ตลาดหัวตะเข้ ตลาดโบราณย่านลาดกระบัง ที่ยังคงบรรยากาศความคลาสสิกและความเรียบง่ายของวิถีชีวิตชุมชน ทั้งยังเงียบสงบ ที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยนักในกรุงเทพฯ
ตลาดหัวตะเข้ เป็นชุมชนเล็ก ๆ อยู่ในพื้นที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมสองฝั่งคลองประเวศบุรีรมย์ ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดโบราณริมน้ำที่มีอายุกว่าร้อยปี ภาพของบ้านไม้ตั้งเรียงราย ภาพหลังคาสังกะสีที่ปนสนิมอยู่หน่อย ๆ บ่งบอกให้เรารู้ว่าตลาดหัวตะเข้น่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย
รวมถึงวิถีชีวิตคนในชุมชนด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ร่วมเดินทางไปดื่มด่ำบรรยากาศย้อนวันวานไปกับตลาดหัวตะเข้ด้วยกัน แล้วมาดูสิว่าเพราะอะไรท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตลาดหัวตะเข้แห่งนี้ยังคงความคลาสสิกไว้ไม่เสื่อมคลาย
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในตลาดหัวตะเข้ ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครคิดว่าที่นี่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีระยะทางห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น ก็เพราะบรรยากาศที่นี่จัดได้ว่าค่อนข้างเงียบสงบ ไม่ค่อยปรากฏความวุ่นวายและจอแจ เหมือนกับชีวิตประจำวันที่เราเห็นจนชินตา
ย้อนกลับไปในอดีต ตลาดหัวตะเข้ก็เหมือนตลาดอื่นทั่ว ๆ ไป ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งเลือกซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างคึกคัก เพราะลำคลองยังเป็นทางสัญจรหลักของชาวบ้าน แต่เมื่อความเจริญค่อย ๆ มาเยือน และมีการตัดถนนผ่าน ตลาดหัวตะเข้จึงเริ่มลดบทบาทและซบเซาลงเรื่อย ๆ บ้างก็ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง ไร้การเหลียวแล
ต่อมาในระยะหลังจึงเริ่มหันกลับมาอนุรักษ์และฟื้นฟูตลาดหัวตะเข้กันมากขึ้น ถึงแม้ว่าอาจยังไม่เต็มร้อยดีนัก แต่อย่างน้อยใครที่เดินเข้ามาก็จะรู้เลยว่า กลิ่นบรรยากาศเก่า ๆ ยังคงไม่ได้จางหายไปจากที่นี้อย่างถาวรเสียทีเดียว โดยจุดเด่นของตลาดหัวตะเข้อยู่ที่บรรยากาศความคลาสสิกของบ้านไม้เรือนแถวสีน้ำตาล
ตลอดทางเดินจะเห็นเหล่าบรรดาร้านค้าและร้านอาหารบ้างประปราย ที่ต่างสาละวนอยู่กับการปรุงอาหารให้กับลูกค้าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หอยทอด ยำแหนม สาคู ขนมปากหม้อ ขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ หรือจะเป็นร้านคาเฟ่น่ารักติดริมน้ำอย่างร้าน "ณ ลาดกระบัง" ก็มีให้เลือกทานแบบไม่ต้องกลัวท้องจะว่าง
ที่นี่ยังมีร้านรวมเก่า ๆ เปิดไว้ให้บริการ อย่างร้านตัดผมโบราณ ที่ภายในตกแต่งด้วยเครื่องใช้สมัยโบราณ เช่น รูปภาพ เครื่องเสียง เครื่องใช้โบราณ ของเล่น ตู้ โต๊ะ เป็นต้น ที่ปัจจุบันไม่ใช่ว่าดูได้จากที่ไหนง่าย ๆ
"บ้านสามครู" ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะ และยังเป็นพื้นที่ให้เด็ก ๆ ในชุมชนได้มานั่งเขียนรูป อ่านหนังสือ รวมถึงการทำกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะอีกด้วย หรือจะเป็น "ร้านไทยสามัคคี" ซึ่งนอกจากจะเป็นร้านขายเครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลปะแล้ว ที่นี่ยังมีหนังสืออ่านนอกเวลาเก่า ๆ น่าซื้อหาไปสะสมกันอีกด้วย
ความคลาสสิกและความอาร์ตของตลาดหัวตะเข้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เดินถัดไปจากร้านคาเฟ่ "ณ ลาดกระบัง" ไปไม่ไกล ข้ามสะพานซึ่งเป็นจุดชมวิวบ้านเรือนชุมชมสองฝั่งแม่น้ำ ก็จะเห็น "กำแพงตะเข้" กำแพงฮิตยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวที่มาหัวตะเข้จะต้องมาถ่ายรูปด้วยกันทั้งนั้น เราจะเห็นเส้นสายลายเส้นของตัวการ์ตูนสวย ๆ โลดแล่นอยู่บนกำแพงเป็นทางยาว ดูเก๋และแปลกตาอยู่ไม่น้อย
ไม่เพียงแต่ที่ "กำแพงตะเข้" เท่านั้นที่ปรากฏลวดลายกราฟิกสวย ๆ ให้ได้เห็น หากลองสังเกตให้ดี ๆ ตลอดระหว่างทางเดินภายในตลาดหัวตะเข้ ก็รูปภาพกราฟิกสวย ๆ ให้ได้เห็นเช่นกัน
แผนผังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของหัวตะเข้
ในวันนี้ที่ตลาดหัวตะเข้กลับมาฟื้นขึ้นอีกครั้ง เหล่านี้เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของคนในชุมชน ในการผลักดันไม่ให้บรรยากาศเก่า ๆ ต้องสูญสลายหายไปตามวันและเวลา แต่ตลาดหัวตะเข้จะกลับฟื้นมีชีวิตได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ทุกคน ดังนั้นใครรู้ตัวว่าชื่นชอบบรรยากาศเก่า ๆ แบบนี้ อย่าลืมมาเที่ยวที่ตลาดหัวตะเข้กันดูนะคะ ที่นี่จะเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. และสามารถเข้าไปไปดูรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ชุมชนคนรักหัวตะเข้ อย่าลืมไปเที่ยวกันเยอะ ๆ นะคะ ^ ^
ตลาดหัวตะเข้ การเดินทาง
การเดินทางสู่หัวตะเข้ทำได้โดยสะดวกและหลายวิธี แต่วิธีที่สะดวกแบบลงปุ๊บได้เที่ยวปั๊บ ให้คุณลองนั่งรถไฟไปเที่ยวที่หัวตะเข้ดู โดยนักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถไฟไปหัวตะเข้ได้ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง นั่งสายรถไฟสายกรุงเทพฯ-หัวตะเข้ (บริการฟรี) สามารถตรวจสอบตารางรถไฟเที่ยวต่าง ๆ ได้ที่ railway.co.th หรือโทร. 1690 หลังจากลงที่สถานีรถไฟหัวตะเข้แล้ว ให้เดินเลียบคลองไปเรื่อย ๆ จะผ่านย่านชุมชน ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังตลาดหัวตะเข้ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก ชุมชนคนรักหัวตะเข้
