เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ megamovie สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Gonipponbydrjame
เดี๋ยวนี้ดูเหมือนว่าการเดินทางไป "เที่ยวญี่ปุ่น" จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะหลาย ๆ สายการบินมีโปรโมชั่นดี ๆ ออกมาให้เราได้เลือกคลิกจองตั๋วเครื่องบินแล้วบินลัดฟ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่เอ...ถ้าหากได้ไปเยือนดินแดนอาทิตย์อุทัยทั้งที แต่ไม่ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ สุดฮอตฮิต ไม่ได้กินอาหารอร่อยขั้นเทพ หรือไม่ได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นดั้งเดิม เหตุเพราะขาดการวางแผนท่องเที่ยวที่ดีละ T__T อ๊ะ ๆ ถ้าคุณไม่อยากให้ทริปญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำ หรือเสียดายที่ไม่ได้ทำโน้น ทำนี่ ทำนั่น ก็ตามเราเข้าไปดูเทคนิคการทำแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบสบาย ๆ จากบันทึกการเดินทางของ คุณ megamovie สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้หยิบเอาทริคเด็ด ๆ ในการเตรียมตัวและวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นมาบอกกันค่ะ
++++++++++++++++++++++
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ห้องบลูแพลนเน็ต คงพอจะจำกันได้บ้าง ผมทำกระทู้รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นแบบแบ็คแพ็กเองมาหลายกระทู้พอสมควร น่าจะเคยผ่านตากันบ้าง ส่วนตัวผมไปเที่ยวญี่ปุ่นเองแบบแบ็คแพ็กมา 6 รอบแล้ว เดือนหน้าก็กำลังจะไปอีกครั้ง รอบนี้ไล่จาก Nagoya ขึ้น Hokkaido กำลังอยู่ในช่วงวางแผน...ใกล้จะเสร็จ มีเทคนิคที่คิดว่าเอามาแบ่งปันกันน่าจะดี เป็นเทคนิคส่วนตัวแต่หลาย ๆ คนก็คงทำคล้าย ๆ กัน แตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียด ลองมาดูว่าผมมีเทคนิคจัดแพลนเที่ยวอย่างไรบ้าง หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ ไม่ได้นับว่าตัวเองเป็นกูรูอะไรนะ แต่พอมีข้อมูลบ้างก็สามารถเอามาแบ่งปันช่วยเหลือเพื่อน ๆ นักเดินทางได้ครับ ร่วมพูดคุยแบ่งปันข้อมูลสอบถามเพิ่มเติมดูรูปสวย ๆ ตามสไตล์คนรักญี่ปุ่นกันได้ที่
https://www.facebook.com/Gonipponbydrjame
ถ้าให้เลือกสถานที่ไหนก็ได้ในโลกที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยว สถานที่นั้นจะเป็นที่ไหนครับ ? เชื่อว่ากว่าครึ่งของคนที่ได้อ่านโพสต์นี้อยู่คงตอบออกมาแบบไม่ลังเลว่า "ญี่ปุ่นสิ" แน่นอน จะมีอะไรในประเทศแสนสวยนี้ที่ไม่ทำให้เราหลงรักกันล่ะ...จริงไหม ?
ทั้งวัฒนธรรมที่ยาวนานหลายพันปี ทัศนียภาพธรรมชาติที่ชวนตกตะลึง อุปกรณ์ไฮเทค เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เราจะได้ยินกันล้วนมาจากญี่ปุ่น เมื่อจะไปเที่ยวญี่ปุ่นสิ่งที่ต้องทำอันดับแรก คือ ตั้งคำถามกับตัวเอง 3-4 ข้อ ไปดูกัน
Q1 : จะไปที่ไหน ???
A1 : คำตอบข้อนี้กางแผนที่ดูเลยครับ จิ้มเอาที่อยากไป ทำได้ตามจินตนาการเลยนะ จะเหนือล่องใต้ จากใต้ไปเหนือ ตะวันออกไปตะวันตก ทุกอย่างเป็นไปได้หมดครับ ขึ้นกับเวลาและการวางแผน เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดและอยากไป กางแผนที่ปักหมุดระบายสี แล้วเริ่มตามฝันกันเลย
Q2 : จะไปเมื่อไหร่ ???
A2 : ที่ที่อยากไปและช่วงเวลาที่จะไป เป็นสองคำถามที่ต้องตอบให้ลงตัวสอดคล้องกันไป เพราะแต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นในแต่ละฤดูมีความสวยงามแตกต่างกันครับ
***เที่ยวญี่ปุ่น 4 ฤดู
- ฤดูหนาว : เดือนธันวาคมถึงกลาง ๆ เดือนมีนาคม ใครชอบหิมะคงสะใจครับ ที่เที่ยวที่น่าสนใจ เช่น หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ หรือที่ฮอกไกโดมีงาน Snow Festival ช่วงเดือนกุมภาพันธ์
- ฤดูใบไม้ผลิ : กลางเดือนมีนาคมถึงต้น ๆ เดือนพฤษภาคม ซากุระผลิบานสดชื่นไปทุกที่ ควรเลือกมาให้ถูกเวลาเพราะแต่ละที่จะบานแค่ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วร่วงโรยไป บานจากทางตอนใต้ เช่น มิยาซากิ ฟูกุโอกะ ไล่มาทางเหนือ >>> เกียวโต โอซาก้า โตเกียว พีคที่สุดประมาณก่อนสงกรานต์ ที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น ปราสาทฮิเมจิ ปราสาทฮิโรซากิ และสวนชินจูกุ
- ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน อากาศสดใส ฟ้าใส แต่ร้อนทีเดียว แนะนำให้เที่ยวที่เกาะเหนืออย่างฮอกไกโด เป็นช่วงที่สวนดอกไม้ต่าง ๆ บานเต็มที่ กลางเดือนกรกฎาชมลาเวนเดอร์ที่ Furano
- ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคม หลากหลายสีสันของฤดูกาลแห่งการร่วงหล่นของใบเมเปิลและใบแปะก๊วย กลางตุลาคมเที่ยวได้ที่ Nikko เมืองมรดกโลก และในช่วงวันที่ 18-26 พฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุดที่คันไซ โอซาก้า เกียวโต จะไปที่ไหน เมื่อไหร่ ติดตามข้อมูลการพยากรณ์อากาศใบไม้เปลี่ยนสีหรือซากุระบานให้ดี ๆ นะครับ
Q3 : จะเริ่มทำแพลนอย่างไรดี ???
A3 : ช่วงนี้ผมกำลังทำแผนเดือนตุลาคม หลัก ๆ คือ ไปฮอกไกโดเพราะจะเริ่ม ๆ มีใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว อากาศก็จะเย็น ๆ เป็นอีกช่วงที่น่าเที่ยวครับ ใบไม้เปลี่ยนสีฮอกไกโดจะออกแนวป่า ๆ แนวสวนใหญ่ ๆ ทะเลสาบตามธรรมชาติมากกว่า แตกต่างจากในเกียวโตที่ใบไม้แดงจะเด่นตามวัดต่าง ๆ
เอาตัวอย่างการเขียนแพลน (ฉบับร่างที่ 1) มาให้ดูที่บอกว่าร่างที่ 1 คือกว่าจะสมบูรณ์ต้องผ่านการตัดต่อแต่งเติมอีกอย่างน้อย 2 รอบครับ
กูรูหลาย ๆ คนจะชอบให้ทำแพลนด้วย Excel ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คงสะดวกมั้ง แต่ส่วนตัวชอบขีด ๆ เขียน ๆ มากกว่าเลยจะเขียนลงกระดาษเอาครับ แล้วปรับ ๆ ไป ชอบแบบนี้ก็ตามแต่สไตล์นะ
ในฉบับร่างนี้จะเขียนแพลนของทุกเมืองตลอดทริป 10 วัน เอาไว้ เริ่มจากวันเดินทางไป-กลับ ปิดหัวท้าย และแต่ละวันจะไปเมืองไหนบ้าง พักที่ไหน เป็นต้น นี่คร่าว ๆ มาก ๆ ส่วนรายละเอียดว่าในแต่ละเมืองจะกินอะไร จะทำอะไร จะไปไหนบ้างนั้น ค่อยมาในร่าง 2 และ 3 ต่อไป ลองดูได้ครับ
***การจองโรงแรม : แนะนำ App โหลดมาใส่มือถือได้เลย เพื่อให้การจองโรงแรมไปเที่ยวญี่ปุ่นง่ายขึ้น ลงทะเบียนแล้วจองได้เลยครับ Manage Booking ทั้ง Trip ได้ง่าย ๆ ในที่เดียว
App : booking.com
ปกติเวลาจองโรงแรมในทริปญี่ปุ่น ผมจะเน้นจองที่ราคาไม่แพง ที่ไหนถูกได้ก็ถูกเลย เอาให้ปลอดภัย ใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวก ห้องพักสะอาดเป็นพอ เพราะปกติก็เที่ยว 7 โมงเช้ายัน 3-4 ทุ่มอยู่แล้ว โรงแรมแทบจะเอาไว้นอนอย่างเดียว แต่พอดีทริปตุลาคมนี้จะมีเพื่อนไปด้วยช่วงหนึ่ง เพื่อนขอโรงแรมสบาย ๆ หน่อย เลยจัดให้บ้างตามความเหมาะสม 5555 จะเห็นว่าราคาต่างกันเลยครับ โรงแรมบนที่ Jozankei เกือบ 30,000 เยน นี่ไปกับเพื่อน ส่วนโรงแรมล่าง 2,000 เยน นอนคนเดียว อึ้งกันนิดหนึ่งใช่ไหม โรงแรม 2,000 เยน ในโอซาก้าหาได้เหรอ ไม่ถึง 650 บาท ด้วยซ้ำ หาได้นะ ดีด้วย พักมา 5 ครั้งละ
สรุปคือให้เลือกจองโรงแรมตามแบบที่เราชอบนะ เน้นสะดวก สะอาด ปลอดภัย อ่านจากรีวิวเอา และดู Location ในเว็บทั่วไปให้ดูตรง Access ว่าการเดินทางลำบากมากน้อยแค่ไหน
Tip***ทางไปโรงแรม
ปกติเว็บไซต์ของโรงแรมจะบอกขั้นตอนการเดินทางค่อนข้างละเอียดมากครับ จากสนามบิน จากสถานีรถไฟใกล้เคียงต้องนั่งอะไร ต่ออะไร เดินอย่างไร จะอยู่ในหัวข้อ Location หรือ Access ในหน้าเว็บนะครับ
เพิ่มเติมนะครับ ถ้าติดต่อกับทางโรงแรมโดยอีเมลส่วนใหญ่จะตอบในไม่เกิน 48 ชั่วโมง ถ้าเช็กดูแล้วไม่มี ให้เข้าไปหาใน Junk Mail ดูด้วย อีกสิ่งคือถ้าไม่ตอบจริง ๆ โทรศัพท์ไปได้เลยครับ ส่วนใหญ่ถ้ามีเว็บภาษาอังกฤษเจ้าหน้าที่โรงแรมจะพูดอังกฤษได้นะ
Q4 : รายละเอียดอะไรควรมีในแพลนบ้าง???
A4 : หลังจากแพลนฉบับร่างที่ 1 ที่เคยให้ไป ที่จะมีแพลนทั้งทริปคร่าว ๆ ว่าไปเมืองไหนบ้าง แต่ละเมืองนอนที่ไหน คราวนี้ก็มาถึงฉบับร่างที่ 2 ที่ลงรายละเอียดการท่องเที่ยวการเดินทาง ร้านอาหารในแต่ละเมืองที่อยากจะไปกินไปเที่ยวครับ
สิ่งที่แนะนำว่าต้องมีในแพลนของเรา คือ
1. การเดินทางข้ามเมืองไปด้วยอะไร รถไฟ เครื่องบิน รถบัส เวลาออกกี่โมง ถึงกี่โมง (แนะนำเว็บไซต์ hyperdia.com)2. โรงแรมที่พักโรงแรมอะไร เดินทางไปโรงแรมอย่างไร (หาได้จากหัวข้อ Access/Location ในหน้าเว็บโรงแรมครับ)3. สถานที่น่าท่องเที่ยวในเมืองนั้นมีอะไรบ้าง เรียงลำดับให้ดี อย่าฉีกแบบเหนือใต้ออกตกวันเดียว เหนื่อยตาย (แนะนำ Japanguide.com พิมพ์ชื่อเมืองหาได้เลย และ Google ชื่อเมือง+Pantip ข้อมูลตรึม)4. ร้านอาหารที่น่าไปลอง จัดไปตามความอยากทานของแต่ละคน บางคนอยากกินร้านดัง บางคนกินอะไรก็ได้ แล้วแต่เลย วิธีหาร้านก็ทำแบบข้อ 3 ง่าย ๆ เอง เห็นไหมแค่นี้ก็จะได้แพลนแต่ละวันแล้วครับ ค่อยมาเกลาเป็น Final อีกที
****Tips : แนะนำเว็บไซต์ www.hyperdia.com ใช้ในการวางแผนการเดินทางนะครับ ลองเข้าไปดูกัน พิมพ์สถานีค้นทางปลายทาง วันที่ เวลาที่เราอยากไป แล้วผลการค้นหาจะออกมาให้ บอกหมดว่าขบวนไหน เวลาไหน ขึ้นที่ชานชาลาไหน ราคาเท่าไร เว็บนี้สำคัญมาก มีประโยชน์มากกับนักเดินทางญี่ปุ่นด้วยตัวเองนะ
ตัวอย่าง : JR Pass ครอบคลุมรถไฟที่จะเดินทางจาก Tokyo-Hakodate ในฮอกไกโดครับ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่แนะนำให้จองตั๋วไว้ล่วงหน้า เพราะมีโอกาสเต็มได้ ยืน 6 ชั่วโมง ไม่สนุกแน่ เมื่อค้นหาด้วย hyperdia.com ระยะเวลาจากโตเกียวถึงฮาโกะดาเตะด้วยรถไฟประมาณเกือบ 6 ชั่วโมง ขบวนแรก คือ Shinkansen Hayabusa จากโตเกียวแล้วต้องมาเปลี่ยนขบวนเป็น Super Hakucho ที่ Shin-Aomori ไปจอดที่ Hakodate ครับ
ป.ล. สังเกตราคาที่มุมซ้ายบนนะ เที่ยวเดียว 20,000 เยน เข้าไปแล้ว ราคา JR Pass 7 วัน ตอนนี้ราคาแค่ 29,110 เยน นะครับ คุ้มกว่าเห็น ๆ
****ว่าด้วยเรื่อง JR Pass
JR Pass เป็นบัตรผ่านสำหรับรถไฟ รถบัส เรือ ทุกอย่างของบริษัทขนส่งมวลชนที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น คือ บริษัท JR หรือ Japan Railways ครับ บัตรผ่านหมายความว่าเราใช้แค่ JR Pass (หน้าตาเหมือนในรูปขวาล่าง) ก็ผ่านเข้าช่องทางพิเศษของสถานีได้เลยโดยไม่ต้องซื้อตั๋วอีก ลองนึกภาพช่องพิเศษบน BTS ที่มียามยืนอยู่ แค่โชว์ JR Pass ก็เดินทะลุไปเลย ไม่ต้องไปเสียบบัตรที่เครื่อง เรามักเรียกกันว่า "บัตรเบ่ง" เพราะมีแล้วมันเท่จริง ๆ
JR Pass เป็น Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น เวลาซื้อต้องซื้อจากประเทศที่เราอยู่ โดยใช้พาสปอร์ตมีแบบ 7, 14, 21 วัน แบบ Green จะสามารถนั่งตู้ VIP ได้ กับแบบ Ordinary นั่งตู้ธรรมดาครับ (ตารางราคาภาพบน)
เมื่อซื้อผ่านเอเจนซี่ในไทยจะได้สิ่งที่เรียกว่า Exchange Order หน้าตาแบบในรูปซ้ายล่าง ซึ่งยังใช้ไม่ได้ ต้องเอาไปแลกเป็น Pass อีกทีที่ญี่ปุ่นจนได้ Pass หน้าตาแบบรูปทางขวามือ
ขั้นตอนการแลกง่ายดาย ที่สนามบินและสถานีรถไฟหลัก ๆ ใหญ่ ๆ จะมี Counter JR Ticket ก็เข้าไปแล้วเอา Exchange Order ไปแลกกับเจ้าหน้าที่ ใช้พาสปอร์ตและกรอกข้อมูลเล็กน้อย ถ้าอยากจองตั๋วล่วงหน้าก็จองได้เลยเผื่อใครกลัวจะไม่มีที่นั่ง เมื่อจองแล้วจะได้ตั๋วหน้าตาใบสีฟ้า ๆ แบบที่เห็นในรูปขวาครับ
โดยปกติขบวนรถไฟ Shinkansen หรือข้ามเมืองพวก Limited Express จะมีตู้ Reserve สำหรับคนที่จองตั๋ว และ Non Reserve สำหรับคนที่ไม่ได้จอง
JR pass นั่ง Shinkansen ได้เกือบทุกขบวนยกเว้น Nozomi ซึ่งเป็นขบวนที่เร็วที่สุด แต่ระยะเวลาไม่ต่างกันมากกับขบวน Hikari ที่เร็วลองลงมา อาจจะถึงที่หมายต่างกันสัก 20-30 นาที
***JR pass ใช้ไม่ได้กับรถไฟใต้ดินหรือ Subway คือ นอกจากบริษัท JR ที่เป็นเจ้าใหญ่ดูแลเรื่องรถไฟในญี่ปุ่น ก็จะมีบริษัทอื่น ๆ อีก เช่น Hankyu, Fujikyu เป็นต้น ซึ่งต้องซื้อตั๋วแยกต่างหาก
Q5 : จัดเก็บแพลนข้อมูลให้สวยงามและใช้สะดวกอย่างไร ???
A5 : เทคนิคการแพลนเที่ยวญี่ปุ่นร่างที่ 3
หลังจากใช้มือขีด ๆ เขียน ๆ กันมา 2 ร่าง พอถึงร่างที่ 3 ก่อนจะเป็นแพลนสมบูรณ์ ผมจะทำใน Word ครับ คือไม่ชอบ Excel เพราะชอบใส่ภาพลงไปใน Plan ด้วย ก็จะออกมาให้เห็นประมาณนี้ แพลนในแต่ละวัน จะไปที่ไหนบ้าง ใส่แผนที่โรงแรมลงไป แผนที่รถไฟแต่ละเมืองลงไป แล้วก็ส่งผ่านอีเมลเก็บไว้ในมือถือ และพริ้นท์ออกมาชุดหนึ่ง เอาไว้ขีด ๆ เขียน ๆ กามาร์กต่อไป
งานแพลนร้านอาหารหาของกินต้องมาครับ !!!
คือบางทริปจะไปแบบเจออะไรก็กิน ไม่ต้องวางแผน แต่บางทริปถ้าตั้งใจจะไปกินก็ต้องหาร้านไว้ล่วงหน้า ดูแผนที่บ้างอะไรบ้างจะได้จัดการถูก Plan ที่เห็นนี้เกือบสมบูรณ์ละครับ รายละเอียดเกือบครบละ เกลา ๆ อีกหน่อย มีทั้งหมด 16 หน้า A4 ใส่รูปใส่แผนที่อะไรลงไปให้สวยงาม บอกไว้แต่แรกแล้วนะส่วนตัวไม่ชอบ Excel ทำลง Word หลังเขียน ๆ เสร็จสนุกกว่า ทำเสร็จก็ส่งเข้าอีเมลเก็บไว้ในมือถือหรือแท็บเล็ตชุดหนึ่ง พริ้นท์ออกมาชุดหนึ่ง มาวง ๆ ขีด ๆ เขียน ๆ ได้
ร้านอาหารในแผ่นนี้เป็นร้านเด็ดร้านแนะนำใน Nagoya ครับ ขอบคุณข้อมูลจากกระทู้ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/12/E8697527/E8697527.html ครับ
เพิ่มเติมกระทู้ภาคต่อ แผนเที่ยวคันไซช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราคาไม่ถึง 30,000 บาท
http://pantip.com/topic/32612561
