เบอร์จ คาลิฟาร์
เบอร์จ คาลิฟาร์
เบอร์จ คาลิฟาร์
ดูไบเปิดตัวอาคารสูงที่สุดในโลกที่ความสูง 828 เมตร ท่ามกลางวิกฤติการเงิน ได้ชื่อใหม่ "เบอร์จ คาลิฟาร์"
ชีคโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด ผู้ครองรัฐดูไบ 1 ใน 7 รัฐของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทรงทำพิธีเปิดอาคารสูงที่สุดแห่งใหม่ของโลกเมื่อคืนวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางดอกไม้ไฟตระการตา และอาคารซึ่งเดิมมีชื่อเรียกว่า "เบอร์จ ดูไบ" หรือ "ดูไบ ทาวเวอร์" ได้ชื่อใหม่ว่า "เบอร์จ คาลิฟาร์" หลังเปิดแพรคลุมป้ายเผยชื่อเต็มของอาคารว่า "ชีค คาลิฟาร์ บิน ซาย์เอ็ด อัล-นาห์ยัน ทาวเวอร์" ซึ่งตั้งชื่อตามประธานาธิบดีของ UAE
ทั้งนี้ ชีค คาลิฟาร์ ทรงเป็นผู้ครองรัฐอาบูดาบี รัฐที่ร่ำรวยสุดใน 7 รัฐของ UAE ประทับอยู่ข้างพระญาติคือ ชีคโมฮัมเหม็ด ผู้ทรงควบตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของ UAE ตลอดงาน ซึ่งข่าวระบุว่าในช่วงหนึ่งดูเหมือนว่า ชีคโมฮัมเหม็ด จะมีพระอัสสุชลคลอ(น้ำตาคลอ) เมื่อทอดพระเนตรอาคารที่น่าจะเป็นสัญญลักษณ์ความรุ่งเรืองของประเทศ และเป็นสัญลักษณ์ที่รัฐดูไบจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก แต่กลับต้องเปิดตัวในช่วงที่ดูไบกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนักและมีหนี้สินท่วมตัว
ชีค คาลิฟาร์ ผู้ซึ่งนิตยสาร "ฟอร์บส์" ประเมินว่ามีสินทรัพย์ส่วนพระองค์ 19,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 620,000ล้านบาท) ทรงตัดสินพระทัยเข้าช่วยไม่ให้ดูไบต้องล้มละลาย โดยอัดฉีดเงินทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 25,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 820,000 ล้านบาท) ท่ามกลางความวิตกของบรรดาเจ้าหนี้ หลังบริษัทยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลดูไบ คือ ดูไบ เวิลด์ ประกาศเมื่อพฤศจิกายน ขอชะลอการชำระหนี้มูลค่า 59,000 ล้านดอลลาร์ (ราวเกือบ 2 ล้านล้านบาท) ออกไป 6 เดือน
ขณะที่ วงออร์เคสตร้าบรรเลง ได้มีการฉายวิดีโอเผยความลับว่า ความสูงของอาคารแห่งนี้คือ 828 เมตร หรือ 2,717 ฟุต สูงกว่า "ไทเป 101" ของไต้หวัน มากถึง 319 เมตร มีชั้นมากกว่า 200 ชั้น แต่มีชั้นที่จะมีคนอาศัยอยู่ 160 ชั้น ส่วนที่เหลือใช้สำหรับการให้บริการต่าง ๆ โดยบริษัทเจ้าของคือ อีมาร์ พรอพเพอร์ตี้ บอกว่าใช้เงิน 1,500 ล้านดอลลาร์ ในการก่อสร้างอาคารคอนกรีต โลหะ และกระจกแห่งนี้ ที่ได้รับการขนานนามว่า "เมืองในแนวตั้ง" (vertical city) ประกอบด้วย อพาร์ตเมนต์หรู สำนักงาน โรงแรมหรูขนาด 160 ห้องนอน ที่ออกแบบโดย จิออร์จิโอ อาร์มานี่
ทั้งนี้ อีมาร์ พรอพเพอร์ตี้ ยืนยันว่าความปลอดภัยของอาคาร ซึ่งมีชั้นที่เรียกว่าชั้นหลบภัยระหว่างชั้นที่ 25-30 ซึ่งทนไฟมากกว่า และมีระบบอากาศแยกจากส่วนอื่นในกรณีฉุกเฉิน โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แข็งแรงกว่าตึกระฟ้าทั่วไปที่เป็นโครงเหล็ก และอาคารแข็งแรงมาก เครื่องบินไม่อาจพุ่งทะลุอาคารได้แบบอาคารเวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ ของสหรัฐฯ ในเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรุงเทพธุรกิจ, มติชนออนไลน์