ที่เที่ยวเดือนกันยายน ตะลุยเที่ยวทั่วไทยในช่วงกลางฤดูฝน

          แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเดือนกันยายน เอาใจสายเที่ยวที่อยากออกไปสัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีทั้งที่เที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม พร้อมทั้งเทศกาลประเพณีดี ๆ มากมาย รับรองต้องถูกใจคนรักการเดินทาง

          เดือนกันยายนเป็นเดือนที่อยู่ช่วงกลางของฤดูฝนพอดี ใคร ๆ ก็บอกว่าฤดูฝนไม่มีอะไรน่าเที่ยว แต่เดี๋ยวก่อน....หยุดความคิดนั้นไว้สักแป๊บ เพราะแท้ที่จริงแล้วฤดูกาลนี้ซ่อนสิ่งดี ๆ ไว้เพียบเลย ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติ หรือวัฒนธรรม มีเทศกาลสนุก ๆ ให้ได้เข้าร่วมด้วยนะ เอาล่ะ...ใครที่ไม่อยากพลาดความดีงามของเดือนกันยายน ไปส่องที่เที่ยวเดือนกันยายนด้วยกันเลยค่ะ :)
 
1. บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่


          หน้าฝนจะไม่ไปยลนาขั้นบันไดได้อย่างไร ซึ่งในเมืองไทยมีนาขั้นบันไดให้ได้เที่ยวชมหลากหลายแห่ง แต่สถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ช่างภาพก็คงหนีไม่พ้น "บ้านป่าบงเปียง" อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะเป็นนาขั้นบันไดกว้างใหญ่อยู่บนเนินเขาสูง สามารถมองเห็นนาข้าวที่ปลูกสลับซับซ้อนลดหลั่นกันลงไปตามความชันของเนินเขาได้อย่างสวยงามสุด ๆ ยิ่งในช่วงหน้าฝนท้องนาจะเป็นสีเขียวขจี ยามเช้าบางวันมีทะเลหมอกบาง ๆ ให้ได้ชมกันพอหอมปากหอมคอ วันไหนที่ฝนไม่ตก ท้องฟ้าเปิด ยามเช้าก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า พร้อมกับทอแสงสีส้มนวลลงมายังผืนนาข้าวสีเขียว ส่องไปยังหยดน้ำค้างใสเป็นประกายวิบวับสวยงามจับตา ยามเย็นก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตตกดินไปอย่างงดงามสุด ๆ

          การเดินทางเข้าไปเที่ยวชมบ้านป่าบงเปียง จำเป็นต้องใช้รถกระบะ เพราะเส้นทางจะลำบากเล็กน้อย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5324 8604-5

2. เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์


          ถ้าพูดถึงที่เที่ยวหน้าฝนจะไม่กล่าวถึงเขาค้อไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวภูเขาที่จะมีความสวยงามมากที่สุดในช่วงฤดูฝนไล่ไปจนถึงปลายฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจะได้ยลความงดงามของขุนเขาและสายหมอก ได้สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มปอด พร้อมทั้งได้สัมผัสกับอากาศเย็น ๆ ตลอดช่วงฤดูกาล ที่สำคัญเขาค้อยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย พร้อมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟวิวสวยปังให้เลือกนั่งพักผ่อนหย่อนใจอีกนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเป็นเมืองพักผ่อนที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยก็ว่าได้

          สถานที่ท่องเที่ยวเขาค้อที่ห้ามพลาด อาทิ จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ, ทุ่งกังหันลม, พระตำหนักเขาค้อ, พิพิธภัณฑ์อาวุธ, อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ, พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก, วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว, ไร่บีเอ็น, พีโน่ ลาเต้ รีสอร์ท แอนด์ คาเฟ่, เลอ บอนเนอร์ เขาค้อ, Route 12, น้ำตกศรีดิษฐ์, อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง, บลู สกาย การ์เด้น เป็นต้น

3. เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี


          เกาะสมุย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทะเลที่ติดลมบนสถานที่ท่องเที่ยวฮิตของเมืองไทยไปแล้วค่ะ ด้วยเป็นเกาะที่มีธรรมชาติของท้องทะเลสวยงาม และยังคงความเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ได้ดีไม่น้อย และที่สำคัญยังสามารถเที่ยวได้เบา ๆ ในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งมีฝนบ้างประปราย แต่บรรยากาศโดยรวมถือว่าสวยงามดีทีเดียว ทั้งนี้เกาะสมุยยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสหลากหลายแบบ ใครที่ชอบธรรมชาติและวิถีชีวิตชุมชน ก็มีผืนทะเลกว้างโดยรอบ พร้อมทั้งที่เที่ยวน้ำตก และสวนมะพร้าวของชาวบ้านให้ได้ไปเพลิดเพลินกัน ส่วนใครที่ชอบความสนุกสนาน ก็มีบาร์ริมชายหาดหลายแห่งให้ได้ไปโยกเบา ๆ กันด้วย

          สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสมุยที่ไม่ควรพลาด อาทิ หาดเฉวง, หาดบ่อผุด, หาดละไม, หินตาหินยาย, ชุมชนหัวถนน, น้ำตกหินลาด, วัดพระใหญ่ เกาะฟาน, ชุมชนหน้าทอน, พุทธเจดีย์แหลมสอ, วัดสำเร็จ, ถนนคนเดินแม่น้ำ, ถนนคนเดินบ่อผุด, ถนนคนเดินเฉวง, CoCo Tam\'s, Cafe De Pier, กะลาสี คาเฟ่, The Jungle club, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เป็นต้น

4. เทศกาลกุ้งเดินขบวน จังหวัดอุบลราชธานี



          เป็นเทศกาลที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจกับความมหัศจรรย์ของธรรรมชาติ กับการที่กุ้งจำนวนนับแสนตัวพากันเดินขบวนทวนกระแสน้ำขึ้นมาบนโขดหิน เพื่อมุ่งหน้าไปวางไข่ที่แหล่งต้นน้ำบนเทือกเขาพนมดงรัก นักท่องเที่ยวจะได้เห็นกุ้งฝอยและกุ้งก้ามขน ซึ่งมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงและอาศัยอยู่ตามผิวน้ำหรือริมตลิ่ง พากันค่อย ๆ เดินกลับไปยังแหล่งกำเนิดที่ต้นน้ำบนยอดเขา กุ้งเหล่านี้ต้องเดินผ่านโขดหินขึ้นมา แล้วค่อย ๆ ไต่หลบหลีกกระแสน้ำไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะปีนขึ้น-ลงในระยะทางไม่เกิน 2 เมตร ในแต่ละจุด

          สำหรับเทศกาลกุ้งเดินขบวน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้ที่แก่งลำดวน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2561 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า อุบลราชธานี

5. ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่


          เป็นที่ทราบกันดีว่าดอยอินทนนท์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทย การได้ไปสัมผัสจุดที่สูงที่สุดของเมืองไทยสักครั้งในชีวิต จึงเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด ยิ่งไปกว่านั้นดอยอินทนนท์ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวภูเขาที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม พร้อมกับมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกสวยตระการตา จุดชมวิวทะเลหมอกสุดอลังการ พระมหาธาตุคู่บารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และนาข้าวบันไดกว้างใหญ่ มาที่เดียวได้สัมผัสธรรมชาติแบบเต็มอิ่มแน่นอน

          ที่เที่ยวดอยอินทนนท์ที่น่าสนใจ อาทิ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ, กิ่วแม่ปาน, สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์, น้ำตกวชิรธาร, บ้านแม่กลางหลวง, บ้านผาหมอน, จุดชมวิว กม.41, น้ำตกแม่ยะ, ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี, ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง เป็นต้น

6. น้ำตกปิตุ๊โกร จังหวัดตาก


          อีกหนึ่งน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดของเมืองไทย นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่สวยงามแล้ว ก็ยังสูงใหญ่น่าประทับใจมาก ๆ สำหรับน้ำตกปิตุ๊โกรนี้ ตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยสามหมื่น อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูงมากกว่า 500 เมตร ได้ฉายาว่า "น้ำตกหัวใจ" ด้วยมีสายน้ำสองสายไหลจากหน้าผาลงมาบรรจบกัน จนมีรูปร่างคล้ายกับหัวใจสีขาว รอบ ๆ น้ำตกเป็นต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณสีเขียวขจี ดูสดชื่นสุด ๆ

          การเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกปิตุ๊โกร ควรไปช่วงหน้าฝนจะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร ต้องนอนค้างคืนในป่า 1 คืน และจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเส้นทางนำทาง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก โทรศัพท์ 0 5551 4341

7. หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

          อำเภอหาดใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายแบบให้ได้ไปสัมผัส แต่ที่อยากจะนำเสนอให้ไปเที่ยวหาดใหญ่ในช่วงเดือนกันยายน เพราะช่วงนี้จะมีเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นเทศกาลที่สำคัญของชาวไทย-จีน ที่อาศัยอยู่ในหาดใหญ่ และจะมีการจัดตกแต่งเมืองอย่างสวยงามด้วยโคมไฟเต็งลั้งนับร้อยดวง

          โดยเฉพาะในวันที่ 22-24 กันยายน 2561 จะมีการจัดงานเทศกาลประเพณีไหว้พระจันทร์หาดใหญ่ 2018 พบกับโคมไฟยักษ์พ่นไฟ และมังกรพ่นน้ำ พร้อมระบบ แสง สี เสียง ที่สวยตระการตา การประกวดธิดาดวงจันทร์ การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม ชุด "ตำนานไหว้พระจันทร์" การประกวดจัดโต๊ะไหว้พระจันทร์ยาวที่สุด ชิมขนมไหว้พระจันทร์ไส้พิเศษอย่างไส้ต้มยำ และการแสดงร้องเพลงจากอันฉี The Voice สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ โทรศัพท์ 0 7424 3747

8. สะพานไม้ไผ่บ้านเตย จังหวัดนครราชสีมา




          ปัจจุบันมีสะพานไม้ไผ่ที่ทอดข้ามผ่านทุ่งนาสีเขียวให้ได้ชมหลากหลายสถานที่ แต่สถานที่ที่อยากจะแนะนำอีกแห่งก็คือ "สะพานไม้ไผ่บ้านเตย" ภายในศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบ้านเตย ตำบลกระเบื้องใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา มีลักษณะเป็นทางเดินไม้ไผ่ทอดตัวยาวประมาณ 300 เมตรไปกลางทุ่งนาสีเขียวกว้างใหญ่ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมและถ่ายรูปกันได้ชิล ๆ

          แนะนำว่าให้ไปช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ เพราะแสงแดดจะไม่แรงมากนัก ทำให้เดินเที่ยวชมได้สบาย ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานโคราช โทรศัพท์ 0 4421 3030

9. ตัวเมืองตรัง


          จังหวัดตรัง เป็นอีกจังหวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ปัจจุบันก็ยังคงหลงเหลือความเป็นเมืองเก่าให้ได้เห็นในหลากหลายมุม จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวสโลว์ไลฟ์ที่น่าจะถูกใจฮิปสเตอร์ไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงมีกล้องคู่ใจหนึ่งตัว แล้วท่องเที่ยวไปรอบ ๆ เมืองด้วยรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ตระเวนถ่ายรูปกับสถานที่เก่าแก่ และแวะชิมลิ้มรสของอร่อยเมืองตรังท่ามกลางอากาศเย็นสบายของช่วงหน้าฝน เท่านี้ก็ทำให้คุณประทับใจกับเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไม่น้อยแล้ว

          โดยเฉพาะในวันที่ 6-10 กันยายน 2561 จะมีการจัดงานเทศกาลอาหารอร่อยกับหมูย่างและขนมเค้กจังหวัดตรัง ประจำปี 2561 ซึ่งจะมีของอร่อยเมืองตรังมาให้ได้เลือกกินมากมาย บอกเลยว่าไม่ควรพลาด

10. น้ำตกผาดอกเสี้ยว จังหวัดเชียงใหม่


          น้ำตกผาดอกเสี้ยว มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "น้ำตกรักจัง" ด้วยโด่งดังมาจากการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องรักจัง ตั้งอยู่ภายในบ้านแม่กลางหลวง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ความโดดเด่นของน้ำตกแห่งนี้อยู่ตรงที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิดด้วยสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวอยู่ด้านหน้าน้ำตก นักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามอลังการของสายน้ำมากมายที่ไหลผ่านหน้าผาสูงราว ๆ 20 เมตร รอบด้านเป็นป่าไม้สีเขียวอุดมสมบูรณ์ บรรยากาศเงียบสงบ

          ในบางช่วงของวันก็มีชาวบ้านที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของชนเผ่าตนเองเดินผ่านข้ามสะพานไม้ไผ่ เป็นความสวยงามที่หาได้จากที่นี่เท่านั้น

11. สวนพฤกษศาสตร์พุแค จังหวัดสระบุรี
          เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สำคัญของเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลพุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 มีเนื้อที่รวมทั้งหมดราว ๆ 5,051 ไร่ ปัจจุบันมีสภาพสวยงามร่มรื่น แบ่งเป็นสวนต่าง ๆ เช่น สวนหิน, สวนสมุนไพร และสวนรวบรวมพรรณไม้วงศ์ปาล์ม โดยในแต่ละสวนก็มีการจัดตกแต่งอย่างสวยงาม มีต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกสลับกันไป บางจุดมีไม้ดอกไม้ประดับสวย ๆ ให้ได้เดินชมเพลิน ๆ พักผ่อนสายตาก็ได้ ถ่ายรูปก็ดี เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สวนพฤกษศาสตร์พุแค

12. ดอยผาหมี ดอยผาฮี้ จังหวัดเชียงราย


          ใครที่อยากเที่ยวชมขุนเขาเมืองเหนือแบบชิล ๆ ขอแนะนำที่เที่ยวเปิดใหม่ของจังหวัดเชียงรายกับ "ดอยผาหมี" และ "ดอยผาฮี้" อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ชุมชนติดชายแดนไทย-เมียนมา ที่มีทัศนียภาพสวยสะกดใจ และยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟอาราบิก้าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยด้วย ทั้งสองหมู่บ้านเป็นชุมชนชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า ได้เริ่มมีการพัฒนาหมู่บ้านให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ปัจจุบันจึงมีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร และที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านให้ได้เที่ยวชมกันอย่างจุใจ

          เส้นทางขึ้นไปเที่ยวทั้งสองหมู่บ้านไม่ลำบากมากนัก มีถนนลาดยางเข้าถึง สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปเที่ยวได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย โทรศัพท์ 0 5371 7433

13. อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี


          จริง ๆ แล้วจังหวัดกาญจนบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ ให้ได้ไปเยี่ยมเยือนไม่น้อยเลยล่ะ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ แต่ถ้าใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนดี หน้าฝนนนี้ขอแนะนำให้ลองไปสัมผัสกับความสวยงามของอำเภอทองผาภูมิกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ รออยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ, หมู่บ้านอีต่อง, เหมืองปิล๊อก, น้ำตกจ๊อกกระดิ่น, เขื่อนวชิราลงกรณ, น้ำพุร้อนหินดาด, เนินช้างศึก, เหมืองสมศักดิ์-ป้าเกล็น, น้ำตกผาตาด, เขาช้างเผือก เป็นต้น

14. เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

          ที่ชวนให้ไปเที่ยวเชียงดาวช่วงหน้าฝน ไม่ได้หมายถึงให้ไปปีนขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวนะคะ แต่จริง ๆ แล้วอยากจะชวนให้มาเที่ยวกันรอบ ๆ อำเภอเชียงดาว เพราะป่าเขาและนาข้าวกำลังสวยเขียวขจีได้ใจเลยล่ะ บางหมู่บ้านยังมีโฮมสเตย์น่ารัก ๆ ให้ได้ไปนอนเล่นพักผ่อน ชมท้องนา ท้องฟ้า และสายหมอกกันเบา ๆ ด้วย สถานที่ท่องเที่ยวเชียงดาวที่ไม่อยากให้พลาด อาทิ วัดถ้ำเชียงดาว, บ้านนาเลาใหม่, บ้านแม่แมะ, บ่อน้ำร้อนโป่งอ่าง, สวนบัวชมพู ณ จอมคีรี, พระธาตุสามเงา วัดปางมะโอ, บ้านอรุโณทัย, เมืองคอง, ดอยแม่ตะมาน สันป่าเกี๊ยะ, ศูนย์ฝึกช้างเชียงดาว เป็นต้น   
         
          นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวชมในเดือนกันยายน ยังมีอีกหลากหลายแหล่งท่องเที่ยวของไทยที่สวยงามและน่าไปยลในหน้าฝน เราจะนำมาฝากกันเรื่อย ๆ นะคะ :)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
park.dnp.go.th
เฟซบุ๊ก ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า อุบลราชธานี
dnp.go.th
ททท.