เลย รับรองว่ามาแล้วจะหลงรักจนแทบไม่อยากกลับไปทำงานกันเลยทีเดียว
ทั้งนี้การเดินทางและรายละเอียดต่าง ๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร (ชุมพร ระนอง) โทรศัพท์ 0 7750 1821-2, 0 7750 2775-6
2. เกาะตาชัย
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ไม่ไกลจากหมู่เกาะสุรินทร์มากนัก ได้รับการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิมิลันในปี พ.ศ. 2541 ถูกค้นพบครั้งแรกโดยชายชื่อ "ตาชัย" จึงเป็นที่มาของชื่อเกาะ ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะน้องใหม่ที่สวยที่สุดแห่งท้องทะเลอันดามัน มีชายหาดทรายขาวเม็ดละเอียด เนื้อนุ่มประดุจดั่งผงแป้งทอดตัวยาวกว่า 700 เมตร ประกอบกับมีน้ำทะเลสีฟ้าใสราวกระจก อันเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่มีใจรักทะเลเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีสภาพธรรมชาติบนเกาะที่ยังคงความสวยงาม ตลอดจนมีความสมบูรณ์ของปะการังและสัตว์น้ำต่าง ๆ ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว ปลาสิงโต ฯลฯ จึงเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเลือกมาดำน้ำดูปะการังน้ำลึกอันสวยสดของที่นี่
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดอีกอย่าง คือ การเดินป่าเข้าไปดู ปูไก่ เป็นปูน้ำจืด ที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ ลำตัวมีสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงินเวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งนี้หากสนใจมาเที่ยวเกาะตาชัยแนะนำให้มาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ท้องทะเลสวยงดงามที่สุด หลังจากนั้นจะปิด 6 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู อย่างไรก็ตามเกาะตาชัยยังไม่มีที่พักเปิดให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเดินทางแบบ One-Day Trip เท่านั้น
ทั้งนี้การเดินทางและรายละเอียดต่าง ๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทรศัพท์ 0 7648 1900-2 หรืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทรศัพท์ 0 7642 1365 สำนักงานบนฝั่ง โทรศัพท์ 0 7659 5045 หรือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2562 0760
3. เกาะสิมิลัน
เรียกอีกชื่อว่า "เกาะแปด" เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะสิมิลัน ระดับน้ำในบริเวณรอบเกาะค่อนข้างลึก โดยเฉลี่ยประมาณ 100-120 ฟุต ใต้น้ำค่อนข้างสมบูรณ์ไปด้วยปะการัง กัลปังหา พัดทะเล กุ้งมังกร รวมถึงปลาประเภทต่าง ๆ หลายหลายสีสัน ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะจะมีอ่าวเล็ก ๆ ซึ่งอ่าวเกาะสิมิลันจะมีรูปโค้งเหมือนเกือกม้า และมีน้ำลึกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60 ฟุต ใต้ท้องทะเลอุดมสมบูรณ์ไปด้วยกองหินและแนวปะการัง มีปลาเล็ก ปลาน้อยมากมาย สภาพหาดมีความสวยงามเหมาะแก่การดำน้ำดูปลาและปะการังเป็นอย่างมาก
ส่วนทางด้านทิศเหนือจะเป็นเกาะแก่งเล็ก ๆ ใต้น้ำอุดมไปด้วยปะการังเขากวาง ปะการังดอกเห็ดขนาดใหญ่ ทางทิศใต้จะเป็นโขดหินสลับกับแนวปะการังไปเป็นระยะตลอดแนวอ่าว และทางด้านทิศเหนือจะมีก้อนหินขนาดยักษ์รูปร่างแปลกตามีลักษณะคล้ายรองเท้าบูท บ้างก็เรียก "หินเรือใบ" แหม ช่างจินตนาการซะจริง ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเกาะสิมิลันหรือเกาะแปดเลยก็ว่าได้
ทั้งนี้การเดินทางและรายละเอียดต่าง ๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทรศัพท์ 0 7648 1900-2 หรืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทรศัพท์ 0 7642 1365 สำนักงานบนฝั่ง โทรศัพท์ 0 7659 5045 หรือกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2562 0760
4. เกาะไม้ท่อน
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต เป็นเกาะส่วนตัวเล็ก ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับท่อนไม้ พร้อมกับมีบรรยากาศสุดแสนจะเงียบสงบเหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนเป็นอย่างมาก แถมยังได้รับสมญานามว่าเป็น "มัลดีฟส์เมืองไทย" เพราะมีหาดทรายสีขาวทอดยาว เคียงคู่ไปกับน้ำทะเลสีฟ้าสวยใสราวกับกระจก จนสามารถมองเห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายได้อย่างชัดเจน ทั้งปลาเสือ ปลาสิงโต ปลานกแก้ว ปลาการ์ตูน หรือหากวันไหนโชคดีหน่อยก็จะได้พบกับเจ้าโลมาผิวมันเงาโผล่ขึ้นมาเล่นเกลียวคลื่นอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสภาพป่าเขาที่สมบูรณ์สวยงาม ตลอดจนมีปะการังที่ยังคงความสมบูรณ์ให้เราเห็นอยู่มาก คราวนี้ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงมัลดีฟส์ในเมืองนอกแล้ว เมืองไทยของเราก็มี สวยงามไม่แพ้กันเลยว่าไหมคะเพื่อน ๆ
ทั้งนี้เกาะไม้ท่อนตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต อยู่ห่างจากภูเก็ตประมาณ 9 กิโลเมตร สามารถเดินทางจากท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต (อ่าวมะขาม) ไปยังเกาะโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ไม้ท่อนรีสอร์ท โทรศัพท์ 0 7639 1159 (สำนักงานที่ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต) และโทรศัพท์ 0 7621 4954-8 (บนเกาะไม้ท่อน) หรือติดตามได้ที่ เฟซบุ๊ก Love Andaman
5. เกาะเต่า
เป็นเกาะที่มีพื้นที่อยู่ในฝั่งทะเลอ่าวไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะพะงัน อยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเกาะจะมีลักษณะที่โค้งเว้าคล้ายกับเมล็ดถั่ว บ้างก็ว่าคล้ายเต่าก็สุดแล้วแต่จะจินตนาการ ซึ่งเกาะเต่าแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น "เกาะสวรรค์กลางทะเลอ่าวไทย" เนื่องจากเป็นเกาะที่เงียบสงบ มีธรรมชาติอันสวยงามมีความอุดมสมบูรณ์ มีหาดทรายขาวละเอียดที่สะอาดบริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีแนวปะการังที่ยาวถึง 8 กิโลเมตร อันเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงปลาหลากหลายชนิด ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลกแห่งหนึ่งในเรื่องของความงดงามและสีสันของโลกใต้ทะเล จนทำให้นักดำน้ำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องมนตร์เสน่ห์และหมุนเวียนมาเยี่ยมเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย
ทุกวันนี้บนเกาะมีโรงเรียนสอนดำน้ำมาเปิดให้บริการหลายแห่ง ตลอดจนมีโรงเรียนสอนดำน้ำจากที่อื่น ๆ แวะเวียนมาใช้เกาะเต่าเป็นสถานที่ฝึกสอนกันอยู่เสมอ จึงทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ในบริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะยังมีอีกเกาะที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ "เกาะนางยวน" เกาะเล็ก ๆ ที่มีสันทรายเชื่อมต่อกับเกาะเต่า (เกาะนางยวนคือหางเต่า) ในลักษณะเหมือนทะเลแหวก แถมยังเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังแบบใกล้ชิดที่สวยงดงามอีกแห่งหนึ่งด้วย
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแพ็กเกจตั๋วรถและเรือได้จากบริษัททัวร์เอกชนหลายแห่ง ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากรถทัวร์จะออกจากกรุงเทพฯ ไปจอดที่ท่าเรือ และสามารถต่อเรือไปยังเกาะได้เลย สามารถเลือกขึ้นเรือได้ทั้งที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 0 7728 8817-9
6. เกาะกูด
เกาะสุดท้ายปลายทะเลตะวันออกในจังหวัดตราดของไทย ติดชายแดนทางทะเลของกัมพูชา ที่เงียบสงบเหมาะสำหรับคนต้องการพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติ และด้วยความที่เป็นเกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ทำให้ดินแดนแห่งนี้เปี่ยมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร ทำให้มีน้ำตกที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อีกทั้งบนเกาะยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นชายหาดเนียนละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด อีกทั้งยังมีป่าชายเลน แนวปะการังนานาชนิด รวมถึงระบบนิเวศใต้ท้องทะเลที่สมบูรณ์ จนได้รับสมญานามว่า "อันดามันแห่งทะเลตะวันออก" นอกจากนี้วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านบนเกาะยังกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เสมอ
ทั้งนี้การเดินทางและรายละเอียดต่าง ๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด โทรศัพท์ 0 3959 7259-60
7. เกาะเฮ
เกาะเฮหรือคอรัลไอแลนด์ (Coral Island) เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากชายฝั่งภูเก็ตประมาณ 10 กิโลเมตร ถือเป็นเกาะสวรรค์สุดฮิตอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้สะดวก อีกทั้งมีธรรมชาติที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ มีผืนทรายอันนุ่มเนียนละเอียด ผสานกับท้องทะเลสีฟ้าครามงดงามตา โดดเด่นด้วยปะการังน้ำตื้นหลากหลายสีสันที่ยังคงความสมบูรณ์ สามารถมองเห็นฝูงปลาน้อยใหญ่มากมาย ส่วนทางด้านตะวันตกจะมีปะการังสมอง ปะการังผักกาด ปะการังเขากวาง ปะการังจานเป็นแนวทอดยาว และยังได้พบกับเหล่าฝูงปลาน้อยใหญ่นานาชนิด เช่น ปลาผีเสื้อ ปลาโนรี ปลานกแก้ว ปลาสินสมุทร ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นไข่มุกแห่งอันดามันได้ดีที่สุด ทั้งนี้เพื่อน ๆ คนไหนอยากสัมผัสกับโลกใต้ทะเลแบบใกล้ชิดแนะนำให้ดำน้ำแบบสนอร์เกิล หรือจะเลือกสนุกสนานไปกับกิจกรรมอื่น ๆ บนเกาะ เช่น เจ็ทสกี บานาน่าโบ๊ท เรือลากร่ม หรือพาราเซลก็ได้ตามใจชอบ
การเดินทางเริ่มต้นจากเกาะภูเก็ตเดินทางมาที่อ่าวฉลอง ที่นี่จะมีเรือให้เช่าเหมาลำ มีทั้งเรือสปีดโบ๊ทและเรือหางยาว โดยเรือสปีดโบ๊ทจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที ส่วนเรือหางยาวจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเลือกใช้บริการแพ็กเกจทัวร์แบบวันเดียว โดยจะเข้าไปเที่ยวในตอนเช้าและกลับเข้าเมืองภูเก็ตในตอนเย็น ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต โทรศัพท์ 0 7621 2213, 0 7621 1036
8. เกาะกระดาน
ขึ้นชื่อว่าเป็น "เป็นเกาะที่สวยที่สุดและมีชายหาดสวยที่สุดในทะเลตรัง" ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุกและเกาะลิบง มีเนื้อที่ 600 ไร่ ซึ่ง 5 ใน 6 อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมที่เหลือเป็นของเอกชน ซึ่งความโดดเด่นอยู่ตรงที่มีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด และน้ำทะเลสีฟ้าใสจนมองเห็นแนวปะการังซึ่งเป็นปะการังน้ำตื้นซึ่งทอดยาวจากชายหาดด้านเหนือถึงชายฝั่ง ตลอดจนตื่นตาตื่นใจไปกับฝูงปลาหลากหลายสีสันหลากหลายพันธุ์แหวกว่ายไปมากันอย่างรื่นรมย์ หากท่านใดสนใจเข้าพักบนเกาะก็มีที่พักบริการทั้งของเอกชนและอุทยานฯ
นอกจากนี้เกาะกระดานยังมีชายหาดให้เที่ยวอีก 4 แห่ง คือ "ชายหาดเกาะกระดาน" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ มีชายหาดสีขาวยาวประมาณ 2 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำดูปะการัง จากชายหาดสามารถมองเห็นเกาะลิบง เกาะแหวน เกาะมุก และเกาะเชือกได้ด้วย, "ชายหาดอ่าวเนียง" ตั้งอยู่ทางทิศใต้ เป็นหาดทรายสีขาวยาวประมาณ 800 เมตร นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งมีให้เห็นตลอดแนวชายหาด, "ชายหาดอ่าวไผ่" ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เป็นหาดทรายขาวยาวประมาณ 200 เมตร ด้านหน้าของชายหาดไม่มีแนวปะการัง แต่สามารถมองเห็นเกาะเชือก เกาะแหวน เกาะมุกสวยงามมาก และ "ชายหาดอ่าวช่องลม" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก อยู่เหนือที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมที่ 3 ห่างไปประมาณ 800 เมตร สามารถเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกและสามารถมองเห็นวิวเกาะรอกได้อย่างชัดเจน
การเดินทางมีเรือของรีสอร์ทบนเกาะกระดานบริการนักท่องเที่ยวที่จองที่พักกับรีสอร์ทต่าง ๆ และมีเรือเช่าเหมาลำจากท่าเรือปากเมงและท่าเรือควนตุงกู ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง โทรศัพท์ 0 7521 5867, 0 7521 1058, 0 7521 1085
9. เกาะรอกลอย (รอกวย)
เป็นหนึ่งในเกาะของกลุ่ม "หมู่เกาะดง" เป็นเกาะเล็ก ๆ อันเงียบสงบที่มีทัศนียภาพอันสวยงาม มีแนวปะการังที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ตัดกับน้ำทะเลสีมรกต เลยได้ชื่อว่าเป็น "ทะเลหยกแห่งน่านน้ำตะรุเตา" บริเวณเกาะมีน้ำตื้นและนิ่ง พื้นทรายใต้ทะเลมีความลาดเอียงต่ำเหมาะแก่การลงเล่นน้ำริมชายหาด และหากอยากดำน้ำชมปะการังก็เพียงแค่ว่ายออกไปจากชายหาดทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ ไม่เกิน 50 เมตร ก็จะได้พบกับแนวปะการังโขดที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่ในระดับปานกลาง
แต่มีข้อควรระวัง คือ แนวปะการังในบริเวณนี้อยู่ใกล้ผิวน้ำมาก (ระดับความลึกจากผิวน้ำถึงพื้นทะเลเพียงแค่ 2-3 เมตร) อีกทั้งยังมีเม่นทะเลอาศัยอยู่เยอะ หากไม่ระมัดระวังอาจจะไปโดนหนามเม่นทะเล หรือขูดกับแนวปะการังทำให้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์รอบ ๆ เกาะได้จากมุมสูง เพียงแค่เดินขึ้นไปบนเนินเขาที่อยู่ถัดไปจากชายหาด ข้างบนนั้นจะมีสะพานและระเบียงไม้เอาไว้ให้ยืนชมท้องทะเลอันกว้างไกลอีกด้วย
ทั้งนี้เกาะรอกลอยตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะหลีเป๊ะ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์ล่วงหน้าหรือจะเช่าเหมาเรือหางยาวจากเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง (ตรัง สตูล) โทรศัพท์ 0 7521 5867, 0 7521 1058 , 0 7521 1085 หรือติดต่ออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา โทรศัพท์ 0 7478 3485, 0 7478 3597
10. เกาะหลีเป๊ะ
ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่สำคัญในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดังราวี 2 กิโลเมตร โดย "หลีเป๊ะ" หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นของชาวเล (ชนเผ่าอุรักลาโว้ย) บนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง เกาะหลีเป๊ะกำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีบรรยากาศที่เงียบสงบ มีธรรมชาติที่บริสุทธิ์งดงาม รอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ หาดทรายขาวละเอียด จึงเป็นเสน่ห์เย้ายวนชวนให้นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติต่างเดินทางมาเหยียบย้ำผืนทรายที่เกาะแห่งนี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี
เกาะหลีเป๊ะประกอบไปด้วยหาดที่สำคัญ ๆ อยู่ 4 หาด คือ "หาดพัทยา" ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ซึ่งเป็นหาดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปมากที่สุดเนื่องจากขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุด, "หาดซันไรส์" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านชาวเล, "หาดคาร์มา" ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ซึ่งหันหน้าเข้าเกาะอาดัง และ "หาดซันเซ็ท" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก หันหน้าเข้ารับแสงอาทิตย์ตามชื่อของหาด โดยแต่ละหาดสามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้โดยใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้บนเกาะยังมีที่พักเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งด้านหน้าและด้านหลังเกาะอีกด้วย
ทั้งนี้การเดินทางจากตัวเมืองสตูลไปท่าเรือปากบาราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และจากท่าเรือปากบาราถึงเกาะหลีเป๊ะ สำหรับสปีดโบ๊ทใช้เวลาประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง (ตรัง สตูล) โทรศัพท์ 0 7521 5867, 0 7521 1058, 0 7521 1085 หรือติดต่ออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา โทรศัพท์ 0 7478 3485, 0 7478 3597
เป็นอย่างไรกันบ้างสวยงามราวกับดินแดนสวรรค์ไหมเอ่ย จะว่าไปเมืองไทยของเราก็น่าอิจฉาเหมือนกันนะมีแต่สถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ทั้งนั้น เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสำหรับพักผ่อน ทำกิจกรรม ดำน้ำดูปะการัง หรือจะนั่งดูท้องฟ้าพร้อมกับน้ำทะเลใส ๆ 10 เกาะสุดสวยเหล่านี้รอทุกท่านอยู่ อ้อ ! มาแล้วก็อย่าลืมเก็บภาพประทับใจมาฝากกันด้วยนะจ๊ะ Let’s go to the sea. Let go see the sunshine ยะฮู้...
หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก
, www.satun.go.th, www.trang.go.th, www.phuket.go.th, www.phangnga.go.th, www.suratthani.go.th, www.ranong.go.th, www.andamanecotourism.com, www.dnp.go.th และ เฟซบุ๊ก Love Andaman
