x close

50 สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ มนตร์เสน่ห์ความงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

          แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ เที่ยวได้ตลอดทั้งปี บอกเลยว่าสวยและถูกใจไม่แพ้เส้นทางท่องเที่ยวภาคอื่น ๆ เลยทีเดียว

          การท่องเที่ยวถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ใครที่เรียนหนักหรือทำงานเคร่งเครียดจนไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนก็ควรวางแผนเพื่อไปเที่ยวกันบ้าง และอะไรจะดีไปกว่าการได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางสถานที่สวย ๆ อากาศเย็น ๆ วิวทิวทัศน์ของขุนเขาอันอุดมสมบูรณ์ รวมถึงสัมผัสกับวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้คน

          ใช่แล้ว ! เราจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวภาคเหนือกัน ภูมิภาคที่มีของดีซุกซ่อนอยู่มากมาย ทำให้หลาย ๆ คนเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน ณ ดินแดนที่มีมนตร์เสน่ห์เหลือล้นแห่งนี้ เพราะฉะนั้นเราเลยรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือตามจังหวัดต่าง ๆ มาแนะนำกัน เผื่อใครอยากจะตามรอยไปเที่ยวบ้าง

1. ไร่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย

          ไร่สิงห์ปาร์ค เชียงราย หรือที่คุ้นกันในชื่อไร่บุญรอด ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กับพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ เพลิดเพลินไปกับทัวร์ฟาร์มสิงห์ปาร์ค ชมสวนสัตว์สายพันธ์แอฟริกัน ปั่นจักรยานชมธรรมชาติแบบใกล้ชิด กิจกรรมผจญภัย และการแข่งขันกีฬาตลอดทั้งปีอีกมากมาย ส่วนจุดที่น่าสนใจภายในไร่ ได้แก่ จุดบริการรถฟาร์มทัวร์ ร่วมสัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยภูเขา ตระการตากับไร่ชาและสวนผลไม้นานาชนิด, ทุ่งดอกคอสมอส และสระหงส์ หรือจะไปสร้างความตื่นเต้น ณ หอซิปไลน์ หน้าผาจำลอง และซิปไลน์ชมไร่ชาท่ามกลางวิว 360 องศา ก่อนจะไปรับประทานอาหารอร่อย ๆ ที่ร้านอาหารภูภิรมย์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Singha Park Chiang Rai สิงห์ปาร์ค เชียงราย

2. พระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย

          ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 บนทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า "ดอยตุง" ทั้งนี้ พระธาตุดอยตุงยังเป็นพระธาตุประจําปีเกิด "ปีกุน" อีกด้วย

3. วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย

          วัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย อยู่ในท้องที่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อ พ.ศ. 2540 บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และขยายออกเป็น 12 ไร่ พระอุโบสถสีขาวตกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงินแวววาว เป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับด้วยพญานาค ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถและห้องแสดงภาพวาดน่าสนใจมาก

4. ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย

          เป็นที่ร่ำลือกันว่า "ภูชี้ฟ้า" เหมาะสำหรับเป็นจุดชมและถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะสวยมากเป็นพิเศษ นอกเหนือจากวิวทัศน์สวย ๆ แล้ว ไม่แน่ว่าระหว่างทางที่เดินขึ้นไป นักท่องเที่ยวอาจจะได้เจอเข้ากับดอกนางพญาเสือโคร่งและต้นเสี้ยวดอกขาว ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ความโดดเด่นของภูชี้ฟ้าเห็นจะเป็นหน้าผาหินคล้ายนิ้วชี้ ปกคลุมด้วยหญ้า ไม้พุ่ม และโขดหิน ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเป็นอย่างมาก เพราะจะเห็นสายหมอกที่ลอยละล่องกลางหุบเขางดงามเกินบรรยาย

5. ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

          ตั้งอยู่ในเขตตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในตอนเช้าและชมพระอาทิตย์ตกในเวลาเย็น จากยอดดอยสามารถมองเห็นแม่น้ำโขงฝั่งลาวและสามารมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าที่อยู่ห่างออกไปกว่า 25 กิโลเมตรได้ชัดเจน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ที่นี่จะมองเห็นทะเลหมอกสวย ๆ ตรงบริเวณ "ช่องผาขาด" และ "เนิน 102-เนิน 103" ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ หมู่มวลดอกไม้หน้าหนาว ทั้งดอกนางพญาเสือโคร่งและดอกเสี้ยว ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง

6. สระน้ำมรกตขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย

          ตั้งอยู่ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นสระน้ำธรรมชาติที่อยู่ใกล้กับถ้ำทรายทอง ห่างจากถ้ำหลวงราว ๆ 3 กิโลเมตร เป็นจุดที่ต้องสูบน้ำออกมาจากถ้ำหลวงเมื่อช่วงเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลเยาวชนหมูป่า ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว สระน้ำบริเวณนี้ก็ได้กลายเป็นสีเขียวมรกตใส ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้เขียวขจี บรรยากาศร่มรื่นสบายตา อากาศเย็นสดชื่น สวยงามน่าท่องเที่ยว

7. สวนแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

         "สวนแม่ฟ้าหลวง" หรือ "สวนดอยตุง" สวนไม้ดอกไม้หลากสีสัน กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา บนพื้นที่ 25 ไร่ ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ดูแลอย่างดี ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี อาทิ ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ ดอกลำโพง ไม้มงคลต่าง ๆ ไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลี้อยมากกว่า 70 ชนิด  นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่มจุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่าง ๆ ที่มีดอกสวยงามมาก บริเวณกลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัวของ มีเซียม ยิบอินซอย โดยสมเด็จย่าพระราชทานชื่อว่าความต่อเนื่องที่สื่อถึงการทำงานจะสำเร็จได้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง มาถึงจุดนี้แวะเติมพลังกันสักนิดกับ "ดอยตุงคาเฟ่" นั่งพักชิล ๆ จิบกาแฟหอม ๆ ในสวน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สีสันแห่งดอยตุง กับ 7 จุดเช็กอินที่ฟินไปกับสายหมอกและขุนเขา

          นี่ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวเชียงรายที่เราหยิบมาแนะนำกัน หากใครมีโอกาสไปเยือนดินแดนเหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง ก็ไม่ควรพลาดไปสัมผัสกันดูนะ

ดูรายละเอียดที่เที่ยวเชียงราย คลิกเลย

8. วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่

          วัดที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ ภายในเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ทรงมอญ ที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นปูชนียสถานที่แสดงออกถึงศิลปกรรมล้านนาไทยที่สำคัญคู่เมืองเชียงใหม่มาช้านาน อีกทั้งยังเป็นพระธาตุประจำ "ปีมะแม" ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นมาชมความงดงามขององค์เจดีย์ พร้อมกับชมทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองเชียงใหม่ได้ โดยสามารถเดินขึ้นบันไดนาค 300 ขั้น เพื่อไปยังวัด หรือจะเลือกใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลงดอยสุเทพ ก็ได้ตามสะดวก

9. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่

          พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เป็นวัดหนึ่งที่สำคัญของเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน โดย "พญาผายู" กษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังราย ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ พร้อมทั้งพระเจดีย์สูง 24 ศอก เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของ "พญาคำฟู" พระราชบิดา ภายในวัดมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ชาวบ้านเรียกกันว่า "พระพุทธสิหิงค์" (ศิลปะเชียงแสน) เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์และชาวเชียงใหม่ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิด "ปีมะโรง" อีกด้วย

10. ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

          ยอดดอยที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งสำหรับดอยอินทนนท์เพราะที่นี่สูงจากระดับน้ำทะเลมากถึง 2,565 เมตร จึงเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเมืองไทย ซึ่งใครต่อใครก็อยากได้ไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต ดอยอินทนนท์ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อากาศจึงหนาวเย็นตลอดทั้งปี นอกจากนี้บริเวณโดยรอบดอยอินทนนท์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน, เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา, น้ำตกสิริภูมิ, น้ำตกแม่ยะ, น้ำตกวชิรธาร, พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล, พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ เป็นต้น

11. ม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

          ส่วนหนึ่งของโครงการหลวงหอย บริเวณด้านบนของม่อนแจ่มสามารถมองเห็นภูเขาสูงใหญ่โดยรอบ พร้อมกับสายหมอกได้อย่างสวยงาม อีกทั้งชาวบ้านในพื้นที่และเจ้าหน้าที่โครงการหลวงหนองหอย ยังช่วยกันปรับปรุงทัศนียภาพของม่อนแจ่มให้มีความสวยงามไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพรรณ ให้บานสะพรั่งตลอดทั้งปี และยังทำซุ้มไม้ไผ่ริมหน้าผาม่อนแจ่ม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมวิวหรือรับประทานอาหารอย่างสบาย ๆ ในบริเวณใกล้เคียงยังมีแปลงผักและผลไม้เมืองหนาวให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย เมื่อผนวกกับอากาศหนาวเย็นและบริสุทธิ์ จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อน ผ่อนคลายพักสมองให้หายเหนื่อยล้า

12. ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

          อีกหนึ่งยอดดอยที่มีความโดดเด่นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย มีความสูง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของเมืองไทย การที่จะพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากร่างกายจะต้องแข็งแรง พร้อมกับการเดินเท้าที่แสนยากลำบากแล้ว ใจยังต้องพร้อม ต้องสู้อีกด้วย นั่นจึงทำให้ยอดดอยหลวงเชียงดาวได้พบเจอเพื่อนใหม่เพียงวันละไม่กี่คนเท่านั้น แต่ถ้าหากใครได้ขึ้นไปจนถึงยอดดอย ก็จะพบว่ามันคุ้มค่ากับความเหนื่อย เพราะทัศนียภาพที่สามารถมองเห็นได้จากยอดดอยนั้น สวยงามจนแทบอยากจะหยุดหายใจ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางไปพิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาว ต้องทำการขออนุญาตจากทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวเสียก่อน เพราะจะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่

13. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

          ดินแดนที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขาสีเขียวอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมแปลงปลูกดอกไม้ ผัก และผลไม้เมืองหนาว เดินเก็บสตรอว์เบอร์รีสด ๆ จากไร่แบบชิล ๆ ชมแปลงปลูกชาท่ามกลางสายหมอก สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขาและอากาศที่หนาวจับใจ สวรรค์บนเขาสูงที่คุณก็สามารถเอื้อมถึง นอกจากนี้ยังมี "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ด้วยที่นี่ตั้งอยู่ในหุบเขาสูง มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแปลงปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาว และแปลงดอกไม้เมืองหนาวให้ได้เที่ยวชม ภายในมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น สวนบอนไซ, เรือนไม้ดอกเมืองหนาว, โรงงานชา, แปลงบ๊วย, สวนไผ่, สวนดอกไม้ 80 ปี, แปลงปลูกสตรอว์เบอร์รี เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ royalprojectangkhang.com

14. ถนนคนเดินเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

          ถนนคนเดินเชียงใหม่ มีอยู่ 2 ที่ คือ "ถนนคนเดินวัวลาย" (เริ่มตั้งแต่ปากทางเข้าฝั่งถนนช่างหล่อ ใกล้ประตูเชียงใหม่ จนไปสิ้นสุดที่ถนนทิพย์เนตร) หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า "ถนนคนเดินวันเสาร์" เพราะเปิดเฉพาะวันเสาร์ เวลา 17.00-22.00 น. และ "ถนนคนเดินท่าแพ" (จากประตูท่าแพเรื่อยไปตามถนนราชดำเนิน จนถึงวัดพระสิงห์ฯ และจากสี่แยกกลางเวียงเรื่อยไปจนถึงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์และวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร) เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ เวลา 17.00-23.00 น. โดยทั้ง 2 วัน จะมีสินค้ามาจำหน่ายมากมาย ทั้งสินค้าพื้นเมือง งานฝีมือ ของที่ระลึกน่ารัก ๆ รวมไปถึงอาหารคาว-หวานแสนอร่อยกันอย่างเพลิดเพลิน

ภาพจาก 501room / Shutterstock.com

15. ฮิโนกิแลนด์ จังหวัดเชียงใหม่

          อาณาจักรไม้ฮิโนกิแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ณ ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ ภายในพื้นที่กว่า 83 ไร่ ได้รับการออกแบบให้กลายเป็นเมืองจำลองแบบญี่ปุ่นขนานแท้ ประดับประดาด้วยโคมแดงขนาดยักษ์ โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ปราสาทฮิโนกิ สร้างจากไม้หอมทั้งหลัง ขนาดสูงกว่า 4 ชั้น ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศสวย ๆ ของภูเขาและธรรมชาติ ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเดินเพลินจนลืมเวลา แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ แทบจะทุกตารางพื้นที่ เดินเที่ยวเล่นได้ไม่มีเบื่อ สำหรับใครที่อยากเพิ่มความอินมากยิ่งขึ้นไปอีก ที่นี่เขายังมีชุดแต่งกายประจำชาติญี่ปุ่น ทั้งกิโมโนและยูกาตะเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เช่าใส่เดินเล่นถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก BannmaihomHinoki บ้านไม้หอมฮิโนกิ

ภาพจาก Thinnapob Proongsak / Shutterstock.com

16. บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่

          หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อำเภอแม่ออน ก่อตั้งมาประมาณ 100 กว่าปี ประชากรส่วนใหญ่อพยพมาจากอำเภอดอยสะเก็ด เพื่อเข้ามาทำสวนเมี่ยงเป็นอาชีพ และตั้งบ้านเรือนบริเวณใกล้ ๆ แม่น้ำลำห้วย ภายในชุมชนได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมมีที่พักแบบโฮมสเตย์ให้บริการ นอกจากนี้ยังมีของดีของเด็ดมากมาย เช่น โบสถ์กลางน้ำ (อุทกสีมา) เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี, พืชพรรณหายาก, สวนเมี่ยง, สวนกาแฟ, ดอยม่อนล้าน, ผลิตภัณฑ์หมอนใบชา, การทำบายศรีสู่ขวัญ, การแสดงศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ฯลฯ แวะมาสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันแสนอบอุ่นของชุมชนนี้ได้ รับรองว่าจะประทับใจมิรู้ลืม

          นี่เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เพียงไม่กี่แห่งที่เราหยิบมาแนะนำกันเท่านั้น ที่นี่ยังมีที่เที่ยวแจ่ม ๆ รอต้อนรับอีกเพียบ ที่สำคัญยังเที่ยวได้ทุกฤดูกาลด้วยนะ
 

ดูรายละเอียดที่เที่ยวเชียงใหม่ คลิกเลย

17. วัดภูเก็ต จังหวัดน่าน

ภาพจาก SIHASAKPRACHUM / Shutterstock.com

          ตั้งอยู่ที่ตำบลวรนคร อำเภอปัว เป็นวัดที่ช่างภาพต่างชอบที่จะไปเก็บภาพความสวยงามของเมืองปัวกันที่นี่ เพราะตัววัดตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาแสนสวย ที่นี่มีอาคารที่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้ โดยหลังจากไหว้พระขอพรเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถที่จะเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ซึ่งสามารถมองเห็นทุ่งนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งภูเขาน้อยใหญ่เบื้องหน้า ถ้าได้มาชมวิวในตอนเช้าในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงามอบอุ่นไปอีกแบบ และยังมีสายหมอกบางเบาให้ได้ชื่นชมอีกด้วย

ภาพจาก napat intaroon / Shutterstock.com

          ใกล้ ๆ กันมี "ตูบไทลื้อ" จากวัดภูเก็ตสามารถเดินลงไปได้เลย จะมีทางเดินลงอยู่ด้านข้างของวัด ที่ตูบนาไทลื้อในช่วงวันหยุดจะมีบริการกาแฟและเครื่องดื่มร้อน-เย็น มีร้านขายผัก-ผลไม้ และสินค้าทางการเกษตรของชาวบ้านมาจำหน่าย พร้อมทั้งที่พักแบบกระท่อมกลางท้องนา บรรยากาศสบาย ๆ

18. วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน

          วัดสำคัญของเมืองน่าน อยู่คู่เมืองน่านมากว่า 400 ปีแล้ว มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น โดยเฉพาะพระอุโบสถ ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงจตุรมุข มีแห่งเดียวในประเทศไทย ด้านนอกบริเวณทางขึ้นพระอุโบสถจะมีรูปปั้นพญานาค 2 ตัว จึงดูคล้ายกับว่าอาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนหลังพญานาค

          สิ่งที่น่าสนใจภายในพระอุโบสถวัดภูมินทร์ก็จะมีทั้งธนบัตรใบละ 1 บาท ที่รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จิตรกรรมฝาผนังที่เรียกว่า "ฮูปแต้ม" โดยมีรูปของปู่ม่านย่าม่าน ฉายาภาพคือ "ภาพกระซิบรักบันลือโลก" นั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ทั้ง 4 ทิศ เชื่อกันว่าให้เดินวนรอบก่อน 1 รอบ สังเกตว่าพระพุทธรูปองค์ไหนยิ้มให้เรามากที่สุด ก็ให้ขอพรกับองค์นั้น

ภาพจาก mayura benjarattanapakee / Shutterstock.com

19. วัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน

          ปูชนียสถานที่สำคัญของเมืองน่าน ตั้งอยู่ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง ห่างจากวัดภูมินทร์ราว ๆ 3.6 กิโลเมตรเท่านั้น มีอายุเก่าแก่มากกว่า 600 ปี สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 1969-1902 ในสมัยเจ้าพระยาการเมือง โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สันนิษฐานว่ารูปทรงเจดีย์นั้นได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์พระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รอบองค์บุด้วยทองจังโก มีความเชื่อกันว่าพระธาตุแช่แห้งนั้นเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีเถาะ หากได้มาไหว้ขอพรก็จะเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว

20. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน

          ที่เที่ยวน่านสุดฮอตฮิต อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย เป็นจุดชมวิวที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา เหมาะสำหรับการพักผ่อนดูดาว ดูดวงอาทิตย์ขึ้นและตกดินในบริเวณเดียวกัน ตอนกลางคืนสามารถมองเห็นแสงไฟจากอำเภอนาน้อย ดูแล้วคล้ายดิน และยังสามารถมองเห็นดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจนและทั่วถึง ใกล้ ๆ กันเป็นที่ตั้งของ "ผาหัวสิงห์" หน้าผารูปร่างเหมือนสิงโตนอนหมอบหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 360 องศา

21. บ่อเกลือสินเธาว์ จังหวัดน่าน

          บ่อเกลือสินเธาว์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ่อเกลือใต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอำเภอบ่อเกลือและจังหวัดน่าน เป็นแหล่งชุมชนที่มีการทำบ่อเกลือมาหลายชั่วอายุคน โดยชาวบ้านจะตักน้ำเกลือจากบ่อใต้ดินแล้วให้ไหลมาตามรางท่อไม้ไผ่ เพื่อที่จะนำน้ำเกลือมาต้มให้เหลือแต่เม็ดเกลือ เรียกว่า "เกลือภูเขา" ซึ่งชาวบ้านจะนำมาบริโภค และกรอกใส่ถุงเล็ก ๆ แบ่งขายให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งก็จะมีการเพิ่มไอโอดีนให้ด้วย สามารถนำมาขัดผิวและทำอาหารได้อย่างปลอดภัย

ภาพจาก Vassamon Anansukkasem / Shutterstock.com

          ที่เที่ยวน่านยังมีอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะวัดหรือธรรมชาติ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวน่านที่เราหยิบมาแนะนำเท่านั้น ยังมีที่เที่ยวน่านอื่น ๆ น่าสนใจอีกมากมาย

ดูรายละเอียดที่เที่ยวน่าน คลิกเลย

22. กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา

          สถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์แห่งจังหวัดพะเยา "กว๊าน" เป็นภาษาพื้นเมืองล้านนา หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งกว๊านพะเยาก็ได้ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 12,831 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา มีลักษณะเป็นบึงรูปพระจันทร์เสี้ยวเกือบครึ่งวงกลม มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5 เมตร เป็นแอ่งน้ำที่รวบรวมลำห้วยต่าง ๆ 18 สาย ภายในบึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิด มีภูเขาโอบล้อมอย่างสวยงาม โดยรอบกว๊านพะเยามีการปลูกต้นไม้อย่างร่มรื่น สวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง

23. วนอุทยานภูลังกา จังหวัดพะเยา

          ในช่วงปลายฝนต้นหนาวและช่วงหน้าหนาวของทุกปี วนอุทยานภูลังกาจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ด้วยภายในบริเวณวนอุทยานภูลังกามีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตามากมาย เป็นแหล่งกำเนิดทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพะเยา ยามเช้าอากาศจะหนาวเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งในช่วงหน้าหนาวจะมีบรรยากาศที่สวยงามมาก หมอกสีขาวมากมายจะลอยอย่างละมุนละไมโอบล้อมภูเขาหินปูน และสะท้อนแสงสีทองของพระอาทิตย์ในยามเช้าได้อย่างงดงามสุด ๆ อีกทั้งอากาศยังบริสุทธิ์ สูดเข้าปอดได้อย่างเต็มที่ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้อย่างดีทีเดียว

24. น้ำตกภูซาง จังหวัดพะเยา

          หรือที่หลายคนเรียกว่า "น้ำตกอุ่น" ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูซาง ที่นี่เป็นน้ำตกที่มีน้ำอุ่นเพียงแห่งเดียวที่พบในประเทศไทย เพราะน้ำตกมีอุณหภูมิสูงถึง 35-36 องศาเซลเซียส โดยเกิดจากสายน้ำอุ่นที่ไหลมาจากผาหินปูน มีความสูงประมาณ 25 เมตร มีน้ำไหลตลอดปีและน้ำใสปราศจากกลิ่นกำมะถัน สามารถลงเล่นน้ำได้ อีกทั้งบริเวณใต้น้ำตกภูซางยังเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตใสราวกับกระจก จึงเหมาะสำหรับการลงแช่น้ำให้อบอุ่นสบายตัว ใกล้ ๆ กันยังมี "บ่อน้ำซับอุ่น" ซึ่งเป็นบ่อน้ำซับอุ่นตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำตกภูซาง

25. น้ำตกธารสวรรค์ จังหวัดพะเยา

          ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยาน ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาชนิด ถึงแม้ว่าขนาดน้ำตกจะไม่ใหญ่ แต่รับรองถึงความสวยที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงไม่พลุกพล่าน ลำธารน้ำตกที่นี่จึงใส และอุดมสมบูรณ์ เอาไว้ให้เราได้กระโดดเล่นน้ำกันเพลิน ๆ อีกทั้งตัวน้ำตกอยู่ห่างจากอุทยานออกไปเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เดินทางไม่ลำบาก เพราะมีทางเดินธรรมชาติจากลานจอดรถมุ่งหน้าสู่ตัวน้ำตกโดยตรง แถมยังมีสะพานไม้เอาไว้ให้เดินถ่ายรูปสวย ๆ อีกด้วย

26. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า จังหวัดพะเยา

          ตั้งอยู่ที่ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 22,505 ไร่ ภายในโครงการหลวงมีการส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขาและคนท้องถิ่นปลูกพืชผักผลไม้ และดอกไม้เมืองหนาว นักท่องเที่ยวจึงสามารถเที่ยวชมแปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และผักผลไม้ อาทิ แว็กซ์ฟลาวเวอร์, มะเขือการ์ตูน, ฟักทองยักษ์, ฟักทองสีขาว, สวนลิ้นจี่ ฯลฯ ได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบ้านพักไว้รับรองนักท่องเที่ยวอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า โทรศัพท์ 0 5440 1023

          ใครอยากไปเที่ยวเมืองเหนือแบบเงียบ ๆ ได้อยู่กับธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบล้านนาอย่างเต็มที่ ก็ลองไปแอ่วพะเยากันได้เลย

ดูรายละเอียดที่เที่ยวพะเยา คลิกเลย

27. วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่

          วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง ตั้งอยู่บนถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ ถือเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาลอีกด้วย ว่ากันว่าหากมาจังหวัดแพร่แล้วไม่ได้มานมัสการพระธาตุช่อแฮก็เหมือนไม่ได้มาจังหวัดแพร่ ทั้งนี้ในทุกปีจะมีการงานนมัสการพระธาตุในระหว่างวันขึ้น 9 ค่ำ-ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (ประมาณเดือนมีนาคม) โดยใช้ชื่องานว่า "งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮเมืองแพร่แห่ตุงหลวง"

28. พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่คุ้มเจ้าหลวง จังหวัดแพร่

          ตั้งอยู่บนถนนคุ้มเดิม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น ซึ่งมีรูปทรงเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปหรือทรงขนมปังขิง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น หลังคามุงด้วยไม้เรียกว่า "ไม้แป้นเกล็ด" ไม่มีหน้าจั่วเป็นแบบหลังคาเรือนปั้นหยามีมุขสี่เหลี่ยมยื่นออกมา ด้านหน้าของตัวอาคารหลังคามุขมีรูปทรงสามเหลี่ยมทั้งปั้นลม และชายคาน้ำรอบตัวอาคารประดับด้วยไม้แกะฉลุสลักลวดลายอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นฝีมือช่างชาวจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น

          นอกจากนี้ยังมีใต้ถุนอาคารซึ่งเคยใช้เป็นคุกกักขังนักโทษ แต่ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษา ส่วนภายในอาคารด้านบนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ และแม่เจ้าบัวไหล ใครที่สนใจประวัติศาสตร์และของเก่าต้องหลงรักที่นี่แน่นอน

29. คุ้มวงศ์บุรี จังหวัดแพร่

          คุ้มวงศ์บุรี หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า "บ้านสีชมพู" ตั้งอยู่ที่ถนนคำลือ ใกล้กับวัดพงศ์สุนัน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2440 ตามดำริของ แม่เจ้าบัวถา มหายศปันยา ชายาคนแรกในเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ โดยมอบหมายให้ หลวงพงษ์พิบูล (เจ้าน้อยพรม) และ เจ้าสุนันตา วงศ์บุรี ธิดาเจ้าบุรี (พระยาบุรีรัตน์) น้องชายของแม่เจ้าบัวถา จัดหาช่างฝีมือทั้งไทยและจีนมาร่วมกันก่อสร้างเรือนหลังนี้ จากนั้นอีก 3 ปี บ้านวงศ์บุรีได้สร้างเสร็จสวยงามตามรูปแบบงาน สถาปัตยกรรมสมัยนิยมในยุครัชกาลที่ 5 เป็นบ้านทรงปั้นหยา 2 ชั้น ฐานเป็นอิฐและซีเมนต์สูงจากพื้น 1 เมตร มีเพดานสูง หลังคาสูง มีช่องระบายลมระหว่างชั้นทั้งสอง

ภาพจาก Sombat Muycheen / Shutterstock.com

          จุดเด่นของอาคารนี้คือลวดลายไม้แกะสลักที่หน้าจั่ว ชายคา ระเบียง ช่องลม ชายน้ำ หน้าต่าง และประตู ที่ประตูด้านหน้าเป็นปูนปั้นรูปแพะ ซึ่งเป็นตัวแทนของหลวงพงษ์พิบูลย์และแม่เจ้าสุนันทา เพราะท่านทั้งสองเกิดในปีแพะ และสีที่ใช้โดยรวมจะเป็นสีชมพู เนื่องเพราะเป็นสีโปรดของแม่เจ้าบัวถา

30. วนอุทยานแพะเมืองผี จังหวัดแพร่

          เพียงแค่ได้ยินชื่อหลายคนอาจจะรู้สึกกลัว แต่ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างชื่อ แพะเมืองผี ตั้งอยู่ที่ตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองแพร่ เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เกิดจากการทับถมกันของดินตะกอนแม่น้ำนานนับล้าน ๆ ปี แต่เมื่อน้ำฝนชะล้าง กัดเซาะ ทำให้พื้นดินบริเวณนี้เกิดเป็นรูปร่างแปลกสวยงาม และสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ เพราะน้ำฝนและลมจะกัดเซาะตลอด ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ที่ท่องเที่ยวที่ชวนตื่นตาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สำคัญอีกด้วย ซึ่งสามารถท่องเที่ยววนอุทยานแพะเมืองผีได้ตลอดทั้งปี

31. แก่งหลวง จังหวัดแพร่

          ผจญภัยไปตามลำน้ำยมที่แก่งหลวง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำยม และเหตุที่ใช้ชื่อว่าแก่งหลวง เพราะที่แห่งนี้เป็นบริเวณที่แม่น้ำยมไหลมารวมตัวกันจนเป็นแอ่งขนาดใหญ่และลึกมาก มีน้ำตลอดปี และด้วยทั่วบริเวณเต็มไปด้วยโขดหินใหญ่น้อยเรียงรายอยู่กลางแม่น้ำ เมื่อน้ำไหลมาปะทะจะเกิดฟองฝอยสาดกระเซ็นสวยงาม เหมาะกับการนั่งแพและล่องแก่งเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามแก่งหลวงยังมี "ถ้ำเอราวัณ" ซึ่งเป็นถ้ำที่สวยงามที่สุดของจังหวัดแพร่ มีความลึกประมาณ 200 เมตร ภายในถ้ำมีห้องโถงกว้าง ตระการตาด้วยหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไปรูปร่างคล้ายช้างเอราวัณ สำหรับการชมถ้ำนั้นต้องนำไฟฉายมาเอง หรือสามารถเช่าไฟฉายได้

32. หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง จังหวัดแพร่

          หมู่บ้านในเขตอำเภอเมือง ที่มีผลิตภัณฑ์พื้นบ้านขึ้นชื่อมาก ได้แก่ ผ้าหม้อห้อม ซึ่งถือกันว่ามีเนื้อดี ทนทาน และสวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาไว้เป็นของที่ระลึก อาชีพหลักของชาวบ้านทุ่งโฮ้งคือการทำผ้าหม้อห้อมแท้ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของบรรพบุรุษ ที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดแพร่ จนได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP เชิงหัตถกรรม

ภาพจาก Anirut Thailand / Shutterstock.com

          ที่เที่ยวแพร่ยังมีอีกมากมาย เอาเป็นว่าหากใครมีโอกาสก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวแพร่ หรือมาลองใช้ชีวิตให้นิ่ง เสพความเรียบง่าย เรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ณ เมืองแพร่กันดูนะ

ดูรายละเอียดที่เที่ยวแพร่ คลิกเลย

33. วัดพระธาตุดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เดิมชื่อ "วัดปลายดอย" เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ ประกอบไปด้วยพระธาตุเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ 2 องค์ และวิหารพระศิลปะไทใหญ่ เจดีย์องค์พี่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2403 โดยจองต่องสู่ พ่อค้าชาวไต ภายในบรรจุพระธาตุของพระมหาโมคคัลลานะเถระ ซึ่งอัญเชิญมาจากพม่า

ภาพจาก Ford Contributor / Shutterstock.com

          ส่วนองค์น้องสร้างโดยพญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนท่านแรก ฐานเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดปางต่าง ๆ เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนมาช้านาน นอกจากกราบขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว ยังสามารถชมวิวตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในมุมสูงที่สุด นับว่าเป็นภาพที่สวยงดงามมากเลยทีเดียว

34. อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          "ปาย" ดินแดนแห่งอุดมคติของใครหลายคน จากอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน กลายเป็นชื่อที่ติดหูนักท่องเที่ยวเกือบค่อนโลก เป็นสวรรค์ของนักเดินทางที่ใฝ่ฝันถึงธรรมชาติ และอยากสัมผัสกับวิถีชีวิตผู้คนที่เรียบง่าย สถานที่ท่องเที่ยวปายก็มีหลากหลาย เช่น วัดพระธาตุแม่เย็น, วัดน้ำฮู, สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย, หมู่บ้านสันติชล, กองแลน (ปายแคนยอน), โป่งน้ำร้อนท่าปาย, น้ำตกหมอแปง, ถนนคนเดินปาย และจุดชมวิวหยุนไหล ฯลฯ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ลุยเที่ยวเมืองสามหมอก ณ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

35. ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          เจ้าของสมญานาม "สวิตเซอร์แลนด์แดนสามหมอก" นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งถ้าไม่มาถือว่ามาไม่ถึงแม่ฮ่องสอนเลยเชียวนะ "ปางอุ๋ง" ชื่อเต็ม ๆ ว่า "โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)" โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,200 เมตร ณ บ้านรวมไทย ภายใต้การดูแลของสำนักงานบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 16 (แม่สะเรียง) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

          เดิมทีเคยเป็นสถานที่ปลูกฝิ่นของชาวเขา ต่อมาได้รับการพัฒนาจนกลายมาเป็นสวรรค์บนดินอันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชสมุนไพร พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวหลากหลายสีสัน ตลอดจนดงสนสองใบที่เติบโตเรียงรายตลอดแนวอ่างเก็บน้ำปางตอง ที่ถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเก็บภาพประทับใจ

36. บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          หมู่บ้านที่มีบรรยากาศสุดอบอุ่น ตั้งอยู่ที่ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เดิมชื่อ "บ้านแม่ออ" ชุมชนชาวจีนยูนนาน ลูกหลานทหารกองพล 93 ที่เดินทางมากจากตอนใต้ของจีนเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ปัจจุบันอาศัยอยู่ร่วมกันกับพี่น้องชาวไทใหญ่และชาวไทยภูเขาเผ่าอื่น ๆ โดยบรรยากาศภายในจะมีอ่างน้ำขนาดใหญ่ใจกลางหมู่บ้าน และถูกรายล้อมไปด้วยบ้านดินชั้นเดียวมุงหลังคาด้วยใบตองสไตล์จีนที่ถูกดัดแปลงนำมาเป็นร้านค้าขายของที่ระลึก บางหลังก็ดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังได้ชมทิวทัศน์ของทิวเขาที่งดงาม ตลอดจนเพลินตาไปกับไร่ชาแบบขั้นบันไดไล่ระดับประทับใจยิ่งนัก

37. ถ้ำลอด จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          เป็นถ้ำที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงาม และเดินทางสะดวกสบายมากที่สุดในบรรดาถ้ำทั้งหมดในปางมะผ้า มีลำห้วย "น้ำลางไหล" ลอดภูเขาไปทะลุออกอีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และก่อเกิดเป็นถ้ำใหญ่ ๆ ถึง 3 แห่ง ได้แก่ "ถ้ำเสาหิน" ซึ่งเป็นถ้ำกว้างใหญ่มีหินงอก หินย้อย รูปร่างต่าง ๆ, "ถ้ำตุ๊กตา" ภายในจะพบกับหินงอกเป็นปุ่มปมเล็ก ๆ คล้ายตุ๊กตาเรียงรายอยู่ และ "ถ้ำผีแมน" พบเศษเครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้เหล็ก กระดูกของมนุษย์ และชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้คือโลงผีแมน มีลักษณะเป็นท่อนไม้ที่ถูกขุดตรงส่วนกลางออกเป็นร่องคล้ายเรืออีกด้วย

          หากใครที่อยากหลีกหนีความแออัดในเมืองที่แสนจะวุ่นวาย มานอนเอนกายในดินแดนม่านหมอกสุดโรแมนติกเช่นนี้ ก็เตรียมแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวได้เลย

ดูรายละเอียดที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน คลิกเลย

38. วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง

          วัดเก่าแก่ของเมืองลำปาง ตั้งอยู่ที่ถนนลำปาง-เกาะคา อำเภอเกาะคา เชื่อกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและวิหารต่าง ๆ ที่สร้างด้วยไม้งดงาม ในส่วนของพระธาตุลำปางหลวงมีลักษณะขององค์เป็นทรงกลมแบบล้านนา ภายนอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่าง ๆ ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระธาตุประจำ "ปีฉลู"

ภาพจาก b-hide the scene / Shutterstock.com

          ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศา และพระอัฐิธาตุจากพระนลาฏข้างขวา พระศอด้านหน้าและด้านหลัง ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระธาตุมีรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้างยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่ ในส่วนของวิหารหลวง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2019 โดยเจ้าหมื่นคำเป๊ก ภายในมีซุ้มปราสาททองเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง ด้านหลังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจ บนแผงไม้คอสองมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่งดงามเรื่องทศชาติและพรหมจักร นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายภายในวัด ที่นี่จึงเป็นแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดของเมืองลำปางเลยทีเดียว

39. วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ จังหวัดลำปาง

          "วัดพระบาทปู่ผาแดง" ชื่อทางการคือ "วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์" หรือที่ชาวบ้านเรียก "ดอยปู่ยักษ์" หรือ "ดอยพระบาทปู่ผาแดง" ตั้งอยู่ในหมู่บ้านทุ่งทอง หมู่ที่ 7 อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นอีกหนึ่ง Unseen Thailand ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนลำปาง เพราะตัวศาลาของวัดและเจดีย์ต่าง ๆ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ซึ่งสถานที่ดังกล่าวได้มีพระพุทธบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจารึกไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ และบริเวณวัดแห่งนี้ยังมีถ้ำอยู่หลายแห่ง

40. กาดกองต้า จังหวัดลำปาง

          ตลาดถนนคนเดินที่ใครหลายคนชื่นชอบ จากอดีตย่านการค้าที่รุ่งเรืองของตลาดจีนและผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เมืองท่าศูนย์กลางทางน้ำที่รุ่งเรือง สู่ชุมชนห้องแถวที่อาคารบ้านเรือนมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เกิดจากความสำนึกรักบ้านเกิดของคนในชุมชน ได้ช่วยกันฟื้นฟูอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัยละแวกนั้นเสียใหม่ และเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้ามาชื่นชมความสวยงามของสถาปัตยกรรม และร้านค้าต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน ถนนคนเดินแห่งนี้จะถูกประดับตกแต่งด้วยหลอดไฟสีต่าง ๆ ทั้งจากร้านค้าและบ้านเรือน ทำให้ถนนคนเดินเส้นนี้มีสีสันที่ชวนหลงใหลเป็นอย่างมาก

ภาพจาก Toa55 / Shutterstock.com

41. หล่มภูเขียว จังหวัดลำปาง

         หล่มภูเขียว ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนของจังหวัดลำปาง มีความสวยงามโดดเด่นด้วยสระน้ำสีเขียวมรกตใสกว้างใหญ่ พื้นที่ประมาณ 1-2 ไร่ กลางสระน้ำเป็นแอ่งน้ำลึก คาดว่าเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกสมัยดึกดำบรรพ์ โดยน้ำในสระก็สวยใส มองลงไปเห็นปลามากมาย รอบด้านของสระน้ำเป็นภูเขาหินปูนสูงใหญ่ และป่าไม้อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศเงียบสงบ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท โทรศัพท์ 08 9952 3829

42. บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง

          แหล่งน้ำพุร้อนที่มีสภาพการเกิดทางธรณีวิทยามีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ จำนวน 9 บ่อ ตั้งอยู่รวมกันในบริเวณพื้นที่ที่ทำการอุทยานแจ้ซ้อน ประมาณ 3 ไร่ ภายในพื้นที่มีโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยน้ำพุร้อนนั้นมีอุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวนิยมนำไข่ไก่และไข่นกกระทามาแช่ ซึ่งหากแช่ไข่ไก่นานประมาณ 17 นาที ไข่แดงจะแข็งมีรสชาติมันอร่อย ส่วนไข่ขาวจะเหลวคล้ายไข่เต่า

          ลำปางยังมีที่เที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ เอาเป็นว่าใครมองหาที่เที่ยวภาคเหนือที่เงียบสงบเราแนะนำให้ไปเยือนลำปาง

ดูรายละเอียดที่เที่ยวลำปาง คลิกเลย

43. พระบรมธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน

          ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน เมื่อเข้าไปยังบริเวณวัดสิ่งแรกที่ทำเราสะดุดตาก็คือซุ้มประตูแบบสมัยศรีวิชัย มีการประดับลวดลายอย่างงดงาม ด้านข้างทั้งสองฝั่งของซุ้มประตูมีรูปปั้นสิงห์ตั้งอยู่อย่างสง่างาม เมื่อเดินผ่านเข้ามาก็จะพบกับพระอุโบสถ เรียกว่า "วิหารหลวง" ภายในประดิษฐานพระพุทธปฏิมาใหญ่ 3 องค์ ก่ออิฐถือปูนอย่างงดาม ทางด้านหลังของวิหารหลวงเป็นพระบรมธาตุหริภุญชัย สีเหลืองทองอร่าม

          ภายในบรรจุโกศทองคำของพระเกศธาตุ สูง 25 วา 2 ศอก ฐานกว้าง 12 วา 2 ศอก 1 คืบ มีลักษณะเจดีย์แบบลังกา ด้านนอกทั้ง 4 ด้าน มีซุ้มกุมภัณฑ์และฉัตรประจำสี่มุมตามลักษณะของพระธาตุในภาคเหนือ โดยมีความเชื่อกันว่าพระบรมธาตุหริภุญชัยเป็นพระธาตุประจำปีระกา เมื่อคนปีระกาได้มากราบไหว้ก็จะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น

44. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน

          ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม ตั้งอยู่ที่อำเภอลี้ ความโดดเด่นของศูนย์แห่งนี้ นอกจากเป็นแปลงสาธิตพืชผักต่าง ๆ แล้ว ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของเผ่ากะเหรี่ยงที่น่าสนใจมากมาย โดยภายในศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม แบ่งพื้นที่หลัก ๆ ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ แปลงสาธิตพืชผักที่แปลกใหม่, แปลงสาธิตผักที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก, แปลงสาธิตการปลูกผลไม้เมืองร้อน และแปลงไม้ดอกไม้ประดับ และภายในยังมีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจ การชมวิถีชีวิตชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ชมภูมิปัญญาท้องถิ่น ชมการทำเครื่องเงินที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่ากะเหรี่ยง

45. น้ำตกก้อหลวง จังหวัดลำพูน

          ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นน้ำตกหินปูนสีเขียวมรกตกลางป่าใหญ่ เกิดจากห้วยแม่ก้อไหลผ่านหน้าผาหินปูนทั้งหมด 7 ชั้น และตกลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่างที่ใสสะอาดมองเห็นพื้นด้านล่างและปลาชนิดต่าง ๆ ที่แหวกว่ายสนุกสนาน ภายในบริเวณลานจอดรถของน้ำตกก้อหลวง จะมีจุดบริการห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และร้านค้า ซึ่งเป็นคนในพื้นที่มาเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น

46. วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง จังหวัดอุตรดิตถ์

          ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งยั้ง เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญของชาวลับแลและอุตรดิตถ์ ภายในวัดมีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่น่าสนใจมากมาย พระวิหารหลวงมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีหลังคาซ้อนสามชั้นลาดต่ำ คล้ายกับศิลปะล้านนา ด้านในเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต และมีภาพวาดตำนานสังข์ทอง ด้านหลังของพระวิหารมีประตูเชื่อมไปยังพระบรมธาตุเจดีย์ อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

47. วัดบ้านแก่งใต้ จังหวัดอุตรดิตถ์

          ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านแก่ง อำเภอตรอน ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าสร้างในสมัยไหน ซึ่งความโดดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่องค์พระประธานชื่อ "หลวงพ่อเพชร" หรือที่ชาวบ้านหลายคนเรียกว่า "หลวงพ่ออกแตก" เนื่องจากพระประธานองค์เดิมที่ทำจากศิลาแลงผุกร่อนลงมาก ทางวัดและชาวบ้านจึงลงความเห็นว่าจะสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาอีก 1 องค์ ด้วยการสร้างครอบองค์เดิมไว้เพราะไม่มีสถานที่สร้างแห่งใหม่ ต่อมาช่างจากจังหวัดพิจิตรที่ทำการบูรณะพระอุโบสถได้พบรอยแตกพังทลายที่บริเวณหน้าอกองค์พระประธานดังกล่าว ทำให้มองเห็นใบหน้าและเศียรพระพุทธรูปองค์เดิมอยู่ด้านใน จนกลายเป็นวัดดังที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน

ภาพจาก tnkorn yangaun / Shutterstock.com

48. ถนนคนกิน จังหวัดอุตรดิตถ์

          เป็นฉายาของถนนราษฎร์อุทิศ ตำบลศรีพนมมาศ เพราะถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านของกินพื้นเมืองอร่อย ๆ มากมาย และยังเป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปยังร้านอาหารอร่อย ๆ ร้านอื่น ๆ ในเมืองลับแลด้วย เมื่อมาเยือนถนนเส้นนี้สิ่งที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ จ่าจู๊ดหมูย่าง, เจ๊นีย์ของทอด, ข้าวพันผักอินดี้, ป้าหว่างหมี่พันลับแล, ร้านข้าวพันผักพื้นบ้าน, ข้าวมันไก่ไหหลำ, เจ๊ศรีก๋วยเตี๋ยวสุกี้, ผัดไทยป้าน้อย, ก๋วยจั๊บสามหนุ่ม, แป้งจี่แม่บุญส่ง เป็นต้น นอกจากนี้ในถนนเส้นใกล้เคียงก็มีร้านอร่อยให้ไปลิ้มลองอีกมากมาย อาทิ ลับแลม่วนใจ๋, ก๋วยเตี๋ยวรักไอติม, ก๋วยเตี๋ยวเรือป้าบุญมี, ร้านป้าเบิ้มก๋วยเตี๋ยวไทย, ลับแลปลาเผา เป็นต้น

49. ภูแลลาว จังหวัดอุตรดิตถ์

          ตั้งอยู่ภายในหน่วยพิทักษ์ป่าภูแลลาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่จริม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตำบลบ่อเบี้ย อำเภอบ้านโคก สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของภูเขาน้อยใหญ่ที่อยู่ทางฝั่งไทย ไล่ไปจนถึงวิวภูเขาสูงใหญ่ทางฝั่งเมืองไชยบุรี ประเทศลาว เลยทีเดียว บริเวณจุดชมวิวทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม พร้อมทั้งจัดทำจุดถ่ายรูปสวย ๆ มีเก้าอี้ให้นั่งชมวิวริมดอยไว้รองรับ นอกจากนี้ก็ยังจัดพื้นที่กางเต็นท์ ห้องน้ำ และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

50. เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์

          เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บริเวณเหนือเขื่อนเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "ทะเลสาบสุริยันจันทรา" เป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่พร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่ง ยังมีการให้บริการเช่าจักรยาน เช่าเรือท่องทะเลสาบเหนือเขื่อน และบ้านพักไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว

          จังหวัดอุตรดิตถ์นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่แอบซ่อนความน่าสนใจไว้มาก เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะกับการไปเที่ยวแบบสบาย ๆ แถมยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกเพียบ

ดูรายละเอียดที่เที่ยวอุตรดิตถ์ คลิกเลย

          และนี่คือสถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือที่เราหยิบมาแนะนำกันค่ะ พอจะได้ไอเดียสำหรับทริปเที่ยวภาคเหนือกันบ้างแล้วใช่ไหม เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็เตรียมวางแผนเดินทางกันได้เลย :)

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก
ททท. และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
50 สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ มนตร์เสน่ห์ความงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง อัปเดตล่าสุด 3 เมษายน 2566 เวลา 14:20:16 545,121 อ่าน
TOP