เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
การท่องเที่ยวแนวแบ็คแพ็กเกอร์ คือ การเที่ยวแบบประหยัด กินง่าย อยู่ง่าย ไม่เน้นความสะดวกสบาย เรียกว่าแบกเป้เที่ยวแบบลุย ๆ นั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นว่าการท่องเที่ยวแนวนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากใช้งบประมาณไม่เยอะ แม้อาจจะนอนที่พักราคาถูก ไม่ได้กินอาหารในภัตตาคาร แต่เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างความลำบากให้บรรดาแบ็คแพ็กเกอร์แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามนี่น่าจะเป็นเอกลักษณ์ของแบ็คแพ็กเกอร์ที่พร้อมจะเอ็นจอยกับการท่องเที่ยวและการจัดการสารพัดปัญหาที่ต้องเจอ และวันนี้กระปุกดอทคอมขอเอาใจคนชอบเที่ยวสไตล์แบ็คแพ็กเกอร์กับ 10 ประเทศน่าเที่ยวทั่วโลกจากเว็บไซต์ amerikanki มาแนะนำกันค่ะ ซึ่งนอกค่าครองชีพจะถูกแล้ว แต่ละที่ก็ยังสวยงามเหมาะกับขาลุยอีกด้วย
1. ประเทศตุรกี (Turkey)
การผสมผสานกันอย่างลงตัวของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ทำให้ตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่น่ามาเยือน ทั้งสถานที่ซึ่งมีมนตร์ขลังอย่างโบราณสถานที่กลายเป็นซากปรักหักพังหลังสงครามกรุงทรอย หรือหากจะเทียบกับบ้านเราก็คงจะคล้ายกับโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลังเสียกรุงนั่นเอง และเมืองท่าที่สำคัญของตุรกีคงจะหนีไม่พ้น อิสตันบูล (Istanbul) หากใครที่ชื่นชอบความงามด้านสถาปัตยกรรมล่ะก็ อิสตันบลูจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน ซึ่งที่นี่จะมีทั้งพิพิธภัณฑ์ ฮาเยีย โซเฟีย (Hagia Sophia Museum) และโบสถ์คอร่า (Chora Church) ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับจิตรกรรมฝาผนังแบบไม่มีเบื่อเลย นอกจากนี้ สถานที่ยอดฮิตอย่าง แกรนด์บาร์ซ่า (Grand Bazaar) ย่านการค้าของอิสตันบลู ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่ามีอาหารอร่อย ๆ มากมายให้คุณได้เลือกกินแบบจุใจ โดยเฉพาะอาหารตะวันออกกลางถือเป็นซิกเนเจอร์ของตลาดนี้เลย
2. ประเทศนิการากัว (Nicaragua)
นิการากัวอาจไม่ใช่ประเทศที่เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ถ้าคุณได้แวะเวียนมาสักครั้งในชีวิต เชื่อสิคะว่าอาจจะต้องมีครั้งที่สองหรือสาม และแม้จะไม่มีสถานที่หวือหวาเหมือนประเทศอื่น ๆ แต่ความสงบเงียบของที่นี่ก็เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนปรารถนา การได้ชมความงามของสิ่งปลูกสร้างยุคการล่าอาณานิคมถือเป็นเอกลักษณ์ที่หาดูไม่ได้ในที่อื่น และหากคุณต้องการดื่มด่ำกับความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น ทะเลสาบภูเขาไฟ Laguna de Apoyo ในเมืองมาซายาจะสร้างความประทับใจให้คุณไม่รู้ลืมแน่นอน นอกจากนี้คุณยังสามารถผ่อนคลายกับการว่ายน้ำ พายเรือคายัก หรือนั่งชิลจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ชมพระอาทิตย์ตก และสำหรับคู่รักนักผจญภัย นิการากัวก็เป็นที่ฮันนีมูนสุดโรแมนติกได้เช่นกันนะ ส่วนเวลาที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวที่นี่จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เพราะสภาพอากาศในช่วงนี้จะปลอดโปร่งและไม่ร้อนจนเกินไปค่ะ
3. ประเทศไทย (Thailand)
แน่นอนว่าสำหรับแบ็คแพ็กเกอร์แล้ว ประเทศไทยน่าจะเป็นจุดหมายที่หลายคนอยากมาสัมผัสสักครั้ง ไม่ว่าจะเหนือ ใต้ ออก ตก ไทยเราก็มีสถานที่น่าสนใจมากมาย เริ่มตั้งแต่ศูนย์กลางอย่างกรุงเทพมหานคร ที่มีวัดพระแก้วเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือจะขึ้นเหนือไปชมวิวบนจุดสูงสุดแดนสยามอย่างดอยอินทนนท์ ก็ได้บรรยากาศสุด ๆ และหากจะล่องใต้ไปชมความงดงามของเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะเต่า เกาะพีพี เกาะภูเก็ต ล้วนเป็นสถานที่มัดใจผู้มาเยือนทั้งนั้น นอกจากนี้ อาหารไทย เช่น ส้มตำ ต้มยำ ผัดไทย และแกงเขียวหวาน ก็เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเช่นกันเพราะรสชาติอร่อยและราคาไม่แพงด้วย ส่วนเรื่องที่พักนั้นก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่ราคาไม่ถึงหลักพันก็มี และอีกเสน่ห์ของไทย คือ ความมีน้ำใจและความเป็นมิตรของคนไทยนั่นเองค่ะ
4. ประเทศเปรู (Peru)
เปรู อีกหนึ่งประเทศที่ค่าครองชีพถูก ที่สำคัญยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เหมาะสำหรับแบ็คแพ็กเกอร์ที่ชอบความสวยงามของสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่าง ลิม่า ที่มีทั้งโบสถ์ซานฟรานซิสโก (Church of San Francisco) โบสถ์สไตล์บาโรกที่มีประวัติอันยาวนาน หรือจะเป็น พิพิธภัณฑ์ลาร์โค (Larco Museum) ทีมีเครื่องเซรามิคเก่าแก่อายุกว่า 3,000 ปี รวมทั้งสิ่งทอสวยงามมากมาย นอกจากนี้ ยังมีย่านมิราฟลอเรส (Miraflores) แหล่งชอบ กิน ดื่มที่สำคัญในลิม่า รวมทั้งสวนสาธารณะมิลาฟลอเรส ที่มีจุดชมวิวสวย ๆ เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ให้คุณได้มองเห็นผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แค่คิดภาพตามก็ฟินแล้ว และที่นี่ยังมีจักรยานเช่าไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ อ้อ...แล้วถ้ามาเปรูแต่ไม่ได้แวะเวียนมาที่ มาชู ปิกชู (Machu Picchu) ซากอารายธรรมของชนเผ่าอินคาล่ะก็ เห็นทีจะมาไม่ถึงนะ เพราะมาชู ปิกชู ในเมืองกุสโก (Cusco) ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเปรูเลยค่ะ
5. ศรีลังกา (Sri Lanka)
โคลัมโบ ถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของศรีลังกา โดยเฉพาะเขตศรีชัยวรเทนปุระ โกตเต (Sri Jayewardenepura Kotte) ที่ซึ่งบรรดาแบ็คแพ็กเกอร์มักแวะเวียนมาเสมอ เพราะวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและความเป็นมิตรของผู้คนที่นี่ อีกทั้งยังโดดเด่นเรื่องพระพุทธศาสนา ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าง ต้นศรีมหาโพธิ์ พระเขี้ยวแก้ว และพระมหาเจดีย์อีกมากมาย รวมทั้งวัดกันการามายา (Gangaramaya) หรือวัดคงคารามที่คนไทยรู้จักกัน ซึ่งเอกลักษณ์ของวัดแห่งนี้ คือ เป็นวัดที่มีอุโบสถตั้งอยู่กลางน้ำนั่นเอง ทางด้านสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เนื่องจากศรีลังกาเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยมหาสมุทรอินเดีย ที่นี่จึงมีชายหาดสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้คลายร้อนกันเพลิน ๆ ไม่ว่าจะเป็น Unawatuna ชายหาดทรงเกือกม้าที่มีหาดทรายนุ่มเท้า หรืออ่าว Arugam Bay ที่เหมาะสำหรับการเล่นกระดานโต้คลื่น แต่ถ้าอยากชมฝูงวาฬล่ะก็ หาด Mirissa เป็นไอเดียที่ดีค่ะ
6. คอสตาริกา (Costa Rica)
หากคุณกำลังมองหาแหล่งท่องท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น คอสตาริกา คือที่ซึ่งจะตอบโจทย์คุณได้ดีทีเดียว โดยที่นี่มีทั้งน้ำตก ภูเขาไฟ ทะเลสาบ และชายหาดสวย ๆ เรียกว่าครบเลยค่ะ นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติคอร์โควาโด (Corcovado National Park) และอุทยานแห่งชาติปาโลเวิร์ด (Palo Verde National Park) ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และมีความหลากหลายด้านกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือ หรือการชมนกหายากกว่า 300 ชนิด ถือเป็นสวรรค์ของคนชอบดูนกเลยค่ะ และอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตสำหรับผู้มาเยือนคือการเล่นน้ำ เพราะที่นี่มีแอ่งน้ำมากมาย รวมทั้งน้ำตกและน้ำพุร้อนด้วย อ๊ะ ๆ แล้วอย่าเล่นน้ำเพลินจนลืมแชะภาพสวย ๆ ของภูเขาไฟที่กำลังปะทุด้วยนะ ช่างเป็นโมเมนต์ที่หายากจริง ๆ
7. ประเทศอินเดีย (India)
อีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวและค่าครองชีพแบบสบายกระเป๋า คือ อินเดีย หลายคนอาจนึกภาพความไม่ถูกสุขลักษณะหลาย ๆ อย่างที่อินเดีย แต่ความจริง คือ ไม่มีที่ไหนเพอร์เฟคท์ไปซะทุกอย่างเช่นกัน หากคุณลองเปลี่ยนทัศนคติแล้วหาข้อมูลดูสักนิดก็จะรู้ว่าอินเดียมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งอนุสรณ์สถานแห่งรักนิรันดร์อย่าง ทัชมาฮาล (Taj Mahal), พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า, มุมไบ เมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและสถาปัตยกรรมที่งดงามของอินเดีย และแคชเมียร์ (Kashmir) ที่ซึ่งคุณสามารถไปเยือนได้ทุกฤดูกาลโดยเฉพาะฤดูหนาว แคชเมียร์จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพน ความงามของเทือกเขาหิมาลัย คือ สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตื่นตาตื่นใจได้เสมอ ส่วนในฤดูใบไม้ผลิคุณจะได้เห็นทุ่งมัสตาร์ดเหลืองอร่าม เรียกว่าแคชเมียร์เป็นสวรรค์บนดินจริง ๆ ค่ะ
8. ประเทศเนปาล (Nepal)
เนปาล ประเทศซึ่งถือเป็นมรดกของเอเชียเลยก็ว่า การผสมผสานทางวัฒนธรรมที่ลงตัวของพุทธและฮินดูทำให้หลายสถานที่สำคัญของเนปาล เช่น สถูปสวยัมภูวนาถ (Swayambhunath) ที่มีทั้งเทวรูปฮินดูและพระพุทธรูป ทางด้านแหล่งธรรมชาติของเนปาลนั้นจะมีทะเลสาบเฟวา (Phewa Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ โดยคุณสามารถล่องเรือชมความงามของแนวเทือกเขาหิมาลัยแบบไกล ๆ และตรงกลางของทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดบาลาฮี (Barahi Temple) ให้คุณได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย นอกจากนี้ ใครที่แข็งแกร่งทั้งทางกายและทางใจ การพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดี ๆ ที่น่าสนใจค่ะ
9. ประเทศอัลบาเนีย (Albania)
ภาพจาก Anton_Ivanov / shutterstock.com
แม้อัลบาเนียจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดของยุโรป แต่อัลบาเนียถือเป็นประเทศที่งดงามและเต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ที่สำคัญค่าครองชีพยังถูกมากหากเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรป ติรานา (Tirana) เมืองหลวงของอัลบาเนียเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ คุณยังสามารถปีนเขา Dajti เพื่อชมทัศนียภาพของติรานาทั้งเมือง ส่วนใครที่ชอบกิจกรรมทางน้ำล่ะก็ การได้เล่นเจสกีที่หาด Dhermi หรือพายเรือคายักที่ Jala ถือเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยหากมาเยือนอัลบาเนีย
10. ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia)
หากพูดถึงประเทศอินโดนีเซีย หลายคนคงนึกถึงเกาะบาหลี (Bali) ที่ซึ่งได้รับความนิยมไม่น้อยจากนักท่องเที่ยว และนอกจากทะเลสวยหาดทรายขาวแล้ว บาหลียังมีทุ่งนาขั้นบันไดเขียวชอุ่มที่ชวนให้ผู้มาเยือนหลงใหลและอยากบันทึกภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำสุดประทับใจ นอกจากบาหลีแล้ว ภูเขาไฟโบรโม (Mount Bromo) บนเกาะชวา ยังเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า และภูเขาไฟแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดเทศกาล Kasada หรือการบูชาเทพเจ้า โดยการโยนอาหาร เงิน ลงในปล่องของภูเขาไฟ นับเป็นเทศกาลที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจไม่น้อย รวมถึงกรุงจาการ์ต้า (Jakarta) เมืองหลวงของอินโดนีเซียยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยเฉพาะถนนเล็ก ๆ อย่าง Jalan Jaksa หรือ Jaksa road ที่ถือเป็นย่านของบรรดาแบ็คแพ็กเกอร์ก็ว่าได้ เพราะมีทั้งที่พักและของกินราคาถูกเหมาะกับขาลุยทีเดียวค่ะ
ข้อดีของการเที่ยวสไตล์แบ็คแพ็กเกอร์นอกจากจะประหยัดงบแล้ว การได้เรียนรู้และจัดการกับปัญหาที่ไม่คาดคิดถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะการเที่ยวสไตล์นี้ไม่ได้สะดวกสบายมากนักทั้งเรื่องที่พักหรือการเดินทาง คุณอาจไม่ได้นอนที่นอนนุ่ม ๆ หรืออาจต้องเดินไกลจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแทนที่จะนั่งรถรับจ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์รวมทั้งมีความอดทนมากขึ้น อย่างไรก็ดี ทุกการเดินทางต้องมีการวางแผนก่อนทุกครั้ง และสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะประหยัดแค่ไหนแต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอนะคะ
