8 สัตว์ดาวเด่นแห่งเขาดิน มาถึงที่แล้วไม่ควรพลาดไปทักทาย

           ในเขาดินมีสัตว์ให้เราได้ไปเที่ยวชมอยู่เพียบเลยค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปหรือไปแล้วก็ตาม ก็อาจจะยังไม่รู้ว่าควรจะไปตรงจุดไหนดี มีสัตว์อะไรน่าสนใจบ้าง วันนี้เราเลยจะมาชี้ทางให้ไปพบกับความน่ารักของสัตว์ดาวเด่นที่นี่กันแต่ละชนิดมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ บางชนิดก็สูญพันธุ์ไปจากป่าไทยแล้วอีกต่างหาก แต่ก็ยังสามารถมาชมได้ที่เขาดิน ปะ...ตามเราไปเที่ยวเขาดินแบบฟิน ๆ กันเลย

          แม่มะลิ เป็นฮิปโปโปเตมัสที่อายุยืนที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีอายุย่างเข้า 52 ปี แล้ว และมีลูกทั้งหมดถึง 14 ตัวด้วยกัน โอ้โห...ไม่แข็งแรงจริงทำไม่ได้นะเนี่ย ครั้งแรกที่เจอแม่มะลิก็นอนหลับปุ๋ยอยู่ใต้น้ำ เดินไปดูใกล้ ๆ เอ๊ะ...ทำไมแม่มะลิหลับใต้น้ำได้นานจัง หันซ้ายหันขวาไปก็ไปเจอป้ายเขียนอธิบายไว้พอดี บอกว่าฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์บก กลางวันจะนอนแช่น้ำ ส่วนกลางคืนจะกินอาหาร ใช้ชีวิตแบบแอมฟิบิอัส (Amphibius) คือสะเทินน้ำสะเทินบก จะชอบนอนแช่น้ำอยู่ในบ่อน้ำตื้น ๆ หรือบ่อโคลนในช่วงกลางวันเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น และก่อนที่จะดำน้ำก็จะหายใจลึก ๆ สูดอากาศเข้าไปให้เต็มปอด แล้วปิดรูจมูกให้แน่น สามารถกลั้นหายใจอยู่ใต้น้ำได้ยาวนานถึง 5-6 นาที พอเอาหัวโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ก็จะหายใจดังมาก แล้วก็จะสะบัดหูแรง ๆ เพื่อสลัดน้ำให้ออกมาจากรูหู โถ...เอ็นดูจังเลยค่ะคุณแม่


          อีกอย่างถ้าใครไปทันช่วงที่แม่มะลิขึ้นมาโชว์ตัวด้านบน แล้วเห็นบนตัวคุณแม่มีน้ำสีแดง ๆ คล้ายเลือดหยดออกมา ไม่ต้องตกใจไปนะ นั่นคือเหงื่อของฮิปโปโปเตมัส เขาขับออกมาเพื่อเคลือบผิวให้ผิวหนังชุ่มชื้นและป้องกันแมลงค่ะ


          อ้อ .. ถ้ามาถึงส่วนแสดงสัตว์ฮิปโปแล้ว ก็อย่าลืมแวะไปทักทายพี่ถั่วแดงกันด้วยนะคะ ใกล้ ๆ กับแม่มะลินั่นแหละ พี่ถั่วแดงเป็นฮิปโปโปเตมัสอีกตัว ซึ่งเป็นเหลนของแม่มะลิค่ะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2547 ตอนแรกก็สงสัยนะคะ ว่าทำไมถึงชื่อถั่วแดง ถามพี่เจ้าหน้าที่ที่ดูแล ก็ได้รับคำตอบว่าเพราะถั่วแดงจะมีรอยด่างแดง ๆ อยู่ที่เท้าขวาด้านหน้า ก็เลยให้ชื่อถั่วแดงเสียเลย ^^

          สำหรับถั่วแดงจะมีกิจกรรมป้อนอาหารจัดไว้ให้ด้วยค่ะ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 14.45 น. แล้วก็ห้ามนำอาหารไปให้เองนะคะ ต้องเป็นอาหารที่ทางสวนสัตว์จัดไว้เท่านั้น ที่สำคัญห้ามป้อนอาหารให้ตัวอื่น ๆ นะ มิเช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายกับสัตว์ได้ ปฏิบัติตามกฎระเบียบกันด้วยเนอะ
  
2. ยีราฟสุดน่ารัก สัตว์บกที่สูงที่สุด

          อยู่กรุงเทพฯ ก็ดูยีราฟได้นะคะ ไม่ต้องไปไกลถึงแอฟริกา แค่มาเขาดินก็เห็นแล้ว ส่วนจัดแสดงยีราฟ จะอยู่ใกล้กับประตู 2 ถนนราชวิถี เดินเข้าประตูนี้มาก็จะเห็นอยู่ทางขวามือค่ะ มีอยู่ 2 ตัว ชื่อบินลาเดน และตาหวาน ตัวสูงใหญ่ทั้งคู่เลย แล้วแบบนี้จะแยกออกยังไงล่ะ ว่าตัวไหนตาหวาน ตัวไหนบินลาเดน ดูตามป้ายที่เขียนแนะนำตัวของทั้งคู่ บอกไว้ว่าให้สังเกตที่สีของตัวยีราฟค่ะ ถ้าบินลาเดนจะสีเข้มกว่าตาหวาน แต่เอาจริง ๆ แค่ดูที่ตาก็รู้แล้วนะ เพราะตาหวาน ก็ตาหวานสมชื่อจริง ๆ ^^


          และถ้าสังเกตดี ๆ บินลาเดนกับตาหวานมีวิธีการกินที่น่ารักมาก เขาจะค่อย ๆ ใช้ลิ้นยาว ๆ ของเขาม้วนพันใบไม้เข้าปาก แล้วถึงเคี้ยวง่ำ ๆ อย่างเอร็ดอร่อย อาหารโปรดของทั้งคู่ก็คือใบไม้ เช่น ไทร, ประดู่, กร่าง, มะเดื่อ และมะขามเทศ

          ดูไปดูมาในส่วนจัดแสดงยีราฟไม่ได้มีแค่ยีราฟนะ ยังมีครอบครัวม้าลายอยู่ด้วย มีทั้งหมด 4 ตัว เป็นพ่อ 1 ตัว แม่ 1 ตัว และ ลูก 2 ตัวค่ะ จะชอบวิ่งวน ๆ เกาะกลุ่มกันอยู่เป็นฝูง ถ้าเห็นว่าม้าลายลงไปนอนกลิ้งคลุกฝุ่น เอาตัวถูไปมากับดินหรือทรายกัน นั่นก็ทำเพื่อให้ปรสิตบริเวณผิวหนังหลุดออกไป

          ทั้งนี้ทางเขาดินได้จัดการให้อาหารยีราฟไว้ด้วย โดยจะมีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 2 รอบ คือ เวลา 11.30 น. และ เวลา 14.30 น.

3. ลุงจ๊อบ อุรังอุตังขี้อาย

          ลุงจ๊อบ เป็นอุรังอุตังแสนขี้อาย นาน ๆ ที จะเผยโฉมให้ได้เห็นหน้ากัน สมัยที่ลุงจ๊อบหนุ่ม ๆ เนี่ยฮอตมากเลยนะ ออกรายการทีวีมาหลายรายการแล้ว แต่ตอนนี้ลุงจ๊อบมีอายุมากขึ้น อาจจะไม่หล่อเหมือนตอนหนุ่ม ๆ (แต่เราว่าก็ยังหล่อและเท่นะคะ ^^) ก็เริ่มอยากปลีกวิเวกไปหลบมุมหาที่สงบ ๆ นั่งสมาธิ ฮ่า ๆๆ แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่จะออกมารับลมรับแดด นั่งเขี่ยใบไม้เล่นอยู่หน้าถ้ำ


          และด้วยแต้มบุญที่สะสมมา ก็เลยมีโอกาสได้เห็นโฉมหน้าลุงจ๊อบแบบเต็ม ๆ ลุงจ๊อบดูอารมณ์ดีพอสมควรค่ะ ตอนแรกก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ หน้าปากถ้ำ แล้วคงเหนื่อย เลยมานั่งแหมะอยู่ตรงด้านหน้าของส่วนจัดแสดงให้เราได้เห็นโฉมหน้ากันชัด ๆ ลุงจ๊อบน่ารักมาก ๆ หันซ้ายที หันขวาที ให้ถ่ายรูปกันได้ทุกฝั่ง แหม...นี่สินะนายแบบเก่า


          นั่นแน่ ! เริ่มหลงเสน่ห์ความเท่ของลุงจ๊อบกันแล้วล่ะสิ เอาเป็นว่าไปถึงถิ่นก็อย่าลืมแวะไปหาลุงจ๊อบกันนะ ลุงจ๊อบจะอยู่ในส่วนจัดแสดงลิง ค่าง เดินเข้าประตู 2 ฝั่งถนนราชวิถี เลี้ยวซ้ายมาก็เจอโซนนี้เลยค่ะ สามารถชมลุงจ๊อบได้ 2 มุม ทั้งจากด้านล่าง และทางเดินด้านบน ถ้าวันไหนลุงจ๊อบออกมาการชมจากทางเดินข้างล่างจะเห็นชัดเจนกว่าค่ะ :)
 
4. ลุงอู๊ด สมเสร็จ สัตว์ป่าสมัยดึกดำบรรพ์

          ลุงอู๊ด เป็นสมเสร็จตัวเดียวในสวนสัตว์ดุสิต ที่ดังไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ เพราะเป็น สัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่งที่หายากแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็เลยอยากมาเจอลุงอู๊ดกันสักครั้ง


          ลุงอู๊ดตัวอ้วนใหญ่เหมือนหมู กีบเท้าคล้ายแรด จมูกและริมฝีปากยาวยื่นออกมา เหมือนงวงช้าง หางสั้นคล้ายหมี หูเล็กสั้นกลม ช่วงหัว ไหล่ และขาจะมีสีดำ ส่วนบริเวณลำตัว ท้อง สะโพกจะมีสีขาวหม่นคล้ายแพนด้าเลยค่ะ ลุงอู๊ดจะชอบกินใบไม้ หญ้า ผลไม้ แต่มาทีไรก็เห็นแต่ลุงอู๊ดชอบไปเฝ้าพระอินทร์ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องมาเช้า ๆ หรือไม่ก็ช่วงเย็น ๆ แดดอ่อน ๆ ลุงอู๊ดจะกระปรี้กระเปร่า เดินอุ้ยอ้ายไปมา น่ากอดชะมัดเลย


          ขอเสริมเรื่องสัตว์ป่านิดหนึ่งค่ะ สมเสร็จถือเป็น 1 ใน 15 สัตว์ป่าสงวนของไทย ปัจจุบันเหลืออยู่ในป่าของไทยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สาเหตุหลัก ๆ ที่คุกคามการขยายพันธุ์ของสมเสร็จก็คือการตัดไม้ทำลายป่า มนุษย์ไปคุกคามบ้านสมเสร็จ ทำให้สมเสร็จไม่มีที่อยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้นะคะ เราเองก็ไม่อยากให้ใครมาบุกทำลายบ้านเราเหมือนกัน


5. ผองเพื่อนละมั่งพันธุ์ไทย

          ละมั่งพันธุ์ไทย จัดเป็นกวางชนิดหนึ่งที่ตัวผู้จะมีเขาสวยงาม จึงมีการเรียกอีกชื่อว่า "กวางเขาคันธนู" ปัจจุบันได้สูญพันธุ์จากธรรมชาติของไทยแล้ว มีหลงเหลืออยู่ในสถานที่เพาะเลี้ยงประมาณ 78 ตัว กระจายอยู่ในสถานที่เลี้ยงขององค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งได้คาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่จะนำละมั่งพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติให้สำเร็จ



          หนึ่งในสถานที่ที่จะชมละมั่งพันธุ์ไทยได้อย่างใกล้ชิด ก็ที่เขาดินนี่เอง มีให้ชมเป็นฝูงเลยนะคะ ไม่ใช่แค่ตัวเดียว เพราะละมั่งเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่เป็นฝูง ฝูงละประมาณ 5-15 ตัวค่ะ ตัวผู้จะเรียกว่า "ละอง" ส่วนตัวเมียจะเรียกว่า "ละมั่ง"


          และที่เราเห็นพวกเขาพากันไปนอนกองรวมกันอยู่ด้านใน ไม่ใช่ว่าหมดแรงนะ แต่ละมั่งจะชอบหลบอากาศร้อนอยู่ใต้ต้นไม้ ใต้ร่มชายคาเวลากลางวันค่ะ ถ้าช่วงเช้าหรือเย็น ๆ ก็จะได้เห็นออกมาเดินเล่นโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่บ้าง ใครอยากเห็นละมั่งพันธุ์ไทยแบบใกล้ชิด ก็มาชมกันได้ที่เขาดินนะคะ อยู่ในโซนจัดแสดงสัตว์ป่าสงวนค่ะ

6. ค่างห้าสี ค่างที่สวยที่สุดในโลก

          ค่างห้าสี นับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้วค่ะ ถูกจัดอยู่ในบัญชีแดง ของสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์เลยทีเดียว แต่ปัจจุบันในเขาดินสามารถเพาะขยายพันธุ์ค่างห้าสีได้มากกว่า 30 ตัว เราจึงเห็นว่ามีจัดแสดงค่างห้าสีอยู่หลายส่วน


          ความพิเศษของค่างห้าสีก็คือบนตัวจะมีขนถึง 5 สี ตัวและหัวมีสีเทา แต่ตรงหน้าผากมีสีเทาดำออกแดง หนวดเคราสีขาว หางและก้นสีขาว ผิวหน้าเหลือง จึงถือได้ว่าเป็นค่างที่สวยที่สุดในโลก


          ฤทธิ์เดชของค่างห้าสีก็ไม่ธรรมดานะคะ ชอบห้อยโหนปีนป่ายไปมาเป็นที่สุด ลองไปยืนชมดูสิ จะรู้เลยว่าซนน่าดู เดี๋ยวก็ปีนไปตรงนู้น เดี๋ยวก็ปีนมาเกาะด้านหน้าส่วนจัดแสดงให้เห็นใกล้ ๆ ทำตาแป๋วใส่อีกนะ ขออยู่นิ่ง ๆ ให้พี่ถ่ายรูปสัก 1 นาทีได้ไหม แต่ก็นั่นล่ะ...นับได้ 38 วินาที ก็ไปห้อยกิ่งไม้ต่ออีกแล้ว โอ๊ย...แสบ แต่ในความแสบซนก็ปนไปด้วยความน่ารักค่ะ เวลาเขากินอาหารจะอยู่เฉยได้นานหน่อย แต่ถ้าตัวไหนเข้าใกล้ จะรีบวิ่งหนีทันที เหมือนกลัวโดนแย่ง ตอนเราจะโดนคนอื่นแย่งกินขนมก็หนีแบบนี้แหละ เราเข้าใจ แฮ่ ^^

7. ไข่มุก เก้งเผือก ขาวผ่องสะดุดตา

          ไข่มุก เป็นเก้งเผือกที่สืบสายพันธุ์มาจากเก้งเผือกที่ได้รับรายงานว่าเป็นเก้งเผือกตัวแรกของโลก โดยเก้งเผือกนี้มีชื่อว่า "เพชร" ค่ะ แรกเริ่มทางเขาดินได้รับเก้งเผือกมาจากประชาชนในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2545 ตอนนั้นเก้งเผือกเพชรมีอายุเพียงแค่ 1 ปีค่ะ จากนั้นเมื่อมีการตรวจสอบกับประชากรเก้งทั่วโลก ไม่ปรากฏว่าเคยพบที่ไหนมาก่อน เก้งเผือกเพชรก็เลยถือว่าเป็นเก้งเผือกตัวแรกของโลกที่มีการรายงานในขณะนั้น

          ทางองค์การสวนสัตว์ได้นำเก้งเผือกเพชรขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระองค์ก็ได้พระราชทานให้องค์การสวนสัตว์เป็นผู้ดูแลเก้งเผือกเพชร


          เก้งเผือกไข่มุก ก็มีลักษณะเหมือนกับเก้งปกตินะคะ คือมีขนาดลำตัวใหญ่เท่ากัน เพียงแต่จะมีขนตามลำตัวสั้น สีขาวปลอดทั้งตัว มีตาสีแดง จมูกสีชมพู มีต่อมน้ำตาขนาดใหญ่ และแอ่งน้ำตาลึก ตัวผู้มีเขาขนาดเล็กและสั้น ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และมีแขนงเล็ก ๆ แตกออกข้างละสองกิ่ง มีเขี้ยวยาวยื่นออกมานอกริมฝีปาก ใช้สำหรับป้องกันตัวค่ะ ไข่มุกจะพิเศษขึ้นมาหน่อย ก็ตรงที่เป็นเก้งเผือกเพศเมีย ซึ่งจะหายากมาก ๆ เลย


          ถ้าใครไปหาเก้งเผือกไข่มุกแล้วไม่เจอ ลองมองดี ๆ น้องไข่มุกแกชอบไปนอนอยู่ใต้ต้นไม้ฝั่งนู้น บางวันก็นอนรับแสงแดด พอแสงส่องสะท้อนลงมาบนตัวสีขาวแทบมองไม่เห็นเลยเหมือนกัน กลมกลืนไปหมด :)

8. ฟูลล่าและเวียงพิงค์ โคอาลา สัตว์ถิ่นกำเนิดออสเตรเลีย

          อยากเห็นโคอาลาตัวเป็น ๆ มานานแล้ว แต่จะให้ไปถึงออสเตรเลียก็จะไกลไป ดีใจสุด ๆ เมื่อรู้ว่าที่เขาดินก็มีโคอาลาให้ชมด้วย โดย "ฟูลล่า" เป็นโคอาลาเพศผู้ เกิดที่สวนสัตว์เวสเทิร์นเพลน ประเทศออสเตรเลีย ส่วน "เวียงพิงค์" เป็นโคอาลาเพศเมีย เกิดที่สวนสัตว์เชียงใหม่นี่เอง

          ทั้งคู่อยู่ในโซนจัดแสดงโคอาลา ใกล้กับประตู 3 ฝั่งตรงข้ามรัฐสภาเลย มีการเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น. นะคะ เมื่อเดินเข้ามายังส่วนจัดแสดงก็จะมีป้ายให้ความรู้ต่าง ๆ รวมทั้งข้อห้ามที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น ห้ามให้อาหาร, ห้ามเคาะกระจก, ห้ามใช้แฟลช, ห้ามสูบบุหรี่ เป็นต้น สำคัญนะคะ...ฝากอ่านก่อนเข้าไปหาน้องนิดหนึ่ง


          อ๊ะ...แต่สะดุดกับป้ายนี้มาก ๆ เขาบอกว่าโคอาลาเป็นสัตว์ที่ขี้เซาสุด ๆ ใน 1 วันจะนอนมากถึง 20 ชั่วโมง และตื่นเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ก็ไม่ต้องลุ้นอะไรเลยค่ะ พอไปถึงด้านหน้าส่วนจัดแสดง ก็เห็นทั้งคู่หลับปุ๋ยคากิ่งไม้เลย เฮ้อ โชคดีอีกแล้ว T^T


          แต่ ๆๆ เดินดูวนไปวนมาอยู่สักพัก น้องก็ขยับตัว ลืมตาแป๋ว...น้องตื่นแล้ว เย้ ! มีเดินไปเดินมาโชว์ตัวอีกนิดหน่อยด้วย แต่ก็ออกมาให้เห็นแป๊บเดียวจริง ๆ ค่ะ แล้วน้องก็เข้าไปหลบหลังพุ่มไม้ ไม่ได้หลบเข้าไปหลับนะ แต่หลบเข้าไปกินใบยูคาลิปตัส น่ารักแบบอยากกอดแน่น ๆ แล้วหอมสักฟอดใหญ่ แต่ได้แค่เห็นน้องตื่นก็ปลื้มใจแล้ว

          เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าสัตว์ที่เรานำมาเสนอนั้นน่ารักและน่าสนใจขนาดไหน ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวเขาดินครั้งหน้า ก็อย่าลืมแวะไปทักทายดาวเด่นของเขาดินกันนะคะ ซึ่งแค่เห็นภาพนั้นยังไม่พอ อย่าลืมคลิกดูคลิปความน่ารักของแต่ละตัวด้านบนเล้ย แต่ ๆ นอกจากดาวเด่นเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีสัตว์อีกหลากหลายชนิดภายในเขาดินด้วยที่พร้อมรอต้อนรับ และเรียกรอยยิ้มจากทุกคน วันไหนว่าง ๆ ขอเชิญไปสำราญกันที่เขาดินนะคะ  :)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สวนสัตว์ดุสิต