น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด เกิดคลื่นลมแรงทำคราบน้ำมันเคลื่อนไปทางหาดแม่พิมพ์แทน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เสี่ยภพ แห่งมหานครระยอง, คุณ sitteto สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, gistda.or.th

          น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด เกิดคลื่นลมแรงทำคราบน้ำมันเคลื่อนไปทางหาดแม่พิมพ์แทน และช่วยทำให้น้ำทะเลมีสีใสมากขึ้นอีกด้วย

          วันนี้ (30 กรกฎาคม 2556) มีรายงานว่า ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ได้ระดมเก็บคราบน้ำมันใส่ถุง ขณะที่คลื่นลมยังคงซัดเข้าอ่าวพร้าวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันที่เหลืออาจมีการเปลี่ยนทิศจากการมุ่งหน้าเข้าหาดบ้านเพเป็นมุ่งหน้าเข้าหาดแหลมแม่พิมพ์แทน อย่างไรก็ตามคงต้องตรวจกระแสคลื่นลมเป็นระยะ ๆ อีกครั้ง

          นอกจากนี้ ช่วงบ่ายที่ผ่านมามีฝนตกหนักและพายุพัดแรงกว่า 1 ชั่วโมง จึงทำให้กลิ่นและคราบน้ำมันบางส่วนถูกชะล้างออกไป เหลือเพียงฟิล์มบาง ๆ และน้ำทะเลเริ่มมีสีใสมากขึ้น


น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด คราบน้ำมันกระจายถึงหาดบ้านเพแล้ว

          ช่วงเช้าวันนี้ (30 กรกฎาคม 2556) นายนิพนธ์ เลิศศรีสุวัฒนา นายอำเภอเมืองระยอง เปิดเผยว่า สถานการณ์คราบน้ำมันที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะเจ้าหน้าที่ได้วางทุ่นกั้นไม่ให้กระจายไปทางหาดบ้านเพแล้ว คาดว่าหลังจากนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้นตามลำดับ และใช้เวลาไม่นานระบบนิเวศจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

          ด้านนายไพรัตน์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเพ เปิดเผยว่า ตอนนี้คราบน้ำมันกระจายถึงหาดบ้านเพแล้ว เห็นได้จากมีคราบน้ำมันติดโขดหินและทราย ห่างจากฝั่งประมาณ 100 เมตร อย่างไรก็ตามยังมีจำนวนน้อยอยู่ และไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อชาวประมงในระยะเวลาอันสั้น แต่ว่าในระยะยาวมีผลแน่นอน เพราะเสียภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างประเมินค่าไม่ได้



GISTDA ยัน คราบน้ำมันไม่เคลื่อนเข้าอ่าวศรีราชา


          ขณะที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยชี้แจง หลังจากที่นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เปิดเผยในตอนหนึ่งต่อสื่อว่า ทิศทางของคราบน้ำมันบางส่วนอาจจะเข้าไปถึงอ่าวศรีราชา ว่า ข้อเท็จจริงของนายอานนท์นี้อาจจะคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง เพราะความจริงคือ การแพร่กระจายของน้ำมันอาจจะอยู่ในขอบเขต จ.ระยอง เท่านั้น โดยเฉพาะอ่าวแม่รำพึง อ.แกลง สำหรับทิศทางของคราบน้ำมันส่วนใหญ่ จะเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเสม็ด เข้าหาชายฝั่ง

          ส่วนสถานการณ์ล่าสุด ช่วงเช้าของวันนี้ ฟิล์มน้ำมันอาจจะเริ่มเข้าสู่ชายฝั่ง อ.แกลง ดังนั้นประชาชนในพื้นที่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด งดเล่นน้ำทะเล งดการใช้น้ำทะเลเพื่อการเพาะเลี้ยง และขนย้ายสิ่งของที่อาจจะเสียหายจากน้ำมันออกนอกพื้นที่


ก.พลังงาน สั่งกำจัดคราบน้ำมันใน 3 วัน 

          เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยความคืบหน้ากรณีท่อรับ-ส่งน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีจีซี รั่วบริเวณชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ว่า ตนได้สั่งการให้บริษัทควบคุมสถานการณ์การรั่วไหลโดยเร่งกำจัดการปนเปื้อนให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่ม ของวันที่ 28 กรกฎาคม แต่ปรากฏว่าในช่วงเที่ยงคืนมีกลุ่มน้ำมันปนเปื้อนบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ทำให้ต้องมาเริ่มแผนฟื้นฟูกันใหม่และต้องสอบสวนว่าเป็นกลุ่มน้ำมันชุดใหม่ หรือกลุ่มชุดเดิมที่รั่วซึมอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

          ขณะที่ทางด้าน นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พีทีทีจีซี กล่าวว่า ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นจึงพร้อมเยียวยาชดเชยโดยเฉพาะความเสียหายกับพื้นที่ท่องเที่ยวและผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนสรุปแผนการเยียวยา ส่วนวงเงินเอาประกันที่ทำไว้อยู่ที่ประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ

          ส่วนการฉีดพ่นสารเคมีเพื่อสลายคราบน้ำมันนั้น นายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดูดคราบน้ำมันมาใส่ถังและจะนำไปเข้าขบวนการแยกน้ำออกและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่วนคราบน้ำมันที่อยู่บริเวณชายหาดจะใช้พลั่วตักขึ้นมาและไล่เก็บไปเรื่อย ๆ จะใช้ผ้าซับน้ำมันแล้วดูดน้ำมันขึ้นมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าน้ำมันจะเริ่มจางลงเรื่อย ๆ จากเมื่อเช้าที่ผ่านมามีสีดำเข้ม ส่วนน้ำมันดิบนั้นเป็นสารธรรมชาติเกิดจากสิ่งที่มีชีวิตหมักหมมเป็นเวลานานแรมปีทำให้โมเลกุลเกาะกันแน่นเกิดการเหนียว พอใส่สารเคมีลงไปจะเกิดการแตกตัวสลายโดยธรรมชาติได้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร





**หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 17.44 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2556



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก