รู้จักกับหมู่เกาะแฟโร ดินแดนดั่งสวรรค์บนดิน แต่ขาดแคลนประชากรผู้หญิง บรรดาชายหนุ่ม เลยเฝ้าตามหาภรรยาจากแดนไกลในแถบเอเชีย โดยเฉพาะฟิลิปปินส์และไทย
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560 สำนักข่าวบีบีซี เปิดเผยรายงานน่าสนใจเกี่ยวกับ หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) หมู่เกาะเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ไม่เพียงแค่เป็นดินแดนสวรรค์ของนักเดินทางทั่วโลกที่อยากไปผจญภัยกับธรรมชาติสุดอัศจรรย์ แต่ตอนนี้ยังกลายเป็นสถานที่ในฝันของสาว ๆ อีกด้วยเนื่องจากมีภาวะขาดแคลนประชากรหญิง ทำให้บรรดาผู้ชายท้องถิ่นต้องมองหาภรรยาจากแดนไกลอย่างแถบเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เป็นเป้าหมายของหนุ่มชาวเกาะแฟโรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา เกาะแฟโรประสบปัญหาจำนวนประชากรลดลง เนื่องจากวัยรุ่นย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นเพื่อการศึกษา และสุดท้ายก็ไม่ได้กลับมา โดยเฉพาะผู้หญิงมักจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่ต่างประเทศ ทำให้ประชากรเกิดความไม่สมดุลกันระหว่างเพศ มีสัดส่วนจำนวนผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชายถึง 2,000 คน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ชายบนเกาะแฟโรเฝ้ามองหารักจากแดนไกลเรื่อยมา
จากรายงานระบุว่า ปัจจุบันมีผู้หญิงจากประเทศไทยและฟิลิปปินส์อาศัยอยู่ที่เกาะแฟโรมากถึง 300 คน ซึ่งอาจจะฟังดูเหมือนไม่มากมาย แต่หากเทียบกับประชากรบนเกาะที่มีทั้งหมดประมาณ 50,000 คน ถือว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ อาจจะรู้สึกตกใจกับวัฒนธรรมที่แตกต่างของชาวแฟโร โดยที่เกาะแฟโรจะมีภาษาของตัวเอง มีวัฒนธรรมเรื่องอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เนื้อแกะหมัก ปลาค็อดตากแห้ง รวมไปถึงการรับประทานเนื้อวาฬ หรือไขมันวาฬ และแมวน้ำเป็นบางโอกาส อีกทั้งจะไม่มีการใส่สมุนไพรและเครื่องเทศในอาหารแบบชาวเอเชียเลย รวมไปถึงเรื่องสภาพอากาศ ความเย็นก็เป็นสิ่งท้าทายสำหรับหลายคน โดยอุณหภูมิสูงสุดในฤดูร้อนจะอยู่ที่ประมาณ 16 องศาเซลเซียส
อัธยา สเลทาลิด หนึ่งในหญิงไทยที่ได้มีโอกาสพบรักกับยาน สามีชาวแฟโร และได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่นั่น ปัจจุบันเธอและสามีอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ริมตลิ่งฟยอร์ด ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา และทำงานอยู่ในร้านอาหารที่กรุงทอร์สเฮาน์ เมืองหลวงของแฟโร โดยเธอได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ให้ฟังว่า เธอได้พบกับสามีในขณะที่เขากับเพื่อนมาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งในตอนนั้น สามีของเธอทราบดีว่าการพาภรรยาย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขาในแดนไกลที่แตกต่างทั้งวัฒนธรรม สภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศเป็นเรื่องยากลำบากและท้าทายมาก ๆ แต่เขามั่นใจว่า เธอจะสามารถรับมือได้
อัธยา เล่าว่า ตอนที่ย้ายมาอยู่ใหม่ เธออยู่บ้านคนเดียวทั้งวันไม่ได้พูดกับใครเลย เนื่องจากชาวบ้านคนอื่นส่วนมากพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อีกทั้งยาค็อบ ลูกชาย ก็ไม่มีเพื่อนเล่น จนผ่านไปประมาณ 2-3 ปี ลูกชายเข้าโรงเรียนอนุบาล เธอก็พอมีเวลาไปทำงานเกี่ยวกับธุรกิจจัดเลี้ยงอาหาร ทำให้เธอได้มีโอกาสพบกับหญิงไทยคนอื่น ๆ
"ตอนนี้ฉันมีความสุขกับที่นี่ มันไม่ใช่แค่การอยู่เพื่อมีชีวิตรอด แต่เป็นการอยู่สร้างชีวิตครอบครัว ยาค็อบ ได้เล่นริมทะเล ห้อมล้อมไปด้วยเนินเขา ที่เต็มไปด้วยฝูงแกะท่ามกลางธรรมชาติ ที่นี่ไม่มีมลภาวะ ไม่มีอาชญากรรม ทุกวันนี้มีเด็กจำนวนไม่มากนัก ที่จะได้มีโอกาสอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ที่นี่อาจจะเป็นสวรรค์แห่งสุดท้ายบนโลกก็เป็นได้" อัธยา กล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีแอ็กเซล โยฮานเนเซ่น กล่าวว่า ทางรัฐบาลพยายามให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติอย่างจริงจัง โดยกล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ผู้หญิงชาวเอเชียเข้ามาอยู่ในหมู่เกาะ เนื่องจากมีส่วนกระตุ้นตลาดการจ้างงานมาก โดยทางรัฐได้ให้ความสำคัญในการช่วยให้พวกเธอเรียนภาษาแฟโร และจัดโครงการสอนภาษาให้ฟรีด้วย
บุญล้อม เป็นอีกหนึ่งหญิงไทยที่ได้พบรักกับสามีชาวแฟโร คริสเตียน อาร์นาสัน และได้ย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อปี 2545 โดยบุญล้อม เผยว่า เธอโชคดี โดยก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่เกาะแฟโร เธอบอกสามีว่า หากย้ายมาอยู่ที่นี่ จะต้องหางานให้เธอด้วย ซึ่งเขาก็ทำตามสัญญา เธอได้ทำงานกับชาวแฟโรในโรงแรม จนสามารถฝึกภาษาแฟโรจนพูดได้ นอกจากนี้เธอยังเผยว่า แม้ว่าเรื่องการอพยพเข้าเมือง จะเป็นประเด็นอ่อนไหวในหลายประเทศของยุโรป แต่สังคมชาวหมู่เกาะแฟโรกลับให้การยอมรับคนต่างชาติได้อย่างน่าประทับใจ
