9 ร้านอาหารดีไซน์เก๋ มีคอนเซ็ปต์เจ๋งไม่เหมือนใคร

          เดี๋ยวนี้มีร้านอาหาร ที่นำเสนอไอเดียการตกแต่งร้านแปลก ๆ เก๋ ๆ มากมาย แต่ละที่ล้วนแล้วเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของ ที่อยากเอาใจคุณลูกค้า หวังที่จะสร้างสีสันระหว่างการรับประทานอาหารให้มีความสุขมากขึ้น และตอนนี้ขอเชิญนักชิมทั้งหลาย เตรียมท้องให้พร้อม จะมีร้านไหนเข้าตากรรมการบ้าง มาสำรวจแต่ละร้านกันดูเลยค่ะ

1. The Bookshop


          ร้านอาหารกึ่งบาร์ ตั้งอยู่ที่ Ashton Condominium ในซอยสุขุมวิท 38 โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่เหมือนหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซี เมื่อเข้ามาภายในร้านเราจะเห็นหนังสือที่ถูกแขวนลอยอยู่เหนือศีรษะอย่างไร้ทิศทาง หากแต่ว่ากลับดูดีมีสไตล์ไม่ซ้ำแบบใคร การตกแต่งร้านเน้นโทนสีดำที่ทำให้ร้านดูน่าลึกลับ ค้นหา ทั้งพนักงานภายในร้านยังแต่งตัวคล้ายกับบรรณารักษ์ ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศในร้านให้ดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องอาหารก็ไม่แพ้กัน เพราะ The Bookshop ให้บริการทั้งเครื่องดื่มและอาหารโดยเฉพาะเมนูเครื่องดื่มถือเป็นจุดเด่นของทางร้าน พลาดไม่ได้กับ Cocktail  หลากรสชาติ สูตรเฉพาะของ The Bookshop เริ่มจาก Introduction Chapter 1 และ The End ที่เพิ่มระดับความแรงของแอลกอฮอล์ไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ชื่อ Cocktail ยังเกี่ยวเนื่องกับหนังสือชื่อดังหลายเล่ม สำหรับใครที่อยากรับประทานอาหาร ทางร้านยังมีอาหารสไตล์ฟิวชั่น ทั้ง Fingers  food หรือให้เป็น Main ก็มีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย

           เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-23.30 น.
          ที่อยู่ : 88/1-2 ซอยสุขุมวิท 38 ชั้น G อาคาร Ashton Condominium ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 187 4949
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก thebookshop38, IG : @thebookshop38

2. In The Mood for Love


          ร้านอาหารญี่ปุ่นในบรรยากาศแสนคลาสสิก แต่เดี๋ยวก่อน !!! ร้านอาหารญี่ปุ่นที่นี่แตกต่างจากที่อื่นโดยสิ้นเชิง เพราะบรรยากาศของ In The Mood for Love จะให้ความรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังเดินหลงอยู่ในภาพยนตร์จีนยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ใครที่เป็นคอหนังในยุคนั้น เมื่อมาที่ร้านนี้คงถูกอกถูกใจอยู่ไม่น้อย เสน่ห์ร้านนี้จึงอยู่ที่กลิ่นไอความเป็นตะวันออกที่ลอยฟุ้งทั่วร้าน หลายคนจึงติดใจกับบรรยากาศที่ฉีกความจำเจของร้านอาหารญี่ปุ่นแบบเดิม ๆ ขณะเดียวกันอาหารญี่ปุ่นของที่นี่ก็ยังโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ด้วยเพราะประสบการณ์การทำอาหารญี่ปุ่นเป็นเวลามากกว่า 10 ปี เมนูแต่ละอย่างล้วนผ่านการปรับปรุงรสชาติและภาพลักษณ์จนโดดเด่น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งรสชาติอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เมนูแนะนำ ได้แก่ Guilty but Happy ข้าวปั้นไส้กุ้งเทมปุระ ราดด้วยซอสมายองเนส และ Nigiri ข้าวปั้นหน้าปลาต่าง ๆ ที่จัดเสิร์ฟอย่างพอดีคำ เป็นต้น

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.30-14.30 (กลางวัน) และ 17.30-24.00 น. (กลางคืน)
          ที่อยู่ : ซอยสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย 1) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
           เบอร์โทรศัพท์ : 091 565 4424
           เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก InTheMood.Bangkok

3. The Hero Cafe\'



          ร้านอาหารคนดัง เจ้าของร้านคือ คุณท๊อฟฟี่ แห่งวง 3 บาท 50 ด้วยความตั้งใจที่วางคอนเซ็ปต์ร้านให้เป็นที่ชุมนุมของเหล่ายอดมนุษย์ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์เดียวกับการแต่งตัวของวงตัวเอง ขณะเดียวกันการตกแต่งร้านก็ยังไม่ทิ้งลายความสนุกของและความขี้เล่นของเจ้าตัว ส่วนใหญ่เราจะเคยชินกับเหล่ายอดมนุษย์ที่วางท่าเก๊กขรึม จะมองมุมไหนก็เท่ แต่ถ้าเป็นเหล่ายอดมนุษย์ที่นี่คุณจะเห็นด้านตรงข้ามทั้งหมด เพราะเหล่ายอดมนุษย์จะอยู่ในอิริยาบถที่สบาย ๆ เป็นต้นว่านั่งซ่อมรถ จิบกาแฟ เหมือนกับว่าเป็นอิริยาบถผ่อนคลายหลังปราบเหล่าโจรผู้ร้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมเมนูอาหารที่นี่ก็มีความหลากหลาย เช่น กระเพราซูเปอร์แมน, สปาเกตตีเบคอนผัดพริกแห้ง และของหวานอย่างสไปเดอร์เครป เป็นต้น

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 10.30-21.00 น.
           ที่อยู่ : 127 ซอยพหลโยธิน 48 แยก 2 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ
           เบอร์โทรศัพท์ : 02 552 3957
          เว็บไซต์ : theherocafe

4. Water Library


          ร้านอาหารที่โดดเด่นด้วยการเป็นแหล่งรวม "น้ำแร่" ที่ (น่าจะ) มากที่สุดในเมืองไทย โดดเด่นด้วยการนำขวดน้ำแร่ต่าง ๆ หลากหลายรูปทรงและสีสัน ที่วางตั้งเรียงรายอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์สีเทา ประกอบกับการจัดแสงไฟภายในร้าน ที่สะท้อนให้เห็นความแวววาวของขวดน้ำแร่ ที่ใครเห็นต่างก็ต้องทึ้งกับน้ำแร่ต่าง ๆ จากทั่วโลก ทั้งฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งลูกค้าสามารถขอคำแนะนำเรื่องน้ำแร่ได้จากพนักงานในร้าน ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่ก็ไม่เป็นสองรองน้ำแร่ เพราะเมนูอาหารแต่ละเมนูล้วนได้รับการปรุงแต่งอย่างพิถีพิถัน มีทั้งอาหารเอเชียและอาหารยุโรปที่พร้อมจัดวางเสิร์ฟลูกค้าอย่างสวยหรู ราวกับว่ากำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวเลยทีเดียว

           เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.30-14.00 น. (กลางวัน) และ 18.00-22.30 น. (กลางคืน)
          ที่อยู่ : ชั้น 2 อาคารจามจุรี สแควร์ ยูนิตที่ 217 ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 160 5188
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก waterlibrary

5. The Iron Fairies



          ร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งจำลองบรรยากาศเหมืองเหล็กทำตุ๊กตาสมัยโบราณ โดดเด่นด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์เหล็กสลับไม้ ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในร้านแลดูย้อนยุคสุด ๆ เน้นความดิบและเซอร์ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของร้านอยู่ที่บันไดวนเหล็กที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางร้าน ที่ทำให้เราอดพิศวงงงงวยไม่ได้ว่าถ้าเราขึ้นบันไดนี้ไปแล้วมันจะนำพาเราไปยังทิศทางไหน นอกจากการประดับตกแต่งร้านที่ดูแปลกตาแล้ว หน้าตาอาหารของที่นี่ก็แปลกตาไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างการปักมีดลงกลางแฮมเบอร์เกอร์ ขอบอกว่ารสชาติจัดว่าเข้าขั้นความอร่อยของจริง ที่สำคัญถ้าใครอยากจะมาที่ร้านนี้ แนะนำว่าให้จองโทรมาจองก่อนล่วงหน้าจะดีที่สุด

           เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 18.00-02.00 น.
           ที่อยู่ : 402 ซอยทองหล่อ ถนนสุขุมวิท 55 กรุงเทพฯ
           เบอร์โทรศัพท์ : 099 918 1600, 02 714 8875
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ironfairiesbkk

6. Villa De Bear



          ร้านอาหารสุดเก๋ในสไตล์ฮอลแลนด์ ภายในร้านประดับประดาไฟสวยงาม โดยคอนเซ็ปต์ของร้านต้องการที่จะนำเสนอเรื่องราวเจ้าหมีสีดำที่ชื่อ Villy โดยเจ้าหมีตัวนี้ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ และชอบทานของอร่อย ๆ ซึ่งเจ้าหมีตัวนี้ได้เก็บรายละเอียดสิ่งต่าง ๆ ที่พบเจอมารวมกันไว้ที่ Villa de Bear แห่งนี้ เราจะเห็นว่าเจ้าหมี Villy ตัวนี้แฝงตัวอยู่ทุกแง่มุมของร้าน ตั้งแต่กำแพง ที่รองจาน ที่รองแก้ว กระดาษทิชชู เมนูอาหาร เสื้อพนักงาน และอื่น ๆ มากมาย ภายในร้านแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ โซน Indoor เป็นห้องแอร์ ภายในตกแต่งเหมือนเป็นโรงงานตุ๊กตาหมี และโซน Outdoor เป็นที่นั่งรับลมเย็นสบาย ยิ่งตอนกลางคืนจะมองเห็นไฟที่ประดับตกแต่งร้านสวยงาม เมนูแนะนำของทางร้าน คือ ขาหมูทอดและสลัดปูนิ่มทอดกรอบ

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น.
          ที่อยู่ : 5 ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
           เบอร์โทรศัพท์ : 098 496 6245
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Villa-De-Bear

7. Sketch Book Art Café


          ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่บริการอาหาร ของว่าง เครื่องดื่ม และเบเกอรี่หลากหลายชนิด ความโดดเด่นของร้านอยู่ที่การตกแต่งในบรรยากาศสบาย ๆ เสมือนว่ามานั่งเล่นอยู่ที่บ้าน และเพราะความที่เจ้าของเป็นคนรักงานศิลปะ เราจึงเห็นภาพเขียนสวย ๆ ที่นำมาใช้ตกแต่งร้าน เพื่อให้ผู้อื่นได้ร่วมชื่นชมความสวยงามนั้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เจ้าของร้านยังได้แบ่งพื้นที่ของร้านส่วนหนึ่งเป็นมุมทำงาน ที่เจ้าของมักใช้เป็นมุมที่สร้างและสอนศิลปะ เราจึงเห็นอุปกรณ์การสร้างสรรค์ทั้งที่รู้จักบ้างและไม่รู้จักบ้างวางอยู่เต็มพื้นที่ ส่วนในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มรสชาติจัดได้ว่าอร่อยเลยทีเดียว ถ้าใครชอบบรรยากาศร้านชิล ๆ เงียบสงบ Sketch Book Art Café เป็นอีกตัวเลือกร้านอาหารสำหรับวันหยุดพักผ่อนที่ดีอีกร้านหนึ่ง

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 08.00-22.00 น.
          ที่อยู่ : ทัพพระยา เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
          เบอร์โทรศัพท์ : 038 251 625
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Sketch-BOOK-Art-cafe

8. The Never Ending Summer


          ความเก๋ของร้านอาหารแห่งนี้อยู่ที่การดัดแปลงโรงน้ำแข็งเก่าริมท่าเรือกลายเป็นร้านอาหารแสนโมเดิร์น เผยให้เห็นผนังปูนเปลือย ความดิบ และความเซอร์แบบเต็ม ๆ เชื่อว่าใครหลายคนต้องตกหลุมรักบรรยากาศร้านนี้อย่างแน่นอน จุดเด่นของร้านอีกอย่างหนึ่งอยู่ที่ Open Kitchen ขนาดใหญ่เปิดโล่ง ที่เผยให้คนทานเห็นทุกกรรมวิธีขั้นตอนการทำอาหาร นั่งมองไปมองมาก็เพลินอยู่ไม่ใช่น้อย ส่วนเมนูอาหารของที่นี่เน้นอาหารแบบไทยแท้โบราณ เมนูแนะนำ เช่น น้ำพริกลงเรือ-หมูหวานไข่เค็ม รสชาติจัดจ้านตามสไตล์น้ำพริกไทย ตัวน้ำพริกเสิร์ฟมาในครกเล็กใบน่ารัก พร้อมกับผักสดทั้งมะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว แตงกวา ใบบัวบก ถั่วพู และอื่น ๆ อีกมากมาย หรือต้มยำปลาทู น้ำซุปรสชาติต้มยำกล่อมกล่อมได้ใจ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด กำลังพอดี เป็นอีกร้านอาหารที่บรรยากาศเก๋ไก๋และการบริการเป็นเลิศ

           เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น. (ยกเว้นวันจันทร์ ครัวจะปิดเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น.)
          ที่อยู่ : The Jam Factory 41/5 ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 861 0953
           เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก TheNeverEndingSummer

9. My Collection Home Cuisine



          ร้านอาหารอิตาเลียนเล็ก ๆ ตกแต่งร้านด้วยสไตล์วินเทจ ทำให้บรรยากาศของร้านแลดูอบอุ่นและโรแมนติกอย่างบอกไม่ถูก โดดเด่นด้วยลักษณะการตกแต่งร้าน ด้วยการนำเอาของที่ระลึกจากการได้ไปเที่ยวต่างประเทศของเจ้าของนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ตกแต่งร้าน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟจากอินเดีย หรือกระเป๋าแบรนด์ต่าง ๆ ที่ถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม ในส่วนของอาหารก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เช่น สปาเกตตีไส้อั่ว ที่เวลาทานได้กลิ่นความหอมของเครื่องเทศลอยมาเตะจมูก รสชาติออกเผ็ดหน่อย ๆ รับรองถูกปาก หรือ Seafood Salad ผักผลไม้สดกรอบเหมือนเพิ่งเก็บมาจากไร่ และราดราดด้วยน้ำสลัดน้ำใส หากใครอยากอาหารอร่อย ๆ พร้อมบรรยากาศโรแมนติก ลองแวะมาที่ร้าน My Collection Home Cuisine รับรองว่าต้องประทับใจแน่นอน

          เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-14.30 น. และ 17.30-22.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
          ที่อยู่ : Ekkamai Shopping Mall ชั้น 2 สุขุมวิท 63 (เอกมัยซอย10) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
           เบอร์โทรศัพท์ : 02 714 4224
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก mycollectionhomecuisine

          แหม !!!! แต่ละร้านแห่ขนไอเดียเด็ด ๆ แหวกแนว ไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว เราหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะถูกใจกันบ้างนะคะ อย่าลืมแวะไปชมความแปลก ชิมของเด็ด แล้วนำกลับมาบอกเราบ้าง ว่าแต่ละร้านโดนใจและถูกใจกันมากน้อยแค่ไหน เอาเป็นว่าเราขอให้เพื่อน ๆ Enjoy Eating กันทุกคนนะคะ ^ ^

          หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2558

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก mycollectionhomecuisine, เฟซบุ๊ก TheNeverEndingSummer, เฟซบุ๊ก Sketch-BOOK-Art-cafe, เฟซบุ๊ก Villa-De-Bear, เฟซบุ๊ก ironfairiesbkk, เฟซบุ๊ก waterlibrary, theherocafe,
เฟซบุ๊ก InTheMood.Bangkok, เฟซบุ๊ก thebookshop38, เฟซบุ๊ก TheNeverEndingSummer, เฟซบุ๊ก Sketch-BOOK-Art-cafe, เฟซบุ๊ก Villa-De-Bear, เฟซบุ๊ก ironfairiesbkk, เฟซบุ๊ก waterlibrary, theherocafe, เฟซบุ๊ก InTheMood.Bangkok, เฟซบุ๊ก thebookshop38