เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ cescassawin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก หมอๆ ตะลุยโลก
หลังจากที่เราได้หยิบเอาขั้นตอนการเดินทางไปล่าแสงเหนือ ณ ไอซ์แลนด์ จาก คุณ cescassawin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาบอกเล่าให้ทราบถึงขั้นตอนการเตรียมตัวกับ เปิดขั้นตอนการตามหาแสงเหนือ ณ ไอซ์แลนด์ ตอนที่ 1 ไปแล้วนั้น วันนี้เราก็นำเอาบทสรุปของเรื่องราวการไปตามล่าหา "แสงเหนือ" หรือ "แสงออโรร่า" แสงสีเขียวที่พาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน ณ ประเทศไอซ์แลนด์ มาบอกเล่ากันอีกครั้ง เอาเป็นว่าอย่ารอช้าตาม คุณ cescassawin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปตามล่าหาแสงเหนือ ไอซ์แลนด์ กันต่อเลยดีกว่าค่ะ ^^
+++++++++++++++++++++
8. Why Iceland ?
เพราะได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty มาครับ เย้ยไม่ใช่แล้วครับ ตั้งใจจะมาก่อนที่หนังจะเข้าฉายตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุผล ดังนี้
1. ค่าใช้จ่าย เทียบกับประเทศกลุ่มสแกนฯ หรือกรีนแลนด์ ที่ไอซ์แลนด์ค่าครองชีพถูกกว่าครับ รวมถึงมีสายการบินราคาประหยัดบินจากนอร์เวย์มาที่ไอซ์แลนด์ได้ครับ เทียบกับการบินไปกรีนแลนด์แล้ว ค่าใช้จ่ายต่างกันเยอะครับ บินไปกรีนแลนด์จากกรุงเทพฯ นี่อยากจะร้องไห้ครับ อย่างน้อย ๆ ต้อง 50,000 บาทแล้วครับ ถ้าใครเงินถึงฝากเที่ยวด้วยครับ กรีนแลนด์ T T ส่วนอลาสกาหรือแคนาดามันก็ดูจะไกลไปครับสำหรับคนไทยอย่างเรา ๆ
ป.ล. ไอซ์แลนด์ใช้เงินสกุล Krona (โครน่า) ใช้ตัวย่อ ISK 1 ISK = 0.3 THB โดยประมาณ เวลาคิดราคาของ เช่น นมกล่องราคา 200 ISK ก็เอา 0.3 ไปคูณ ก็จะแปลงเป็นเงินบาทอย่างง่าย ๆ คือ 60 บาท
2. สภาพภูมิอากาศ ไอซ์แลนด์มีสภาพเป็นเกาะ กลางมหาสมุทร อากาศแปรปรวนมากถึงมากที่สุดครับ ขณะที่ฝั่งสแกนฯ อากาศแปรปรวนน้อยกว่าเนื่องจากเป็นแผ่นดินใหญ่ ยกตัวอย่าง ไอซ์แลนด์อากาศเปลี่ยนแปลงเป็นรายชั่วโมง แบบช่วงเช้าฝนตก ช่วงบ่ายฟ้าเปิด ช่วงดึกหิมะตก ในขณะที่ฝั่งสแกนฯ ถ้าอากาศดีก็ดีไปเลย ถ้าแย่ก็แย่ไปเลย 3-4 วันติด ๆ กัน รวมไปถึงอากาศที่ไม่หนาวมากจนเกินไปในการล่าแสงเหนือ คือ ไม่ต่ำกว่า -10 องศาเซลเซียส ทำให้คนจากเส้นศูนย์สูตรแบบเรา ไม่ทรมานมากนักครับ เทียบกับอลาสกา แคนาดา พวกนี้หนาวมากนะครับ รัสเซียไม่ต้องพูดถึง หนาวโคตรหนาวครับ
3. สภาพภูมิประเทศ ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ยังใหม่ ตั้งอยู่บนกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นแนวแผ่นเปลือกแยกตัวระหว่างแผ่นทวีปอเมริกาเหนือและแผ่นทวีปยูเรเชีย ไอซ์แลนด์มีภูเขาไฟมากกว่าร้อยแห่ง ทำให้ไอซ์แลนด์มีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพสูง อย่างแหล่งน้ำพุร้อนจำนวนมาก รวมถึงมีน้ำตกสวย ๆ อีกเพียบ นอกจากนี้ ยังมีถ้ำน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งที่ดูมหัศจรรย์สุด ๆ อีกด้วย เรียกว่าที่นี่คนที่ชื่นชอบธรรมชาติมาแล้วติดใจไม่รู้ลืม
4. ความปลอดภัย ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีประชากรเบาบางมาก ราว ๆ 3 คนต่อ 1 ตารางกิโลเมตร แถมยังเป็นประเทศที่คนที่นี่รวยด้วยอีกต่างหาก ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีที่ 42,658.40 USD (ปี 2012) หรือ ราว ๆ 113,000 บาท ต่อคนต่อเดือน ทำให้คนที่นี่ไม่จำเป็นต้องไปปล้นหรือขโมยของใคร ทำให้มีความปลอดภัยสูงมากถึงมากที่สุด
9. การขับรถใน Iceland
หลังจากเราได้จองรถเรียบร้อย ทำใบขับขี่สากลเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่แต่งหน้าปะแป้งรอวันนั้นของเดือนให้มาถึงแล้วละครับ
หัวข้อนี้มาพูดถึงการขับรถในประเทศไอซ์แลนด์กันนะครับ ด้วยความที่ประเทศมีลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางมหาสมุทร ถนนเส้นหลักจึงเป็นถนนที่วิ่งได้รอบเกาะ วนกลับมาที่จุดเดิมได้เสมอ เรียกว่า Ring road ครับ
Ring road คือ ทางหลวงหมายเลข 1 เปรียบได้กับถนนสายประธานแบบ เพชรเกษม พหลโยธิน ของไทยนะครับ อย่างในภาพก็จะหมายถึงถนนเส้นสีดำทั้งหมดนะครับ ส่วนเส้นสีเหลืองที่เห็นตอนกลางของประเทศจะเรียกว่า F-road ครับ
F-road ในไอซ์แลนด์ หมายถึง mountain road คือ เป็นถนนที่ต้องใช้รถ 4WD เท่านั้น
ในไอซ์แลนด์จะเรียกบริเวณตอนกลางของประเทศว่า Highland ครับ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวปกติที่ไปกัน ดูให้ชัดขึ้น ก็คือ ถนนสายสีแดงทั้งหมดนี้ครับ เป็นเขตไร้คนอยู่อาศัย ไร้บ้านเมือง จะไปทีต้องไปเป็นทีมครับ อย่างเจ้า Kuku ก็บอกไว้ชัดเจนว่าเช่ารถ category ไหนจะขับที่ถนนระดับใดได้บ้าง
กฎจราจรสำหรับคนที่นี่ คือ
1.) พวงมาลัยอยู่ทางซ้าย รถขับเลนขวา ตรงกันข้ามกับเมืองไทยทุกอย่าง แรกอาจจะไม่คุ้น ขับไปสักพักก็จะชินครับ
2.) ความเร็วในการขับขี่เป็นเรื่องสำคัญมากครับ ในเขตเมืองไม่เกิน 50 กม./ชม. ในเขตชุมชนไม่เกิน 30 กม./ชม. ถ้าเป็นนอกเมืองถ้าถนนลาดยางก็ไม่เกิน 90 กม./ชม. ถนนลูกรังก็ไม่เกิน 80 กม./ชม. มีกล้องจับความเร็วแทบจะทุกจุดในถนนหลักของประเทศครับ ถ้าโดนปรับทีก็หนักอยู่
3.) สัญลักษณ์กฎจราจรเป็นตามแบบมาตรฐานสากล แต่อาจมีสัญลักษณ์ที่ไม่คุ้นในเมืองไทยอยู่บ้างครับ ไปโหลดโปรแกรมเก็บไว้ในมือถือกันได้ที่ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.is.traffic.signs&feature=search_result&hl=en_GBhttp://
4.) ต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลา และคาดเข็มขัดนิรภัยตลอด ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน อันนี้คือบังคับเลยนะครับ
5.) ห้ามใช้โทรศัพท์ระหว่างการขับรถ
6.) ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิดไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
112 เบอร์เดียวทั่วประเทศ โทรฟรี ไม่จำกัดเวลา
เรื่องปั๊มน้ำมัน
ไอซ์แลนด์มีปั๊มน้ำมันอยู่ทั่วประเทศ (ยกเว้น Highland) และเปิดตลอด 24 ชั่วโมง (เนื่องจากเป็นระบบอัตโนมัติ คนเติมต้องจ่ายเงินและเปิดหัวจ่ายเติมน้ำมันเอง ไม่มีเด็กปั๊มเหมือนเมืองไทย) แต่ปั๊มน้ำมันจะตั้งอยู่เฉพาะเขตเมืองเท่านั้น นอกเมืองไปไม่มีเลย และบางช่วงที่ระยะห่างระหว่างเมืองไกลมาก เพราะฉะนั้น การกะระยะทางระหว่างเมืองให้เหมาะสมและเติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่ตลอดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ
น้ำมันสำหรับรถยนต์มีแค่ 2 ชนิดเท่านั้น คือ Gasohol 95 และ Diesel เท่านั้นครับ
ราคาเฉลี่ยต่อลิตร Gasohol ราว ๆ 1.57 ยูโร Diesel อยู่ที่ 1.53 ยูโรครับ (ราคาเบนซินกับดีเซลแทบไม่แตกต่างกันเลย)
ในไอซ์แลนด์มีปั๊มอยู่หลายเจ้าครับ แต่เจ้าที่เห็นบ่อยจนชินตา คือ N1 และ Olis ครับ เจอกันเกือบทุกที่ แต่ N1 จะเจอมากกว่า คือ มีครบทุกเมืองในไอซ์แลนด์ครับ
บรรยากาศปั๊มน้ำมันในไอซ์แลนด์เหมือนกับเป็นจุดพักรถเลยละครับ บรรยากาศคล้าย ๆ เมืองไทย คือ มีทุกอย่าง ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้องน้ำ และร้านค้าพวกอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ต่าง ๆ ครับ เวลาเปิด-ปิดแล้วแต่เจ้าของว่าจะเปิด-ปิดกี่โมงบอกไม่ได้ แต่โดยเฉลี่ย คือ 08.30-20.30 น. ครับ โดยจะปิดเฉพาะส่วนร้านค้าเท่านั้น แต่ส่วนตรงหัวจ่ายน้ำมันเติมได้ตลอด 24 ชม. ครับ
การจ่ายเงินค่าเติมน้ำมัน
1.) Credit card เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดครับ จะ Visa หรือ Master card ก็ได้ แต่สำคัญตรงให้เราไปเปิดบัตรเครดิตชนิดที่มี pin ที่สามารถกดใช้เงินสดได้ (ถ้าแบบไม่มี pin ใช้กับหัวจ่ายน้ำมันไม่ได้นะครับ ใช้ได้แต่รูดบัตรซื้อสินค้าอย่างเดียว)
2.) N1 card เป็นบัตรเงินสดที่ใช้กับปั๊ม N1 เท่านั้น ซื้อ 10,000 บาท ก็เติมได้ 10,000 บาท แต่ดีกว่าบัตรเครดิตตรงที่ จะมีส่วนลดให้ 1 ISK ต่อ 1 ลิตรน้ำมัน ที่เราเติม (ลดประมาณ 30 สตางค์ต่อ 1 ลิตร) โดยบัตรนี้สามารถซื้อได้ที่ปั๊มน้ำมัน N1 ครับ
สรุปซื้อ N1 card ก็สะดวก บัตรเครดิตก็สะดวก จะใช้อะไรก็ตามใจเถอะ
สำรวจร่างกายรถ Kuku กัน
ตอนนี้ผมขอพามาตรวจภายในรถ Kuku Camper ของเรากันครับ ใช้กระเป๋าเป้สะพายหลังกะระยะความยาว ความกว้างดูนะครับ จะเห็นได้ว่าส่วนหลังเบาะคนขับจะเป็นอ่างล้างมือ เตาแก๊ส และกล่องเก็บความเย็นครับ ส่วนด้านท้ายรถจะเป็นส่วนไว้ให้คนนั่งและนอน
เตียงด้านบนพับไม่ได้ก็ใช้เป็นที่วางกระเป๋าในช่วงเช้าไปครับ ตอนกลางคืนก็เอาลงมาเป็นที่นอน ส่วนด้านล่างจะเห็นว่าเป็นเก้าอี้และโต๊ะจัดวางอยู่ ในเวลากลางวันก็นั่งแบบนี้ก็ได้ ส่วนกลางคืนก็เอาโต๊ะออกเลื่อนเก้าอี้มาเป็นเบาะขนาดใหญ่ได้ครับ ด้านบนนอนได้ 2-3 คน ด้านล่างนอนได้ 2-3 คน เช่นเดียวกัน
ขอบหน้าต่างมีราวแขวนผ้าให้ตั้ง 5 อัน สำหรับ 5 คนพอดีครับ
มาดูส่วนครัวที่อยู่ด้านหน้ากันบ้าง ฝั่งซ้าย คือ กล่องเก็บความเย็นซึ่งจะทำงานเฉพาะตอนรถวิ่งเท่านั้น ส่วนกลางคืนที่รถจอดอยู่กล่องก็หยุดทำงานครับ แต่ไอซ์แลนด์ที่ผมไปอุณหภูมิด้านนอกก็เพียงพอที่จะทำให้กล่องเย็นได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องใช้ไฟใด ๆ ครับ ฝั่งขวาจะเป็นโต๊ะทำครัว อ่างล้างมือ และเตาแก๊ส 2 อัน อย่างในภาพ
เปิดมาก็จะเป็นแบบในภาพนี้ กล่องใหญ่พอควรใส่อาหารสดได้เยอะครับ
กล่องใส่อุปกรณ์ครัวที่ให้มากับรถ มีกระทะ หม้อ เขียง ปืนจุดแก๊สที่ทำความสะอาด และจานพลาสติกมาให้แล้ว เราอาจจะเตรียมแค่ช้อนและจานเพิ่มไปนิดหน่อยก็พอครับ น้ำยาล้างจาน กระดาษทิชชู สก็อตไบรท์ ไปหาเอาที่นู่นครับ ไม่ต้องแบกไป
นอกจากนี้ ด้านบนเหนือที่นั่งคนขับยังมีช่องให้เก็บของได้อีก จะใส่พวกอาหาร-เสบียงก็ตรงนี้แหละ
มาดูส่วนด้านหน้ากันบ้าง พวงมาลัยอยู่ด้านซ้ายตามรูปครับ
รูปร่างคอนโซลก็เหมือนรถทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรแตกต่าง
เป็นกระจกไฟฟ้าทั้ง 2 ด้านนะครับ ไว้ค่อยตามกันในรีวิวละกันครับว่ากระจกบานนี้มีเรื่องราวอะไรให้ติดตาม
ปกติฝั่งซ้ายถ้าเป็นเหมือนไทยก็เป็นที่เปิดไฟเลี้ยวใช่ไหมครับ แต่ที่นี่ทุกอย่างตรงข้ามกับเมืองไทยหมด ด้านซ้ายเป็นที่ปรับน้ำฝนแทน
คันเร่งอยู่ฝั่งขวา เบรกอยู่ฝั่งซ้ายเหมือน ๆ บ้านเรา แผงคอนโซนกลางมีฮีตเตอร์ วิทยุและเครื่องเล่น CD เพลงครับ ใส่ USB หรือ MP3 อะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เตรียมแผ่นเพลงที่ชอบ ๆ มาละกัน ส่วนที่จุดบุหรี่ก็เอาไว้ต่อ Power invertor มาชาร์ตอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถได้ครับ
เกียร์รถเป็นแบบ auto และ semi-auto นะครับ N = Neutral, R = Reverse, A/M = Auto สำคัญมากสำหรับคนที่ขับรถเกียร์กระปุกไม่เป็น ตอนแจงต้องแจ้งไปอย่างชัดเจนว่าต้องการเกียร์ออโต้นะครั[ เพราะมีแค่คันเดียว ไม่รีบจอง ไม่มีรถไม่รู้ด้วยนะครับ
ทีนี้เมื่อวันที่เราได้รถเจ้า Kuku มาแล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก คือ
1.) ตรวจเช็กความเรียบร้อยภายในรถว่ามีสิ่งของใดบกพร่องหรือดูท่าไม่ค่อยดีบ้าง จะได้แจ้งพนักงานเขาก่อนรับมอบ2.) เช็กระบบน้ำประปา เตาแก๊ส กล่องเก็บความเย็นว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมทำงานหรือไม่3.) เช็กระบบทำความร้อนหรือฮีตเตอร์ที่ติดตั้งภายในรถว่าทำงานได้ดีหรือไม่4.) เช็กระบบไฟฟ้าภายในรถ เช่น ไฟทาง ที่ปัดน้ำฝน วิทยุ กระจกไฟฟ้าว่าทำงานได้ดีหรือไม่5.) ลองขับรถดูระยะทางสั้น ๆ ฝึกแตะเบรกและเหยียบคันเร่งรถที่เราไม่คุ้นเคย6.) สุดท้ายแล้วให้เขามานั่งกับเราขับรถเล่นรอบเมืองเล็ก ๆ สักรอบก่อนจะไปออกรอบจริงครับเผื่อใครสนใจรถประเภทนี้จริง ๆ เรามีคลิปวีดีโอรีวิวแบบละเอียด ๆ ให้ชมครับ
1. ทำไมต้องจอง Kuku มีเจ้าอื่นที่ดีกว่านี้ไหม
ตอบ นอกจาก Kuku แล้วยังมีของคนอื่น ๆ ให้เลือกสรรอีกหลายเจ้าครับ เช่น
http://www.campervaniceland.com , http://www.happycampers.is, http://www.campervanrental.is
แต่ทำไมจากเหล่าตัวเลือกด้านบน เราถึงเลือก Kuku เป็นที่หนึ่งในใจเรา ด้วยเหตุผลที่ว่า "มันถูกที่สุด" และ "เป็นยี่ห้อเดียวที่มีเกียร์ออโต้ครับ" ลองดูเทียบราคาง่าย ๆ ที่รถขนาดเดียวกัน คือ ขนาดสำหรับ 4 คนนอน (ราคาแปลงหน่วยจาก ISK, Euro มาแล้วนะครับ) โดยเป็นราคา ณ ช่วงเวลาเดียวกัน คือ ถ้ามาเวลานี้ต้องเจอราคาแบบนี้ครับ (ไม่ใช่ไปเทียบหน้า high กับหน้า low)
campervaniceland 7413happycampers 7513campervanrental 7413Kuku 53222. ถามต่อ...แล้วราคาถูกแล้วมันดีจริงเหรอเปล่า มีปัญหาระหว่างการใช้งานบ้างไหม ของถูกแต่ห่วยมีให้เห็นถมไป บลาบลา ๆ
ตอบ เป็นความจริงครับที่ว่าไม่มีของถูกและดีในโลก แต่ผมต้องย้ำอีกทีหนึ่งว่าถ้าเราไม่ซีเรียสที่จะต้องใช้ของดีมาก เราใช้ของถูกแล้วได้ประสิทธิภาพที่รับได้ สุดท้ายแล้วได้จุดประสงค์เดียวกัน เราจะโอเคไหมครับ นั่นคือ คำตอบของ Kuku ระยะเวลาที่ใช้งานเจ้า Kuku ตลอดเวลา 11 วัน มีปัญหาเยอะครับ ยอมรับเลย เช่น กระจกไฟฟ้าเสีย ต้องพารถไปหาช่างซ่อมใช้เวลาไปเกือบครึ่งวัน ระหว่างการเดินทางบางทีก๊อกน้ำใช้ไม่ได้ ต้องแกะมันมาซ่อม บางทีน้ำมันหล่อเย็นเครื่องยนต์หมดต้องพาไปหาช่างยนต์มาช่วยดูให้ รายละเอียดเหล่านี้จะอยู่ในรีวิวตอนต่อ ๆ ไปนะครับ แต่บทสรุปหลังจากจบทริปว่าด้วยราคาที่ยั่วยวนแล้วจุดนี้พวกผมยอมที่จะเจอปัญหาพวกนี้มาให้แก้ครับ
การเช็กสภาพอากาศ
การท่องเที่ยวอย่างมีความสุข ก็คือ อยู่ถูกที่และถูกเวลา อุตส่าห์หาวันลาเสียตังค์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงไอซ์แลนด์แล้วไปไหนเจอแต่ฝนเจอแต่หิมะคงไม่สนุก หรือจะมาดูแสงเหนือออโรร่าแบบพวกเราหันมองขึ้นฟ้าเจอแต่ก้อนเมฆสีดำทะมึนลอยอยู่บนหัว ทุกอย่างแบบนี้ไม่เห็นอะไรพอดี ดังนั้น การวางแผนการเดินทางล่วงหน้าในทุก ๆ วันจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ลดไปได้บ้างครับ
กรมอุตุนิยมวิทยาของไอซ์แลนด์ http://en.vedur.is/ มีข้อมูลเสิร์ฟใส่จานให้เราชนิดที่เรียกว่าครบถ้วนและบริบูรณ์ ผมจะพาไปดูในส่วนที่ต้องใช้บ่อย ๆ และคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับการมาล่าแสงเหนือนะครับ
ที่หน้าแรกหลังจากเข้าเว็บไซต์มาจะเป็นจากคอมพิวเตอร์หรือจากมือถือก็หน้านี้เหมือนกันครับ จะเป็นข้อมูลภาพรวมทั้งหมด ณ ช่วงเวลาที่จะถึง แต่สิ่งที่แนะนำ คือ กรอบสีส้มทางขวามือครับ เลือก Whole country
หลังจากเลือก Whole country มาแล้วจะเป็นหน้าจอแบบนี้ ทางฝั่งขวามือ คือ จะเห็นเป็นแผนที่ประเทศไอซ์แลนด์พร้อมแสดงสภาพอากาศของเมืองใหญ่ในไอซ์แลนด์ครับ เมื่อเอาเมาส์ไปวางก็จะขึ้นข้อมูลแบบละเอียดให้ดู ตั้งแต่ความแรงลม อุณหภูมิ หรือแม้กระทั่งปริมาณน้ำค้าง
กรอบสีเขียวทางซ้ายมือ คือ เขตต่าง ๆ ในประเทศ ที่เราสามารถเลือกดูแบบละเอียดเข้าไปได้อีกกรอบสีดำ คือ Aurora forecast หรือส่วนที่เราใช้บ่อยในการทำนายการเกิดแสงเหนือครับ
อย่างกรอบสีเขียวเมื่อกี้นี้ถ้าเราเลือกเฉพาะส่วนที่เป็น Reykjavik ก็จะได้ข้อมูลแถว ๆ เมืองหลวงได้ละเอียดยิ่งขึ้น เรายังสามารถเลื่อนแถบด้านล่างเพื่อเลื่อนไปดูการพยากรณ์ในอนาคตได้ถึง 6 วันล่วงหน้าครับ (แต่ในความเป็นจริงใช้ดูแค่วันรุ่งขึ้นก็โอเคมากแล้วครับ นานไปไม่ค่อยตรง)
มาถึงส่วน Aurora forecast ที่นับว่าเป็นของขวัญจากกรมอุตุนิยมไอซ์แลนด์ที่มอบให้แก่นักล่าแสงเหนือทุกคนครับ แผนที่ประเทศตรงกลาง เห็นมีส่วนที่เป็นสีเขียวเข้ม อ่อน อ่อนกว่า จนถึงขาว หมายถึงอะไร
สีเขียวเข้มมาก คือ เมฆอยู่กันอย่างหนานแน่น พูดง่าย ๆ คือ ฟ้าปิด ถ้าเป็นตอนเช้าก็คือไม่มีแสงแดดเล็ดลอดมาเลย ถ้าเป็นตอนกลางคืน ก็คือ มืดสนิทไม่เห็นดวงดาว ไม่เห็นออโรร่าไรทั้งนั้นสีขาว คือ ไม่มีเมฆเลย พูดง่าย ๆ คือ ฟ้าเปิด ถ้าเป็นตอนเช้า ก็คือ แสงแดดร้อนตับแลบ ถ้าเป็นตอนกลางคืน ก็คือ สวรรค์ชั้น 7 ครับ ดาวจะมาเป็นล้านดวง หากดวงสมพงศ์กันออโรร่าจะมาเต้นระบำให้เราดูเป็นขวัญตาอีกส่วนสีระหว่างนี้ก็ลดหลั่นกันไปตามลำดับครับ แถบเมนูสีน้ำเงินสามารถเลื่อนไปดูการพยากรณ์ล่วงหน้าได้ 5 วันเช่นเคย (แต่เอาจริง ๆ ใช้แค่วันรุ่งขึ้นก็โอเคมากแล้วครับ แถบเมนูสีแดงจะบอกถึงโอกาสการเกิด Aurora ณ ช่วงเวลานั้น ไล่จาก 0-9 ถ้าเอาแบบเห็นชัวร์ต้อง 3 ขึ้นไป แถบเมนูสีชมพู จะบอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตก เห็นว่ากว่าจะมืดก็เข้าไปจะ 4 ทุ่มแล้วครับ นี่เดือนเมษายนนะเนี่ยทีนี้แผนที่นี้มันดีอย่างไร ขออธิบายแบบนี้ละกันครับ
เกิดวันที่ 10/6/2557 เวลา 15.00 น. เราเช็กสภาพอากาศแล้วพบว่าบริเวณที่เราอยู่ตอนนี้ในอีก 9 ชั่วโมงข้างหน้าฟ้าจะปิดมาก (พื้นที่สีเขียวเข้มแป๊ด) โอกาสเห็นออโรร่าเป็นศูนย์ แต่พอมองไปทางพื้นที่ด้านข้างพบว่าเลยออกไปอีก 150 กิโลเมตร เป็นพื้นที่สีขาว ฟ้าเปิดสุด ๆ แถมวันนั้น Aurora มี activity 3 แบบนี้ก็ต้องคิดแล้วครับว่าคุ้มไหมที่จะยอมขับรถเพื่อตามล่าออโรร่า คำตอบ คือ คุ้มมาก ๆๆๆครับ ผมบอกได้เลย
การเช็กสุขภาพถนน
หลังจากดูสภาพอากาศแล้วมาดูสภาพถนนกันต่อนะครับ ไม่ใช่ว่าฟ้าเปิดแต่ปรากฏว่าทางปิด อันนี้เรียกว่าตายน้ำตื้นนกกระจอกไม่ทันกินน้ำนะครับ ต้องเช็กให้พร้อมทั้งอากาศและถนนนะครับ
กรมทางหลวงไอซ์แลนด์ http://www.vegagerdin.is/english/road-conditions-and-weather/ มีข้อมูลที่แทบจะยัดเข้าปากอีกที่ครับ ไม่แพ้กรมอุตุฯ เลย ไปดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง
เข้ามาหน้าแรกก็จะพบกับหน้าจอแบบนี้ครับ ตรงกลางเป็นแผนที่ประเทศเหมือนเคย ส่วนสี่เหลี่ยมสีส้มตรงกลางเราสามารถเลือกโซนที่จะเช็กสภาพถนนได้ครับ
แบบ Entire country ก็จะเห็นทางหลวงทุกเส้นบนเกาะแห่งนี้ครับ สีเขียว วิ่งสบาย, สีเหลือง วิ่งระมัดระวัง, สีแดง ห้ามวิ่ง อะไรแบบนี้ จะเห็นว่ามีความหมายของสัญลักษณ์อยู่ทางขวามือแล้วครับ
ถ้าแบบเลือกพื้นที่ South-West ซึ่งเป็นส่วนของเมืองหลวงมาก็จะเห็นรายละเอียด ชื่อเมืองที่ละเอียดมากขึ้นอีก จะเห็นว่านอกจากข้อมูลเบื้องต้นแล้วยังมีสัญลักษณ์รูป webcam ให้เช็กสภาพถนนแบบ realtime อีกด้วย
อันนี้เป็นแผนที่กล้อง CCTV ที่ติดอยู่ตามทางหลวงทั่วประเทศ ให้เราเช็กสภาพถนนแบบ Realtime ได้ครับ
ที่นี้วิธีใช้ คือ ดูก่อนว่าถนนที่เราเห็นนั้นเป็นสีอะไร ถ้าเป็นสีเขียวก็คงไม่อะไร แต่ถ้าบริเวณที่เราเห็นถนนเป็นสีเหลืองเราก็มาดูกล้อง ก็อาจจะพบว่าแถบนั้นพายุหิมะกำลังถล่มอยู่มีหิมะเยอะ ถ้าเน้นปลอดภัยก็อาจหลีกเลี่ยงเส้นทางหรือรอให้ทางการเขามาจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วเราค่อยเดินทางต่อก็ได้ครับ อะไรแบบนี้ จะเห็นได้ว่ามีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว ถ้าไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์จะพลาดโอกาสดี ๆ ไปขนาดไหนครับ
10. การซื้อของใน Iceland
10.1 การเลือกใช้ซิมโทรศัพท์
ไอซ์แลนด์ตอนนี้มีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่มากและครอบคลุมเกือบทั้งเกาะครับ มีตั้งแต่ 2G 3G 4G กระจายไปทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น ไม่มีขาดการติดต่อจากโลกภายนอกแน่นอนครับมื อถือที่ควรติดมาด้วยก็ควรเป็นมือถือที่รองรับเครือข่ายเหล่านี้ได้ ซึ่ง Smartphone ปัจจุบันในเมืองไทยไม่มีปัญหาเหล่านี้แล้วครับ คำแนะนำ คือ หลังจากได้รถมาแล้ว จริง ๆ ในสนามบินก็มีร้านขายซิมมือถือ แต่สำหรับผมแนะนำให้ขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้า Kringlan mall (64.130259, -21.893016) ดีกว่าครับ อยู่ในเมือง Reykjavik จะมีร้านโทรศัพท์เหล่านี้ให้เลือกหาอย่างครบถ้วน และยังมีซูเปอร์มาร์เก็ตให้เราจะได้ไปตุนเสบียงสินค้าและอาหารเอาไว้เดินทางไกลอีกด้วยครับ)
บริษัทมือถือเจ้าใหญ่ ๆ มีอยู่ 3 เจ้า คือ Siminn, Nova, Vodafone ครับ โดยจะแนะนำเฉพาะ Pre-paidsim ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวอย่างพวกเราก็คงใช้กันแต่แบบนี้อยู่แล้วครับ
1. Siminn (http://www.siminn.is/english)
เครือข่าย 3G ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในประเทศผมขับรถไปรอบเกาะ สัญญาณจับได้ประมาณ 95% ของระยะทางทั้งหมดที่ผมขับรถไป
สำหรับราคาก็ดูที่เว็บนี้ได้ https://thjonustuvefur.siminn.is/MittFrelsi/kaupa?locale=en
ถ้าซื้อซิมเพื่อใช้ internet อย่างเดียวก็ซื้อแบบ 5 gb ราคา 2,190 kr ราว ๆ 630 บาท โดยประมาณครับแต่ถ้าต้องการใช้โทรศัพท์ด้วย (ซึ่งก็ควรมี 1 คนในทีมใช้แบบนี้ เพราะว่าจะได้ใช้ติดต่อกับเจ้าของรถหรือในกรณีฉุกเฉินครับ) ก็ต้องซื้อแพ็กเกจ (Frelsi) หลักก่อนแล้วค่อยซื้อ data top up เข้าไปครับ
2. Vodafone (http://www.vodafone.is/en)
เครือข่ายกว้างขวางพอ ๆ กัน มีทั้ง 2G-3G-4G เหมือนกันครับ พูดยากครับว่าอันไหนดีกว่ากัน
ถ้าถ้าซื้อซิมเพื่อใช้ internet อย่างเดียวก็ซื้อแบบ Starter kit ก่อนที่ 3 gb ราคา 1,790 kr แล้วถ้าหมดก็ค่อยเติมเพิ่มครับ ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.vodafone.is/en/getonline/ นะครับในกรณีที่ต้องใช้โทรศัพท์ด้วยก็ต้องซื้อ basic starter pack ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.vodafone.is/en/prepaid/ นะครับราคาแพงสุดถ้าเทียบกับอีก 2 เครือข่ายที่เหลือ
3. Nova (https://www.nova.is/afylling/en)
เครือข่ายน้องใหม่มาแรง เข้าไปในเว็บไซต์ยังดูงง ๆ อยู่ครับ สำหรับเครือข่ายนี้ผมซื้อมาลองใช้เฉพาะซิมอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว เทียบกับ Siminn หมัดต่อหมัดแล้วใกล้เคียงกัน ตัดสินใจลำบากครับ แต่ราคาดูจะเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวที่สุดครับ
บทสรุป : เมื่อดูทุก ๆ ปัจจัยร่วมกันแล้ว และความรู้สึกจากการใช้งานจริง Siminn ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสุดครับ แต่ Nova ก็ถือว่าดีมากพอสมควร แพ้กันด้วยคะแนนแบบเฉียดฉิว ส่วน Vodafone ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ สัญญาณในต่างจังหวัดยังไม่ดีที่สุดแถมราคายังแพงที่สุดอีกด้วย
10.2 Supermarket
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
นอกจากเสบียงที่เราจะตุนจากเมืองไทยไปแล้ว บางส่วนก็ต้องไปซื้อเพิ่มเอาดาบหน้าที่ไอซ์แลนด์ครับ ทีนี้เนี่ยจริง ๆ ตามปั๊มน้ำมันทุกปั๊มนี่ก็มีพวกเสบียงในซูเปอร์มาร์เก็ตให้เราตุนอยู่แล้ว แต่ราคาจะค่อนข้างแพงไปหน่อย (คล้าย ๆ กับซื้อของในเซเว่นฯ ราคาก็แพงกว่าซื้อในโลตัส จริงไหมครับ) ผมเลยจะมาแนะนำร้านที่เราควรใช้เป็นที่สำหรับสะสมเสบียงกัน 2 ร้านนี้ คนท้องถิ่นไอซ์แลนด์ยังแนะนำมาเลย ด้วยราคาและคุณภาพที่เป็นมิตรกับคนผิวเหลืองแบบเรา และมีของครบเกือบทุกสิ่งให้เลือกสรรตามใจชอบ
1. Bonus (http://www.bonus.is/)
สัญลักษณ์เป็นรูปหมูตัวอ้วนบนพื้นสีเหลือง แบบนี้เห็นทีเดียวก็จำได้ มีขายครบหมดตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ มีอยู่ 29 สาขาทั่วประเทศ ถ้าเห็นสัญลักษณ์แบบนี้เราอย่าพลาดที่จะลองเข้าไปเดินเล่นดูนะครับ เป็นร้านประจำของคนไอซ์แลนด์เวลามาตุนเสบียงเลยครับ
2. Kronan (http://www.kronan.is/)
มีชื่อเสียงและขายของถูกพอ ๆ กับ Bonus ครับ ขายมันทุกอย่างเหมือนกัน
นอกจาก 2 ร้านนี้แล้วยังมีร้านที่พบได้บ่อย ๆ อีก เช่น Nettó, Samkaup แต่ราคาสินค้าก็จะแพงกว่า 2 ร้านด้านบน จึงแนะนำ 2 ร้านด้านบนเป็นหลักนะครับ
ราคาสินค้าในไอซ์แลนด์
ผมจะขอเอารูปใน Supermarket ที่ Bonus ขึ้นให้ดูครับว่าของในนั้นราคาเท่าไหร่ แน่นอนว่ามันต้องถูกกว่าร้านสะดวกซื้อ หรือร้านตามปั๊มอย่างแน่นอน ราคาอาจจะถูกบวกเพิ่ม 20-30% ได้เลย ไม่ต้องแปลกใจไปนะครับ
เรทเงินอยู่ที่ 1 ISK = 0.28 บาท (คิดง่าย ๆ ให้เอาราคาของไปคูณด้วย 0.3 ครับ จบเลย เช่น ของราคา 1,000 ISK ก็จะราคาราว ๆ ประมาณ 300 บาท (0.3x1,000=300))
เราทำคลิปวิดีโอใน Bonus Supermarket ไว้ จะเป็นยังไงไปชมกันได้เลยครับ
ตัวอย่างราคาสินค้าใน Bonus Supermarket
11. การอาบน้ำและเทคนิคการใช้ห้องน้ำในโรงแรมยามค่ำคืน หรือแม้แต่ปล่อยข้างทาง
สาว ๆ ต้องการไปล่าแสงเหนือ ต้องนอนบนรถ "Camper van" ตลอดทั้งทริปลำบากมากมั้ย ????
- ก็ไม่นะครับ แต่ แต่ แต่..."ต้องเป็นสาวถึก สกปรก ซกมก ระดับหนึ่งครับ" เพราะในรถอาบน้ำไม่ได้ ในรถเข้าห้องน้ำไม่ได้ แต่ แต่ แต่...
1. ในแต่ละเมืองของไอซ์แลนด์จะมีสระว่ายน้ำประจำเมือง เราสามารถเข้าไปใช้บริการอาบน้ำได้ครับ ระดับราคาตั้งแต่ 150-250 บาท ต่อครั้งต่อคน บริการนี้รวมไปถึงการไปใช้สระว่ายน้ำด้วย (การอาบน้ำที่นั่นเปลือยอาบกันทุกคน ไม่มีกั้นเป็นห้อง ๆ เหมือนบ้านเรา แต่แยกเพศอาบ ไม่ได้ร่วมเพศกันอาบครับ สบายใจได้ ผู้ชายก็เปลือยอาบนะครับ)
2. ห้องน้ำเข้าได้ตามปั๊มน้ำมัน N1 ของทุกที่ ขับรถไปยังไงทุกชั่วโมงต้องเจอครับปั๊มน้ำมัน แต่มันจะปิดราว ๆ 2ทุ่ม ถึง 4 ทุ่มครับ เราจึงไม่สามารถเข้าห้องน้ำหลังจากนั้นได้ แต่ แต่ แต่ Iceland มีโรงแรมระดับ 4-5 ดาวครับ เราก็ตีเนียนทำตัวเหมือนแขกไปใช้บริการห้องน้ำเค้า ทั้งล้างหน้า แปรงฟัน ปลดทุกข์ เติมน้ำ แบบฟรี ๆ กันมาเรียบร้อยแล้วครับ แต่ในกรณีที่ต้องล่าแสงเหนือ บริเวณส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา ทะเลสาบ ธารน้ำแข็ง ซึ่งไม่มีโรงแรมอะไรไปตั้งอยู่แถวนั้น ถ้าผู้ชายก็ยิงกระต่ายกันข้างล้อรถเลย สบาย ๆ แต่ถ้าสำหรับสุภาพสตรีไม่ต้องเขินนะครับ ประสบการณ์ชีวิต ปัสสาวะข้างทางโลด จะทนกลั้นฉี่เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเพื่อ !!! สาว ๆ 2 คนนี้ก็จัดไปเรียบร้อยครับ เห็นแอบกระซิบมาว่าฉี่ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ ลมเย็น ๆ นี่เย็นตรู๊ดมาก ๆ 555+
ล่าแสงเหนือ สไตล์ถูกโคตร ๆ แบบนี้ ก็ต้องยอมทนลำบากแบบนี้หละครับ #ประสบการณ์ชีวิตที่หาซื้อไม่ได้ เรามีคลิปวิดีโอเรื่องการอาบน้ำตามสระว่ายน้ำประจำเมืองอยู่ครับ ลองชมกันดู
12. สถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ (ฤดูหนาว)
ไม่รู้ว่าไอซ์แลนด์เป็นเกาะสวรรค์ได้รับประทานมาจากพระเจ้าหรือเปล่านะครับ เพราะว่าชัยภูมิมันช่างเหมาะ และสถานที่ท่องเที่ยวก็รู้สึกว่าอยู่ถูกที่ถูกทางไปหมด ถนนหนทางก็เพียบพร้อม สถานที่สวยตระการตา วิวเทพ เกือบจะทุกแห่งล้วนขับรถแบบธรรมดา ๆเข้าถึงได้หมด ไม่ต้องขับ 4WD ลุยป่าฝ่าดงเข้าไปเหมือนประเทศอื่นครับ ช่วงนี้ผมจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแบบยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ที่แบบถ้าไม่ไป นี่อย่าพึ่งกลับเด็ดขาดนะครับ ถ้าวันไม่พอให้ไปเลื่อนตั๋วเครื่องบิน เพราะมันเมพมากจริง ๆ
8-10 คะแนน คือ สถานที่ต่อให้ฝนตก ฟ้าถล่ม ทางขาด ยังไงก็ต้องไปให้ได้ ถ้าไม่ไปนี่ถือว่าพลาดแบบไม่น่าเห็นใจใด ๆ ทั้งสิ้น
6-7 คะแนน คือ สถานที่ที่ไม่น่าพลาดเหมือนกัน แต่ความเสียดายอาจจะไม่เท่ากับระดับบนครับ
5 คะแนนลงมา ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไปไม่ได้จริง ๆ อาจตัดทิ้ง เข้าทำนอง เสียแขนข้างเดียวดีกว่าเสียตัวทั้งร่างกาย
บอกก่อนว่าคะแนนที่ให้มาจากอารมณ์และความรู้สึกในตอนนั้นล้วน ๆ นะครับ บางสถานที่สวยมากแต่เราไปผิดเวลา มันดูไม่สวยในตอนนั้นก็ให้คะแนนตามช่วงเวลานั้นนะครับ
มีสถานที่อยู่ 2 แห่ง ที่แม้เราไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่ได้รับการพิสูจน์จากคนทุกมุมโลกแล้วว่าสมควรไปคือ Dettifoss และ Vesturhorn mountain ผมก็ขอเอามาลงไว้ในนี้ด้วย เพื่อความสมบูรณ์ของแผนการเดินทางสำหรับคนที่พึ่งรู้จักไอซ์แลนด์เป็นครั้งแรก การแนะนำสถานที่จะเริ่มจากสถานที่ที่ใกล้เมืองหลวง เรคยาวิกมากที่สุด แล้วก็วนทวนเข็มนาฬิกาไปนะครับ
1. Þingvellir and Öxarárfoss
ชื่อสถานที่อ่านยาก ๆ แบบนี้มีอยู่ทั่วไปในไอซ์แลนด์ แต่ความสวยเทพไม่ได้ดูยากเหมือนชื่อ มาง่ายและอยู่ใกล้เมืองหลวง นักท่องเที่ยวจึงเดินกันยั้วเยี้ยไปหมดครับ
GPS : 64.264751,-21.114639
ความงามระดับ 6
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
เดินตากแดดกันเล็กน้อยสำหรับน้ำตกแห่งนี้
เป็นน้ำตกที่เข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัยที่สุดใน Iceland แล้วครับ
2. Geysir
ใครที่เคยเห็นน้ำพุพุ่งพวยขึ้นท้องฟ้าสูงจากพื้นกว่า 30-40 เมตร เผลอสูงไปถึง 70 เมตร สถานที่แห่งนั้น คือ ที่นี่เองครับ น้ำพุจะโผล่จากพื้นดินทุก ๆ 3-5 นาที สร้างความสนุกสนานแก่ผู้คนที่มาเยือน
GPS : 64.313241, -20.297638
ความงามระดับ 6
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
ความสนุกสนานของการนั่งมองว่าน้ำจะพุ่งขึ้นมาเมื่อไหร่
ใหญ่ไม่ใหญ่ต้องเทียบกับขนาดของคนครับ
3. Gullfoss
อภิมหาน้ำตก เห็นแล้วขนตั้งทึ่งในความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ แถมลมที่นี่ยังแรงแบบสุด ๆ ใครน้ำหนักน้อยกว่า 50 kg มีสิทธิ์ตัวปลิวลอยไปตามลมเลยละครับ
GPS : 64.325430, -20.129711
ความงามระดับ 8
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
มาหน้าร้อนจะเจอทุ่งหญ้าสีเขียว มาหน้าหนาวจะเจอทุ่งน้ำแข็งสีขาวแบบนี้
ลองเทียบสเกลของคนกับน้ำตกดูนะครับ
อยากได้ภาพสวยใจต้องกล้า
Forever Light แสงแบบนี้เห็นได้เสมอในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดินครับ
ตะลึง ตึง ตึ่ง มาหน้าหนาวจะเห็นแบบนี้ละ ทุกอย่างจับตัวแข็งไปหมด
4. Brúarfoss
น้ำตกลึกลับที่หาทางเข้ายากสุด ๆ แถมไม่มีทางบอกใน Google map อีก เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่ควรค่าแก่การมาเยือนอย่างสุด ๆ
GPS : 64.264305, -20.515338
ความงามระดับ 8
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
คุ้มค่ากับความเหนื่อยกว่าจะฝ่าดงต้นไม้มาได้
ต้องนำวิชาการเดินทางไกลสมัยลูกเสือมาใช้ให้เป็นประโยชน์ครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาทางกลับไม่เจอ
5. Seljalandsfoss
สายน้ำจากฟากฟ้าล่วงลงสู่พื้นดิน ความสูงกว่า 60 เมตร ถ้ามาถูกเวลาอาจเห็นสายรุ้งทำมุมสวยงามเป็นฉากหน้าให้น้ำตกได้
GPS : 63.615990, -19.992285
ความงามระดับ 8
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
มาจังหวะดีจะเห็นรุ้งกำลังกินน้ำอยู่ แต่มาเวลาแบบนี้เราก็กินน้ำรอดูรุ้งไปนะครับ
ใครอยากอาบน้ำโดยไม่ต้องถอดเสื้อบ้าง ลองเดินไปที่หลังน้ำตกดูนะครับ
6. Skógafoss
ตั้งตระหง่านนอยู่ริมถนนแบบไม่ต้องมองหาให้ปวดลูกกะตา ใหญ่จนแบบทำให้คนดูตัวเล็กยังกับคนแคระ ไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือ การมาช่วงสาย ๆ ของวัน รอรับชมปรากฏการณ์แสงอาทิตย์กระทบละอองน้ำเกิดรุ้งกินน้ำแบบน่าอัศจรรย์
GPS : 63.529320, -19.513244
ความงามระดับ 9
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
ไอซ์แลนด์เป็นสถานที่ที่ไปไหนไม่ค่อยเจอคน แม้แต่นักท่องเที่ยวด้วยกันเอง ทำให้น้ำตกแห่งนี้เหมือนเป็นของผมอยู่หลายชั่วโมง
เป็นน้ำตกอีกแห่งที่เหมาะกับการยืนตัวแข็งกับความอลังการของธรรมชาติครับ
ลองเทียบสเกลนกกับน้ำตกดูอีกทีสิ วิหกบินผาดโผนอยู่เบื้องหน้ามหานทีอันยิ่งใหญ่
อยู่กันได้เป็นหลายชั่วโมงครับที่นี่
วันนี้เราจะมารอดูออโรร่ากันที่แห่งนี้ แต่ออโรร่าไม่มาตามนัด เลยนั่งดูดาวกันไปแทน
7. Vík í Mýrdal
ชายฝั่งเมือง Vík เมืองที่ฝนตกแทบจะทั้งปี ใครเห็นฟ้าใส ๆ ของพื้นที่แถวนี้ให้รีบ ๆ ถ่ายรูปเก็บไว้ แป๊บเดี๋ยวพายุก็เข้ามา มีชายหาด เกาะแก่งใหญ่-น้อยให้ได้เดินเปิดหู-เปิดตามากครับ
GPS : 63.417252, -19.000819
ความงามระดับ 6
สัญลักษณ์ของเมืองนี้เลยครับ สำหรับกลุ่มหินกลางทะเลกลุ่มนี้
โบสถ์ประจำเมือง Vik ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเชิงเขา
กำแพงหินแห่งเมือง Vik
นั่งดูคลื่นก็สวยไปอีกแบบนะ
8. Mossy Lava Rocks
ทุ่งหินภูเขาไฟที่เย็น ปกคลุมไปด้วยมอสส์สีเขียวนุ่ม ๆ ดุจปุยนุ่น มาเดินที่นี่ยังกับอยู่ในหนังเรื่อง Alice in Wonderland
GPS : 63.747218, -18.159500
ความงามระดับ 8
ไอซ์แลนด์ก็แบบนี้ละครับ มีแต่ทุ่ง ทุ่ง ทุ่ง แล้วก็ทุ่ง
ขอบอกว่านิ่มมาก ๆ ยังกับเตียงนอน ลงไปกลิ้งเกลือก
อย่ามองเค้าแค่เป็นทางผ่านล่ะครับ
9. Skaftafell Ice Cave
สถานที่เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับวินเทอร์เท่านั้น ใครมาซัมเมอร์คุณไม่ได้รับสิทธิ์นั้น แถมจะเข้าที่นี่ไม่ใช่อยากมาก็มา ต้องไปจ้างไกด์ให้เป็นการเป็นงานด้วยนะครับ ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ทุกคนควรมาก่อนตายจากทุกสำนักโพลครับ
GPS : ระบุตำแหน่งถ้ำไม่ได้ เพราะมีหลายแห่งครับ แล้วแต่ว่าไกด์จะพาเราไปที่ไหน
ความงามระดับ 6-10 ขึ้นอยู่กับถ้ำที่เราได้ไปเยือน
ขนาดแค่ถ้ำที่เรามาเรียกถ้ำระดับลูกกระจ๊อกยังเด็ดขนาดนี้
แล้วถ้าเป็นโคตรถ้ำที่เขาว่ากัน จะเป็นยังไงกันแน่เนี่ย
ใครสนใจอยากเดินในถ้ำน้ำแข็ง หรือ Ice cave tour ให้เข้าไปดูรายละเอียดในเว็บนี้ http://www.localguide.is/localguide/Local_Guide.html
ถ้ำน้ำแข็งเข้าได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม แต่ช่วงเวลาที่แนะนำ คือ เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เนื่องจากน้ำแข็งยังไม่ละลาย สามารถเข้าไปดูถ้ำใหญ่ ๆ ที่สวยกว่าถ้ำเล็ก ๆได้
10. Fjaðrárgljúfur Canyon
จวบจบวันนี้ผมก็ออกเสียงไม่ถูกอยู่ดี ผมมีเวลากับที่นี่น้อยไปเลยได้แค่ไปชะโงกดูว่าเป็นยังไง แต่เห็นภาพของคนที่ไปอินไซด์มาแล้วบอกเลยว่าถ้ามีเวลาและผ่านทางนี้ น่าเข้าไปเก็บมาก ๆ ครับ
GPS : 63.771152, -18.171744
ความงามระดับ 5
โตรกผาตรงนี้ คือ ที่เขาบอกกันว่าสวยงาม
จุดขายของที่นี่ต้องเดินเข้าไปตามทางเลาะลำธารนั่นแหละครับ
11. Svartifoss waterfall
น้ำตกลงจากหน้าผาที่มีลักษณะคล้ายกำแพงอันเป็นเอกลักษณ์ของที่แห่งนี้ น่าจะเป็นน้ำตกเดียวที่ต้องออกแรงเดินกันเล็กน้อยประมาณ 1 กิโลเมตร จากที่จอดรถครับ
GPS :64.020978,-16.981623
ความงามระดับ 6
มาหลบตัวอยู่กลางภูเขา เป็นน้ำตกที่ต้องใช้แรงเดินมากที่สุดของทริปนี้ครับ
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าแก่ความพยายาม
12. Svínafell Glacier
ใครไม่เคยธารน้ำแข็งระยะประชิดมาก ที่นี่คือคำตอบครับ ระหว่างที่เรายืมมองด้วยสายตา ใบหูเราอาจได้ยินเสียงธารน้ำแข็งที่ถล่มแตกกระจายลงไปในน้ำ บรรยากาศยังกับในหนังสารคดีเลยละคับ
GPS : 64.008282, -16.879899
ความงามระดับ 7
ลวดลายแห่งธารน้ำแข็ง
13. Jökulsárlón Glacial Lagoon
ไม่รู้จะหาคำบรรยายใด ๆ มาอธิบายถึงความสุดยอดของสถานที่แห่งนี้ มันคือเพชรน้ำเอกแห่งเกาะไอซ์แลนด์ครับ ความมหัศจรรย์ ความตื่นเต้นเหลือเชื่อ ทุก ๆ ความรู้สึกเกิดขึ้นที่สถานที่แห่งนี้
GPS : 64.047975, -16.180114
ความงามระดับ 10
ทะเลสาบแห่งธารน้ำแข็ง
น้ำนิ่ง ๆ กับก้อนน้ำแข็ง
ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่หาใครเทียบเท่าไม่ได้
Love at first sight คงเป็นคำแรกที่ใช้เมื่อเห็นออโรร่าเป็นครั้งแรก
ของขวัญจากธรรมชาติที่มอบให้เหล่านักเดินทางทุกคนที่มาจากแดนไกล
แสงเหนือออออ
ใครเหนื่อยก็นอนไป ใครฟิตก็ลุยกันด้านนอกต่อครับ
14. Jökulsárlón Ice Beach
ลืมหาดทรายกับเปลือกหอยที่ชายทะเลบ้านเราไปได้เลยครับ ก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์กระจัดกระจายอยู่บนชายหาดสีดำสร้างความตื่นตะลึงอย่างขีดสุดแก่สายตาคนทั่วโลกครับ
GPS : 64.042969, -16.182234
ความงามระดับ 10
หาดทรายสีดำที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งที่ไหลลงมาจากธารที่อยู่เบื้องบน
ยังกับในหนังอวกาศ
คลื่นซัดมากระทบกับก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์
ดุจระลอกคลื่น
15. Vesturhorn Mountain
ภูเขาเงาภาพสะท้อนน้ำหาดทรายสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ พวกเราพลาดสถานที่นี่ไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องด้วยสภาพอากาศที่พายุพัดกระหน่ำ ลองหารูป Google ดูนะครับ แล้วจะรู้มันพลาดไม่ได้เด็ดขาดด้วยประการทั้งปวง
GPS :....
ความงามระดับ : 7
เสียดายไม่ได้ไป T-T
16. Laekjavik Coast
ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของเกาะ มีมุมให้แวะชมได้อีกครับ
17. Egilsstaðir town
เมืองที่เหมาะสำหรับการมาแวะพักรถทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือครับ บ้านเมืองสงบและบรรยากาศดีมาก เอาไว้ตุนเสบียงต่าง ๆ จากการล้าจากการขับรถมาเป็นระยะเวลานาน
GPS : 65.265830, -14.397972
เมืองเล็ก ๆ ติดทะเล ด้านหลังเป็นภูเขาหิมะ สูตรสำเร็จแห่งความเทพ เป็นเมืองที่เราชอบที่สุดในไอซ์แลนด์แล้ว
18. Icelandic horse
เห็นได้ทั่วไปทุกพื้นที่ในเกาะครับ เป็นมิตรและอัธยาศัยดีกับมนุษย์ทุกคน
มักจะอยู่กันเป็นกลุ่มแบบนี้
ผมม้าแบบธรรมชาติ
19. Dettifoss & Selfoss
น้ำตกที่ใหญ่และมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดแรงที่สุดในภาคพื้นทวีปยุโรป ยามฤดูหนาวจะไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากถนนจะจมอยู่ใต้กองหิมะ พวกเราเองก็ไปไม่ได้เช่นกัน แต่ความเห็นจากทุกสำนักการท่องเที่ยวทั่วโลก ที่นี่คือสถานที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดถ้าสามารถไปถึงได้
GPS : 65.819174, -16.379307
ความงามระดับ 9
เนื่องจากต้องใช้รถ 4wd ขับเข้าไป เราจึงพลาดโอกาสที่จะเข้าไปเยี่ยมชมน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรปครับ
20. Hverir
แหล่งพลังความร้อนจากใต้พื้นพิภพ ส่งเปลวควันผสมก๊าซพวยพุ่งไปทั่วบริเวณ ถ้ามาตอนช่วงพระอาทิตย์ตกจะสวยเป็นพิเศษ
GPS : 65.641569, -16.807133
ความงามระดับ 6
มันคือแหล่งพลังงานความร้อนที่ปล่อยควันออกมาพร้อมกลิ่นชวนเวียนหัว
ถ้าจะให้สวยต้องมาตอนใกล้รุ่งหรือใกล้ค่ำครับ
21. Mývatn Lake
ทะเลสาบใจกลางประเทศ ยามหนาวหิมะปกคลุมน้ำแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ยามร้อนสีเขียวขจีปกคลุมไปทั่ว สวยไปคนละแบบ
GPS : 65.640209, -16.913958
ความสวยงามระดับ 6
ทะเลสาบ Myvatn ที่มีภูเขาไฟ ยืนเป็นแบล็คกราวน์ให้
22. Dimmuborgir
แหล่งหินลาวาที่แห้งตัวไปแล้วก่อเกิดเป็นแท่งหินรูปร่างประหลาดเป็นบริเวณกว้าง ผมไปในฤดูหนาวทุกอย่างขาวโพลนไปหมดดูไม่ออกเลยว่าสวยยังไง แต่ในหน้าร้อนเขาว่ากันว่าสวยกว่านี้ ก็น่าจะเป็นแบบนั้นมั้งครับ
GPS : 65.591853, -16.913204
ความงามระดับ 4
ดูภูเขาไฟระยะประชิดกันครับ
คนอื่นให้กี่คะแนนไม่รู้ แต่พวกเราให้แค่ 4 คะแนนนี่แหละ เป็นสถานที่เดียวในไอซ์แลนด์ที่มาถึงแล้วถามตัวเองว่า...มาทำไม
23. Goðafoss
Goðafoss หรือ Waterfall of God น้ำตกแห่งพระเจ้า ยิ่งใหญ่สมชื่อ มาที่นี่แล้วจะลืมน้ำตกที่เคยเห็นผ่านมาในชีวิตไปเลยละครับ
GPS : 65.684123, -17.548942
ความงามระดับ 9
ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสมชื่อ
ประติมากรรมธรรมชาติระดับพรีเมี่ยม
ดูมุมกว้างบ้าง
24. Akureyri
เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศและเป็นเมืองสำคัญทางภาคเหนือของประเทศ บรรยากาศตั้งอยู่ริมอ่าวพอดี สวยงามสุด ๆ เหมาะกับการเป็นที่ตุนเสบียงยามเดินทางผ่านตอนเหนือของเกาะครับ
GPS : 65.677171, -18.046574
ยามค่ำคืนจอดรถไว้ริมทะเล แล้วก็ทำอาหาร ดูวิวกันริมทะเลสาบ ฟินนนนน
25. Hvitserkur
Hvitserkur หรือชื่อเล่นที่ผมเรียกเองว่า หินไดโนเสาร์ ความสวยแปรไปตามเวลาน้ำขึ้นน้ำลงครับ ดูเผิน ๆเหมือนจะธรรมดา แต่ถ้าช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตัวละก็ คนละเรื่องอย่าบอกใคร
GPS : 65.603634, -20.639720
ความงามระดับ 6
ผมว่าเหมือนไดโนเสาร์จริง ๆ นะ แต่จะเหมือนอะไรไปก็ตามแต่จินตนาการแต่ละคน
ขึ้นอยู่กับอิทธิพลน้ำขึ้น-น้ำลงครับ บรรยากาศจะแตกต่างกันไป
26. Kirkjufell and Snæfellsnes peninsula
ภูเขาที่แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศแห่งนี้ไปแล้ว มันคือส่วนผสมที่ลงตัวทุกอย่างครับ ทั้งภูเขา น้ำตก และลำธาร ที่ธรรมชาติบรรจงวางจัดวางมาให้อย่างลงตัว ของแบบนี้ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตนเองกันนะครับ
GPS : 64.924370, -23.307908
ความงามระดับ 10
สุดยอดแห่งภูเขาของไอซ์แลนด์ ความงามระดับ 10 กะโหลก ได้มาแบบไร้คู่แข่งทัดเทียม
ดูพระอาทิตย์ตกไป พร้อมเตรียมตั้งป้อมสำหรับแขกผู้มาเยือนยามค่ำคืน
ช้างกับแสงเหนือ เราอยู่ร่วมโลกกันได้นะ
ใครไม่เคยเห็นออโรร่ามาก่อน ได้เห็นครั้งแรกน้ำตาจะไหลครับ มันยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริง ๆ
ถ้าได้เห็นแสงเหนือคู่กับเขาลูกนี้ เป็นอันว่าจบหลักสูตรออโรร่าของไอซ์แลนด์แล้วครับ
จัดไปอีกหนึ่งดอกสำหรับภูเขาเทพ ๆ แห่งนี้
Aurora with reflection
ดาวหมุนเหนือ Kirkjufell บทสรุปสุดท้ายของแสงเหนือในทริปเราครับ
27. The Blue Lagoon
บ่อน้ำร้อนน้ำแร่ขนาดใหญ่มาก ๆ มีชื่อเสียงสุด ๆ ถ้าใครได้ลองไปแช่ดูสักครั้งจะติดใจจนวันตาย ไม่ต่างจากประสบการณ์ครั้งแรกครั้งนั้นของชีวิตเลยละครับ
GPS : 63.881336, -22.452879
ความงามระดับ 8
ค่าเข้าไม่ใช่ถูก ๆ แต่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
นอกจากบ่อน้ำแร่แล้ว ภายนอกยังมีทางเดินให้ดูต้นกำเนิดของบลูลากูนด้วยครับ
The Blue Lagoon
ค่าเข้าไปแช่น้ำแร่ในบลูลากูน 35/40 EU/Person ในฤดูหนาว/ฤดูร้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bluelagoon.com/
28. Reykjavik City Centre
นอกเหนือจากธรรมชาติสุดเทพแล้ว เมืองหลวงของเกาะแห่งนี้มีอะไรให้น่าค้นหามากมาย แต่สถานที่ที่ต้องไปมีอยู่ 2 แห่ง คือ
Hallgrímskirkja ชื่อโบสถ์เรียกยากแห่งนี้ ความสวยไม่ต้องเข้าใจยากเหมือนชื่อ
ช่วงเวลาตะวันลาลับฟ้า
โรงละครแห่งชาติ ไฮไลท์อีกแห่งของเมือง
13. แนะนำการเดินทาง
เป็นยังไงบ้างครับ เห็นแล้วอยากไปกันหรือยัง ผมจัดแผนร่างคร่าว ๆ ให้สำหรับคนที่มีจำนวนวันที่ใช้ในการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ไว้แบบนี้นะครับ คือ 3 วัน-7 วัน- 10 วัน-14 วัน เลือกดูกันเอาตามกำลังเวลาและกำลังทรัพย์นะครับ
13.1 มีเวลา 3 วัน
บอกเลยว่าน้อยมาก เรียกว่าชะโงกทัวร์ยังเรียกพี่ แต่ไหน ๆ มาถึงที่นี้แล้วก็คงต้องใช้เวลาที่มีอยู่ในคุ้มค่าทุกนาที แต่แผนนี้คงเป็นสำหรับคนที่ใช้ Iceland เป็นที่เที่ยวระหว่างทางไป Greenland หรือเป็นของแถมมาจากการเที่ยวประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งก็ไปได้ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนักครับ ยังขาดสุดยอดสถานที่อย่าง Jökulsárlónหรือ Kirkjufell อยู่
D1 : Þingvellir, Geysir, Gullfoss
D2 : Seljalandsfoss, Skógafoss, (หรือเปลี่ยนไป Kirkjufell and Snæfellsnes pen Þingvellir insula แทนครับ)
D3 : Rejkjavik city tour and The Blue Lagoon
ระยะทางที่ขับรถก็ราว ๆ 500-600 กิโลเมตรครับ ไม่มากไม่น้อย
13.2 มีเวลา 7 วัน
จะบอกว่าก็ยังน้อยอยู่ดีครับ คือ ยังเที่ยวได้แค่ด้านเดียว คือ ต้องเลือกเอาไม่ทางเหนือก็ทางใต้ ไม่สามารถที่จะขับรถไปครบรอบเกาะได้ เรียกว่ามาแบบนี้มันแบบไม่ฟินอ่ะครับ แบบรู้สึกแบบว่าไม่เสร็จไรแบบเนี้ย
เที่ยวด้านใต้ (เที่ยวได้ทั้งปี เข้าได้ทุกสถานที่ในนี้ครับ)
D1 : Þingvellir, Geysir, Gullfoss
D2 : Seljalandsfoss, Skógafoss
D3 : Vík í Mýrdal
D4 : Mossy Lava rock, FjaðrárgljúfurCanyon, Jökulsárlón
D5 : Jökulsárlón Glacial Lagoon, Ice Beach, Skaftafell National Park
D6 : Blue Lagoon (ถ้าฟิตมาก็ขับรถต่อไปที่ Kirkjufell ได้เลยครับ)
D7 : Rejkjavik city tour
ระยะทางราว ๆ 1 พันกิโลเมตร ขับไม่ลำบากมากครับ
เที่ยวด้านเหนือ (ถ้ามาฤดูหนาวอาจจะมีปัญหาเรื่องถนน ทำให้ไปได้ไม่ครบทุกสถานที่ครับ)
D1 : Kirkjufell
D2 : Hvitsekur
D3 : Goðafoss, Hverir, Lake Mývatn
D4 : Dettifoss, Selfoss, Akureyri (Dettifoss กับ Selfoss อาจไปไม่ได้ในฤดูหนาว)
D5 : Rejkjavik
D6 : Þingvellir, Geysir, Gullfoss
D7 : Blue Lagoon
สำหรับทางด้านเหนือ ขับรถไกลกว่าเยอะครับ ประมาณ 1800 กิโลเมตร และเส้นทางก็ขับยากกว่าอีกด้วย โดยเฉพาะทางตอนเหนือที่มักเจอพายุหิมะเป็นประจำในช่วงฤดูหนาว ที่นี้ถ้ามีแค่ 7 วัน จะเอาด้านเหนือหรือด้านใต้ดีกว่า คำถามนี้ตอบยากมากครับ เพราะมันมีดีกันคนละแบบ แต่ถ้าให้ผมเลือกผมเลือกไปด้านใต้มากกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่าระยะทางการขับรถที่น้อยกว่า และสถานที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าครับ
13.3 มีเวลา 10 วัน
10 วัน คือ ระยะเวลาขั้นต่ำสำหรับการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ครับ วันลาและค่าใช้จ่ายที่แลกไปจะออกดอกออกผลที่งดงามก็ตอนนี้แหละครับ เราสามารถที่จะขับรถได้ครบรอบเกาะแล้ว แต่มีข้อแม้ตรงที่ว่าแต่ละวันต้องทำได้ตามตารางเป๊ะ ถ้ามีวันใดหลุดแผนก็หมายความอีกวันต้องขับรถไกลขึ้นครับ
D1 : Þingvellir, Geysir, Gullfoss
D2 : Seljalandsfoss, Skógafoss,
D3 : Vík í Mýrdal
D4 : Mossy Lava rock, Skaftafell National Park, Jökulsárlón Glacial Lagoon
D5 : Jökulsárlón Ice Beach, Vesturhorn Mountain, Egilsstaðir town
D6 : Dettifoss, Selfoss, Hverir , Lake Mývatn
D7 : Hverir, Dimmuborgir, Goðafoss, Akureyri
D8 : Hvitsekur
D9 : Kirkjufell and Snæfellsnes peninsula
D10 : Rejkjavik city tour and Blue Lagoon
สำหรับแผน 10 วัน ได้ครบรอบเกาะแบบสะใจครับ
13.4 มีเวลา 14 วัน
14 วัน คือ สุดยอดแห่งระยะเวลาอุดมคติการท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ครับ ครบทั้งประเทศ และมีเผื่อเวลาสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ จะเป็นการเอาแผน 10 วัน มายืดออกให้ยืดหยุ่นมากขึ้นครับ วันไหนติดพายุ ทางขาดก็สามารถที่จะปรับแผนไปมาได้อย่างไม่อึดอัด ถ้ามาในฤดูหนาวก็เตรียมดูแสงเหนือได้เลย เห็นแน่ ๆ อย่างต่ำ 3 วันขึ้นไป แต่ถ้ามาในฤดูร้อนก็เที่ยวแบบเต็ม ๆ วันละ 18 ชั่วโมง จุใจ เรียกได้ว่ามารอบเดียวจบ
D1 : Rejkjavik city tour
D2 : Þingvellir, Geysir, Gullfoss
D3 : Seljalandsfoss, Skógafoss
D4 : Vík í Mýrdal
D5 : Mossy Lava rock, FjaðrárgljúfurCanyon
D6 : Skaftafell National Park, Jökulsárlón Glacial Lagoon, Jökulsárlón Ice Beach
D7 : Vesturhorn Mountain, Laekjavik Coast, Egilsstaðir town
D8 : Dettifoss, Selfoss
D9 : Hverir, Lake Mývatn, Dimmuborgir
D10 : Goðafoss
D11 : Hvitsekur
D12 : Kirkjufell and Snæfellsnes peninsula
D13 : The Blue Lagoon
D14 : Free time
วิถีชีวิตภายในรถ
นอกจากเรื่องกิน เรื่องนอนภายในรถ และการขับรถ ซึ่งเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็เข้าใจได้ แต่สิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนคงอยากรู้ว่าทำกันอย่างไร คือ การอาบน้ำและการเข้าห้องน้ำ
คนไทยอาจจะไม่คุ้นกับการไปอาบน้ำในห้องน้ำสาธารณะหรือบ่อน้ำร้อนประจำเมือง แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่นี่ครับ เกือบจะ (ย้ำว่าเกือบจะ) ทุกเมืองจะมีบ่อน้ำร้อนประจำเมืองอยู่ ซึ่งเปิดบริการโดยประมาณตั้งแต่ 8.00-18.00 น. จ่ายเงินรอบเดียวประมาณคนละ 150-200 บาทต่อคน จะมีบริการแช่น้ำร้อน ห้องน้ำที่สะอาดโคตร ๆ และพื้นที่อาบน้ำแบบไร้สิ่งกีดขวาง
ห้องอาบน้ำที่ไอซ์แลนด์ต่างไปจากการมโนของคนไทยเยอะ ห้องอาบน้ำที่นี่เป็นพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ มีฝักบัววางอยู่ติดกันเป็นแถบ ๆ ห้ามใส่กางเกงในหรือกางในว่ายน้ำเข้าเขตอาบน้ำหรือบ่อน้ำร้อนเด็ดขาด คนที่นี่เขาเดินเข้ามาก็ถอดเสื้อ ถอดกางเกง แล้วก็เดินโทง ๆ เข้าไปอาบน้ำ แล้วก็เช็ดตัวเดินกลับมาใส่เสื้อโดยไม่มีเขินอาย เป็นกันตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงคนแก่ เป็นเหมือนกันทั้งชายและหญิงครับ เราจะได้พิสูจน์ฮอร์โมนเพศของเราว่าทำงานได้เต็มที่หรือเปล่าก็เวลานี้แหละครับ
เรื่องการทำอาหารก็ทำได้หมด จะผัด จะต้ม วัตถุดิบก็แช่เย็นไว้ในกล่องเก็บความเย็น ถ้ามีคนทำอาหารเก่ง ๆ มาสักคนรับรองว่าอร่อยแบบมีความสุขทุกมื้อ กินอาหารครบ 5 หมู่ ทุกวันครับ ทำเสร็จจะล้างจานในรถหรือถ้าจะเอาสะดวกมากขึ้นก็แวะไปล้างตามห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันก็ได้ครับ ส่วนการขับรถถ้ามีคนขับคนเดียวก็เหนื่อยแน่ แต่ถ้ามี 2 คนขึ้นไปก็สบายครับ แบ่งไม้กันขับได้สบาย เวลาเหนื่อยก็ไปนอนพักได้หลัง คนที่อยู่ด้านหลังก็จัดเตรียมเสบียง ทำกับข้าวไป โอ้ย...สนุกมาก ๆ เลยครับ
14. ความเห็นส่วนตัวเรื่องเที่ยวไอซ์แลนด์แบบต่าง ๆ ทางเลือกข้อดี-ข้อด้อย
14.1 การจะไปคนเดียว
1. ซื้อทัวร์แบบ Day tour ลิสต์สถานที่ที่อยากไปหรือกิจกรรมที่อยากทำ แล้วก็ใช้บริการทัวร์ ข้อดี คือ สะดวก ได้เพื่อนนานาชาติมากมาย ข้อเสีย คือ แพง เวลาจำกัด สำหรับทัวร์ดูแสงเหนือมีแน่นอนครับ แต่จะได้ดูแสงเหนือคืนที่จองไปมั้ย อันนี้ต้องลุ้นเอาหน้างาน
2. เช่ารถขับตะลุยโลกเพียงลำพัง จะเป็นรถธรรมดาหรือ camper van คันเล็กสุดก็ได้ ข้อดี คือ มีอิสระ โอกาสได้เจอแสงเหนือเยอะขึ้น ข้อเสีย คือ แพงเช่นกันและเหงา
สรุป : คนเดียวก็เที่ยวได้ ไม่อันตรายแต่แพงที่สุด เพราะไม่มีคนแชร์ด้วย ส่วนงบเท่าไหร่บอกไม่ได้ครับ มันขึ้นกับว่าอยู่กี่วัน กินอะไร ไปที่ไหนครับ
14.2 การจะไปสองคน
เช่ารถขับดีที่สุด ยิ่งเป็นคู่รักยิ่งโคตรเหมาะ เพราะที่นี่โคตรเหมาะกับการ Make Love มีรถให้เช่าหลายประเทศสำหรับสองคน ทั้งธรรมดา, 4WD, Camper Van เลือกเอาตามอัธยาศัย แน่นอนค่าใช้จ่ายต่อคน ย่อมถูกกว่า "ลุยเดี่ยว"
14.3 การจะไปหลาย ๆ คน เป็นทีม
เป็นวิธีการที่จะทำให้ประหยัดงบมากที่สุด ถ้าไป 4-5 คน เพราะมีคนแชร์ การเช่ารถขับก็คล้าย ๆ กับไปสองคน แต่แค่รถใหญ่กว่าเท่านั้นเอง ข้อดี คือ ถูก สนุกสนานเฮอา ข้อเสีย คือ มากคน มากความ ต้องรอแต่ละคนทำธุระให้เสร็จ ถ้าผิดใจกันขึ้นมาในทริปมันก็จะเป็นฝันร้ายเลยล่ะ
นอกจากนี้ ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ ไปกับทัวร์กรุ๊ปส่วนตัว รับไม่เกิน 6 คน จัดโดยพี่ไม้ สาวไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไอซ์แลนด์เป็น 10 ปี ถ้าใครสนใจรายละเอียดให้ไปที่ https://www.facebook.com/pages/Arctic-Friendly-Tour/1413875662163641
15. เว็บไซต์หรือบล็อกที่เกี่ยวกับการล่าแสงเหนือดี ๆ ทั้งจากพันทิปและแหล่งอื่น ๆ
FB fanpage เกี่ยวกับไอซ์แลนด์และแสงเหนือที่น่าติดตามครับ
1. Aurora Borealis Notifications
2. Iceland Naturally
3. Aurora Alerts by Soft Serve News
4. Ultimate Iceland
5. Arctic Guide Service
6. I want to see the Northern Lights
7. Inspired by Iceland
8. Northern Lights in Iceland
9. Aurora Borealis
10. Icelandic Queen of Aurora Borealis
11. LOCAL GUIDE - of Vatnajokull
Review Pantip ของพี่ ๆ คนไทยที่เคยไปล่าแสงเหนือที่ Iceland มา
ป.ล. ผมหามาได้เท่านี้ ใครมีอะไรอยากเพิ่มก็เพิ่มเติมกันเข้ามาได้ครับ จะได้เป็นประโยชน์สำหรับนักเดินทางชาวไทยต่อ ๆ ไปครับ
ICELAND : ล่าแสงเหนือ ณ ดินแดนแห่งภูเขาไฟ by P’Piriya
แนะนำวิธีตามถ่ายแสงเหนือ aurora+บันทึกการเดินทางไอซ์แลนด์ by P’snpt
ตามล่าแสงเหนือ Aurora ที่ประเทศ Iceland ด้วยกันนะครับ by P’Noom Playboy
pOpciTy===The world is not enough: Iceland Featuring Paris === by P’ virus_pop
รีวิวนี้น่าจะเป็นรีวิวที่มีข้อมูลที่เป็นเนื้อหา How to ที่เยอะมากที่สุดเท่าที่เคยทำมา ครอบคลุมทุกอย่างที่พวกเราอยากมาแชร์ประสบการณ์ วินกับโจ้ช่วยกันทำยาวนานถึง 2 เดือนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา รูปภาพ การตัดต่อวิดีโอ การเรียบเรียงข้อมูล ด้วยความหวังที่ว่ารีวิวนี้จะเป็น "เดชคัมภีร์ พิชิตแสงเหนือในยุทธภพ" ให้จงได้ ถ้าใครชอบ ใครถูกใจ คิดว่ารีวิวนี้ดี มีประโยชน์ อย่าลืมกดให้ "กิ๊ฟ" ให้ "ถูกใจ" เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
ในส่วนของเรื่องเล่า บันทึกการเดินทาง และประสบการณ์ที่ได้ ผ่านมุมมองทั้งสองตาและผ่านชิ้นเลนส์นั้น ต้องติดตามชมกันในรีวิวตอนต่อ ๆ ไปครับ
- ขอขอบคุณ The North Face Thailand ที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทั้งเสื้อแจ็คเก็ต หมวกไหมพรม และถุงมือกันลมสำหรับเราทั้ง 2 คน
- ขอขอบคุณคุณผู้อ่านทุก ๆท่าน ที่คอยตามอ่านรีวิวนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพจ "หมอ ๆ ตะลุยโลก" หรือคนที่อยากจะไปเห็นแสงเหนือด้วยตาตัวเองแล้วแวะเข้ามา
- ขอขอบคุณพี่ ๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นพี่หนุ่มเพลย์บอย พี่พี-พิริยะ พี่บอล พี่ไม้ พี่หมอกิ๊ฟ พี่บีและพี่คนอื่น ๆ ที่เป็นที่ปรึกษาทริปนี้ให้ที่ไม่ได้กล่าวถึง
- ขอขอบคุณความ "ถึก" ของตัวเองที่ทำรีวิวบทที่ 1 ล่าแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ "สำเร็จ" ซะที เหนื่อยสุด ๆ
- ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ดี ทั้งเอม ปลา และพี่เอ ที่เป็นทั้งคนขับรถ คนทำอาหาร คนทำบัญชีรายรับรายจ่าย คนถ่ายรูปให้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
- และสุดท้าย ที่ขาดไม่ได้ ขอขอบคุณ "แรงบันดาลใจ" ที่ทำให้รู้ว่า "ชีวิตนี้อยู่...ไปเพื่ออะไร"
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า "เราสามารถเล่าให้คุณฟังได้ว่าแสงเหนือมันเป็นยังไง แต่คุณจะไม่มีทางได้รู้เลยว่าแสงเหนือมันเป็นยังไง"…"คุณต้องออกไปตามล่าหามันด้วยตัวคุณเองครับ"
หมอ ๆ ตะลุยโลก
http://www.facebook.com/worldwantswandering
โปรดติดตามตอนต่อไป...
