x close

ทางชัน ไฟฝัน และผืนป่าดิบ เขาหลวง






ทางชัน ไฟฝัน และผืนป่าดิบ...เขาหลวง (อ.ส.ท.)

"Joungle Man"...เรื่อง
ยศวัฒน์ เกษมถิรกุล, ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์...ภาพ

           "เรามีฝันเหมือนกัน แต่ฝันเราไม่เหมือนกัน" การเดินทางก็เช่นกัน...ทุกคนรักการเดินทาง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบเดินเท้าไปยังดินแดนแสนไกล บางแห่งเราอาจจะเป็นรอยเท้าแรกที่ได้ไปเยือน ทว่าหลายครั้งเราเป็นเพียงหนึ่งในรอยความทรงจำบนดินแดนแห่งนั้น การเดินเท้าเข้าไปในผืนป่านอกจากจะได้เห็นความเป็นไปแห่งธรรมชาติ การพึ่งอาศัยของสรรพชีวิตแล้ว ยังได้เห็นหัวใจของเราเอง...ทุกย่างก้าวบนเนินชันที่เราผ่านขึ้นมาได้ เหมือนได้กลายความอหังการในหัวใจลงไปทุกครั้ง มันทำให้เราเล็กลง ทั้งยังได้เป็นหนึ่งเดียวกันผืนป่า แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาที...



ลมหัวสา

           ท้องฟ้าในวันนี้ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยม่านเมฆ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากลมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดพาความชื้นขึ้นมาจากฝั่งทะเลอันดามัน และขึ้นมาปะทะกับทิวเขาหลวงพอดิบพอดี ทำให้มีช่วงเวลาแห่งความชุ่มชื้นนานกว่าปกติ และเมื่อผ่านช่วงนี้ไปที่นี่ก็ได้รับน้ำฝนจากทางฝั่งตะวันออก คือ อ่าวไทยอีก นั่นจึงทำให้เขาหลวงกลายเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของภาคใต้ตอนบน ทั้งนครศรีธรรมราชและสุราษฏร์ธานี

           "ช่วงนี้ลมหัวสา ทีมงานทางเขาหลวงขึ้นสวนเก็บมังคุด พี่ขอเตรียมงานแล้วจะรีบแจ้ง" วาร์ เดอะเทร็ก ทีมงานมืออาชีพด้านการเดินป่าของเมืองไทยบอกกับผมในช่วงแรกที่ได้คุยกัน และทราบเป้าหมายในการทำงานคราวนี้ ถัดจากนั้น 1 อาทิตย์เราจึงกำหนดวันนัดหมายที่แน่นอนกับการเดินเท้า เช้าของวันนั้นอากาศครึ้ม ๆ สลับกับมีแสงลอดเมฆมาเป็นระยะ มองไปบนยอดเขาหลวงเมฆปกคลุมหนาแน่น

           "บ้านเราก็เป็นแบบนี้ ฝนตกง่าย ๆ ไม่ว่าฤดูไหนก็ตกทั้งนั้น ทำให้ป่าที่นี่มีความชื้นและเป็นต้นน้ำอย่างดี" ใครบางคนพูดให้ได้ยินก่อนที่จะยกสัมภาระขึ้นรถเพื่อไปยังจุดเริ่มเดินเท้า



           น้ำตกพรหมโลก วันนี้สายน้ำยังไม่เหือดหาย แผ่นหินสีเทาสะท้อนแสงยังคงดูเป็นเอกลักษณ์ ทางเล็ก ๆ แทรกอยู่ในผืนป่าพาเราขึ้นไปตามความชัน ความชื้นและอบอ้าวเรียกดอกเหงื่อให้ไหลออกมาอย่างกับอาบน้ำ ผ่านชั่วโมงแรกมาได้เราก็หยุดพักเพื่อถ่ายภาพดอกไม้ริมทางเดิน ก่อนจะทะลุผ่านสวนสมรมที่มีผลไม้อยู่หลายชนิด ทั้งทุเรียน มังคุด สะตอ และเงาะ กว่าจะเดินเท้าพ้นเขตสวนก็ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง

           ริมสายน้ำอันชุ่มเย็นที่ไหลลงมาจากยอดเขาพรหมโลก เราแวะพักกินอาหารกลางวันพร้อมด้วยกาแฟร้อนแบบสะดวกดื่ม นั่งพอหนังท้องคลายความตึงคณะจึงเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ลัดเลาะไปตามแนวป่าและสันเขา บางช่วงก็มีสายฝนโปรยลงมาบ้าง แต่ในช่วงป่าแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดราวป่าลงมาทำให้บรรยากาศสดใสขึ้นอีกมากมาย ราวบ่ายแก่ ๆ เราก็มาถึงจุดที่เรียกว่าน้ำรวบ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสายน้ำสองเส้นมารวมกัน เราตั้งแคมป์กันตรงนี้สำหรับคืนนี้ และก่อนจะค่ำเราก็ได้รับรู้ถึง "ลมหัวสา" เพราะผืนป่าโยกไกวพร้อมกันและมีลมพัดอย่างแรงร่วมกับเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมา

           "ลมหัวสาหรือลมแรกของปีที่พัดเข้าเขาหลวง ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดมาจากทะเลอันดามัน ที่จะมาในช่วงก่อนเข้าพรรษาของทุกปี คนรอบ ๆ เขาหลวงไม่ค่อยอยากขึ้นป่ากันเพราะลมและฝนแรงกิ่งไม้ใหญ่ ๆ หักเยอะ น่ากลัว" พี่ปลา สุธีรภัทร ประภากรสกุล นักเขียนและช่างภาพผู้คว่ำหวอดในวงการเดินป่ามากว่า 2 ทศวรรษ และมาร่วมรำลึกการเดินทางบนเขาหลวงครั้งนี้ อธิบายให้กับพวกเราฟังเมื่อลมสงบลงในช่วงค่อนดึก



ฝ่าความชันในหัวใจ

           เช้าตรู่ของวันใหม่ท่ามกลางผืนป่าใหญ่ อากาศชุ่มชื้นเย็นสบาย เมื่อแสงแรกของวันสาดลงมา ผืนป่าดูสดชื่นอีกครั้ง กลิ่นหอมของข้าวในหม้อสนามที่กำลังเดือดบนเตาฟืน ผสมกับกลิ่นของกาแฟในแก้วช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก รอยยิ้มของเพื่อนร่วมทางและคำพูดสั้น ๆ แบบไม่ต้องประดิดประดอยทำให้ชีวิตดูเรียบง่าย

           มื้อเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมไปตักน้ำใสริมลำธารดื่มจนรู้สึกว่าอิ่ม จากนั้นเดินไปเก็บอุปกรณ์การนอน ทั้งฟลายชีท เปล ถุงนอน ใส่ไว้ในถุงพลาสติกกันน้ำก่อนจะเอาใส่เป้หลัง ทีมช่างภาพเดินเก็บภาพมุมต่าง ๆ เอาไว้อ่างไม่เร่งรีบ แม้ว่าจะเป็นงานแรกในผืนป่าอันหนักหน่วง แต่เชื่อว่าอีกหลายวันเบื้องหน้าจะทำให้เราได้เห็นมุมมองดี ๆ ของคนรุ่นใหม่



           ไม่นานนักทุกคนก็แบกเป้พร้อมเดินเท้า 3 ชั่วโมงแรกของการเดินค่อนข้างหนักหน่วง เสียงของหัวใจเต้นดังเหมือนจะหลุดออกมานอกร่างกาย ทุกย่างก้าวต้องใช้กำลังทั้งชีวิต ผมคิดเสมอว่าทุกครั้งที่ก้าวไปข้างหน้าจุดหมายก็ลดลงเช่นกัน บางความหมายของระหว่างการเดินฝ่าความชันมันไม่ใช่แค่ก้าวขาไปข้างหน้า แต่เราพยายามอย่างยิ่งที่จะต่อสู้กับตัวเอง เอาชนะความอ่อนแอในหัวใจที่ร่ำร้องให้หยุดเดิน ทว่าในเวลานี้เช่นกันที่ผมรู้สึกว่าเราช่างเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ในธรรมชาติเท่านั้นเอง และในเสี้ยววินาทีที่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ความอหังการในตัวตนก็ลดลงอย่างหมดสิ้น เดินอย่างช้า ๆ มองไปรอบตัว เก็บภาพความทรงจำ บันทึกความรู้สึกเอาไว้อย่างครบถ้วน



           กล้วยไม้ดินขนาดเล็กกำลังแทงช่อขึ้นมาภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ฝูงทากกระหายเลือดรอไต่ขึ้นมาบนร่างกายเราในยามที่เดินผ่าน นกป่าหลากชนิดบินเริงร่าเข้ามาใกล้ ๆ จิกกินแมลงและหนอนบนเปลือกไม้อย่างสบายใจ เหมือนกับไม่รู้จักว่าสิ่งมีชีวิตที่เดินสองเท้าแบกกระเป๋าใบใหญ่เหล่านี้มีอันตราย เราหยุดตั้งแคมป์เมื่อเวลาล่วงไปราว 5 โมงเย็น จุดพักแรมห่างจากแหล่งน้ำอีกไกลพอควร ทุกย่างก้าวที่ฝ่าผ่านทางความชันขึ้นมาได้ มันเหมือนกับเราได้แข่งกับตัวเอง ได้ชนะตัวเอง แม้เพียงแค่ทีละก้าว...แต่มันก็มากพอให้เราไปถึงจุดหมายในแต่ละวัน

           ค่ำนี้เราเติมพลังกันด้วยปลาอินทรีเค็มทอดโรยพริกสด หอมแดง และน้ำมะนาว ส่งกลิ่นหอมไปทั่วราวป่า กินกับแกงส้มผักกาดดอง ไข่เจียวหอม ๆ เรียกว่าข้าวสวยหลายหม้อสนามหมดไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อน มีฟักทองเชื่อมให้กินเสริมพลังกันอีกนิด คืนนี้ลมพัดไม่แรงนัก ฝนไม่ตก นอนสบาย ๆ บนเปลและหลับไปก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่ออากาศเย็นลง เวลาบนหน้าปัดดิจิทัลบอกตี 2 ผมกระชับถุงนอนและหลับไปอีกครั้งในเวลาไม่นาน



ไฟฝันบนวันหนัก

           เช้าวันใหม่อากาศดี กลิ่นของควันไฟอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ผมลงจากเปลไปรวมกับชาวคณะ ที่ตอนนี้น้ำร้อนบนเตาฟืนเพิ่งเดือด กาแฟแบบพร้อมดื่ม 2 ซอง ใส่ลงแก้วใบเดียว กลิ่นเมื่อโดนน้ำร้อนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผมนั่งดื่มริมกองไฟที่ตอนนี้เป็นถ่านเบา ๆ ความอบอุ่นขับกล่อมให้วันเริ่มสดใส และไม่นานนักเราก็ช่วยกันใส่ไฟเพื่อเพิ่มความคุโชนช่วยหุบข้าวที่แขวนบนราวเหนือฟอนฟืน

           พี่บ่าว พรหมโลก มือนำทางระดับเซียนแห่งเทือกเขาหลวง ยกเป้ขึ้นไหล่และเดินไปบนทางชันหลังแคมป์พัก ผมมองตามก่อนจะเดินไล่หลังไปไม่ห่างนัก เส้นทางช่วงนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าเมื่อวานค่อนข้างเยอะ ทุกย่างก้าวเรียกเหงื่อและเสียงหัวใจให้ดังสั่นในโสตประสาท กว่าจะผ่านมาได้แต่ละก้าวนอกจากเต็มไปด้วยกำลังใจ กำลังกายแล้ว ไฟฝันในหัวใจที่ยังคุโชนก็พาเราไปได้ย่างดี ทุกครั้งของการได้เดินเท้าไปในเส้นทางใหม่ ๆ บนเทือกเขาหลวง ผมมักจะได้รับโอกาสดี ๆ จากธรรมชาติเสมอ แม้ในนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบากของชีวิต



           3 ชั่วโมงแรกผ่านไปอย่างหนักหน่วงมาก แนวของสันเขาลาดชันเกิน 60 องศา บางช่วงต้องใช้เกียร์โฟร์วีลเพราะต้องใช้เท้าถีบและมือดึงขึ้นไป ผมเชื่อว่าคนที่รักการเดินป่าต้องมีอะไรหลายอย่างในจิตใจ บ้างก็ต้องการความท้าทายในชีวิต บ้างต้องการเอาชนะตัวเอง และไม่น้อยต้องการที่จะพบกับความงดงามของผืนป่า พวกเราก็เช่นกัน นอกเหนือจากการเข้ามาเก็บข้อมูล บันทึกภาพ ศึกษาธรรมชาติ และทุกเรื่องที่กล่าวมาแล้ว ผมคงไม่กล้าที่จะบอกว่าเราก็เป็นคนรักธรรมชาติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเลย

           กล้วยไม้หลายชนิดถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องดิจิทัล แม้ว่าชนิดเหล่านั้นส่วนใหญ่ผมเคยเจอมาแล้วในช่วงการเดินเท้าบนเทือกภูแห่งนี้ การจะอดใจหรือมองข้ามไปคงเป็นไปไม่ได้ ในที่สุดเราก็มาถึง "สันรวบ" รอยต่อของสันเขาจากลูกต่าง ๆ มาชนกันบริเวณนี้ ซึ่งทั่วบริเวณเต็มไปด้วยกล้วยไม้รองเท้านารีคางกบ ที่ปัจจุบันหายากอย่างยิ่งในธรรมชาติ



           "เราเอาเป้และสัมภาระวางไว้ที่นี่ เอาแค่กล้องกับน้ำดื่มไปก็พอ ระยะทางไม่ไกล" พี่วาร์กล่าวกับพวกเราก่อนเดินนำหน้าไปดูซากเครื่องบินของกองทัพอากาศที่ทิ้งไว้ในใจกลางผืนป่าแห่งนี้ ผมคงไม่นำมาพูดให้มากความไปกว่าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแผ่นดิน เพราะจุดหมายของการเดินเท้าทริปนี้ผมวางหัวใจไว้ให้กับการศึกษาพรรณไม้ กล้วยไม้ เพราะสภาพต่าง ๆ ในธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป แต่เรื่องราวบนนี้จะเปลี่ยนไปแค่ไหน เป็นสิ่งที่ชวนติดตามยิ่ง...



           4 ชั่วโมงหลังของวันนี้ นับได้ว่าเป็นความหนักหน่วงของชีวิตที่ผ่านมาเลยทีเดียว เพราะไม่มีน้ำดื่มให้เราได้แก้กระหาย จุดหมายที่คาดว่าจะเจอสบน้ำก็ยังเป็นเพียงก้อนหินแห้ง ๆ ร่างกายของคณะเริ่มทรุดโทรมลง จนในที่สุดทีมเดอะเทร็กก็ตัดสินใจวางเป้และดิ่งลงไปหาน้ำในหุบเบื้องล่าง เพื่อให้กำลังของแต่ละคนฟื้นขึ้นมาและไปถึงยังปลายทางของวันนี้ ที่ยังไม่ได้วางลงไปให้แน่ชัดว่าตรงไหน...ผมเชื่อว่าตลอดเวลาแห่งความหนักหน่วงนี้ หากพวกเราขาดแรงใจ แรงกาย และไฟฝันอันคุโชน อาจจะผ่านความลำบากในยามนี้ไปได้ยากยิ่ง ขอบคุณมิตรภาพและไมตรีจากคณะผู้ร่วมทางจริง ๆ ที่ทำให้เราก้าวไปบนหนทางนี้ได้อย่างงดงาม



หลังคาแห่งป่าดิบชื้น


           ปลายทางของวันนี้อยู่ตรงไหนไม่มีใครรู้ แต่สุดท้ายพวกเรามายืนอยู่บนยอดสูงของภาคใต้ ที่ความสูง 1,835 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ผมขอให้ทุกคนมาร่วมกันบันทึกภาพเพื่อเป็นที่ระลึกในวันที่เหนื่อยล้า และเป็นการเดินขึ้นที่ใช้เวลานานที่สุดเท่าที่เคยเดินขึ้นเขาหลวง บางความหมายในยามนี้มันช่างพิเศษเหลือเกิน แต่บนจุดสูงสุดในปัจจุบันก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน พอหายเหนื่อยทุกคนต่างแยกย้ายไปจัดการที่นอน สร้างแคมป์กลางเพื่อทำอาหาร และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในช่วงค่ำคืน...


           แคมป์พักแรมบนยอดสูงสุดได้รับการปกป้องอย่างดี เพราะเรารู้ดีว่าคืนนี้อาจจะแย่ได้หากไม่ได้บังลมและคุลมไว้ดีพอ เมื่อจัดการภารกิจส่วนตัวเสร็จไม่นาน กลิ่นของกับข้าวโชยเข้ามาเบา ๆ ข้าวเย็นมื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ เพราะความอ่อนล้าจากเส้นทางที่ผ่านมาและไม่ได้เสริมกำลังจากช่วงกลางวัน เลยมาบวกมื้อนี้แบบจัดเต็ม อาหารดี ข้าวสุก ๆ ดิบ ๆ แต่ความอิ่มเกินบรรยาย นั่งกันพอข้าวย่อยก็จัดโอวัลตินและกาแฟให้อุ่นท้อง ก่อนที่ตั้งวงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ บทเพลง คละเคล้าเสียงหัวเราะสลับไปมา ท่ามกลางสายลมหวีดหวิวและน้ำค้างที่หยดลงมาคล้ายกับหยาดฝนพรำ

           บางความหมายของมิตรภาพแท้จริงอาจเริ่มต้นด้วยคำพูดง่าย ๆ ไม่กี่คำ อันจะบอกเล่าให้เราได้ก้าวข้ามอัตตาแห่งตนไปยังเพื่อนใหม่ ที่แม้จะเป็นเพียงครั้งแรกที่ได้ร่วมทาง แต่อบอุ่นเกินกว่าจะบอกเล่า...



           หลังคาแห่งป่าดิบชื้นผืนนี้กำลังถูกบุกรุกอย่างหนัก ในพื้นที่รอบ ๆ จะเห็นว่ามีแต่สวนยางและสวนผลไม้ ส่วนผืนป่าแท้ ๆ ค่อย ๆ หายไป อนาคตเรายังไม่รู้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อป่าโดนทำลาย แม้จะเป็นเพียงปีละเล็กปีละน้อยก็ตาม ทว่านั่นก็เป็นเสมือนมะเร็งร้ายที่เข้าครอบงำเขาหลวงแห่งนี้

           "เขาบางยอดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แต่บางแห่งก็เปลี่ยนจนจำแทบไม่ได้ ความหวังของเราก็ทำได้เพียงเฝ้าดูผืนป่าแห่งนี้ถูกรุกรานด้วยสายตาของผู้มาเยือน ชาวบ้านเองก็พยายามที่จะรักษาป่าแห่งนี้เอาไว้ แต่ก็รุกพื้นที่ไปพร้อม ๆ กันด้วย หลายอย่างเราคงไม่กล้าตัดสินว่าผิดหรือถูก ดีหรือเลว มันขึ้นอยู่กับบริบทของเวลานั้น ๆ" ใครบางคนกล่าวขึ้นมาในวงสนทนาถึงความจริงที่เห็นและเป็นไปในยามนี้ของเขาหลวง...

           คืนนี้พวกเรานอนหลับไปพร้อมกับลมหัวสาที่พัดกระหน่ำยอดเขาหลวงอย่างไม่ปราณี ต้นไม้ไหวเอน เปลที่ผูกกับต้นไม้เล็ก ๆ แทบเอาไม่อยู่ ความเป็นไปของธรรมชาติแต่ละฤดูแตกต่างกัน เราไม่ได้หวังจะเอาชนะธรรมชาติ แต่เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรให้สมดุล...



กล้วยไม้ไพร

           เช้าวันใหม่เราเดินต่อไปยังเส้นทางเดินเล็ก ๆ ที่ทอดไปด้านหลังของยอดพันแปด ผืนป่าบนสันเขาเล็ก ๆ แห่งนี้ทำเอาผมต้องตื้นตันใจด้วยว่าพื้นป่าเต็มไปด้วยความชื้น มอสขึ้นปกคลุมบนก้อนหิน รากไม้ และแทบทุกส่วนของต้นไม้ ดูงดงามและอิ่มเอมใจอย่างยิ่ง ยังมีหลายส่วนของเทือกเขาหลวงยังคงเป็นบ้านที่อุดมสมบูรณ์ของสรรพชีวิตทั้งพืชและสัตว์ป่า ที่สำคัญคนรักธรรมชาติต่างรู้ดีว่าบนเทือกภูแห่งนี้เป็นแหล่งกล้วยไม้ป่าสำคัญที่มีความหลากหลายอย่างยิ่ง นับเพียงแค่พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกก็ไม่น้อยแล้ว และสองชนิดล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการ ได้แก่ เอื้องคีรีวง (Didymopiexiopsis Khiriwongensis) และสิงโตอาจารย์เต็ม (Bulbophyllum Smitinandii) ทั้งคู่ได้รับการค้นพบโดยนักพฤกษศาสตร์และนักเขียนมือเยี่ยม ซึ่งได้ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพรรณไม้และธรรมชาติให้ชาวอนุสาร อ.ส.ท. มาอย่างสม่ำเสมอ และผมเชื่อว่าทุกคนจำ คุณชนินทร์ โถรัตน์ ได้เป็นอย่างดีจากงานเขียนที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยความรู้ เข้าใจง่าย



           สำหรับเอื้องคีรีวงนับเป็นกล้วยไม้ที่ต้องเรียกว่าพิศวง เนื่องจากในแต่ละปีจะมีช่วงจังหวะโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินและผลิดอกเพียงไม่นาน โดยดอกบานเพียงวันเดียวเท่านั้น ใครได้มีโอกาสเจอก็นับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่ง สิงโตอาจารย์เต็มก็ยังคงผลิดอกงดงามอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถพบได้แทบทุกยอดของเขาหลวง และในการเดินครั้งนี้ยังได้พบกับ พญาสิงโต (Bulbophyllum Polystictum) กล้วยไม้ในกลุ่มสิงโตสยามที่มีขนาดใหญ่และให้สีสวยงามอ่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีชนิดเด่น ๆ ของสกุลสิงโตกลอกตาอีกหลายชนิด



           ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาในการเดินทางมาเยือนเขาหลวง ผมมีโอกาสเจอกล้วยไม้หายากและกล้วยไม้เฉพาะถิ่นเป็นจำนวนหลายสิบชนิด พรรณไม้แปลกตามากมาย หลายชนิดเป็นรายงานของประเทศไทย กระนั้นเทือกเขาหลวงแห่งนครศรีธรรมราชยังคงเป็นดินแดนที่มีความน่าสนใจอยู่เสมอสำหรับคนที่รักธรรมชาติ แม้ว่าเรื่องราวของที่นี่จะได้รับการเขียนถึงมาหลายสิบหลายร้อยครั้งในหลากหลายแง่มุม แต่ช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปก็ทำให้เราได้เห็นเรื่องราวมากขึ้นด้วย การนำเสนอของนักเขียน ช่างภาพ ผู้ผ่านทาง หรือนักสำรวจธรรมชาติต่างนำสิ่งที่ยอดเยี่ยมของหัวใจลงไปให้เราได้ประทับใจกันเสมอ และยิ่งได้มาเจอด้วยตัวเองแบบนี้ ทำให้เขาหลวงนอกจากจะเป็นที่สุดแห่งหลังคาป่าเมืองได้แล้ว ยังเป็นที่สุดของป่าฝนเขตร้อนของเมืองไทยเลยทีเดียว



ปลายทางแห่งจุดหมาย

           เม็ดเหงื่อไหลลงมาตามใบหน้าคล้ายอาบน้ำ ลมหายใจถี่ เสียงหัวใจเต้นรัว ยามที่เรามุ่งหน้าฝ่าเนินชันขึ้นไป โลกของธรรมชาติยังคงงดงามเหลือเกิน จะมีกันแต่เพียงร่องรอยของสัตว์ป่าผ่านไปมา กับร่องรอยของคนเพียงไม่มากนัก วันนี้ยังคงหนักเกินไปสำหรับร่างกายและเวลาที่เหลืออยู่



           "หากเราต้องเปลี่ยนแผนตัดลงไปหาคีรีวง โดยไปไม่ถึงเขากล้วยไม้ตามที่วางแผนไว้ จะเป็นอะไรไหมน้อง" วาร์ เดอะเทร็ก เอ่ยปากกับผมเมื่อวางเป้อันหนักอึ้งพิงไว้กับโคนต้นไม้

           "ไม่มีปัญหาครับ ปลายทางของเรายังเป็นเรื่องราวที่ชวนติดตามต่อไป ผมเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้ เพราะทุกคนเหนื่อยล้าอย่างหนักและเส้นทางก็โหดมาก พรุ่งนี้บ่ายหน้าลงได้เลยครับ" ผมตอบด้วยรอยยิ้มก่อนยกน้ำที่ตักขึ้นมาจากหุบลึกเบื้องล่างขึ้นมาดื่ม

           "จุดหมายไม่ใช่ปลายทางเสมอไป และปลายทางก็ไม่ใช่จุดหมายเสมอไปเช่นกัน" ตลอดหลายวันบนความยากลำบากและเหนื่อยล้า ผมได้เห็นความตั้งใจความมุ่งมั่นใจของคณะเดินป่าทุกคนที่พยายามไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ ทว่าตอนนี้เราตกลงแล้วว่าสิ่งนั้นจะยังมาไม่ถึง เพราะข้อจำกัดต่าง ๆ ความหมายของเรื่องราวระหว่างทางก็มีมากมาย บทสรุปจากการเดินทางสู่ผืนป่าเขาหลวงในครั้งนี้...ผมได้พบกับความงดงามของผืนป่า ได้เห็นดอกไม้งาม ได้เจอผืนป่าดิบ ได้พบกับฝูงทาก ได้รอยแผลเล็ก ๆ จากเห็บป่า ได้มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทาง และที่สำคัญสุดผมได้พบกับตัวตนและหัวใจของผมเอง...หัวใจที่หยาบกระด้าง ซึ่งต้องการความละมุนงามของผืนป่าช่วยทำให้ความหยาบนั้นลดลง...หวังว่าในเบื้องหน้าผืนป่าจะทำให้มันอ่อนโยนลงเรื่อย ๆ ยามที่ได้เข้าไปสัมผัสและออกมา...



           ในช่วงเดินเท้าลงจากความสูงเสียดเมฆ ใครบางคนถามผมถึงความคาดหวังกับการมาทำงานในผืนป่าว่าเป็นอย่างไร ผมตอบแบบที่เคยตอบเสมอว่า “แบกเป้ขึ้นหลัง ความคาดหวังมันก็ตามมาด้วยเสมอ อยากให้อากาศดี ท้องฟ้าสดใส เจอดอกไม้เยอะ ๆ ทะเลหมอกเนียน ๆ แสงเช้าแสงเย็น ๆ หวาน ๆ ทว่าพอเราเริ่มก้าวเท้าเข้าสู่ผืนป่าและสันดอยแล้ว ความคาดหวังค่อย ๆ ลดลง เนื่องว่าประสบการณที่มีจะช่วยปลดภาระนั้นลงได้พอสมควร ทำให้หัวใจซึมซับสิ่งที่เห็นได้มากขึ้น เรียกว่าคาดหวังก็เหมือนไม่คาดหวัง เหมือนกับยอมรับเงื่อนไขในการเดินป่ามากกว่า ไม่มีสิ่งใดกำหนดได้ในธรรมชาติ แม้แต่หัวใจของเราเองยังให้มันเต้นช้า ๆ ไม่ได้เลย ยามที่ฝ่าเนินชันหรือได้พบความงามแห่งผืนป่า”


ปลายทางแห่งภูเขา

           สายหมอกหนาเข้าห่มคลุมผืนป่าโบราณ สายลมโยกไกวอย่างหนักหน่วงอากาศหนาวลงทุกนาที มอสเล็ก ๆ เกาะอยู่บนต้นไม้และคาคบดูชุ่มฉ่ำจากความชื้นในอากาศ เรามองเห็นอะไรบ้างกับทุกย่างก้าวที่ผ่านมา กับทุกช่วงเวลาที่ได้สัมผัสหลายครั้งที่ได้มีโอกาสยืนนิ่ง ๆ ฟังเสียงของภูเขากระซิบ ฟังสายลมและต้นไม้พูดคุยกัน เราได้อะไร...ความรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ในบนภูเขา เห็นการตื่นขึ้นของผืนป่า รับรู้บางเสี้ยวเวลา ทำให้ผมเมรู้ว่าธรรมชาตินั้นมีหลายอารมณ์ซึ่งคาดเดาไม่ได้เลย ทั้งเคลื่อนไหว ทั้งนิ่งเงียบ ทั้งสงบ เหตุผลรวม ไ แบบนี้แหละที่ทำให้ผมหลงรักการเดินป่า อีกอย่างที่ผมรู้สึกว่าภูเขามีมนตร์เสน่ห์ แต่ต้องอยู่แบบงามภูเขา คือให้มองจากที่ไกล ๆ อย่างที่แม่บอกว่า “ภูเขานั้นงามเพราะมันนิ่ง” ทว่าผมอาจจะไม่เชื่อแม่เพราะมักเดินขึ้นไปบนภูเขาเป็นประจำ เนื่องจากผมเชื่อว่าในความนิ่งนั้นมีบางอย่างให้ผมได้ค้นหา...โดยเฉพาะหัวใจของผมเอง...



ขอขอบคุณ

          สุธีรภัทร ประภากรสกุล, บ่าว พรหมโลก, วีรวาร์ สุขรินทร์, สุรศักดิ์ ดําดี, ธนิต แซงชัยภูมิ, ทิษฏยา อิงพงษ์พันธ์, อภิชยา ทองด้วง และป้าแต๋ว

คู่มือนักเดินทาง



การเดินทาง

           รถยนต์ส่วนตัว : ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) สายล่องใต้ผ่านจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร แล้วเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหายเลข 41 จนกระทั่งถึงจังหวัดสุราษฏร์ธานีให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 401 ซึ่งจะเลาะเลียบทะเลฝั่งอ่าวไทย เข้าเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านอำเภอขนอม อำเภอสิชล จนถึงอำเภอท่าศาลา แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหวงหมายเลข 4140 จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่แยกบ้านนาเหรง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4016 มุ่งสู่อำเภอพรหมคีรี ผ่านบ้านดอนคาและเลี้ยวขวาที่บ้านอ้ายเขียว ประมาณ 3 กิโลเมตร ก็ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาหลวง น้ำตกอ้ายเขียว

           รถประจำทาง : จากสถานีขนส่งสายใต้ มีให้เลือกหลายบริษัท เช่น บริษัท ศรีสุเทพทัวร์ 2546 จำกัด โทรศัพท์ 0 2885 7981-2, 0 2894 6166-8, บริษัท นครศรีราชาทัวร์ จำกัด โทรศัพท์ 0 2433 0722 และบริษัท นครศรีร่มเย็นทัวร์ จำกัด โทรศัพท์ 0 2885 9608, 0 2894 6220

           รถไฟ : การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ทุกวัน ซึ่งมีขบวนรถด่วนและรถเร็ว สามารถสอบถามได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 0 2220 4444 เว็บไซต์ railway.co.th

           เครื่องบิน : มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดนครศรีธรรมราชให้เลือกหลายเที่ยวบิน โดยสามารถสอบถามและจองตั๋วได้ที่ สายการบินนกแอร์ โทรศัพท์ 1318, 0 2900 9955 เว็บไซต์ nokair.com หรือสายการบินแอร์เอเชีย โทรศัพท์ 0 2515 9999 เว็บไซต์ airasia.com

ติดต่อเดินป่าบนเทือกเขาหลวง

           อุทยานแห่งชาติเขาหลวง หมู่ที่ 4 ตำบลเขาแก้ว อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช 81320 โทรศัพท์ 0 7530 9010

           วาร์ เดอะเทร็ก รับจัดการเรื่องเดินป่าทั่วประเทศไทย โทรศัพท์ 08 5249 1915 เว็บไซต์ www.facebook.com/Thetrekman





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ปีที่ 55 ฉบับที่ 1 สิงหาคม 2557






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทางชัน ไฟฝัน และผืนป่าดิบ เขาหลวง อัปเดตล่าสุด 18 มีนาคม 2567 เวลา 18:23:04 6,015 อ่าน
TOP