x close

ไปเหยียบสวรรค์ ที่เกาะบาหลี




          ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย "บาหลี" เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่คนหนุ่มสาวทั่วโลกใฝ่ฝันจะไปสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต Rose มาลี ก็เคยฝันแบบนั้น และหาโอกาสไปเที่ยวมาแล้วจนได้

          ความมีเสน่ห์ของบาหลีไม่ใช่แค่สภาพภูมิศาสตร์ของเกาะ และธรรมชาติอันสวยสดงดงามอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่วิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้านที่ปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนาน จากอดีตสู่ปัจจุบันนับพันปี และไม่ว่าโลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน หรือนักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลเข้ามาถล่มทลายอย่างไร ความเชื่อในศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของชาวบาหลีก็ยังมั่นคงไม่เสื่อมคลาย

          บาหลีเป็นชุมชนวัฒนธรรมฮินดูที่เข้มแข็งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในประเทศที่มีประชากรเป็นมุสลิมส่วนใหญ่(ชาวอินโดนีเซีย 95 % นับถือศาสนาอิสลาม) เพราะชาวบาหลีมีรากฐานทางวัฒนธรรมของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน ทำให้สามารถสร้างสรรค์รูปแบบประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองจนกระฉ่อนไกลไปทั่วโลก เช่น รีสอร์ต สปา หรือสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเฉพาะตัวของบาหลีอย่างชัดเจน

          นอกจากนั้น พิธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา และการยึดมั่นทำบุญไหว้พระเป็นประจำสม่ำเสมอ ได้สะท้อนให้เห็นศรัทธาที่แน่วแน่ มั่นคงต่อเทพเจ้าฮินดูของชาวบาหลี โดยชาวบ้านที่นี่เชื่อว่าธรรมชาติมีพลัง ดังนั้น ผู้คนจึงเชื่อในจิตวิญญาณ ภูตผี ปิศาจและนับถือดวงวิญญาณของบรรพบุรุษที่สิงสถิตอยู่ตามบ้านเรือน และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย





          จึงไม่แปลกที่เกาะแห่งนี้มีวัดเล็กวัดน้อยกระจัดกระจายอยู่กว่า 1 พันวัด และเรามักจะได้เห็นกระทงใบตองบรรจุดอกไม้ ธูปเทียน วางไว้ตามหน้าบ้าน ตามถนนหนทางรอบๆ เกาะ เช่นเดียวกับผู้คนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองสีสันสวยงาม เข้าวัดเช้าเย็นเป็นปกติ และหากโชคดีนักท่องเที่ยวก็อาจจะได้เห็นขบวนหญิงสาวแห่เครื่องสังเวยเซ่นไหว้ ซึ่งเป็นพานผลไม้ที่ซ้อนสูงกันขึ้นเป็นกรวยหลายชั้นเทินไว้บนศรีษะ เดินเรียงแถวกันไปร่วมงานเทศกาลต่างๆ ที่วัดซึ่งมักเป็นพิธีกรรมที่จัดอย่างยิ่งใหญ

          ด้วยเหตุนี้ บาหลีจึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮันนีมูนที่มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก คู่บ่าวสาวหลายคู่เลือกที่นี่เป็นที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กัน ด้วยความหลงใหลในเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปวัฒนธรรมบาหลี และความงดงามของภูมิประเทศ ซึ่งยังมีความอุดมสมบูรณ์ มีแนวภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ทางตอนกลางเกาะ มีชายหาดทอดยาวไปตามชายฝั่งให้เลือกทั้งแบบที่สงบเงียบและที่ครึกครื้น มีสีสันมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยม

          พื้นที่ส่วนใหญ่ของบาหลีเป็นภูเขาสูง โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนเหนือของเกาะ เป็นแนวภูเขาไฟที่ยังมี "ภูเขากูนุงอากุง" คุกรุ่นอยู่ โดยยอดเขานี้เป็นยอดสูงสุดของเกาะ (3,142 เมตร) พื้นที่ราบของเกาะอยู่ทางตอนใต้ ขณะที่ภาคกลางได้อานิสงส์จากลาวาภูเขาไฟที่เคยระเบิดมาแล้ว จึงมีความอุดมสมบูรณ์กว่าแหล่งอื่น ตามไหล่เขามีการทำนาแบบขั้นบันไดอยู่ทั่วไป โดยบริเวณที่มีชื่อเสียงที่สุดคือเมือง "อูบุด" ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งบนเกาะ

          การเพาะปลูกและทำนาแบบขั้นบันไดเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเกาะบาหลี แค่นั่งรถชมวิวนาขั้นบันไดที่มีสีสันแตกต่างกันไปตามฤดูกาลไปทั่วเกาะ ก็คุ้มค่าแล้วค่ะ และถ้าใครชื่นชอบสะสมงานศิลปะหัตถกรรม จำพวกผ้าทอพื้นเมือง ผ้าบาติก และการแกะสลักไม้ ซึ่งมีความละเอียดปราณีตสวยงาม ก็สามารถเลือกซื้อเลือกชมกันได้อย่างจุใจในราคาไม่แพง

          แต่ขอบอกก่อนว่าถ้ามาช็อปปิ้งที่นี่จะต้อง "ทำใจ" ในเรื่องการรู้จักต่อรองราคาให้มาก ไม่เช่นนั้นมีโอกาสโดนพ่อค้าแม่ค้าโก่งราคาเอาได้

          สำหรับ อูบุด (Ubud) นอกจากจะเป็นหมู่บ้านที่สวยงามด้วยวิวทิวทัศน์แล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมของเกาะ หากใครเดินทางไปบาหลีแล้วไม่ได้แวะเที่ยวอูบุด แสดงว่ายังไปไม่ถึงบาหลีจริง





          อูบุด ตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะ เป็นหัวใจของการท่องเที่ยวบาหลี มีทั้งรีสอร์ตหหรูหราไปจนถึงเกสต์เฮาส์และโฮมสเตย์ราคาคืนละไม่กี่เหรียญ แล้วแต่ความสะดวกและรสนิยมในการท่องเที่ยวของแต่ละคน ที่นี่คือแหล่งรวมงานศิลปะทุกประเภท ตั้งแต่โบราณสถาน วัดวาอาราม ศูนย์หัตถกรรม การแสดง มีร้านขายของพื้นเมืองอยู่เต็มไปหมด รีสอร์ตเล็กๆ หลายแห่งนิยมสร้างอยู่ตามนาขั้นบันได ร่มครึ้มเขียวขจีตลอดทั้งปี

          ร้านอาหารพื้นเมืองแถวอูบุด ราคาชาวบ้านที่ดังมากๆ ชื่อ Dirty Duck มีอาหารที่คนไทยกินได้อร่อยหลายอย่าง ถ้าใครชอบอาหารจำพวกแกงมัสหมั่น หมูสะเต๊ะ หรือสลัดแขก รับรองไม่ผิดหวังค่ะ และรอบๆ หมู่บ้านอูบุดนี้มีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวบ้านอยู่ หลายแห่ง ซึ่งชาวบาหลีจะนิยมไปอาบน้ำชำระร่างกายเป็นประจำ แต่อย่าเผลอไปถ่ายรูปเข้านะคะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง

          การเข้าไปเที่ยววัดในบาหลี ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าเข้าชม (ประมาณคนละ 1,000-1,500 รูเปียห์) และมีกฎกติกามารยาทที่ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมของคนท้องถิ่น คือผู้หญิงต้องนุ่งโสร่งกรอมเท้า ผู้ชายต้องสวมกางเกงขายาวและมีผ้าคาดเอว แต่ถ้าใครไม่ได้เตรียมผ้าไว้คนเฝ้าวัดจะมีให้ยืม ใครใส่กางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้นห้ามเข้าวัด

          นอกจากนั้น ยังห้ามไม่ให้ผู้หญิงที่มีประจำเดือนเข้าวัดเป็นอันขาด เพราะชาวบาหลีเชื่อกันว่าพื้นดินภายในบริเวณวัดมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรให้ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาเหยียบย่ำ

          วัดในศาสนาฮินดูส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายๆ กัน คือ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า ภายในวัดแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ สวรรค์ โลกมนุษย์ และบริเวณของภูตผีปิศาจ โดยซุ้มประตูทุกแห่งจะมีเอกลักษณ์ของศิลปะบาหลี มีนายทวารบาลนั่งเฝ้าสองข้าง บางทีก็เป็นยักษ์ เทพอสูร หรือครุฑ ในบริเวณวิหารภายในจะมีรูปสลักเทพเจ้าต่างๆ ที่ชาวฮินดูนับถือ เช่น พระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ พระพิฆเณศ เป็นต้น

          วัดสำคัญที่ถือว่าเป็น "Mother Temple" ของชาวบาหลี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องไปให้ถึงก็คือ วัดเบซากิ(Pura Besaki) ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางขุนเขา มีทางขึ้นสูงลิ่วคล้ายๆ กับบันไดหินของปราสาทเขาพนมรุ้งในบ้านเรา  ระยะทางเดินขึ้นวัดประมาณ 800 เมตรลาดชันไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ บริเวณปากทางมีด่านเก็บเงิน โดยจะคิดค่ากล้องถ่ายรูปและวิดีโอด้วย

          ในวัดเบซากินี้จะมีวัดเล็กวัดน้อยหลายวัดซ้อนรวมกันอยู่เป็นชั้นๆ เพื่อแบ่งใช้กันตามวรรณะที่แตกต่างกัน โดยส่วนบนสุดมีพื้นที่ใหญ่โตโอ่โถงกว่าที่อื่นใช้ประกอบพิธีทางศาสนา สำหรับชนชั้นวรรณะสูง และห้ามมิให้บุคคลที่ไม่ใช่ฮินดูเข้าไปภายใน

          ระหว่างทางขึ้นชมวัดแห่งนี้จะมีร้านขายของที่ระลึกเรียงรายแออัดตามสองข้างทาง เต็มไปหมด ขอแนะนำว่าให้ขึ้นไปชมวัดก่อนจึงค่อยลงมาซื้อของจะสนุกกว่า โดยเฉพาะท่านที่เดินทางไปหับกรุ๊ปทัวร์ซึ่งมักจะมีเวลาไม่มากนัก

          อีกวัดหนึ่งที่เป็นสุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในการไปถ่ายรูป ชมวิว โดยเฉพาะการซึมซาบบรรยากาศพระอาทิตย์อัศดงยามเย็น คือ วัดทานาห์ลอต (Tanahlot) ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลตะวันตกของเกาะ เป็นวัดที่สร้างขึ้นบนโขดหินคล้ายเกาะเล็กๆ เวลาน้ำขึ้น น้ำทะเลจะท่วมรอบเกาะมองดูเหมือนวัดลอยน้ำอยู่ ถือเป็นวัดริมทะเล 1 ใน 5 แห่งของเกาะบาหลีที่มีภูมิทัศน์สวยงามที่สุดจึงมีนักท่องเที่ยวแห่กันมาชม จำนวนมหาศาลในแต่ละวัน





          สำหรับผู้ที่หลงไหลกลิ่นไอทะเล หาดทราย สายลม แสงแดด บาหลีก็มีชายหาดที่สวยงามมีชื่อเสียงหลายแห่ง ที่โด่งดังมากๆ เทียบชั้นชายหาดพัทยาของบ้านเราก็คือ หาดกูตา ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินเพียง 2-3 กิโลเมตร ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่เลือกจะพักผ่อนในบรรยากาศชายทะเลก็สามารถหาที่พักแถวนี้ ได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเข้าไปถึงเมืองหลวง
"เดนปาซาร์"

          จุดเด่นของกูตาคือหาดทรายยาวเหยียดถึง 8 กิโลเมตร เป็นศูนย์รวมความบันเทิงทุกสิ่งในบาหลี  มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สนุกมากมาย โดยเฉพาะกีฬาชายหาด จำพวกวินด์เซิร์ฟ และการเล่นกระดานโต้คลื่น

          คลื่นที่นี่มีความแรงหลายระดับ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มหัดเล่น โดยสามารถหาเช่าอุปกรณ์ได้สะดวก แต่ชายหากกูตามักมีคนพลุกพล่าน อาจจะน่ารำคาญสำหรับคนที่ไม่ชอบความอึกทึกครึกโครมเพราะมักจะมีพ่อค้าแม่ ขายเดินเร่ขายของ เพนต์เล็บ แท็ตทู นวดตัว ฯลฯ ดังนั้นใครชอบความสงบขอแนะนำให้ไปชายทะเลแถวลอมบ็อกค่ะ

          เดือนที่มีอากาศเย็นสบายของบาหลีคือเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม จากนั้นก็เข้าสู่ฤดูฝนตั้งแต่เดือนตุลาคม - มีนาคม ช่วงที่ฝนตกหนักที่สุดคือเดือนธันวาคม และมกราคม จะไปเที่ยวก็วางแผนให้รอบคอบ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เขียนโดย : Rose มาลี



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไปเหยียบสวรรค์ ที่เกาะบาหลี อัปเดตล่าสุด 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 18:19:54 1,456 อ่าน
TOP