เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Kanuman R สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, 2feetgo.com และ เฟซบุ๊ก Travel around the world/ 2เท้าชาวท่องโลก
ไม่แปลกเลยที่หากใครได้ไปเยือนดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัยอย่าง "ญี่ปุ่น" จะต้องหลงใหลในมนตร์เสน่ห์ความสวยงาม ที่ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ความงามก็สวยแปลกตาแตกต่างกันไป จนมักจะกลับไปเยือนอีกคราซ้ำแล้วซ้ำเล่า และวันนี้เราก็นำเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ Kanuman R สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปสัมผัสกับความสวยงามของญี่ปุ่นถึง 13 ครั้ง ด้วยความรู้สึกที่ว่า "ทุกครั้งที่ไปเยือน มันไม่เคยเหมือนเดิมเลย" พร้อมเก็บมาร้อยเรียงเล่าเรื่องผ่านภาพถ่ายให้เราได้ชมกันค่ะ
ติดตามรูปภาพทริปอื่น ๆ ของผมได้ที่ เฟซบุ๊ก Travel around the world/ 2เท้าชาวท่องโลก และตาม IG บนรูปเลยครับ และติดตามบล็อกได้ที่ 2feetgo.com ครับ
ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มี 4 ฤดู ไล่ตั้งแต่หนาว-ใบไม้ผลิ-ร้อน-ใบไม้ร่วง แต่ละฤดูมีลักษณะพิเศษของตัวเองและแสดงออกมาอย่างเด่นชัดในหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นใบไม้เปลี่ยนสีแดงฉานไปทั่วภูเขา ดอกซากุระบานสะพรั่งอวดสีชมพูสดใส ทุ่งดอกไม้หลากสีในฤดูร้อน หรือสีขาวเงียบสงบยามลมหนาวพัดมาเยือน วันนี้เราจะนำเอาญี่ปุ่นทั้ง 13 ครั้ง มารวมกันในกระทู้นี้และมาดูกันว่า 4 ฤดูกาลนั้นงดงามแตกต่างกันเพียงใด
ขั้นตอนการเตรียมตัวเดินทางแบบประหยัดได้ลงมาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งก็จะมีการอัพเดทตลอดเวลา คราวนี้เลยขอลงไว้สั้น ๆ นะครับ พร้อมมีอัพเดทนิดหน่อย
การเตรียมตัวเดินทางแบบประหยัด1. ค่าเดินทาง เป็นอันดับแรกของผมครับ การนั่งเครื่องไปไกล ๆ แล้วได้ตั๋วโปรฯ เป็นปัจจัยแรกที่ทำให้ผมตัดสินใจเที่ยว เพราะตั๋วโปรฯ ไม่ได้มีบ่อย ๆ และเรากำหนดไม่ได้เลยครับ ส่วนค่ารถ รถไฟนี่เรายังพอหาทางทำให้ถูกได้ในภายหลังครับ ในกรณีล่าสุด Jetstar ไป Fukuoka 5,000 บาทเท่านั้น ถูกเหมือนได้เปล่าทีเดียว ฉะนั้น ถ้าใครไม่ได้ตั๋วโปรฯ ก็อาจจะต้องบวกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปอีกนิดหน่อยนะครับ หรืออาจจะถึง 1 หมื่นเลยก็ได้ครับ
2. ค่าที่พัก ซึ่งก็มีหลายแบบ ตั้งแต่หรูหราไปจนนอนรวมอัด ๆ หลาย ๆ คน ซึ่งแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ครับ สำหรับผมมีหลักการว่ามีที่ซุกหัวนอนที่สะอาด ปลอดภัย เป็นพอแล้วครับ เวลาไปไกล ๆ นอนรวมจึงเป็นเป้าแรกของผมครับ แต่ที่พักหรู ๆ ก็จะเป็นตัวเปลี่ยนอารมณ์ได้ในบางกรณีนะครับ อันนี้แล้วแต่สถานการณ์ ในกรณีนี้ผมเลือกที่พักราคาถูก แต่ไม่ไกลสถานที่ท่องเที่ยวครับ โดยที่นอนผมส่วนมากราคาแค่คืนละ 3,000 เยน (1,200 บาท) เท่านั้น แต่ก็จะมีการเตรียมงบบางส่วนไว้จ่ายที่พักที่ราคาแพงขึ้น แต่ทำให้เราได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นครับ เช่น เรียวกังต่าง ๆ ที่อาจจะมีราคา 10,000 เยนขึ้นไป รวมอาหาร 2 มื้อ เช่น ล่าสุดผมไปพักที่ Minakami Kogen Hotel 200 เป็นสกีรีสอร์ทที่มีกิจกรรมมากมาย เพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว
3. อาหาร อันนี้แล้วแต่คนมองนะครับ บางคนอาจอยากลองไปหมดทุกอย่าง ในประเทศที่มีอาหารที่ตัวเองชอบ เช่น ญี่ปุ่น (ผมก็เป็นอดใจไม่ไหวหรอก 55) บางคนไปบางประเทศลองแล้วไม่ชอบเลย กินมาม่าดีกว่า (เช่น อังกฤษครับ ผมกินเทสโก้เกือบตลอดเลย มีลอง ๆ ร้านอาหารบ้างประปราย) หรือบางคนทานไม่ได้เลย (เช่น อินเดีย อันนี้บางคนกินแต่อาหารฝรั่งเลย ไม่ก็กินแมคฯ ไป) สำหรับคนที่กินได้หมดทุกอย่างในโลกและลิ้นจระเข้แบบผม มักเลือกอาหารพื้นถิ่นราคาถูกก่อนครับ แบบไม่ใช่ร้านหรูหราก็จะได้ราคาถูก เช่น ในเขมร ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ร้านแบบบ้าน ๆ ราคาถูกกว่าในแหล่งท่องเที่ยวมากมายครับ แต่ของดี ๆ ผมก็กินนะครับ อย่างไปโกเบก็เนื้อโกเบ ซึ่งผมถามเจ้าหน้าที่ TIC ประจำโกเบ ท่านก็ใจดีมาก พาไปที่ร้านเลย บอกว่าถูกและดี ชื่อร้าน Steak land ครับ แค่ 2,980 เยน ก็ได้ลองเนื้อโกเบแล้วครับ (ถึงอาจจะเป็นเนื้อโกเบชั้นล่าง ๆ หน่อยแต่ก็อร่อยเกินพอแล้วครับ)
4. ค่าเดินทาง ตลอด 13 ทริปที่ผ่านมา ผมผ่านการเดินทางมาทุกรูปแบบแล้วครับ และก็สามารถฟันธงได้ว่า JR PASS ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับหลาย ๆ ทริปครับ ยังมี BUS PASS/ตั๋วประจำท้องถิ่น/การใช้เครื่องบิน LOW COST หลากหลายวิธีมากมายครับ
5. การติดต่อภายใน เมื่อก่อนไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ แต่มาตอนนี้มีหลายวิธีที่ไม่แพง ทั้งการเช่า POCKET WIFI จากไทยตกวันละ 150-200 บาท หรืออย่างทริปล่าสุดผมใช้ Prepaid LTE sim 100M ที่ใช้สัญญาณของ DOCOMO ก็สะดวกดีครับ จะเติมเงินก็แค่ตัดบัตรเครดิตเท่านั้นเอง
ขอจบขั้นตอนเตรียมตัวคร่าว ๆ ไว้ก่อนนะครับ เพราะกระทู้นี้อยากจะเน้นรูปภาพของทั้ง 4 ฤดูมากกว่า
บทที่หนึ่ง เหมันต์ผันผ่านในฤดูหนาวที่ทุกอย่างเป็นสีขาว...ความหนาวเย็นทำให้ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง แต่ไม่ใช่กับพวกเรา ที่ต้องการไปสัมผัสไอเย็นของหิมะ
เมืองในฤดูหนาวที่น่าสนใจสำหรับคนไทยอาจจะเป็นแถบฮอกไกโด แต่เราเลือกที่จะไปสำรวจแถบภาคกลางของประเทศ
ดินแดนหลายดินแดนยังใหม่สำหรับชาวไทย แต่กับชาวญี่ปุ่นแล้วเขาเที่ยวกันมาอย่างช้านาน
มินาคามิ หมู่บ้านอันเงียบสงบ ในจังหวัดกุนมะ ห่างจากโตเกียวมาแค่หนึ่งชั่วโมง เมืองที่มีอะไรมากกว่าที่คาดคิด ทั้งภูเขาและลำธารอันสวยงาม
บ่อน้ำร้อนที่เสมือนสวรรค์กลางภูเขาหิมะนี้ เราได้สัมผัสตอนที่เราพักที่ Minakami Kogen Hotel 200 ชื่อดังของที่นั่น
กิจกรรมหลากหลายทั้งขี่ม้า กิจกรรมหิมะ รวมถึงหมาลากเลื่อน ทำให้ที่นี่เป็นดินแดนแห่งกิจกรรมอย่างแท้จริง
Niigata เป็นอีกเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหา ภายในเมืองเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์มากมายหลากหลาย
และหนึ่งในที่ที่โดนใจเรามากที่สุด คือ House of light Museum ที่เราสามารถเข้าไปพักได้ด้วย ที่นี่มีการคิดเกี่ยวไฟตามจุดต่าง ๆ ของบ้านอย่างลงตัว และเสริมความงดงามมากขึ้นไปอีกด้วยหมู่ดาวนับหมื่น
ในละแวกนั้น ฮาคุบะเป็นอีกเมืองหนึ่งที่โดดเด่นด้านกิจกรรมหิมะเช่นกัน โดยจุดเด่นก็อยู่ที่ลานสกีที่เปิดยามค่ำคืนด้วย
หากอยากชมสัตว์ที่ถือว่ามีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของโลก ที่ Yudanka มีคำตอบนั้นให้ กับ Snow monkey ที่แสนจะน่ารัก
แน่นอนว่าการเที่ยวฤดูหนาวในภาคกลางจะขาดหมู่บ้านที่งดงามอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างชิราคาวะโกะไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะในคืนที่ทำการเปิดไฟทั้งเมือง
ในทุกย่างก้าวที่ผ่านลมหนาว แม้จะแฝงความทรมานมาบ้าง แต่ทุกแผ่นดินที่เหยียบย่ำ แสดงถึงพลังที่ซ่อนอยู่ใต้ดินที่พร้อมรอจะเติบโตเมื่ออากาศอบอุ่นขึ้น มันทำให้รับรู้ถึงพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง
การเที่ยวฤดูหนาวนั้นไม่ได้ไร้สีสันอย่างที่เข้าใจ และควรจะมาเยือนสักครั้งหนึ่งถ้าคุณรักญี่ปุ่น
บทที่สอง ยามอรุณสาดแสงลมหนาวพัดผ่านไป ความอบอุ่นเริ่มเข้ามาแทนที่ และเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
สิ่งที่เร้าให้ผู้คนชื่นชอบมากที่สุดไม่พ้นซากุระ ดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น
ไม่ว่าใครก็อยากที่จะมีโอกาสไปเยือนสวนที่เต็มไปด้วยสีชมพูของซากุระสักครั้งหนึ่ง
ซากุระนั้นจะบานไล่จากภาคใต้ของญี่ปุ่นเริ่มจาก Okinawa ในราวเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ไล่ขึ้นไปผ่าน คิวชู คันไซ คันโต ไปสุดที่ฮอกไกโด โดยในพื้นที่หลาย ๆ พื้นที่ เช่น เขตภูเขาที่หนาวเย็นก็จะบานช้ากว่าที่อื่น ๆ ในภูมิภาคอยู่บ้าง
สถานที่ยอดนิยมก็ไปพ้นแถบเกียวโต ที่ซากุระจะบานมีวัดวาอารามเป็นฉากหลังดูงดงาม แต่จริง ๆ แล้ว เขตอื่น ๆ ก็สวยงามไม่ได้แพ้กันเลย
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ซากุระ ดอกไม้อื่น ๆ ก็บานสะพรั่งไม่แพ้กัน เป็นความงามที่ใครก็ต้องใฝ่หา
งานเทศกาลรื่นเริงทั้งหลายก็นิยมมาจัดช่วงนี้ ช่วงที่ชาวญี่ปุ่นถือว่าเป็นช่วงแห่งการเริ่มต้นใหม่
ช่วงเวลาแห่งการผลิดอกออกใบดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และแล้วฤดูใหม่ก็กำลังจะมาเยือน
บทที่สาม สีสันแห่งชีวิตดวงอาทิตย์เริ่มทำงานของตัวเองมากขึ้นและมากขึ้น ดินแดนอาทิตย์อุทัยเริ่มร้อนมากขึ้น แต่มีอยู่ดินแดนหนึ่งที่ยังคงอากาศสบาย ๆ ไว้ได้
ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโด นอกจากจะไม่ร้อนเท่าภาคอื่น ๆ แล้ว ดอกไม้ยังบานสะพรั่งเป็นสีละลานตาไปทั่วทุ่ง
ฟุราโนะ บิเอ สองทุ่งสองนิยมสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ
มวลดอกไม้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ เพราะช่วงเวลาที่จะได้เฉิดฉายในเมืองหนาวเช่นนี้ช่างสั้นเสียเหลือเกิน
เปรียบกับความหนาวเหน็บในช่วงฤดูหนาวแล้ว เวลาเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ คงเหมือนสวรรค์ของพืชพรรณและสัตว์ป่าทั้งหลาย
ไม่เฉพาะดอกไม้เท่านั้น ในฤดูร้อนต้นไม้ทุกชนิดในแดนเหนือเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเอง และแน่นอนสำหรับผู้ไปเยือน ย่อมได้พบภาพที่สุดแสนจะเหลือเชื่อและน่าประทับใจ
นอกจากนี้ ไม่ไกลกันนักที่อาซาฮิคาว่า ก็มีสวนสัตว์ที่แม้จะเป็นฤดูร้อนก็ยังสามารถใกล้ชิดกับสัตว์อย่างเพนกวินได้
ไม่เฉพาะภาคเหนือเท่านั้น ในภาคอื่น ๆ แม้จะเป็นหน้าร้อนที่อบอ้าว แต่ก็มีจุดเด่นอื่น ๆ มาทดแทน
งานวัดอันมีสีสันมากมายหลายที่กระจายตัวไปทั่วภูมิภาคญี่ปุ่น และเป็นฤดูที่เรามีโอกาสจะเห็นคนแต่งชุดพื้นเมืองออกมามากที่สุดอีกด้วย
ฤดูนี้กลางวันยังยาวนานมากที่สุดอีกด้วย เวลาท่องเที่ยวของเราก็จะเหมือนถูกเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ลมร้อนเริ่มคลาย และแล้วกาลเวลาก็พัดพาเอาฤดูสุดท้ายเข้ามา
บทที่สี่ เมื่อสีแดงเข้าครอบครองอาทิตย์อุทัยลมหนาวเริ่มพัดมาอีกครั้ง เป็นสัญญาณสู่ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูที่กำลังจะหลับใหล
ใบไม้ค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเขียวสดใสกลายเป็นสีแดงเพลิงปกคลุมทั่วทั้งดินแดน ไล่ตั้งแต่ทางเหนือลงมาทางใต้ สลับขั้วกับช่วงใบไม้ผลิอย่างสิ้นเชิง
ความหนาวเย็นเริ่มปกคลุมทุกพื้นที่ เมื่อรวมกับบรรยากาศสีแดง-ส้ม นั่นไม่แปลกเลยที่ทุกคนยกให้ฤดูนี้เป็นสุดยอดแห่งความโรแมนติกของที่นี่
จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตกันที่เราจะหลงรักช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้มากขนาดนี้
แสงไฟในยามค่ำคืนในหลายสถานที่ ล้วนแล้วแต่ยิ่งพาให้ใจถลำลึกลงไปทุกที กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็วางแผนจะกลับมาเยือนประเทศแห่งนี้อีกครั้งซะแล้ว
ฤดูสุดท้ายกำลังจะหมดไป สีแดงทั้งหมดก็จะกลับกลายเป็นสีขาวของหิมะ และพร้อมจะดำเนินวัฏจักรที่แสนงดงามนี้ไปชั่วกาล
แสงทุกแสง สีทุกสี อากาศทุกอณู ฤดูกาลทุกฤดู ไม่เพียงย้อมบรรยากาศรอบตัวเท่านั้น แต่ยังย้อมเข้าไปถึงในจิตใจของมนุษย์ให้โอนอ่อนคล้อยตามอารมณ์ที่บังเกิดขึ้น จนกว่าจะพบกันใหม่ เราจะคิดถึงประเทศแห่งนี้ และหวังว่าวันต่อไปที่เราจะมาบรรจบพบกันอีกจะอยู่อีกไม่ไกลนัก
หวังว่าทุกท่านจะได้อรรถรสในการรับชมบทความสั้น ๆ จากนักเขียนตัวเล็ก ๆ คนนี้บ้างไม่มากก็น้อย
ถ้ายังไม่จุใจ ก็ขอเชิญตามหาหนังสือทั้งสี่เล่มของเราได้ทุกแผง ทั้ง...
ยุโรปเส้นทางสายโรแมนติก Japan 6 วัน 5 คืน สามหมื่นเอาอยู่ 50 Romantic destinations/อบอุ่นเมืองโรแมนติก 50 small and charming towns/มนตร์เสน่ห์เมืองเล็ก
