x close

เยือนอเมริกา ตื่นตา 4th of July

รัฐสภา สหรัฐ

 



เยือนอเมริกา ตื่นตา"4th of July" (ข่าวสด)
โดย : วรนุช มูลมานัส 


            เดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลาราวเที่ยงคืนครึ่งของวันที่ 25 มิถุนายน ตามเวลาในไทย เที่ยวบิน KE 654 เพื่อเดินทางไปยังนครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ

            ราวแปดโมงครึ่งของวันที่ 25 มิถุนายน ตามวันเวลาท้องถิ่น นกเหล็กก็ข้ามพ้นมหาสมุทรแปซิฟิก จากซีกโลกตะวันออกแตะรันเวย์ของท่าอากาศยาน LAX หรือ Los Angeles Interna tional Airport ในซีกโลกตะวันตก 

            จากนั้นก็เช็กอินเข้าที่ Cheraton Gateway LA และต่อไปนี้เป็นขั้นตอนของการลุยเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในแอลเอ เริ่มจากย่าน Holly wood ที่ว่าใครต่อใครต้องไป 

            ที่นี่หากเช่ารถขับเที่ยวจะสะดวกมากกว่าใช้รถโดยสารสาธารณะ เพื่อนชาวอเมริกันบอกและคนที่อาศัยที่นี่จะรู้ซึ้งดีว่า หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่ค่อยมีใครใช้บริการรถสาธารณะกัน 

            สังเกตการขับรถของคนที่นี่เสียเพลิน แป๊บเดียวก็ถึงย่าน Hollywood แล้ว จากนั้นสารถีก็แปลงร่างเป็นไกด์นำเที่ยวพาย่ำถิ่นบันเทิงของชาวอเมริกัน 

            เรื่องของเรื่องคืออาจเพราะที่แคลิฟอร์เนีย อันเป็นมลรัฐที่นครแอลเอตั้งอยู่ มีฝนตกไม่กี่วัน ในแต่ละปี บรรดาผู้สร้างหนังทั้งหลายคงเห็นแล้วว่าเหมาะกับการมาลงทุนทำสตูดิโอ ว่าแล้วที่นี่ก็เลยกลายเป็นแหล่งของคนบันเทิงทั้งหลาย 

            การทัวร์เริ่มจาก Hollywood Walk Of Fame บนถนนฮอลลีวู้ด บูเลอวาร์ด ดูฝ่ามือและรายชื่อของดาราดังๆ บนพื้นของถนนสายนี้ 

            แต่วันที่ไปนั้นมีการปิดถนนบางส่วนเพื่อเตรียมเปิดตัว ซาซ่า บารอน นักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Bruno ที่โด่งดังจากเรื่อง Borat ไหนๆ ก็ได้มาแล้ว เลยอยู่ร่วมตื่นเต้นกับเขาหน่อย แต่เวลางานเริ่มที่ 5 โมงเย็น เลยขอแวบไปย่านสุดหรูเบเวอร์ลี ฮิลส์ ก่อนค่อยกลับมาอีกตอนงานใกล้เริ่ม

            ย่านเบเวอร์ลี ฮิลส์ ถือเป็นย่านคนรวย บรรดาเซเลบริตี้บันเทิงทั้งหลายมีบ้านอยู่ที่นี่ จากนั้นก็เดินเที่ยวชมย่านไฮโซ โรดีโอ ไดรฟ์ Rodeo Drive ศูนย์รวมของร้านดีไซเนอร์ชื่อดัง 

            กลับมาย่านฮอลลีวู้ดอีกหนตอนเย็นย่ำ แต่ที่ทำให้บรรยากาศไม่สนุกอย่างที่ควรจะเป็น เพราะวันนั้น ทั่วโลกช็อกกับการสูญเสียนักร้องระดับตำนานอย่างไมเคิล แจ๊กสัน ไปอย่างกะทันหัน ขนาดไกด์ไม่ใช่มิตรรักแฟนเพลงของไมเคิลยังตกตะลึงและช็อกกับข่าวร้าย

            เข้าออกร้านไหนในย่านฮอลลีวู้ด ดูข่าวช่องใด ก็จะเสนอข่าวการเสียชีวิตของราชาเพลงป๊อปคนนี้ ชาวอเมริกันจับกลุ่มพูดคุยกันถึงประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง ข่าวอื่นแทบไม่มีให้ดู นอกจากเรื่องราวของไมเคิล แจ๊กสัน

            ออกจากฮอลลีวู้ดเย็นย่ำ สารถีพานั่งรถออกมาจากตัวเมืองมุ่งสู่โรงแรม  ก่อนช่วงเช้าจะเช็กเอาต์ ออกไปย่ำชมสตูดิโอของ วอร์นเนอร์ บราเธอร์ส (Warner Brothers Studio) หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิงที่นี่ สนน ราคาจองผ่านเว็บไซต์ล่วงหน้าแบบวีไอพีทัวร์คนละ 45 เหรียญสหรัฐ

            ที่นี่ได้มีโอกาสเห็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องต่างๆ หรือซีรีส์ดังๆ ไม่ว่าจะเป็น Friends และ Two and A Half Men ที่บ้านเราก็นำมาออกอากาศ เครื่องแต่งกายของนักแสดง ที่เค้าจัดแสดงให้ผู้มาเยือนได้ชม เช่น Harry Potter, Batman เป็นต้น 

            จากนั้นมุ่งหน้าไป Paul Getty\'s Museum พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ก่อตั้งโดย กองทุนเจ พอล เก็ตตี้ มหาเศรษฐีอเมริกันที่ร่ำรวยจากน้ำมันและธุรกิจอื่นๆ ออกแบบโดยริชาร์ด ไมเออร์ สร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแก่สาธารณชนเมื่อเดือนธ.ค. ค.ศ.1997

            แม้จะมีพื้นที่กว่า 750 เอเคอร์ แต่ตัวอาคารจริงใช้พื้นที่ 110 เอเคอร์ ที่เหลือเป็นพื้นที่สีเขียว และสวนสวยๆ ที่ออกแบบโดย โรเบิร์ต เออร์วิน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รักษางานศิลปะที่ พอล เก็ตตี้ ได้สะสมไว้ แต่ละชิ้นที่นำมาจัดแสดงล้วนแต่เป็นงานต้นฉบับของศิลปินชื่อดังของโลกทั้งสิ้น  รายละเอียดการเยี่ยมชมคลิกเข้าไปดูได้ที่ http://www.getty.edu/  

            หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปซานตา มอนิกา (Santa Monica) เมืองตากอากาศขึ้นชื่อของที่นี่ มีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนและไลฟ์สไตล์ของที่นี่ขอบอกว่าแสนเพลิดเพลินเจริญใจอารมณ์ ประมาณถนนคนเดินบ้านเรา

            รุ่งเช้าก็ออกเดินทางอีกหนคราวนี้ก็ไปเก็ตตี้ วิลลา (Getty Villa) ซึ่งเป็นอีกส่วนของพิพิธภัณฑ์เก็ตตี้ รวมผลงานด้านศิลปะของกรีก โรมัน เอาไว้ด้วยกัน หากคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ ประวัติศาสตร์ การออกแบบตกแต่งอาคาร สวนแล้วล่ะก็ไม่น่าพลาดมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งที่ว่านี้

            ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็มุ่งไปยัง เวนิซ บีช ระหว่างทางก็เพลินตาไปกับวิวสวยๆ ของชายทะเลที่เลียบขนานไปกับถนน ผ่านแนวมาลิบู ที่มีมหาวิทยาลัยเปปเปอร์ไดน์ ตั้งอยู่บนเนินเขาสวยงาม ตระการตา ว่าแล้วก็ชวนกันขึ้นไปภายในมหาวิทยาลัยเพื่อไปชมวิวจากมุมสูง เป็นอีกภาพที่ประทับใจ 

            หาดเวนิซ บีช บอร์ดวอล์ก ตลอดสองข้างทางมีการออกร้านขายของแบ กะดิน รวมถึงการละเล่นที่เรียกความสนใจจากฝรั่งมุงทั้งการเต้นรำ ทอล์ก โชว์ วณิพกที่ทั้งร้องทั้งเล่นสร้างความเพลิดเพลินให้คนผ่านไปมา 

            อีกชายหาดที่ต้องไปคือ นิวพอร์ต บีช ถิ่นผู้มีอันจะกิน บ้านเรือนตกแต่งอย่างสวยงาม คืนรถที่เช่ามาเสร็จสรรพ นั่งรถเวียนกลับไปยัง LAX จุดหมายของคืนนี้อยู่ที่เมืองแอตแลนตา Atlanta มลรัฐจอร์เจีย 

            อควาเรียมจอร์เจีย เปิดให้ชมในปี 2005 เป็นอควาเรียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก บรรจุสัตว์น้ำมากกว่า 100,000 ตัว กว่า 500 สปีชีส์ จากทั่วทุกมุมโลก 

            ถือโอกาสเข้าไปทัวร์สำนักงานใหญ่ของ CNN สำนักข่าวชื่อก้องโลก ที่อยู่ถนนอีกฝั่งหนึ่ง โดยต้องซื้อตั๋วในราคาคนละ 13.50 เหรียญสหรัฐ แต่เมื่อเข้าไปแล้วก็รู้สึกได้ว่าเกินคุ้มกับราคาตั๋ว  

            จากแอตแลนตา ไปที่ วอชิงตันดี.ซี.เมืองหลวงของสหรัฐ ที่พลาดไม่ได้คือต้องไปเยี่ยมชมสถาบันสมิธโซเนียน โดยสถาบันแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์อีกกว่า 19 แห่ง 

            สถาบันแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ เจมส์ สมิธสัน ซึ่งระบุในพินัยกรรมว่า หากหลานชายของเขา เฮนรี เจมส์ ฮังเกอร์ฟอร์ด ไม่มีทายาท ก็ให้ยกมรดกทั้งหมดให้แก่รัฐบาลสหรัฐเพื่อก่อตั้งองค์กรที่สามารถ "เพิ่มพูนและเผยแพร่ความรู้" ให้แก่มนุษยชาติ 

            ปีค.ศ.1835 เมื่อหลานของเขาเสียชีวิตลงโดยไม่มีทายาท ประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ๊กสัน จึงรายงานต่อรัฐสภาถึงความจำนงของเขา เงินพินัยกรรมที่เขายกให้แก่รัฐบาลสหรัฐ เวลานั้นมีมูลค่า 104,960 ปอนด์ทองคำ หรือ 500,000 เหรียญสหรัฐ (คำนวณตามอัตราเงินเฟ้อในปี ค.ศ.2005 เป็นเงิน 9,235,277 เหรียญสหรัฐ) 

            นับจาก 10 สิงหาคม พ.ศ.2389 ซึ่งถือเป็นวันก่อตั้งสถาบันแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน ที่นี่เปิดให้ประชาชนจากทั่วโลกเข้าเยี่ยมชมฟรี ส่วนใครอยากชมบรรดาอนุสาวรีย์ สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่อยู่รายล้อม แต่ไม่อยากเดินก็มีให้บริการทัวร์เคลื่อนที่ สนนราคาที่คนละ 27 เหรียญสหรัฐ เริ่มจาก 09.30 น. ถึง 16.30 น. ซื้อตั๋วครั้งเดียวใครอยากไปตรงไหนก็เลือกได้ตามสะดวกภายในเวลาที่กำหนด 

            รวมถึงได้ไปชมบ้านของจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐที่เมานต์ เวอร์นอน เมืองเล็กๆ ที่สงบ สวยงาม 

            อีกด้านของถนนคือแม่น้ำโปโตแมค ระหว่างถนนใหญ่กับแม่น้ำจะมีเส้นทางเล็กๆ ไว้ให้ผู้คนได้จ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน หรือเดินเล่น และยังมีสวนสาธารณะเป็นจุดๆ ตลอดเส้นทาง 

            จอร์จ วอชิงตัน เคยบอกไว้ว่า "ไม่มีที่ใดในสหรัฐที่จะน่าอยู่เท่าที่นี่อีกแล้ว"

            แล้วก็มาถึง Independence Day หรือโฟร์ธ ออฟ จูลาย (4th of July) อันเป็นวันชาติอเมริกา แอตแลนตาคึกคักกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ 

            ผู้คนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเดียวกับธงชาติ ไม่ว่าขาว แดง น้ำเงิน มีถ้อยคำบ่งบอกว่าเป็นชาวสหรัฐ บ้านเรือนตกแต่งด้วยธงชาติสหรัฐ ไปไหนมาไหนก็จะทักทายกันยิ้มแย้มแจ่มใส ขอให้มีความสุขในวันพิเศษนี้ 

            ช่วงบ่ายถ้าต้องการไปชมพลุฉลองวันชาติ ก็ต้องออกจากบ้านขับรถไปจอดที่รถไฟใต้ดินเพื่อความสะดวกในการเดินทาง เมื่อไปถึงจุดสำหรับร่วมฉลองวันชาติ เจ้าหน้าที่จะตรวจกระเป๋า สัมภาระ นับจำนวนคนที่เข้าไปบริเวณงาน 

            พวกเราจับจองบริเวณบันไดของ The Capital หรืออาคารรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของงานเพื่อให้เห็นความสวยงามของพลุและมินิคอนเสิร์ต และการแสดงต่างๆ ได้ถนัดตา นั่งปวดเอว ปวดก้น ร้อนแดดจากบ่าย 3 โมงถึงราว 4 ทุ่มงานก็เลิก พร้อมกับความประทับใจ 

            ได้เห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวอเมริกันในวันชาติแล้ว ก็นึกถึงสถานการณ์บ้านเราว่า จะวันไหนหนอที่ "บ้านเรา" จะกลับมาเป็น "บ้าน" ที่อบอุ่นเหมือนที่เคยเป็นมา


รักการท่องเที่ยว  อ่านสถานที่ท่องเที่ยว มากมาย คลิกเลยค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เยือนอเมริกา ตื่นตา 4th of July อัปเดตล่าสุด 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 19:15:12
TOP